เดี๋ยวนี้ค่าหมอคนไข้นอกมันครั้งละ 700 แล้วเหรอเนี่ย จะเป็นลม
เซ็งกับอาการน้ำตาคลอเหมือนการ์ตูนญี่ปุ่น หรือท่อน้ำตาอุดตันในผู้ใหญ่ (Blocked tear duct)
เวลาเราป่วย ไม่มีอะไรที่ทำให้เราสนใจไปมากกว่า การหมกมุ่นอยู่กับการอาการป่วยของตัวเอง นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เรามีอาการน้ำตาคลอแล้วมันไม่ไหลลงท่อน้ำตา แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่นานที่สุด เป็นมาเป็นเดือนแล้ว ท่อน้ำตายังตันอยู่เลย
โรคนี้เป็นยังไงน่ะเหรอ เราเล่าไปแล้วในบล็อคก่อนหน้านี้ แล้วตอนนี้มันก็ยังไม่หาย เป็นมาเป็นเดือนแล้ว ไปหาหมอทนเจ็บให้หมอเอาเข็มแทงท่อน้ำตาตรงหัวตามาแล้ว 3 รอบ 2 รพ ได้ยามาหยอด ตัวเดิมกับที่หยอดแล้วหายเมื่อปีที่แล้ว มันก็ยังไม่หาย
ที่จะเล่า ไม่ได้เกี่ยวกับโรค แค่ปูพื้นบ่นให้ฟังก่อน ฮา ๆ แต่เกี่ยวกับค่ารักษามากกว่า
เปรียบเทียบราคาของทั้ง 2 รพ
ที่แรก รพ เอกชนย่านสีลมใกล้ที่ทำงานที่สุด แล้วเคยไปหาหมอภูมิแพ้ ค่ายาถูกสุดเลยเลือกที่นี่
ที่สอง รพ เอกชนย่ายบางนาใกล้เซ็นทรัล ใกล้บ้านที่สุด มีหมอที่เชี่ยวชาญด้านท่อน้ำตาโดยตรง แต่หมอมาเฉพาะวันจันทร์
ค่าใช้จ่ายเปรียบเทียบโดยตัดค่ายาออก ซึ่งค่ายา 1 ขวดถูกกว่าค่าหมออีก -_-" แต่พอดีรอบแรกได้ยากินมา 2 แผง ยาหยอดอีก 2 ขวดมันเลยอัพไปถึง 2500 แม่เจ้า
จะเล่าการรักษาให้ฟัง
ขั้นแรกก็เข้าไปวัดความดันที่ตา แล้วก็ปิดตาอ่านตัวเลข แล้วก็เข้าไปให้หมอตรวจตากับเครื่อง แล้วก็ไปนอนให้หมอแทงท่อน้ำตา ซึ่ง 2 รพ. มีวิธีต่างกันตรงนี้ ทำให้ค่ารักษาออกมาต่างกันร่วมพัน
รพ.แรกหลังจากตรวจเสร็จ จะมีห้องแยกสำหรับการไปแทงท่อน้ำตา จะมีห่อสำหรับผู้ป่วยแต่ละคนมาเลย ซึ่งฆ่าเชื้อเรียบร้อย ดู ๆ ในห่อก็จะมีพวกวัสดุสิ้นเปลืองทั้งหลาย ใช้แล้วทิ้ง
แอลกอฮอล์สำหรับเช็ดตา (คงใช้แอลกอฮอล์สีฟ้าสำหรับเช็ดแผลไม่ได้อ่านะ) ยาชาขวดใหม่สำหรับเราคนเดียว น่าจะใช้แล้วทิ้งเลย ยาฆ่าเชื้อ(มั้ง) ขวดใหม่สำหรับเราคนเดียว น่าจะใช้แล้วทิ้งเลย เข็มสำหรับแยงท่อน้ำตา น้ำตาเทียม พวก cotton bud ฆ่าเชื้อเป็นห่อ ๆ ละ 3-4 ไม้ น่าจะหมดแล้วนะ
