Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
30 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
คนจะแต่งงาน ถ้าไม่สนิทอย่ามาแจกซองได้มั้ย มันเปลืองนะเฟ้ย ปี ๆ นึงชั้นไม่ได้ซองเธอแค่คนเดียวนะ!!

หรือว่าไม่จริง
ไปงานแต่งทีนึง
อย่างน้อยก็ต้องใส่ซองพันนึงเป็นอย่างต่ำ
ไหนจะค่าชุด ค่าแต่งหน้า ทำผม ค่าแท็กซี่ไปกลับ
ค่าใช้จ่ายที่ซ่อนอยู่มันไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ
โอเค
ถ้าเราแต่งหน้าทำผมเอง แล้วใส่ชุดที่มีอยู่แล้ว
ยังไงค่าใส่ซองกับค่าแท็กซี่ มันก็เลี่ยงไม่ได้อยู่ดี

ซึ่งก็รู้นะว่ามันยังไม่ cover ค่างานต่อหัวของบ่าวสาวหรอก
แต่มันเป็นมาตรฐานเรา
จะใส่น้อยกว่านี้มันดูยังไงไม่รู้ ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้อยากไป
เราจะไปก็ต่อเมื่อมันเสียไม่ได้ หรือต้องไปเท่านั้น
งานที่เราอยากไปจริง ๆ ของเพื่อนสนิทจริง ๆ เพียงไม่ถึง 5 คนของเรา
ที่เราอยากไปทั้งช่วยงาน ใส่ซองให้คุ้มค่างานและร่วมยินดีจริง ๆ ยังไม่เกิดขึ้นเลย
เพราะยังไม่มีใครแต่งเลย





ไปงานแต่งก็เสียเวลานอนอีก เพราะเรานอน 3 ทุ่ม
กว่างานจะเลิก กว่าจะกลับถึงบ้าน กว่าจะแกะผม กว่าจะล้างเครื่องสำอาง ขนตาปลอม เล็บปลอม ผมปลอม นมปลอม เอ้ย ไมใช่ละ
แค่ล้างเครื่องสำอางแล้วก็ล้างตากับขนตาปลอมออกก็นานละ
กว่าจะได้นอน เฮ้ย เสียเวลา

แล้วไปงานแต่งนะ
เสียเงินพันนึง
ได้กินไม่ถึง 200 เลย
แล้วส่วนใหญ่งานแต่งสมัยนี้เป็น cocktail ไม่ใช่โต๊ะจีน
อาหารก็ยิ่งถูก แถมไม่อร่อย จิ้ม ๆ นิดหน่อย
อิ่มก็ไม่อิ่มเพราะด้วยความที่ต้องใส่สเตย์
แล้วมันก็รัด แล้วมันก็กินไม่ได้
ถึงกินได้ ก็ไม่ใช่ของที่ชอบกิน อาหารงานแต่งไม่เห็นอร่อยเลย





เราไม่ชอบไปงานแต่งงานเลย
พิธีการน่าเบื่อ ซ้ำ ๆ
บ่าวสาวจะรู้ว่าเรามางานก็เพราะอีรูปที่เราถ่ายหน้างานกับเค้า 1 รูปนั่นแหละ
จริง ๆ งานแต่งเนี่ย
ส่วนใหญ่ไปเพราะอยากไปเจอเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน ๆ เป็นแก๊งค์ ๆ
ได้คุย ได้เฮฮา ปาจิงโกะ มากกว่า
เพราะก็ไม่ได้เอ็นจอยพิธีการแต่งงานหรือจะยินดีกับป่าวสาวเท่าไหร่หรอก

เพราะเพื่อน ๆ ก็ชวนกันแสนจะยากเย็น ติดนู่น ติดนี่กันตลอด
จะมาเจอกันได้เยอะสุดก็งานแต่งเพื่อนเนี่ยแหละ
แต่คิด ๆ ดูนะ
ถ้าเรานัดเจอร้านอาหารข้างนอกได้นะ
เราสามารถอิ่ม อร่อย ได้หัวเราะ เฮฮา มีความสุขได้ในราคาไม่เกิน 300





