เบื่อความดราม่าของเหล่าผู้หญิงในออฟฟิศเสียจริง แสดงกันได้รางวัลกันทุกคนเลย
1 อาทิตย์แล้วสินะที่ยังไม่ได้อัพอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่บอกตัวเองให้อัพอาทิตย์ละครั้ง จริง ๆ มันก็มีเรื่องให้อัพอ่ะแหละ โดยเฉพาะหนังสือหลายเล่มที่ได้อ่านแล้วก็โน้ต ๆ เอาไว้ว่าจะเขียน แต่ยังไม่มีเวลา มีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ แล้วก็ยังทำไม่เสร็จซะที ไม่ใช่เรื่องงานที่ทำปัจจุบันด้วย แต่เป็นเรื่องสมัครงานใหม่ แฮ่
พอดีว่าจะสมัคร UN แล้วเค้าให้กรอกออนไลน์ ซึ่งต้องกรอกเยอะมาก แล้วด้วยเนื้องานมันเหมือนที่เราทำตอนนี้เลย แล้วศัพท์ job description เค้าหรูมาก เลยต้องไปหาศัพท์ที่มันหรูเหมือนกันมากรอกบ้างว่าเราทำอะไร แล้วมันต้องหรูแล้วไม่ให้ซ้ำกับเค้าเนี่ยแหละปัญหาทั้ง ๆ ที่ทำเหมือนกัน ฮา ๆ แล้วให้กรอกถึง 2500 ตัวอักษรแน่ะ
ไหนจะต้องมี key achievement อีก งานออฟฟิศรูทีนมันจะมี achievement อะไรหว่า ให้มากรอกถึง 3700 characters แน่ะ จะกรอกอะไรดีว้า ไม่กรอกก็ไม่ได้ แถมจะกรอกก็ควรจะเป็นศัพท์หรูอีก มันจะได้ดูมี power กะว่าจะกรอกว่าเปลี่ยนงานมา 3 ที่พอ ที่เหลือตัดทิ้ง เพราะต้องมานั่งกรอก job description and key achievement ทุกงานอย่างละเอียดเลย
วัน ๆ นึงเลยได้วันละนิดวันละหน่อย จริง ๆ ถ้าศัพท์บ้าน ๆ ทำวันเดียวทั้งวันก็เสร็จแหละ แต่นี่ต้องมาแต่งประโยคด้วยศัพท์ที่มันหรูหราเลยเสร็จช้า ไหนจะงานประจำอีก อยู่บ้านก็ไม่อยากมานั่งทำแล้ว เพราะอย่างที่บอก ปวดสะโพก นั่งออฟฟิศมาทั้งวันแล้ว กลับบ้านก็ไม่นั่งแล้ว ทำมันที่ออฟฟิศนั่นแหละ ฮา ๆ
นี่เรายังแบเบาะมากเลยนะในการเอาเวลางานมานั่งแต่งศัพท์สมัครงานเนี่ย (แอบรู้สึกผิดเหมือนกัน) เจอพวกอยู่นาน ๆ ใช้เวลางานไปกับเรื่องส่วนตัวอะไรบ้าง รู้แล้วจะหนาว แต่ละไว้ในฐานที่เข้าใจ เพราะงานมันสบาย แต่เรายอมที่จะออกไปลำบากดีกว่า ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลนึงของการที่เราอยากออก เพราะเราไม่อยากกลายพันธุ์เป็นเหมือนเค้า เรายังโสด ลำบากหน่อย ไม่เป็นไรหรอก (แล้วสุดท้ายอยากกลับมาสบาย เค้าก็คงไม่รับกลับมาแล้วนะ ฮา ๆ )
