อีกครั้งกับความเหนื่อยของเพื่อนจะแต่งงาน ก็บอกแล้วว่าการจัดงานแต่งงานที่ดีที่สุดคือการไม่จัด
2 3 4 ปีหลังนี่ ได้การ์ดแต่งงานไม่ต่ำกว่า 5 ใบ มันคงถึงวัยที่เพื่อน ๆ และพี่ ๆ แก่กว่าเราซัก 4-5 ปีเค้าจะแต่งงานกันได้แล้วเนอะ ทั้งเพื่อนมหาลัย ออฟฟิศเก่าและออฟฟิศเก่ากว่า (ย้ายงานหลายรอบในรอบหลายปีอ่านะ)
เมื่อวานก็นัดเพื่อนกินข้าว เพื่อนจะแต่งงานอีก 2 อาทิตย์ เป็นเพื่อนตั้งแต่ม.ปลาย มหาลัย และที่ทำงานแรก ๆ แต่แปลกแฮะ ก็ไม่ได้สนิทขนาดโทรคุยกันบ่อย แต่รู้สึกดีทุกครั้งที่โทรไปคุย เพราะมาสนิทกับเค้าเพราะเรื่องธรรมะเนี่ยแหละ ที่เค้าเป็นคนจุดประกายเรื่องไปปฏิบัติธรรม แล้วก็ได้แต่จำใส่หัวไว้แต่ยังไม่มีเวลา (จริง ๆ แล้วไม่มีอารมณ์) จะไป
แต่พอบทจะอยากไป คำพูดของเพื่อนคนนี้ที่ชวนเป็นคนแรกก็ผุดขึ้นมาทันที เลยได้เรียนรู้ว่า เวลาชวนคนไปปฏิบัติธรรม พูดรอบเดียวก็พอ ไม่ต้องพูดเยอะ เดี๋ยวเค้ามีบุญ บารมีได้ไป คำพูดเราก็จะผุดขึ้นมาจากส่วนลึกในความทรงจำเสี้ยวเล็ก ๆ ที่อยู่ในซอกหลืบของเซลสมองของเค้าเอง
เพราะแต่ก่อนจะทุกข์ เวลากลับมาจากปฏิบัติธรรมใหม่ ๆ แล้วอิน เห็นว่ามันดียังไง เลยอยากชวนทุกคนที่รู้จัดและสนิทและหวังดีด้วยได้ไปลองอย่างที่เราได้ลอง ได้ไปสัมผัสอย่างที่เราสัมผัสเพราะมันดีกับตัวเค้าเอง แต่อินไป พูดไปประมาณ 38 รอบกับ 38 คนก็ไม่เห็นมี feedback ว่าใครอยากจะไปในวันนี้ วันพรุ่งนี้ หรือมีแพลนว่าจะลางานไปภายในปีนี้หรือปีหน้าเลย แล้วมันก็ทำให้เราเป็นทุกข์เปล่า ๆ ว่าทำไมเราหวังดีแล้วไม่มีใครใส่ใจเลย
แล้วเพื่อนก็มาบ่นว่าเหนื่อยมาก เพราะมีเวลาเตรียมตัวน้อยแค่เดือนครึ่งแล้วต้องทำทุกอย่างเองคนเดียว เพราะเจ้าบ่าวอยู่ต่างจังหวัด รู้แล้วว่าคนแต่งงานแล้วเหนื่อยเนี่ยมันเหนื่อยยังไง เป็นไปได้ ขอจัดรอบเดียว ครั้งเดียวในชีวิตนะ
จริง ๆ เคยพูดเรื่องงานแต่งงานไปรอบนึงแล้วปีที่แล้วในบล็อคนี้ว่าการจัดงานแต่งงานที่ดีที่สุดคือการไม่จัด ท่าทางจะได้พูดถึงในทุก ๆ ปี เพราะยิ่งไปงานแต่งงานมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความรู้สึกแบบที่เคยพูดไปมากขึ้นเท่านั้น
เออ ก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเหนื่อยยังไงวะ แต่คงไม่บ้าแต่งงานเพื่อให้รู้ว่ามันเหนื่อยยังไงหรอกนะ เพราะแค่ฟังก็อัน ก็เหนื่อยไปด้วยเหมือนกันแล้ว
ไหนจะการ์ด ไหนจะของชำร่วย หาโรงแรมให้ได้ทันในวันงานภายในอีกเดือนครึ่ง แหวนอีก ถ่ายรูปแต่งงานอีก เลือกชุดอีก เครื่องประดับอีก นู่น นี่ นั่น ซึ่งการดีลกับโรงแรมเป็นเรื่องที่จุกจิกวุ่นวายมาก แล้วโรงแรมก็เคี่ยวมาก อย่างว่าแหละ โอกาสทำเงินของเค้ากับทุกคนมีแค่ครั้งเดียว ทุกโรงแรมเลยจัดหนัก จัดเต็มกันทั้งนั้น ก็ว่าอยู่ว่าทำไมจัดตอนเที่ยง เพราะไม่มีโรงแรมไหนว่างเลย กว่าจะได้ไอ้โรงแรม 4-5 ดาวที่นี่ก็ยากมาก แค่เลือกโรงแรมก็เหนื่อยแล้ว กินเวลาหลายวัน ไหนจะดีลเรื่องต่าง ๆ กับโรงแรมอีก เพิ่งรู้เหมือนกันนะว่าไอ้ดอกไม้ตรงทางเดินทางเวทีไปตัดเค้กเนี่ยเค้าคิดคู่ละหมื่น!!!! 5 คู่ 1 แสน!!!!
