การไปผ่าตัดย่อยที่ รพ คนเดียว โดยไม่มีใครไปรับส่งนี่เป็นเรื่องผิดปกติมากเลยหรือ
คือเรากำลังไปผ่าตัดเกี่ยวกับท่อน้ำตาอุดตันที่ตาข้างนึงน่ะ ที่เล่าไปหลาย ๆ ครั้ง เป็นมาร่วม 2 ปี เป็น ๆ หาย ๆ แต่ครั้งนี้หนักสุด เป็นมา 3 เดือนแล้ว ไม่หายเลย ทั้งหนอง ทั้งน้ำตาออกมาให้เราต้องเช็ดออกตลอดเวลา เลยตัดสินใจผ่ามันให้สิ้นเรื่อง (แต่ก็ไม่รู้ว่าผ่าแล้วมันจะดีขึ้นรึเปล่านะ เพราะอ่านมาหลายเคส ผ่าเสร็จก็เหมือนเดิม) แต่ก็นะ ดีกว่าทั้งกิน ทั้งหยอดยามาหลายโดส มันก็ไม่ดีขึ้นเลย แถมไปล้างท่อน้ำตาเจ็บโคด ๆ หลายรอบก็ไม่หาย
หมอก็บอกคร่าว ๆ ว่าผ่าแป๊บเดียว เปิดท่อน้ำตาดูดหนองออกมาก็เสร็จ ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็กลับบ้านได้ ไม่ต้องนอน รพ ไม่ต้องลางาน ไม่ต้องกังวล แต่ก็แอบกังวลเนอะ เป็นการผ่าตัดครั้งแรกในชีวิต ฟังเท่านี้ก็ไม่ได้ถามต่อ เกรงใจหมอ กลัวหมอรำคาญ เพราะเข้าใจว่าครั้งแรกในชีวิตของเรา แต่เป็นครั้งที่หมื่นของคุณหมอ
พอมาเล่าให้เพื่อน ๆ พี่ ๆ ฟัง ถามกันเป็นชุด ผ่ายังไง รักษาตัวยังไง เตรียมตัวยังไง ผลข้างเคียงเป็นยังไง นู่น นี่ นั่น ได้แต่บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน หมอพูดว่าแป๊บเดียวเสร็จ ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรทั้งก่อนและหลังผ่าตัด ไอ้เราฟังดังนั้นก็ตัดสินใจผ่า แล้วก็จะไปคนเดียว เพราะมันแป๊บเดียวเสร็จ ฉีดยาชาด้วย ไม่ใช่ยาสลบ ร่างกายก็ไม่ได้เจ็บป่วยตรงไหน แค่ปิดตาข้างเดียว ก็เดินไปขึ้นแท็กซี่หรือรถไฟฟ้ากลับบ้านได้ สบายใจ
แต่ทุกคนที่ไม่ใช่คนในครอบครัวก็บอกว่า ทำไมไม่เอาป๊า ม้าไปรอ หรือเอาใครไปด้วย จะอายุเท่าไหร่ไม่สำคัญ มันก็ควรจะมีคนไปด้วย เอิ่ม เรารู้สึกว่ามันไม่จำเป็นน่ะ ผ่าแป๊บเดียว ไม่ต้องนอน แต่ต้องไปถึง รพอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนผ่าตัด แล้ว รพ มันก็อยู่ในย่านธุรกิจ รถติดจะตาย ไกลบ้านด้วย แล้วให้พ่อกับแม่เสียเวลามาส่งมารอรับทำไมตั้งหลายชั่วโมง เราผ่าเกือบเย็น แต่ต้องไปสแตนบายรอตั้งแต่บ่าย แล้วพ่อแม่เราต้องไปรออย่างน้อย 3 ชั่วโมงที่ รพ เพื่ออะไร เค้าก็แก่แล้วด้วย แทนที่จะได้นอนกลางวัน การนั่งแกร่วรออยู่ที่ รพ มันไม่ใช่เรื่องสนุกเลยนะ แล้วผ่าเสร็จกว่าจะฝ่ารถติดมาและกลับบ้านได้ เราผ่าเสร็จก็แค่ปิดตาข้างเดียวให้เจ้าหน้าที่เรียกแท็กซี่กลับ ฝ่าคนเดียวก็พอแล้ว
ตอนที่ รพ โทรมาคอนเฟิร์มการผ่าตัด ก็ถามว่าต้องเตรียมตัวอะไรมั้ย เค้าก็บอกว่า ไม่ต้องแต่งหน้ามา ใส่เสื้อติดกระดุมหน้า แล้วพาญาติมาด้วย 1 คน เราบอกว่าเราไปคนเดียวได้มั้ย รพ ก็บอกว่ามันอันตรายที่จะขับรถกลับบ้านโดยปิดตาข้างเดียว เราบอกว่าเราจะกลับแท็กซี่อยู่แล้ว แล้วเซ็นผ่าด้วยตัวเองได้มั้ย งั้นเค้าก็บอกว่าโอเค