หลังจากทำวันนิดละหน่อยจนเสร็จ เจอให้กรอก cover letter หน้าต่างหากอีก ฮ่วย จะเยอะและยากไปไหน ไอ้ 2 ช่องที่นั่งกรอกไม่พอเร๊อะ แล้วแถมเค้าไม่ให้เขียนซ้ำกับไอ้สองช่องข้างบนอีก นั่งแต่งอีก 2 วัน จะบ้าตาย กว่าจะเสร็จล่อไปเกือบ 2 อาทิตย์ เครียดมาก อยากให้มันเสร็จแล้วก็ส่ง ๆ ไป แต่มันไม่เสร็จซะที 2 อาทิตย์มานี่ สิวขึ้นเต็มหน้าเลย คือจะพยายามไม่เครียดนะ เพราะเค้ามีเวลาให้กรอกเป็นเดือน แต่ก็อยากให้เสร็จ ๆ จบ ๆ ไปซะที ไม่อยากให้ค้างคา แต่ก็ไม่อยากส่งแบบชุ่ย ๆ เพราะว่าอยากได้งานนี้มาก
อยากเปลี่ยนงานแล้ว ยิ่งอยู่ไป ออฟฟิศนี้ยิ่งดราม่าขึ้นเรื่อย ๆ ผู้หญิงเยอะก็เงี้ย เป็นตัวของตัวเอง เพราะคิดว่าจะอยู่กันนานจนเกษียณ แล้วก็คงไม่มีใครอยากออก มีแต่คนอยากเข้าออฟฟิศเราเพราะคนข้างนอกรู้ว่างานมันสบาย รายได้ค่อนข้างดี เวลาเลิกงานปุ๊บ ออฟฟิศร้างนะจ๊ะ ทุกคนกลับบ้านตรงเวลาเป๊ง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะมันทำให้เราสามารถจัดการเวลาที่เหลือหลังเลิกงานได้
ออฟฟิศเรามีตำแหน่งว่างด้วย 3 เหตุผลเท่านั้น คือ เกษียณ เพิ่มตำแหน่ง แล้วก็คนลาออกตามสามีไปอยู่เมืองนอก ถามว่าเข้ายากมั้ย เข้ายากนะ แต่พอเข้ามาก็สบ๊าย สบาย ซึ่งเราคิดว่าพวกออฟฟิศเข้ายากเนี่ย เข้าไปไม่ได้เอาความสามารถจากการเข้ายากมาใช้เล้ย
ออฟฟิศเหล่านี้ก็จะเต็มไปด้วย สาวแก่ขี้เม้า ขี้จับผิด อยู่มานาน รู้ทุกเรื่อง ชั้นจะไม่เปลี่ยน เธอมาใหม่ เธอนั่นแหละต้องเปลี่ยน กลุ่มโน้น ไม่ถูกกับกลุ่มนี้ตั้งแต่มีเรื่องผิดใจกันเมื่อ 10 ปีที่แล้ว อะไรประมาณนี้ บางคนเข้ามาอยู่กลุ่มนึงก็โดนเม้า โดนนินทาไป แล้วอยู่ดี ๆ ก็มาเข้ากันได้ มาจูบปากกันซะงั้น แล้วก็ไปเม้าคนในกลุ่มอื่นต่อ
หรือบางคนย้ายกลุ่มหรือต้องทำงานร่วมกันก็เกลียดกันไปซะงั้น โอย ผู้หญิงเนอะ เต็มไปด้วยเรื่องราวและการแสดง คือเวลามีงานมาเจอกันพร้อมหน้าเนี่ย อยู่ต่อหน้าเนี่ย ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใสคุยกันได้ พอแยกกลุ่มปุ๊บ ต่างฝ่ายต่างเม้าโจมตี ฟาดฟันกันเลยทีเดียว
แล้วกินข้าวไปก็เม้าคนโน้น คนนี้กันไป ร้ายแรงขนาดที่ว่า คนที่นั่งเม้าในกลุ่ม ลุกเดินไปทำธุระก่อน เค้าก็เม้าไล่หลังคน ๆ นั้นเลย ทั้ง ๆ ที่อยู่กลุ่มเม้าเดียวกันมะกี๊
