งานสวดศพที่วัดชลประทานดีจังเลย เทศน์เยอะ สวดน้อย
พอดีเพิ่งเคยไปงานศพวัดชลประทานเมื่อคืนมา อย่างแรกเลยคือรถติดมากกกก ติดตั้งแต่ยังไม่ลงทางด่วนที่มาจากออฟฟิศตรงกลางเมืองมาลงสุดทางด่วน โอ้โห รถติดขยับได้ทีละนิดมาตลอดทางตั้งแต่กลาง ๆ ทางด่วนเลย นี่ขนาดออกกันตั้งแต่ 5 โมงเย็นนะเนี่ย ถึงวัดเกือบทุ่มนึงแน่ะ
ตอนพระมา ไอ้เราก็นึกว่าจะสวดอภิธรรมศพเหมือนวัดทั่ว ๆ ไป แต่ไม่ใช่แฮะ
พระมาเทศน์ให้ฟัง เทศน์ประมาณ 30-45 นาทีแน่ะ ชอบมากกกกก
เราว่ามันดีกว่าไปนั่งฟังสวดศพอีก เพราะเราฟังกันไม่รู้เรื่องหรอก กุสลาธรรมา.... เนี่ย แล้วบางคนก็จะนั่งคุยกันตลอดการสวดศพตั้งแต่ต้นจนจบเลย
ซึ่งเราค่อนข้างถือนะ เวลาพระสวดศพเราจะตั้งแต่พนมมือฟังด้วยจิตที่พยายามให้สงบที่สุด ไม่คุยกับเพื่อนข้าง ๆ หรือนั่งทำอย่างอื่น
แต่พอมาฟังพระเทศน์ให้ฟังแบบนี้ ทำให้ทุกคนฟังรู้เรื่อง คนมางานศพก็ได้กุศลจากการฟังเทศน์ด้วย ได้มาก ได้น้อยแต่ก็ถือว่าได้กลับไปกันบ้างล่ะนะ
แอบเม้า คือเพื่อนที่มาด้วยที่นั่งข้าง ๆ แอบหลับตั้งแต่พระเริ่มเทศน์เลย เราก็เลยให้เค้าหลับซักพักให้พอพักผ่อนซัก 3 นาที แล้วก็ปลุกขึ้นมา แต่แตะปลุกขึ้นมาก็ไม่ได้พูดอะไรกับเค้านะ แต่ก็คิดในใจว่าเค้าคงจะรู้เองแหละว่าเราอยากให้เค้าฟังธรรม ได้กุศลบ้าง นิดหน่อยก็ยังดี
ส่วนอีกคนก็เอาไอโฟนขึ้นมาจิ้มตอนกลาง ๆ ของการเทศน์ แต่ก็ไม่อยากพูดอะไร เพราะคิดว่าเพื่อนคงได้กุศลไปแล้วช่วงนึงล่ะนะ
พูดถึงเรื่องคนฟังเทศน์แล้วทำกริยาหลากหลายแบบระหว่างการฟังเทศน์ก็นึกถึงเรื่องธรรมะที่ได้อ่านมาเหมือนกันนะ
สมัยพุทธกาลพระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมอยู่ ณ วัดพระเชตวัน มีอุบาสก 5 คนเป็นเพื่อนกัน มานั่งฟังธรรม ทั้ง 5 คนต่างมีกิริยาอาการต่าง ๆ กัน
คนหนึ่งนั่งหลับ คนหนึ่งนั่งเอานิ้วเขียนพื้นดินเล่น คนหนึ่งนั่งเขย่า ต้นไม้ คนหนึ่งนั่งแหงนดูท้องฟ้า มีเพียงคนเดียวที่นังฟังธรรมด้วย อาการสงบ
พระอานนท์กราบทูลถามพระพุทธเจ้าว่า "ทำไมอุบาสกเหล่านี้จึงแสดงกิริยาเช่นนั้น" พระพุทธเจ้าจึงทรงเล่าอดีตชาติของอุบาสกแต่ละคนว่า
อุบาสกที่นั่งหลับ เคยเกิดเป็นงูมาแล้วหลายร้อยชาติ เขาหลับมาหลายร้อยชาติแล้วก็ยังไม่อิ่ม แม้แต่ฟังเทศน์พระพุทธเจ้า ธรรมะก็ไม่เข้าหู ยังหลับอยู่อย่างนั้น
อุบาสกที่นั่งเอานิ้วเขียน พื้นดิน เคยเกิดเป็นไส้เดือนมาหลายร้อยชาติ นั่งเอานิ้วเขียนบนพื้นดินเล่นอยู่อย่างนั้น ด้วยอำนาจความประพฤติที่ตัวเคยทำมา ก็ไม่ได้ยินธรรมะของพระพุทธเจ้าเช่นกัน