เราบอกป๊ากับม้าว่าเราจะผ่านะ หมอบอกอย่างงี้ แป๊บเดียวเสร็จ เร็วกว่ารอเข้าคิวตรวจกับหมออีกมั้ง เดี๋ยวจะไปเอง กลับเองนะ แม่ก็บอกว่างั้นดูแลตัวเองแล้วกัน นั่งพักให้รู้สึกปกติค่อยกลับบ้าน แต่ก็มีแอบถามว่าให้ไปด้วยมั้ย เราก็บอกว่าไม่ต้องหรอก เสียเวลา เพราะ รพ เค้าให้ไปรอก่อนตั้ง 2 ชั่วโมงก่อนผ่าแน่ะ เค้าก็โอเค
บ้านเราอาจจะแปลกก็ได้นะ เพราะเราก็เกรงใจพ่อแม่เรา ไม่อยากให้เสียเวลานั่งรอหลายชั่วโมง เค้าลำบากเพื่อเรามาตั้งแต่เรายังเด็กแล้ว ตอนนี้ทำงานได้ ประกันก็จ่าย ก็ไม่อยากให้เค้าต้องทำอะไรเพื่อเราให้ลำบากเค้าอีก
ป๊าเล่าให้ฟังว่า ตอนเรายังเรียนอยู่ม.ปลาย ป๊าก็ไปผ่าต้อคนเดียว นั่งแท็กซี่กลับคนเดียวเหมือนกัน ซึ่งเรื่องนี้เรายังไม่รู้เรื่องเลย
ตั้งแต่ไปเยี่ยมเพื่อนผ่าตัดที่ รพ แล้วต้องนอนค้างเนี่ย เราก็มีเคสเพื่อนคนเดียวเลยที่เราก็สนิทที่ไม่มีใครมาอยู่เป็นเพื่อน ซึ่งตอนนั้นเค้าผ่าต่อมทอนซิล ค้าง รพ 1 คืนเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วซึ่งเพื่อนก เราไปตอนค่ำวันนั้น เข้าไปในห้อง เห็นเพื่อนนั่งดูหนังอยู่คนเดียวก็ถามว่าพ่อกับแม่ล่ะ เค้าก็บอกว่าไม่ได้มาเฝ้า เพราะบ้านเค้าขายของชำ ก็ต้องมีคนอยู่ร้าน ปิดร้านก็คือขาดรายได้ แล้วผ่าคอ มือ เท้าก็ใช้งานได้ ไม่เห็นต้องให้ใครเสียเวลามาเฝ้าเลย เราก็รู้สึกว่าเนี่ยแหละ คือความคิดของเราเหมือนกันถ้าเราต้องนอนค้างที่ รพ บางครั้งพ่อกับแม่ที่มาเฝ้าจะป่วยแทนเราด้วยซ้ำ เพราะที่นอนก็ไม่สบายเท่านอนที่บ้าน เดี๋ยวพยาบาลก็มาตรวจมาให้ยาทุกชั่วโมง คนเฝ้าไข้ก็ไม่ได้นอนทั้งคืน ตอนกลางวันก็ต้องคอยคุยกับเพื่อน ๆ ลูกที่มาเยี่ยมอีก ถ้าต้องผ่าแล้วเราทำอะไรเองได้ มันก็ไม่จำเป็นที่จะให้คนในบ้านลำบากมาเฝ้านะเราว่า
แล้วเราก็ 30 แล้วด้วย โตแล้ว ทำอะไรคนเดียวได้ ดูหนังคนเดียว กินข้าวคนเดียว ดูคอนเสิร์ตคนเดียว หรือแม้กระทั่งเดินทางต่างประเทศคนเดียว ไปสนามบินคนเดียว เราก็ทำมาหมดแล้วโดยรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องปกติ ไม่เห็นต้องเดือนร้อนเพื่อน ๆ ญาติ ๆ ให้มารับส่งหรือทำตามใจสิ่งที่เราอยากไป อยากทำ โดยที่เค้าไม่ว่าง หรือไม่ได้เต็มใจอยากทำเพื่อเราเลย
หรือมันเป็นวิถีของคนโสดก็ไม่รู้นะ คือเราอาจจะเยอะเรื่องห้องน้ำและความสะอาดนะ แต่เรื่องใหญ่ ๆ พวกนี้ บอกได้เลยว่าเราชิลมาก ไม่ต้องดูแลเรามากเลย เพราะเราดูแลตัวเองได้ โดยไม่ได้รู้สึกน้อยใจหรือเป็นเรื่องผิดปกติใด ๆ มีใครอยากรับเซ้งต่อจากพ่อแม่เรามั่งมั้ย เอ๊ะ หรือว่านิสัยแบบนี้แบบนี้เนี่ย ควรจะอยู่เป็นโสดต่อไปดีนะ ฮา ๆ
Create Date : 24 สิงหาคม 2556 |
Last Update : 24 สิงหาคม 2556 12:54:53 น. |
|
3 comments
|
Counter : 4799 Pageviews. |
|
|
|