ขอแอบยืมรูปมาจากเว็ปชาวบ้านมาให้ดูเป็นตัวอย่างซะหน่อย ทำให้เห็นกลีบดอกไม้สีชมพูกลายเป็นธนบัติสีเทา ๆ อย่างช่วยไม่ได้เลยตั้งแต่บัดนี้
แล้วไอ้ backdrop ซุ้มดอกไม้ที่ถ่ายรูปมันขั้นต่ำ 6 หมื่น!!!! แล้ว 6 หมื่นนี่คือธรรมดามาก ๆ ส่วนใหญ่ที่สวย ๆ คือเป็นแสน!!!
ยืมรูปมาจากหลาย ๆ เว็ป (อีกแล้ว)
แถมยังวุ่นกับเรื่องแพ็คเก็จถ่ายรูปนอกสถานที่ 2 ที่ รูปต่าง ๆ ช่างภาพวันงาน + ทำรูปให้อย่างจำกัด รวมชุดเจ้าสาวอีก สตูดิโอคิด 2 แสน!!!! เฮ้ย ยังคำนวณในใจว่ากี่หมื่นวะเนี่ย นี่ล่อหลักแสนเลยหรือนั่น
แล้วก็มีค่าจุกจิก บ้าบอ (มันอาจจะไม่บ้า) อีกบานตะไท เวลานั่งกินข้าวเที่ยง 1 ชั่วโมงที่คุยกันว่าทำไมถึงเหนื่อยคงบรรยายยังไม่ถึง 30% ของความเหนื่อยที่เพื่อนมีล่ะมั้ง
โอ้วแม่เจ้า งานแต่งนึงใช้เงินเป็นล้านก็ไม่อยู่มั้งเนี่ย คือว่าไม่เคยรู้มาก่อนน่ะนะว่ามันต้องใช้เงินเยอะขนาดนี้ และเหนื่อยมากขนาดนี้ เลยว่าจะช่วยเพื่อนในงาน เพื่อนบอกว่ามาเล้ย stanby เจอกันตี 4 นะ เฮ้ย พูดเล่นป่ะเนี่ย ตี 4 เนี่ยนะ ให้เราช่วยอะไรตั้งแต่ตี 4 ฟระ
ยังไม่รู้รายละเอียดเหมือนกัน แต่ยังไงก็ไปแน่นอน ต่อให้นัดตี 1 ก็จะไปช่วย ช่วยเพื่อน(ที่สนิทและเต็มใจจะช่วย)ทำไมจะทำไม่ได้ ครั้งหนึ่งในชีวิตของเค้า เหมือนที่เค้าทำให้เราพบธรรม ทำให้เราตื่นจากกิเลส โลภะ โทสะ โมหะ ครั้งหนึ่งในชีวิต มันทดแทนกันไม่ได้เลยกับการตื่นมาช่วยงานเพื่อนเพียงเท่านี้
ตอนที่เค้าไปค้นหารูปพวกดอกไม้ที่จะเอามาใส่บล็อค เลยเข้า facebook เพื่อนที่แต่งงานไปแล้ว เลยได้เห็นอัลบั้มล่าสุดคือที่เค้าไปงานแต่งพี่ชายสุดน่ารัก หน้าตาดี นิสัยดีในแผนกเรามา อึ้งมาเมื่อได้เห็นหน้าเจ้าสาว ไม่คิดว่าเค้าจะมาลงเอยกับคนนี้ คนที่เราเคยสนิทด้วยอยู่ช่วงนึง แล้วก็ต้อง fade ตัวเองออกมาห่าง ๆ เธอคนนี้