แต่ก่อนเข้ามาแรก ๆ เราก็สนุกนะ รู้เรื่องคนโน้น คนนี้ ฮา ๆ ขำ ๆ กันไป ยิ่งเวลาพี่เค้ากระซิบว่ามีอะไรจะเม้า โอ้โฮ รู้สึกตื่นเต้น ต่อมเผือกทำงานเลยทีเดียว แต่พอตั้งสติได้ อ่านหนังสือธรรมะและการพัฒนาตัวเองหรือจิตวิทยามากเข้า เริ่มคิดได้ว่า เราจะเอาตัวเองไปอยู่ในกระแสลบพวกนี้ทำไม ฟุ้งซ่านจะแย่ น่าเบื่อเสียจริง เป็นบาปอีกต่างหาก นินทาชาวบ้าน แล้วก็ไม่ได้อยากรู้เรื่องชาวบ้านขนาดนั้น หลัง ๆ ก็เลยกินคนเดียวบ้าง ไม่ลงไปกินบ้าง ไปกินกับเพื่อนมหาลัยที่ทำงานใกล้ ๆ บ้าง พอพี่เค้ากระซิบว่ามีเรื่องจะเม้า เราจะได้สติทันทีให้อยู่กับตัวเอง แล้วก็ไม่ได้อยากรู้สิ่งที่เค้าจะเล่าด้วย คิดสงสารพี่เค้าอีกต่างหาก ที่สติเค้าไม่ได้อยู่กับตัวเองแต่ไปอยู่ที่คนอื่น
ก็คิดนะ ทำไมทุกคนไม่เอาเวลามาดูตัวเอง มาอยู่กับลมหายใจของตัวเอง มาเจริญสติกัน พูดคุยแต่เรื่องดีงาม เรื่องในทางบวกกันบ้าง เราเคยนะ คุยเรื่องเกี่ยวกับธรรมะแล้วชักชวนคนในกลุ่มไปกัน ทุกคนรีบเปลี่ยนกันกันทันที ไม่ฟังเราขึ้นมาซะงั้น ไม่ก็แซวให้คนพูดโมโหแล้วก็เลิกพูดไปเอง
เลยคิดว่า ถ้าเค้าไม่เปลี่ยนแล้วก็อยู่กันจนเกษียณ ควรจะเป็นเรามากกว่ามั้งที่จะต้องเปลี่ยน
ชีวิตคนเราสั้นเกินกว่าจะมามัวเสียเวลากับสิ่งที่ไม่สำคัญ (แรงบันดาลใจจากหนังสือ ปลุกปิศาจในตัวคุณ)
แล้วการที่เราจะเปลี่ยนงานที่ดีกว่าได้ เราต้องยอมออกจาก comfort zone หรือที่ ๆ สบายของเรา การเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลง มันยากเสมอ เราว่าที่ UN เค้าให้กรอกอะไรเยอะ ๆ ยาก ๆ ก็เพื่อจะกรองคนที่อยากสมัครจริง ๆ เพราะที่คนเราพูดว่าต้องการ กับสิ่งที่เราต้องทุ่มเทเพื่อให้ได้มันมานั้น มันไม่ใช่สิ่งเดียวกันเสมอไป (ประโยคจากหนังสืออีกแล้ว) พร้อมที่จะยอมรับความเปลี่ยนแปลง ยอมให้เค้าเม้าเรื่องการลาออกของเรา
อีกข้อที่เราได้จากหนังสือ "ปลุกปิศาจในตัวคุณ" อีกนั่นแหละ ก็ืคือ
ถ้าอยากให้มีคนเกลียดคุณเยอะ ๆ มันง่ายนิดเดียว ก็แค่ประสบความสำเร็จสุด ๆ ในการทำสิ่งที่คุณรักก็เท่านั้นเอง
ถ้าถึงจุดนั้น อยากจะเม้า ก็ยินดีให้เม้าเลยค่า
ถามว่าถ้าอุตส่าห์ลำบากเปลี่ยนที่แล้วไปเจอคนที่แย่กว่าเดิม แล้วงานก็หนักกว่าเดิมจะทำยังไง ตอบว่า ลองดูแล้วกัน งานไม่ดี คนไม่ดี แต่อย่างน้อยเงินที่มีมันมากกว่าก็โอเคนะ แฮ่
Create Date : 08 ตุลาคม 2555 |
Last Update : 9 ตุลาคม 2555 15:46:45 น. |
|
6 comments
|
Counter : 3430 Pageviews. |
|
|
|
แอบนินทาเพื่อนร่วมงานนะเนี่ย ----
เอิ๊กๆๆ ขอให้ได้งานที่หวังไว้นะจ๊ะ
คงเป็นออฟฟิศที่คนเยอะเนอะ
แต่ผู้หญิงน่ะ ถึงจะไม่ใช่ออฟฟิศก็เป็นแบบนี้แหละ
ธรรมชาตินะ
เอาะ ป้าไม่มีนะ ทำธุรกิจส่วนตัว
ไม่มีเรื่องแบบนี้ อิอิ