ช่วงอายุตั้งแต่ 28-30 ปัจจุบันนี้
เราได้ซองแต่งงานเยอะมากต่อปี
ซึ่งแน่นอน
เราไม่ไป
เพราะเราไม่ได้รู้สึกยินดีและสนิทหรืออยากไปเลยแม้แต่น้อย
ส่วนใหญ่พวกที่แต่ง
คือพวกที่ไม่สนิทเล้ย
ไม่ว่าจะเป็นพวกที่เรียนเอกเดียวกันมา (ซึ่งเราไม่สนิทกับใครเลย เพราะเราสนิทกับเพื่อนที่ชมรมเรามากกว่า เลิกเรียนก็มานั่งเล่นคุยกับเพื่อน ๆ รุ่นพี่ รุ่นน้องในชมรมเราตลอด ไม่เคยไป hang out กับเพื่อนในเอกเลย)
หรือแม้แต่รุ่นพี่ รุ่นน้องในชมรมที่ไม่สนิท
หรือเพื่อนร่วมงานเก่าที่ไม่สนิท

คนพวกนี้รู้เลยว่าจะมาแบบไหน
คืออยู่ดี ๆ ก็โทรมาหรือ facebook มา หรือชวนกินข้า
ทั้ง ๆ ที่ตลอดระยะเวลาตั้งแต่จบมาร่วม 10 ปี
เรา "ไม่เคยติดต่อกันเลย"
รู้เลยว่าจะมาแจกซองแต่งงาน
แล้วจะแจกซองเราเพื่อ?
เจ้าบ่าว หรือ เจ้าสาวของคุณเราก็ไม่เคยรู้จัก
คุณมีแฟน เรายังไม่รู้เลย หน้าแฟนคุณเราก็ไม่เคยเห็น
แล้วทำไมคุณถึงมาคิดถึงเราตอนคุณจะแต่งงาน?





แต่ก่อน
เราก็โอเคหยวน ๆ
เค้าอุตส่าห์คิดถึงเรา ไปก็ได้
แต่พอไปถึง
โห
คนเป็นพัน เยอะมาก
เพื่อนที่เค้าชวนเอกเดียวกันมากันไม่ถึง 5 คน
นอกนั้นก็ฝากซองกันมา
แล้วไอ้ 5 คนนั้น ก็ไม่สนิทกับใครเลย
นั่งแกร่วไปร่วม 3 ชั่วโมง
จะกลับก่อนงานเลิกก็กลัวจะเสียมารยาท
แล้วเรารู้เลยว่างานมันจัดสำหรับพ่อแม่ที่ทำธุรกิจ
เพราะทั้งงานมีแต่ผู้หลัก ผู้ใหญ่จากคนในวงธุรกิจ
มีรุ่นเดียวกัน ไม่ถึง 5 โต๊ะจีน จากเป็นร้อยโต๊ะ






จากวันนั้น
เข็ดเลยทีเดียว
หลังจากนั้นก็มีพวกเอกเดียวกันมาชวนอีก
ก็ได้แต่ฝากซองไปทั้งนั้น
ไม่ไปนั่งเสียเวลานอนแบบนั้นอีกแล้ว

หลัง ๆ ก็มีไปงานเพื่อนรุ่นเดียวกันในชมรม (แต่ไม่ค่อยสนิทเท่าไหร่)
อันนี้ก็อยากไปนะ
เพราะอยากเจอเพื่อนรุ่นเดียวกัน รุ่นพี่ รุ่นน้อง
เพราะรู้สึกสนิทมากกว่า

แต่ไปถึง
อ้าว เพื่อนรุ่นกรูมาน้อยจัง แถมมาแล้วก็ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตากด iphone กันหมดทุกคนอย่างที่เคยเล่าไปแล้ว
แล้วช้านจะมาทำไมเนี่ย อุตส่าห์คิดถึงแล้วก็อยากคุยกับทุกคน
แถมเจอแจกซองเพิ่มจากรุ่นน้องในงานนั้นอีก
ซึ่งรุ่นน้องคนนี้ เราไม่เคยจะคุยหรือสนิทด้วยเลยแม้แต่น้อย
แล้วตั้งแต่เรียนจบก็ไม่เคยติดต่อกันเลย
เล่นง่ายนะ
เอาซองมาเป็นสิบ ๆ ซอง
เห็นใครรู้จักก็แจกทุกคน เขียนชื่อมันตรงนั้น
แล้วบอกว่าผมจะแต่งงานเดือนหน้า เรียนเชิญด้วยนะ
อะไรวะ
กรูไปสนิทกับเมิงตั้งแต่เมื่อไหร่
หน้าเจ้าสาวเมิงกรูก็เพิ่งเคยเห็นตอนเมิงพามาเพื่อหาเหยื่อวันนี้เนี่ยแหละ
โคดโมโหเลย





ทุกคนโดนกันถ้วนหน้า
แถมฝากซองเราไปแจกเพื่อนรุ่นเราที่สนิทกับเราแต่ไม่สนิทกับมันอีก
แต่เราปฏิเสธไป