โอเคนะ เจ้าสาวเค้าน่ารักมากเลย หนุ่มคนไหนเห็นก็คงหลงรักกันทั้งนั้น แต่คนที่น่ารัก ไม่ได้มีนิสัยที่น่ารักเสมอไป หวังว่าเค้าคงปรับปรุง เปลี่ยนแปลงนิสัยที่ชอบบริหารเสน่ห์ผู้ชายทุกคนที่เข้ามาหาเธอและความงี่เง่าต่าง ๆ ของเธอไปแล้วนะ
คบกับเธอ ทำให้เรากลัวการคบเพื่อนที่น่ารักมาก ๆ แบบว่าใครเห็นก็ต้องเหลียวมองทุกคนไปเลย จริง ๆ คนที่ผู้หญิงที่หน้าตาน่ารักมาก ๆ ก็ไม่ได้ผิดนะที่เค้ามีนิสัยแบบนั้น ก็ทุกคน treat เค้าจนติดเป็นนิสัยต่างหาก
ดีนะไม่ได้ไปงานแต่ง ไม่งั้นหน้าเราคงเหวอน่าดูตอนเจอหน้าเจ้าบ่าวและเจ้าสาวหน้างาน เพราะเราไม่รู้มาก่อนเลยว่าเค้า 2 คนคบกัน เพราะตอนนั้นต่างกันต่างมีแฟนเป็นตัวเป็นตคบมาหลายปีนแล้วทั้งคู่ (แต่ถ้าหนุ่มคนไหนเข้ามาคุยกับเธอ ๆ จะบอกทันทีว่าเธอไม่มีแฟนตลอด ๆ)
จนบางครั้ง ตูเนี่ยแหละที่เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เจือกเอากระดูกมาแขวนคออีก ไม่สวยแล้วยังโง่ได้อีก แพ้คำอ้อนวอนเพื่อนอย่างไม่ลืมหูลืมตา
Facebook นี่มันทำให้คนเจือกเรื่องชาวบ้านจริง ๆ อย่างที่พี่ขาเม้าในออฟฟิศปัจจุบันเค้าพูดกันจริง ๆ บางครั้งไม่อยากดูก็ต้องได้ดู นี่ลบออกเป็นร้อยคนแล้วนะ คือใครที่เราคิดว่าอยากไม่อยากรู้เรื่องเค้าแล้วไม่อยากให้เค้ารู้เรื่องเราก็ลบ(แม่ง)ให้หมด เหลือไม่ถึง 50 คนตูยังต้องได้ดูบางรูปที่ไม่อยากดูอีก
อ้าว ออกไปไหนแล้วเนี่ย ยังคงเป็นเรื่องงานแต่งงานเหมือนกันใช่มั้ย
แต่ไม่เป็นไร สำหรับเรา เรื่องค่าใช้จ่ายงานแต่งเนี่ย สบายมาก เพราะในชีวิตอาจจะไม่ต้องจ่ายเงินพวกนี้ ไม่ใช่เพราะให้เจ้าบ่าวจ่ายให้นะ แต่เพราะไม่ได้แต่งต่างหาก
ฟังเรื่องเพื่อนระบายความเหนื่อยกายเรื่องงานแต่งเพื่อวันที่ชวนฝัน โรแมนติกและสวยงามที่สุดในชีวิตของเค้า ดีกว่ามาฟังเพื่อนระบายความเหนื่อยใจกับชีวิตหลังแต่งงานของเค้าล่ะเนอะ
Create Date : 07 มกราคม 2554 |
Last Update : 7 มกราคม 2554 22:30:16 น. |
|
1 comments
|
Counter : 8380 Pageviews. |
|
|
|
แต่ยังเราๆ นี่...จะได้แต่งมั้ยน้อออ อิอิ
แวะมาแซวเล่นค่ะ