มุมน่ารัก ๆ ที่เหมือนกันบนรถตู้กรุงเทพฯ - ชลบุรีของวัยรุ่น 2 คู่
จากเหตุการณ์น้ำท่วม เนื่องจากการเสพย์ข้อมูลข่าวสารเกินขนาด ทำให้อีคนบ้านเขตบางนาตื่นตูมคิดว่าน้ำจะท่วม เลยอพยพครอบครัวไปชลบุรีตั้งแต่ปลายตุลาที่รัฐให้หยุด 4-5 วัน ไปเช่าคอนโดอยู่ใกล้ ๆ พัทยา 1 เดือน
แต่เราต้องกลับมาทำงาน เพราะที่ทำงานไม่ท่วม จนบัดนี้มันก็ยังไม่ท่วม แถมบ้านก็ยังไม่ท่วม แล้วได้ข่าวว่าจะไม่ท่วมด้วย แล้วตูจะเสียเงินค่าเช่าคอนโดทำไมวะเนี่ย หาก็ยาก หามา 5 วันกว่าจะได้
ตอนนี้เลยต้องนอนอยู่บ้านคนเดียวมาครึ่งเดือนแหล่ว ยังไม่ชินซักที วัน ๆ นึงไม่อยากให้ถึงตอนกลางคืนเลย ที่จะต้องกลับบ้านมาอยู่คนเดียว แต่ละคืนกว่าจะข่มตาหลับได้เล่นเอาเหนื่อย
ทุกวันนี้เสมือนมีบ้านอยู่ต่างจังหวัด ทุกวันศุกร์จะแบกเป้ไปทำงาน พอเลิกงานก็ไปขึ้นรถตู้กลับชลบุรีที่เราเรียกว่า บ้าน ได้เต็มปาก ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่บ้านของเรา แต่มันมี ครอบครัว ของเราอยู่ที่นั่น เข้าใจคำว่า Home is where the heart is แล้วจริง ๆ ถึงแม้เราได้นอนอยู่ที่บ้านคนเดียว เราก็มิอาจเรียกมันว่าบ้านได้เต็มปาก
แต่พอถึงคอนโด เราก็ไม่ได้ทำอะไรเลยทั้งวันนะ ไม่ได้ไปเที่ยวไหนด้วย อยู่คอนโดกับทีวี 1 เครื่องรับลมทะเลกับครอบครัวมันทั้งวันอย่างนั้นแหละ
เวลาอยู่คอนโด เราจะชอบเวลาค่ำ ๆ มากที่สุด เพราะเราจะได้นอนอย่างมีความสุข แม้ว่าเตียงมันจะนิ่มจนปวดหลังแถมยังต้องนอนเบียดกับน้องชายก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่านอนอยู่บ้านคนเดียวกับเตียงคิงไซส์สบายหลังล่ะวะ
ก็คิดซะว่าอบอุ่นกว่าปกติซักเดือนนึงก็ไม่เสียหาย ทั้ง ๆ ที่อยู่ที่บ้านก็ต่างคนต่างก็นอนกันคนละห้องกันหมด แต่พอเรามาอยู่บ้านคนเดียว มันก็ทำใจให้หมดว่าห้องอื่นมีคนในครอบครัวอยู่ไม่ได้จริง ๆ
อาิทิตย์ก่อนตอนกลับกรุงเทพฯ มีวัยรุ่นเด็กมหาลัยเป็นแฟนกันขึ้นมา 2 คู่นั่งอยู่ข้างหน้ากับข้างหลังของเรา น่ารักดีนะ มีการแบ่งหูฟังเพลงกันคนละข้างทั้งคู่เลย ดูแค่นี้ก็รู้สึกว่ามันอบอุ่นดีจังเลย แม้ไม่ต้องพูดแสดงการกระทำอย่างอื่นใด
หรือว่าจริง ๆ มันก็เป็นปกติธรรมดาของคู่รักวัยรุ่นก็ไม่รู้เนอะ พอดีสมัยเรียนมหาลัยไม่เคยมีชีวิตแบบนี้น่ะ ไม่เคยมีซีนหวานกะเค้าเล้ย อยู่แต่กับกลุ่มเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้องที่ชมรม ทำกิจกรรมเป็นบ้าเป็นหลัง สนุกกับการทำค่ายกับเพื่อนคอมมิตีเดียวกันจนไม่ได้คิดถึงเรื่องมีแฟนกะเค้าเล้ย มีแต่ไปแอบชอบชาวบ้าน แล้วก็รู้ว่ามีชาวบ้านมาแอบชอบ แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น เอ็นจอยกับกิจกรรมชมรม หายใจเข้า-ออกมีแต่เพื่อน มีแต่รุ่นพี่ รุ่นน้อง
แต่คิดย้อนกลับก็ชอบนะ เพราะเพื่อนส่วนใหญ่ไม่เคยได้เข้าชมรมเลย เรียนเสร็จก็กลับบ้าน ดูชีวิตมหาลัยมันจืดชืดจัง