เพราะหลัง ๆ เนี่ย
เพื่อนที่เราสนิทเราก็ไม่เคยได้เจอหรอก
อาศัยโทรเม้ากันเดือนละ 3-4 ครั้งไม่หายจากกันไป
เจอยังไม่ได้เจอ จะมาฝากซองให้กรูไปให้ เมิงใช้กรูมากไปแล้วม้าง
คนนี้เรารับซองมาอย่างเคือง ๆ
แล้วสุดท้ายเราก็ไม่ใส่ซองคืนให้ด้วย
เพราะไม่คิดจะติดต่อมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
แถมไม่มีคนจะฝากซองให้ด้วย เพราะไม่มีใครสนิทกับมันเลย
อยากเคืองก็เคืองไป เพราะชีวิตนี้เราคงไม่ได้โคจรมาเจอกันอยู่แล้ว ชิ!


แล้วอีกพวกคือ
เคยทำงานในออฟฟิศที่เราทำอยู่เนี่ย
แล้วมาแจกซองเพื่อนร่วมงานเก่า
เราก็โอเคนะ พี่เค้ามา เราก็ไหว้ปกติ
เราไม่เคยเจอพี่เค้าหรอก เพราะพี่เค้าทำก่อนเรามาตั้งหลายปี
แล้วเราไม่ได้ทำงานตำแหน่งพี่เค้าด้วย
เพิ่งเจอหน้ากันครั้งแรก
แล้วเค้าจะแต่งงาน
แล้วเค้าก็แจกซองทุกคนในออฟฟิศที่เรารูจัก
ร่วมถึงเราด้วย
เอิ่ม
พี่คะ
เข้าใจอะไรผิดป่ะคะ
หนูเพิ่งเคยเจอหน้าพี่ครั้งแรก
หนูชื่ออะไร พี่ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ ทำไมต้องแจกซองหนูคะ
หนูไม่ได้คิดอะไรเลยนะคะที่พี่จะแจกซองคนทั้งออฟฟิศยกเว้นหนู
เพราะ "เราไม่รู้จักกัน"
อันนี้ เราก็รับซองมา แต่เราไม่ใส่ซองกลับนะ
อันนี้มันเกินไปละ
แล้วเราก็คงไม่เจอกันอีกในชาตินี้ เพราะชื่อหนูพี่ยังไม่คิดจะถามเลย ยื่นซองมาก่อนเลย





อีกพวกก็คือ
พอดีเราจะนัดกินข้าวกลางวันกับเพื่อนที่ทำตึกใกล้ ๆ กัน
ไม่ได้เจอกันนานแล้ว แถมทำงานใกล้ ๆ กัน
มากินข้าวกันบ้างเดือนละครั้งน่าจะยัง keep in touch กันไว้
แล้วพอดีรุ่นพี่คนนี้ก็ทำตึกนั้นพอดี
เลยโทรไปถามว่ามากินข้าวด้วยกันมั้ย
เค้าดีอกดีใจ
อืมได้เลย ๆ
พี่จะได้เอาซองแต่งงานพี่ไปให้ด้วยเลย
ถือโอกาสเชิญเลยแล้วกันนะพี่จะแต่งงานเดือนหน้า
เซ็งตัวเองที่คิดถึงพี่เค้าเวลานั้นเลยทีเดียว
กรูไม่น่าเล้ย เป็นไงล่ะ โทรไปเสียเงินแท้ ๆ





แล้วอีกพวกก็คือพวกออฟฟิศเก่า
เอิ่ม
เราเปลี่ยนที่ทำงานเรียกได้ว่า 2-3 ปีครั้งเลยล่ะ
เลยรู้จักคนหลายที่ทำงาน
ถ้าเก่าไม่มาก เช่นออฟฟิศก่อนหน้าก็โอเคนะ
แต่เราจะถามคนที่สนิท ๆ ก่อนว่าไปกันรึเปล่า
ถ้าไม่ไปก็ฝากซองไป

แต่ถ้าออฟฟิศก่อนหน้านั้น
ที่ตั้งแต่ออกมาไม่เคยติดต่อกันอีกเลยก็ขออย่ามาแจกเลยนะ
เห็นใจคนที่จะไปบ้างหรือต้องฝากซองบ้าง
ถ้าต้องใส่ซอง มันก็เปลืองเงินเค้าทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่เคยติดต่อกันหลายปีแล้ว
แล้วถ้าต้องไป ก็เห็นใจกันบ้างว่าขาดการติดต่อมาหลายปี
เราก็ไม่สนิทกับใครแล้ว จะให้คุยกับคนที่ยังทำงานในนั้นตอนปัจจุบันมันก็ต่อกันไม่ติดหรอก