แล้วพยาบาลจะมาเช็ดแอลกอฮอล์ + หยอดยาชา ซึ่งยาชานี้ ทำให้กระจกตาดำชาเฉย ๆ มิได้ทำให้ท่อน้ำตาเราชาแม้แต่น้อย ซึ่งเวลาหมอแยงเข็มเข้าไปก็เจ็บจริง ร้องจริง ดิ้นจริง ไม่มีความชาใด ๆ แล้วยาชานี่แสบตานะจ๊ะ คือหยอดปุ๊บ ตาแสบแล้วก็ปิดอัตโนมัติปั๊บ แล้วก็รอมันชาแป๊บนึง แต่รอหมอมาแยงจากห้องตรวจนานกว่า ก็คิดดู นานจนลุกขึ้นมานั่งดูว่าในห่อมันมีอุปกรณ์อะไรมั่งนั่นแหละ
พอหมอมา หมอจะเอาไฟมาส่องเหมือนเรามาทำฟันนั่นแหละ แต่ทำที่ตา แล้วก็เอาผ้าสีเขียวที่เราเห็นบ่อย ๆ เวลาผ่าตัดนั่นแหละที่เว้นรูสำหรับตาที่จะต้องแยงมาโปะใส่หน้า แล้ววินาทีสำคัญก็มาถึง หมอจัดการเอาเข็มแยงเข้าไปที่รูท่อน้ำตาตรงหัวตา ขณะนั้น เจ็บสุด ๆ ยัง ยัง ความเจ็บปวดยังมิได้สิ้นสุดแค่นั้น เพราะแยงเจ็บ หมอจะดันน้ำตาเทียมเข้าไปในท่อเพื่อนดันพวกหนองให้มันลงจมูกและลงคอตามลำดับ ขณะนั้น มันคือที่สุดของความเจ็บปวดทั้งมวลบนลูกกะตาอันมีเนื้อเยื่ออ่อนบางที่สุดของเรา เรามิอาจทนความเจ็บปวดนั้นได้ ทำไงอ่ะเหรอ ร้องสิฮับ ร้องลั่นห้องเลย นอน ๆ อยู่ เท้านี่เด้งขึ้นมาเลยเพราะมันเจ็บมากกกก
เสร็จแล้วก็ไปจ่ายเงิน รับยา กลับบ้านตัวเบาหวิว เจอค่าบ้าบอที่ไม่ใช่ยาซึ่งแพงกว่าค่ายาประมาณ 4-5 เท่า พร้อมตาที่ยังชาอยู่ (แต่ทำไมท่อน้ำตามันไม่ชาวะ เวลาแยงจะได้ไม่เจ็บขนาดนี้) แอบเสียดายอุปกรณ์สิ้นเปลืองทางการแพทย์ทั้งหลาย อย่างเช่น ยาชาเนี่ย แกะขวดใหม่ ใช้อยู่ 2 หยดแล้วก็ทิ้งทั้งขวด
ไป รพ นี้รอบแรก ดีใจมากที่หมอล้างท่อน้ำตาแล้วน้ำตาเทียมมันทะลุลงจมูกแล้วก็ลงคอ เพราะเราเป็นโรคนี้ครั้งแรกตอนวันเกิดเราปี 2010 ล้างที่นี่เหมือนกัน แต่ไม่ใช่หมอคนนี้ สรุปล้างไม่ลง ท่อก็ยังตันอยู่ดี เจ็บฟรี เสียน้ำตา + ร้องไห้เจ็บปวดฟรีตอนวันเกิดซะด้วย คิดว่าจะร้องไห้เพราะความเจ็บรอบเดียวตอนเกิดซะอีก ดันได้ร้องอีกรอบตอนอายุครบ 28 จากครั้งแรกวันนั้น เราก็เป็นโรคนี้มาตลอดทุก ๆ 2-3 เดือน
เวลาเจ็บคอมันก็จะเป็นขึ้นมาด้วย คาดว่าพวกหู คอ จมูกท่อน้ำตามันลิงค์กันน่ะ ไปหาหมอเจาะล้างท่อน้ำตามาหลายรอบก็ไม่เคยลงเลย มีอยู่ครั้งนึง ไปจักษุรัตนินเลยนะ แต่ก็ล้างไม่ลงคอเหมือนเดิม หมอก็ไม่ให้ยาด้วยนะ หมอบอกว่ามันเป็นธรรมชาติ เวงกำ แล้วชั้นจะหายมั้ยเนี่ย เป็นธรรมชาติยังไง ก่อนหน้านี้ 28 ปี ไม่เคยตันนะคะคุณหมอ ไปรอบเดียวแล้วไม่ไปอีกเลย รพ นี้