อุบาสกที่นั่งเขย่าต้นไม้อยู่นั้น เกิดเป็นลิงมาแล้วหลายร้อยชาติ ถึงบัดนี้ก็ยังเขย่าต้นไม้อยู่ ไม่ได้ยินธรรมะของพระพุทธเจ้าเช่นกัน
อุบาสกที่นังแหงนดูท้องฟ้านั้น เคยเกิดเป็นพราหมณ์บอกฤกษ์ด้วยการดูดาวมาหลายร้อยชาติ ถึงบัดนี้ก็ยังคงนั่งดูท้องฟ้าอยู่ ไม่ได้ยินธรรมะของพระพุทธเจ้า
อุบาสกที่นั่งฟังธรรมอย่างสงบด้วยความเคารพ เคยเกิดเป็นพราหมณ์ศึกษาธรรมะและปรัชญา ค้นคว้าหาความจริงมาหลายร้อยชาติ มาบัดนี้ได้พบพระพุทธเจ้า ตั้งใจฟังธรรมด้วยดี จนได้ดวงตาเห็นธรรมเป็นพระโสดาบัน
ฟังดังนี้แล้ว เลยรู้สึกว่าซักชาิตินึงเราคงเคยได้ฟังเทศน์ ฟังธรรมกับเค้ามาบ้างล่ะนะ ชาตินี้เลยพอจะสนใจฟังเทศน์ ฟังธรรมกับเค้าบ้าง
ซึ่งพระท่านก็เทศน์ให้ฟังเกี่ยวกับความยากที่จะได้ฟังเทศน์ ฟังธรรมด้วยว่า
1. เป็นการยากที่ได้เกิดเป็นมนุษย์ 2. เป็นการยากที่ชีวิตสัตว์จะได้ อยู่สบายหรือมีอายุยืน 3. เป็นการยากที่จะได้ฟังธรรมของสัตบุรุษ 4. เป็นการยากที่พระ พุทธเจ้าจะอุบัติมา
การได้เกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นเรื่องยาก ต้องมีบุญมาก อุปมาเหมือนเต่าตาบอดตัวหนึ่งดำน้ำอยู่ในทะเล ทุกๆ 100 ปี เต่าตาบอดตัวนั้นจะโผล่หัวขึ้นมาจากทะเลครั้งหนึ่ง ในทะเลมีห่วงเล็กๆ ขนาดใหญ่กว่าหัวเต่าหน่อยหนึ่งลอยอยู่ 1 ห่วง โอกาสที่เต่าตาบอดตัวนั้นจะโผล่ขึ้นมา แล้วหัวสวมเข้ากับห่วงพอดียากเพียงใด โอกาสนั้นก็ยังมีมากกว่าการที่เหล่าสรรพสัตว์จะได้มาเกิดเป็นมนุษย์
เมื่อรู้เช่นนี้แล้วเราจึงควรเห็นคุณค่าของการเกิดเป็นมนุษย์ อย่าให้เสียโอกาส เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ เอาใจใส่รักษาความเป็นมนุษย์ไว้ให้มั่นคง
ชีวิตนั้นสั้นนัก อย่างน้องเราก็ได้ทำหรือเป็นความยากอย่างน้อย 2 อย่างในคืนนี้แล้วนะ
คือการได้เกิดมาเป็นมนุษย์ กับการได้ฟังธรรม
ส่วนจะมีอายุยืนรึเปล่านั้นคงไม่สำคัญ แต่สำคัญที่ว่าขณะมีชีวิตอยู่ เราได้ทำบุญ ปฏิบัติธรรม ตอบแทนพระคุณของพระในบ้านเราบ้างหรือยัง เพราะสุดท้าย เราทุกคนก็คงหนีไม่พ้น แก่ เจ็บ และตายไปเป็นธรรมดา แต่สิ่งที่สามารถนำติดตัวไปได้คงจะเป็นบุญและบาปเท่านั้น ดังนั้น เราเก็บสิ่งที่เวลาตายไปจะนำไปเป็นเสบียงไว้เลี้ยงตัวหลังจากเราจากลา่ร่างที่เราได้ยืมมาได้มากน้อยเท่าไหร่
อนุโมทนาสาธุทุกท่านที่อ่านจนจบค่ะ
Create Date : 02 ธันวาคม 2554 |
Last Update : 2 ธันวาคม 2554 19:37:50 น. |
|
4 comments
|
Counter : 9698 Pageviews. |
|
|
|