แต่ถ้าออฟฟิศปัจจุบันเราก็โอเคนะ
ต้องไปเลยทีเดียวเพราะที่ทำงานเดียวกัน
คนก็ไม่เยอะ แล้วส่วนใหญ่มีแต่แก่ ๆ เป็นคุณแม่กันแล้วทั้งนั้น
เหลือแต่รุ่นใหม่ ๆ ไม่กี่คนที่เข้ามาแล้วยังไม่แต่งกัน
อย่างนี้ก็จะสนุกสนาน
เพราะรู้อยู่แล้วว่าต้องชวนกันทั้งออฟฟิศ
ยิ่งถ้าโรงแรมอยู่ใกล้ออฟฟิศนี่ยิ่งสนุก
เพราะเราก็จะแต่งหน้า แต่งตัวกันอยู่ในออฟฟิศเนี่ยแหละ หรือบางคนอาจจะไปทำผมข้างนอก เดี๋ยวก็กลับมาแล้วเดินไปด้วยกัน
แล้วอย่างน้อยก็ต้องไปกันซัก 10 คน เราก็ยังได้รู้จัก สนุกสนาน เฮฮาได้





จากประสบการณ์การได้รับซองมากขึ้น
ความหน้าด้านกับคนพวกนี้ก็มากขึ้นด้วย
คือคุณอยากแจกซองใช่มั้ย
ได้ เรารับซอง เราพูดว่ายินดีด้วย แต่เราไม่ใส่ซองกลับนะ
เพราะชาตินี้เราคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วแน่นอน
จะรักษาหน้าไปทำไม


ถ้าคุณกำลังจะแต่งงาน
อยากให้คุณคิดมากหน่อยเรื่องการแจกซองใคร
เพราะมันทำให้เค้าเดือดร้อนที่จะต้องมาใส่ซองให้คุณเหมือนกัน
แล้วก็ไม่ใช่ทุกคนที่อยากมางานแต่งคุณแล้วก็อยากใส่ซองให้คุณ
อย่ามาคิดว่าชั้นแต่งงานครั้งเดียวในชีวิต จะใส่ซองให้ชั้นไม่ได้เลยเหรอ
แล้วคุณรู้มั้ยว่าปี ๆ นึงเค้าได้ซองกันกี่สิบซอง แล้วชีวิตนึงได้กี่ร้อยซอง






การแต่งงานไม่ใช่เทศกาลทำเงินของบ่าวสาว
แล้วคนที่เป็นโสด(อาจจะตลอดชีวิต) ต้องขาดทุนตลอดชีวิตจากซองแต่งงานกี่หมื่น กี่แสน?
นี่ยังไม่นับงานอื่นนะ
แต่งานอื่นเรายินดีใส่ซองและไปช่วยงานนะ ไม่ว่าจะเป็นงานศพ งานบวช งานผ้าป่า กฐิน ฯลฯ เพราะถึงว่าเป็นงานบุญ เราใส่ เราก็ได้บุญ เราไปช่วยเราก็ได้บุญ


ใครจะหาว่าเรางกก็ช่างนะ
เพราะคิดแบบนั้นแล้ว เราเสียดายจริง ๆ
บางคนยอมเสียเงินใส่ซองภาษีสังคมพวกนี้ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้อยากไป
สู้เอาเงินพวกนี้ไปเลี้ยงพ่อแม่เราในโรงแรมปีหลายครั้งยังจะได้บุญกว่าเพราะเราทำบุญกับพระในบ้าน ผู้มีพระคุณกับเรา ให้ชีวิตเรา

เรางกกับคนอื่นแต่เราไม่เคยงกกับพระในบ้านของเราเลยนะ
อยากไปกินไหน ทำอะไร ทำเลย
เพราะเราให้เงินเดือนครึ่งนึงของเราก่อนหักภาษีและประกันสังคมให้กับท่านทุกเดือน
แล้วก็โบนัสทั้งก้อนเป็นแต๊ะเอียให้ท่านทุกปีอยู่แล้ว






ให้เงินใส่ซองกับพ่อแม่เนี่ย ได้บุญอยู่แล้ว
แต่ใส่ซองให้พวกคนไม่สนิทและอาจจะไม่ได้จะเจอกันในชาตินี้อีก
บุญก็ไม่ได้ เงินก็ต้องเสีย แถมเสียเวลาแต่งตัว แต่งหน้า ทำผม รวมไปถึงเวลานอนอีก