หมอนัดครั้งต่อไปอีก 1 อาทิตย์เลยไปใหม่ แต่ไปตอนอาทิตย์ที่ 3 นะ เพราะไม่ว่างไปหา แต่ระหว่าง 3 อาทิตย์นั้น เรากิน + หยอดยาตามที่หมอสั่งอย่างเคร่งครัด อาทิตย์แรกดีขึ้น อาทิตย์ที่สอง ยามันค่อย ๆ ทะลุลงคอหลังจากหยอดไปแล้วประมาณ15-20 นาทีให้หลัง อาทิตย์ที่สาม มันกลับมาตันอีกรอบ (ไรว้า นึกว่าไม่ต้องไปแล้ว)
ซึ่งคนทั่วไปเนี่ย เวลาหยอดยาลงไป มันก็ไหลลงคอภายใน 10 วินาทีได้มั้ง สังเกตุมั้ยว่าเวลาเราหยอดยา แป๊บเดียวเราก็ขมที่คอแล้ว
แต่ รพ ที่สอง หมอเค้าชำนาญ ไม่ต้องไปมีห้องแยกให้วุ่นวาย หลังจากหมอตรวจตาเสร็จก็รู้ว่าท่อน้ำตามันตัน หมอก็ให้นอนที่เตียงในห้องตรวจนั่นแหละ ไฟก็ไม่ต้องส่อง ก็เอายาชา (ซึ่งคาดว่าไม่ได้แกะห่อใหม่เฉพาะเรานะ เพราะเค้าหยิบมาหยอดเร็วมาก แล้วเราไม่ได้ยินเสียงแกะพลาสติกเลย) รอแป๊บนึงแล้วก็เอาแข็มแทงแล้วหนังม้วนเดิมก็ย้อนมาให้เจ็บอีกรอบ เปลี่ยนโรงพยาบาล เปลี่ยนหมอ แต่ปริมาณความเจ็บไม่ได้ต่างกันเลย
ดีใจมาก หมอล้างลงจมูกแล้วก็ไหลลงคอด้วย
เสร็จแล้วหมอก็สั่งยา ไปรอจ่ายเงิน แล้วหมอก็บอกว่า ผ่าตัดเถอะ คุณเป็นมาปีกว่าแล้ว เป็น ๆ หาย ๆ ผ่าตัดเอาพวกหนอง + หินปูนที่มันบล็อคท่อน้ำตาออกให้หมดไปเลยทีเดียว จะได้ไม่เป็นแล้วเป็นอีก แป๊บเดียว ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็เสร็จแล้วเพราะเป็นผ่าตัดเล็ก หมอพูดชิลมาก เพราะผ่ามาไม่รู้เท่าไหร่แล้วมั้ง เพราะหมอชำนาญทางด้านท่อน้ำตาพอดี แล้วเป็นอ.หมอและตรวจอยู่ รพ จุฬาด้วย
เอาวะ ถ้าเบิกประกันได้ ผ่าก็ผ่า เราก็เบื่อเหมือนกันละที่ต้องมาเจ็บทรมานแบบนี้ทุก 2-3 เดือน ตอนนี้กำลังรอประกันตอบกลับอยู่ว่าโรคนี้มันเบิกได้มั้ย ถ้าได้ สงกรานต์เจอกันค่ะคุณหมอ
Create Date : 23 มีนาคม 2555 |
Last Update : 23 มีนาคม 2555 13:52:33 น. |
|
2 comments
|
Counter : 3457 Pageviews. |
|
|
|
ก็ถือเป็นการแก้ปัญหาตรงจุดเลยนะคะ
อาการที่คุณเป็นอยู่จะได้หายขาดเสียที
อย่างไรขอช่วยภาวนาให้สามารถเบิกประกันได้อย่างที่คุณลีลีหวังไว้ด้วยคนนะคะ
ปีนี้ จขบ. เป็นหลายระบบเลยเนอะ(อย่างน้อยก็สองระบบขึ้นไปล่ะจากที่อ่านblog )
ดูแลตัวเอง
จะผ่าแล้วหรือหายดีแล้วอย่างไรก็เขียน blog บอกเล่าเก้าสิบกันบ้างนะคะ เป็นกำลังใจให้ จขบ. ค่ะ