หรือบางคนมีแฟนแล้วก็แยกตัวออกจากชมรมไป แต่มันก็คงเป็นความสุขไปอีกแบบล่ะเนอะ
แต่เราตั้งปณิธานไว้ตั้งแต่เข้ามหาลัยอยู่แล้วว่าต้องทำกิจกรรม ต้องเข้าชมรม แล้วก็รู้สึกดีมากที่ได้ทำกิจกรรมทุกชิ้น ทุกอันในชมรมกับเพื่อน ๆ รุ่นเดียวกัน ได้มีรุ่นพี่คอยเทคแคร์และให้คำปรึกษา มีรุ่นน้องให้เราเทคแคร์ต่อ ได้ห่วง ได้สอน ได้ช่วยทุกอย่างที่น้องต้องการ มันเป็นสิ่งที่เราหาไม่ได้จากในห้องเรียน มันทำให้เราสนิทกันมากขึ้นแล้วทำให้เรารู้จักการวางแผน การดีลกับคนมากขึ้นจริง ๆ
จำได้ว่า ตอนเป็นเฟรชชี่ รุ่นพี่เทคแคร์เราดีมาก เราสนิทกับเพื่อน ๆ และรุ่นพี่มาก มากซะจนตอนปิดเทอมตุลา เราไม่ได้ไปมหาลัย แล้วเรารู้สึกเหมือนขาดอะไรไป เหมือนว่าทุกวันเวลาเรียนเสร็จ เราก็จะเข้าโต๊ะ ไปนั่งคุยเล่น ร้องเพลง แล้วรุ่นพี่เล่นกีต้าร์กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ทุกวัน จนเย็นย่ำค่ำหน่อยก็ค่อยแยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมัน เป็นอย่างนี้ทุกวันจนปิดเทอม เราเหมือนเคว้งมาก
จำได้ว่าปิดเทอมตอนปี 1 เป็นอะไรที่ยาวนานมาก มากจนไม่รู้จะทำอะไร เพราะทุกวันเราจะได้คุยเล่นกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ มากจนเราคิดถึงทุำก ๆ คน
แต่ถึงยังไง ปีอื่นเราก็ยังคิดถึงทุกคนเหมือนเดิม แม้ว่าปีสองเราจะเป็นคอมมิตีแล้วต้องเหนื่อยกับกิจกรรมอันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการหาตะเวนหาสปอนเซอร์สำหรับทุกกิจกรรม ทำจุลสารปีละ 4 เล่ม จัดค่าย จัดงานขายของตามเทศกาลต่าง ๆ
ถึงตอนนั้นจะเหนื่อย แต่พอย้อนนึกกลับไป มันเป็นช่วงเวลาที่สนุกมาก ได้ร่วมทุกข์ ร่วมสุขกับเพื่อน ๆ แม้ว่าตอนเข้าชมรมจะมีเพื่อนร่วมร้อย จนทำครบปีจะเหลือเพื่อนไม่ถึง 20% ก็ตาม แต่เป็นที่เหลือที่มีคุณภาพ ผ่านกันมาทุกกิจกรรม ทำให้เรารักกันมากขึ้น
จนถึงทุกวันนี้ เวลาเราเจอกันก็ไม่ต้องแอ๊บ ไม่ค่อยต้องเกรงใจกัน อยากจะพูด อยากกัด อยากด่า หรืออยากจะระบายอะไรก็ทำได้
เราไปค่ายรับน้อง 3 ค่ายต่อปีทุกปี จนเราเรียนจบเราก็ยังไปต่อเนื่องมาอีก 4-5 ปี จนมาหลัง ๆ นี้(เพิ่ง)รู้ตัวว่าแก่แล้ว แถมเพื่อนร่วมรุ่นก็ไม่มีใครไปเลยเลิกไป
เราเชื่อว่าถ้าเราเจอเพื่อนที่เรียนด้วยกันอย่างเดียว โดยไม่ได้ผ่านการทำกิจกรรมร่วมกัน เราจะไม่สนิทกันขนาดนี้ แม้นาน ๆ เจอกันที เราก็รู้สึกว่าเราต่อกันติด ขอบคุณตัวเอง ที่ตั้งใจอยากทำกิจกรรมและได้เจอสังคมคุณภาพ
ดูสิ เล่าไปเรื่อยเปื่อยหลายเรื่องยำรวมกันอีกแล้ว เป็นอย่างนี้ทุกทีสิน่า
ได้ข่าวว่าได้เล่าเรื่องที่ตรงกับหัวข้อแค่ 5 บรรทัด นอกนั้นก็เวิ่นเว้ออะไรก็ไม่รู้
Create Date : 16 พฤศจิกายน 2554 |
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2554 12:03:54 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1653 Pageviews. |
|
|
|