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเขียนเรื่องงานแต่งงาน
เหมือนเราจะบ่นทุกปี ในเรื่องต่าง ๆ กัน เช่น

พ.ย.52

การจัดงานแต่งงานที่ดีที่สุดคือการไม่จัด

ม.ค. 54

อีกครั้งกับความเหนื่อยของเพื่อนจะแต่งงาน ก็บอกแล้วว่าการจัดงานแต่งงานที่ดีที่สุดคือการไม่จัด

ก.พ. 55


ไปงานแต่ง แทนที่จะได้คุย แต่ทุกคนเอาแต่ก้มหน้าจิ้ม IPHONE!!!


มี.ค. 55


ผู้หญิงหน้าตาธรรมดาที่อยากแต่งงาน ถ้าไม่รวยมาก ก็ต้องจนมากจริงหรือเนี่ย



เพราะเราไม่ชอบไปงานแต่งงานเลย
ยิ่งอายุมากขึ้น ก็ยิ่งได้ซองมากขึ้น แต่เราจะไปงานน้อยลง และใส่ซองน้อยลง เพราะเราจะไม่ใส่ใจคนที่เราไม่คิดจะเจออีกในชีวิตให้มากขึ้น

อย่างที่เคยเขียนไปเมื่อหลายปีแล้ว
ว่าถ้าได้แต่ง และเจ้าบ่าวตามใจ
เราจะไม่จัดงาน จะแค่ทำบุญเลี้ยงพระเอาฤกษ์เอาชัย
แต่ไม่เลี้ยงคน






ดังนั้น
ไม่มีซอง ไม่มีของชำร่วย (ที่จับต้องได้) ไม่ต้องแต่งสวยมา ใครจะมาหรือไม่มาก็ได้
หลังพระสวดเสร็จและเลี้ยงพระเสร็จ ทุกคนกลับบ้านได้ หรือไหน ๆ เจอกันแล้วจะนัดไปกินกลางวันต่อก็ไม่ว่ากัน
ของชำร่วยที่ทุกคนที่มางานจะได้กลับไปคือ "บุญ" ที่เรามาทำร่วมกัน
ไม่มีงานแต่ง แต่เจ้าบ่าวต้องมีสิดสอดให้พ่อกับแม่เรานะ ก๊าก ๆ



Create Date : 30 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2557 14:53:51 น. 9 comments
Counter : 22607 Pageviews.

 
เราเพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน
ตอนจัดงานเชิญแต่คนสนิท
พอคนที่ทำงานหรือคนที่รู้จักๆกันรู้เข้า ก็ต่อว่า ทำไมไม่เชิญเขา
บางคนก็ดูน้อยอกน้อยใจด้วยซ้ำ ที่เราไม่เชิญ

เฮ้อ ต่างจิตต่างใจ

แต่สินสอดพ่อแม่เราไม่เอานะ แถมเงินให้ก้อนใหญ่อีกต่างหากบอกให้ลูกเอาไปตั้งตัวนะ


โดย: Abettor วันที่: 30 พฤศจิกายน 2555 เวลา:21:35:02 น.  

 
ฮัลโหลค่ะ ลีลี
เราแวะผ่านมา โอะ..! ลีลี เขียนไดด้อย่างกับว่า
ถอดเอาคำพูดของเรามาพูดมาเขียนเกือบหมดเลยนะเนี้ย
จริงๆ โนบู เคยคิดที่จะเขียน blog เกี่ยวกับ เรื่องงานแต่งงาน อะไรแนวๆนี้ล่ะจ้ะ แต่ก็ดองเอาไว้นาน จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้เขียนสักที วันนี้คิดว่า เขียนใน blog ของลีลี เองเลยละกันนะคะ
ไม่นานมานี้ เพื่อนสนิท(จริงๆตอนนี้ก็เป็นเพื่อนที่เคยสนิทกันมากมาก่อน คือเรียนตั้งแต่มัธยมมาด้วยกันน่ะค่ะ บ้าทาคุยะ ทักกี้ และยามะพีมาด้วยกัน) เพิ่งจะเข้าพิธีวิวาห์ไปค่ะ แต่จัดงานที่ต่างจังหวัด แน่นอน เราไปค่ะ เราได้รับเชิญล่วงหน้าจากคำพูดของเพื่อนเราเองเลย ในงานแต่งงานของเพื่อนที่สนิท(อีกคนนึง ทยอยแต่งกันไปหมดแล้วนะ ฮ่าๆๆ)
เป็นงานพิธี ที่สวยงาม อลังการ อยู่ไม่น้อยค่ะ
ตามแบบฉบับของงานพิธีแต่งในยุคปัจจุบัน
รูปถ่ายสตูที่สวยงาม จัดงานในโรงแรมหรูที่สุดในจังหวัด และมีเอ็มวีเพลง แนะนำเจ้าบ่าวเจ้าสาว รักกันมาได้ยังไง รู้จักกันตอนไหน ซึ้งๆให้ฟัง (แน่นอนว่า คนที่จะฟีลลิ่งที่สุดก็คือ เจ้าบ่าวและเจ้าสาว ) โนบูก็ยังแอบคิดว่า เดี่ยวนี้ นี่ เค้าทำเอ็มวีกันจริงจังมาก ไม่ใช่พรีเซนเตชั่นธรรมดาๆแล้วนะ แต่เป็น เอ็มวีแบบมิวสิควิดีโอ แบบมือออาชีพ เลย
ถัดจากนั้นก็มีรูปของพวกเราอัพลงในหน้า เฟสบุค
สวยจังเลย/น่ารักจังเลย /ขอแสดงความยินดีด้วยนะ
ประมารนี้เป้นคอมเมนท์ใต้ภาพ แล้วก็มีโผล่มาอีกอันว่า โนบูตะ ไปทุกงานเลยนะ..เธอไปเอามือรึเปล่า (คำว่าเอามือในที่นี้ มีความหมายว่า ไปร่วมงานไว้ก่อน เผื่อวันหน้างานเราบ้าง เพื่อนก็จะได้มาบ้าง ประมาณนี้น่ะค่ะ ...ซึ่งคงอีกนานแน่ๆ ฮ่าๆ)
โนบู ว่า มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์
ที่โนบู ไปร่วมงานถึงต่างจังหวัด ต้องรันคิวของลางาน ต้องเตรียมสำรองเงินใส่ซอง ต้องเตรียมเงินค่าเดินทาง (ดีว่าที่พักเราไม่ต้องเสียค่ะ) และอีกจิปาถะ หลักๆเลยคือ ค่าชุดงานแต่ง ทั้งงานเช้าและเย็น (งานเช้าเจ้าสาวเตรียมไว้ให้สำหรับเพื่อนเจ้าสาวทั้ง 6 คนรวมโนบูด้วย) ค่าชุด 800 กว่าบาทแล้ว (ขนาดว่าเอาถูกสุดที่แพลททินั่ม ฮา) ค่าเครื่องประดับ อันนี้ไม่ต้องเพราะพอมีแบบเข้าเซตอยูค่ะ แต่จำเป็นต้องซื้อรองเท้าใหม่ สรุปเบ็ดเสร็จ หมดงานของเพื่อนคนนี้ก็เหยียบๆ 5-6 พัน ซึ่งมันก็มาก สำหรับโนบู นะคะ แต่ก็ถือว่า งานเพื่อนเรา เรายินดี อีกทั้งได้เจอเพื่อนเก่าๆ (ซึ่งก็มีบ้างค่ะ ที่เอาแต่จิ้ม iphone ....) แต่ส่วนมากจะบ้าถ่ายรูปกันมากกว่า


โดย: nobuta wo produce วันที่: 2 ธันวาคม 2555 เวลา:14:15:54 น.  

 
ต่อ จ้ะ

ทีนี้ เอาเรื่องจริงๆ ก็คือ
โนบู จะเลือก ว่าจะไปร่วมงานของใครบ้าง
ลิสต์ไว้หลักๆเลยคือคนที่เราสนิทด้วยจริงๆ
หรือเพื่อนที่เคยสนิท เคยผ่านทุกข์ผ่านสุข เคยบ้ากรี๊ดดาราคนนั้นคนนี้มาด้วยกันก่อน
แน่นอนว่า ช่วงวัยอายุของพวกเรา ตอนนี้ต่างก็ทยอยกันแต่งงานไปหมดแล้ว โนบูไปร่วมงานด้วยไม่ได้ทุกคนแน่ๆค่ะ ก็มีหลายๆคนที่ฝากซองไป
โนบู คิดว่า การฝากซอง กับการไปร่วมงานเองนั้น น่าจะมีนัยยะที่แตกต่างกันอยู่นิดนึง ถึงแม้ใส่ซองเท่ากัน แต่การที่เราไปร่วมงานด้วย ถือเป็นการร่วมแสดงความยินดีที่ให้เกียรติและให้ความสำคัญกับคู่บ่าวสาว(ในกรณี ที่เราสนิทด้วยน่ะเนาะ)
แต่ในกรณี ที่แบบว่า รู้จัก ต่อๆกันมาอีกทอดนึง หรือแค่เพื่อนร่วมงาน(ที่ไม่สนิทกันเลย) แบบนี้ เราก็จะรู้สึกแบบว่า เหมือนที่ลีลี เขียนมาเลยค่ะ
ยิ่งเจอคนที่ แบบว่า เอาซองมาให้ แต่ ฉันเพิ่งรู้จักคุณเองนะ แบบนี้โนบูก็เคยได้รับค่ะ (แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่ค่ะ 1-2 คนได้)
ก็มีลังเลใจในการใส่ซองเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ต้องใส่ไปตามจำนวนสมัยนิยมล่ะค่ะ ...

เอาเรื่องจริงๆ ของเรื่องจริงๆคือ
ตอนนี้โนบูคิดว่า โนบู อยากจะให้ความสำคัญกับ งานศพ มากกว่า งานแบบอื่นๆ
(อย่าเพิ่ง ยี้ หรือ ว่าโนบูสร้างภาพเลยนะ)
เราว่า งานศพ เป็นอะไรที่แบบว่า...
มันเหงา..
ด้วยบรรยากาศ
มันเหงา..
และการที่มีคนไปร่วมงาน มันช่วยเยียวยาได้ ในระดับนึง ณ วินาทีตอนนั้น
แต่งานแต่งงาน มันเป็นอะไรที่ แบบว่า
ถึงเราไม่ไป
มันก็แฮปปี้ แบบนี้น่ะค่ะ
แต่อันนี้เราก็ต้องมองในมุมที่ว่า เป็นงานแต่งคนที่เรารัก เราสนิท ญาติสนิทด้วยแบบนี้ด้วย
เราเลยว่า ปัจจัยในการไปร่วมงานแต่ง หนึ่งงานนั้น
กอรปด้วยเหตุผล หลายๆอย่าง ซึ่งเหตุผลของแต่ละคนก็ต่างแตกต่างกันไป
ส่วนใหญ่เราเห็นด้วยกับที่ลีลีเขียนมาเลยค่ะ
ถ้าไม่สนิท เราก็ฝากซอง
แต่ถ้าสนิท การฝากซอง กับการไปร่วมงานด้วยตัวเองนั้น ก็บ่งบอกถึงการแสดงความยินดีและร่วมให้เกียรติเจ้าบ่าวเจ้าสาว ที่ต่างกันด้วยค่ะ

แวะมาทักทายแบบยาวๆ เลย คงไม่เบื่อที่จะอ่านกันไปก่อนนะคะ


โดย: nobuta wo produce วันที่: 2 ธันวาคม 2555 เวลา:14:29:43 น.  

 
สวัสดีโนบูตะ
ขอบคุณที่เข้ามาคอมเม้นท์ซะยาวชื่นใจนะ
เราก็รู้สึกว่างานศพมันสำคัญกว่าจริง ๆ
แค่รู้จากคนอื่น ไม่ต้องเจ้าตัวชวน เราก็ไป
เพราะถือว่าเราไปเพื่อคนที่อยู่มีกำลังใจที่จะก้าวเดินต่อไป
มันเป็นงานบุญ
มีอะไรให้ช่วยได้ก็ยินดี
เพราะมันเป็นงานที่เศร้า
เพียง 1 คนที่เพิ่มเข้ามา มันคงทำให้จิตใจเจ้าภาพดีขึ้น
แต่งานแต่งเนี่ย
เราไม่ไปซักคน เค้าก็ยังยินดีและมีความสุขกันได้
ด้วยบรรยากาศมันเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว

เราไม่เคยเบื่อที่จะอ่านตัวอักษรของโนบูตะและทุกคนที่เข้ามาคอมเม้นท์เลยจ้ะ

เพราะถือว่าตัวเองคือ 1 ในพัน 1 ในหมื่นที่อ่านแล้วลงมือพิมพ์ :)


โดย: หนูลีลี วันที่: 2 ธันวาคม 2555 เวลา:18:01:13 น.  

 
โอ้โห โดนใจค่ะ
เราเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว และบอกเพื่อนสนิทตั้งแต่เรียนจบแล้วว่า ถ้าพวกแกแต่งงาน ฉันไปแน่นอน ไปด้วยความรัก ให้ช่วยอะไรก็จะช่วย แต่คนไม่สนิทในรุ่น ขอไม่ไปเลยนะ

นี่เพื่อนสนิทเพิ่งแต่งไป2คน และเราเจอคำถามเยอะมากว่าไปงานคนนั้นนี้นู้นไหมในปี2555 เพราะคนแต่งงานเยอะมาก และคำตอบคือเราไม่ไปเลย

และสดๆร้อนๆ เมื่อกี้เพิ่งโดนถามอีก คือเจ้าสาวเนี่ย เราไม่สนิทเลย ไม่ไปเขาก็แต่งกันได้ ตอนเขารักกัน เราก็ไม่ได้รับรู้ แล้วทำไมเราต้องไป ไปก็แค่ถ่ายรูปกับเจ้าสาวทีนึงหน้างาน? บอกตรงๆ เจ้าสาวหลายคนจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าใครไปงานตัวเอง พอเห็นเพื่อนในรุ่นจะแต่ง ต้องแจ้นไปถามคนนั้นคนนี้ว่ายัยคนนี้มางานฉันหรือเปล่า ถ้ามา ฉันจะได้ไปงานมัน O.O แล้วนี่คุณค่าของการแต่งงานคืออะไร?

ยิ่งหลังเรียนจบ เรามีปัญหาชีวิต เพื่อนแท้ที่ช่วยเหลือ นับหัวได้เลย คนที่มันมารื่นเริงกับคุณในงานแต่งคุณ มันก็เท่านั้นล่ะ คุณดูตอนคุณลำบากดีกว่า ว่ามันมาช่วยเหลือไหม เรากล้าพูดเลยว่า ถ้าเพื่อนในุ่นคนไหน ต่อให้ไม่สนิท ถ้ามีปัญหา เราช่วย ถ้าป่วยไม่มีคนเฝ้า เราก็ไปเฝ้า แต่ขอจริงๆ ไม่ถนัดงานแต่งงาน ไม่มีเราก็แต่งกันได้มั้ง เราอึดอัดจริงๆกับงานแต่งงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เคยเห็นคนที่จัดงานใหญ่มาหลายคู่ อยู่กัน3ปี5ปีก็หย่ากัน ทิ้งเด็กตาดำๆเอาไว้ มันเพื่ออะไร? คุณคิดถึงวันที่เลือกโรงแรม เลือกการ์ดกันได้ไหม วันที่คุณเลือกธีมให้เพื่อนเดือดร้อนต้องทำทุกอย่างตามใจคุณ สุดท้าย คุณก็บอกว่าชีวิตคู่เป็นเรื่องของคน2คน ถ้างั้น ไม่มีเราในงานคุณก็คงไม่เป็นไรหรอก

ขอโทษนะคะ พอดีเครียดมาก จนต้องsearchหาว่ามีใครคิดเหมือนเราบ้าง มาเจอบล็อกคุณ เราเลยขอแสดงความเห็นหน่อย ^_^ ขอบคุณค่ะ


โดย: เหมียว IP: 58.8.141.138 วันที่: 3 มกราคม 2556 เวลา:16:22:38 น.  

 
ไม่อยากไปงานแต่งงาน เพราะแค่ลงชื่อ ถ่ายรูป 1 ใบ และไม่ได้คุยกับเจ้าบ่าว หรือเจ้าสาวอีกเลย
จนทุกวันนี้ ทุกคู่ ตอนเราแต่งงาน เราแจกการ์ดเพื่อนแค่ 3 ใบ นอกนั้นของเขา


โดย: คิดคิดคิด และคิด IP: 203.155.159.7 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2556 เวลา:9:25:29 น.  

 
Hi, Neat post. There's an issue along with your website in internet explorer, would test this?K IE nonetheless is the market chief and a good part of other people will miss your great writing due to this problem.
Discount Louis Vuitton belt //www.sakabrasives.com/aboutus.html


โดย: Discount Louis Vuitton belt IP: 94.23.252.21 วันที่: 3 สิงหาคม 2557 เวลา:18:06:42 น.  

 
ชอบมากเลยกระทู้นี้ เพราะเพิ่งได้ซองเมื่อ 2/11/57
ไม่ไป ไม่ใส่ น่าเกลียดไปป่าว


โดย: หญ้า หญ้า IP: 180.183.72.13 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2557 เวลา:8:38:56 น.  

 
บางทีความคิดคุณก็เห็นแก่ตัวนะ คิดเล็กคิดน่อย


โดย: Nut IP: 58.8.139.230 วันที่: 18 สิงหาคม 2560 เวลา:14:29:31 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.