Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2555
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
26 มิถุนายน 2555
 
All Blogs
 
ทุกคนเข้าใจแล้วว่าทำไมอินี่ถึงหาปั๋วไม่ได้ กร๊าก ๆ

อันนี้ก็เป็นสิ่งที่พูดกันเล่น ๆ ในออฟฟิศเราน่ะนะ
แต่คงหมายความจริง ๆ

จริง ๆ เราไม่ได้อยากหาปั๋วหรอก
แต่เพราะเราโสดอยู่คนเดียว
แล้วพี่ ๆ ที่ออฟฟิศก็เป็นคุณแม่กันหมดแล้ว
เราเด็กสุด
คนก็จะชอบหาคู่ให้อยู่เรื่อย
เวลามีฝรั่งหน้าใหม่ ๆ มาดีลงานที่ออฟฟิศ
เราก็จะดี๊ด๊า ชี้ให้พี่ ๆ ดูว่าน่ารักจังเลยคนนี้ นู้น นี่ นั่น ตามประสา
แล้วก็จบไป 555
แต่ถามว่าอยากแต่งงานมั้ย
ไม่อยาก
อยากอยู่คนเดียว ตัดกรรมไปเรื่องนี้

พี่ ๆ ที่ออฟฟิศก็บอกว่า
ถึงน้องอยากมีปั๋ว แต่น้องก็คงหาปั๋วไม่ได้หรอกค่ะ
เพราะไม่มีผู้ชายคนไหนทนน้องได้เหมือนกัน จริงมั้ย ๆ ทุกคนพยักหน้า
เพราะน้องเยอะเกิน จู้จี้ จุกจิก ถ้าหาได้คงจะมีแต่ผู้ชายหูหนวกน่ะที่จะเอาน้อง
เอิ่ม ฟังแล้วก็น้อยใจเหมือนกันนะ
ตอนนี้
อยากจะลาออกไปเยอะกับที่อื่นซะตอนนี้เลย
พี่ ๆ จะได้ไม่ต้องทนกับหนูนาน
ขอเวลาหน่อยนะคะ
พี่น่าจะทนหนูอีก 6 เดือนถ้าหนูหางานใหม่ได้
หนูจะไม่เยอะให้พี่ ๆ รำคาญกันแล้วค่ะ
คงได้เวลาที่เราจะ move ไปอีกที่แล้วล่ะ

เหตุเป็นเพราะว่า
เรารักความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยมากกกก




สามารถดูได้จากห้องน้ำ ห้องนอนที่บ้านเราได้
หรือแม้แต่โต๊ะทำงานออฟฟิศเรา
ที่มันจะต้องสะอาด เรียบร้อย เป็นระเบียบ เก็บเข้าที่อย่างดีก่อนเรากลับบ้านทุกครั้ง
ประมาณนี้เลย (รูปภาพทั้งหมดเอามาจาก google นะจ๊ะ)





เราไม่เคยมีความคิดที่ว่า
ไม่ต้องเก็บก็ได้ เพราะเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ต้องกางออกมากระจัด กระจายรกใหม่อยู่ดี
พี่บางคนเค้าก็จะเรียงเต็มเป็นกอง ๆ แต่มันก็กระจายเต็มโต๊ะอยู่ดีประมาณนี้




เราจะเก็บเรียงเป็นตั้ง ๆ ไว้อย่างดีทุกครั้ง
โต๊ะเราจะโล่งที่สุดในบรรดาโต๊ะของพนักงานออฟฟิศทุกคน
เพราะมันจะสะดวกสำหรับเราที่จะมาเช็ดทำความสะอาดโต๊ะและอุปกรณ์ต่าง ๆ บนโต๊ะในเช้าวันรุ่งขึ้น






แล้วทีนี้
ความจู้จี้ จุกจิกที่พี่ ๆ ในออฟฟิศเห็น
มันมาจากที่เราบ่นและบอกผู้ชายในที่ทำงานเก็บข้าวของให้เป็นระเบียบหลังจากที่เค้าทำรกในห้องสาธารณะ ซึ่งส่วนใหญ่มันคือห้องครัว
คือในออฟฟิศเราเนี่ยก็จะมีฝรั่ง(ผิวสี)ที่เป็นคุณพ่ออยู่ด้วย
เราสนิทกะแกเหมือนกัน
แกเป็น family man ที่รักครอบครัวมาก
แต่ข้อเสียของแกก็คือ
มันคนที่หลุดทุกอย่าง
คือขี้ลืม ไม่เป็นระเบียบ ง่าย ๆ สบาย ๆ ไม่สนใจอะไร





คือถ้าเค้าไปง่าย ๆ บนโต๊ะทำงานของเค้า
ซึ่งเป็นที่ส่วนตัวของเค้า ไม่เกี่ยวกับเรา
เราจะไม่ว่า ไม่บ่นอะไรเลย
แต่เค้าจะมาง่าย ๆ ในห้องครัวซึ่งเป็นที่ส่วนรวมด้วย




มีตั้งแต่ซื้ออาหารมาแล้วก็กินแล้วก็วางถุงใส่อาหารไว้ตรงนั้น
ไม่เก็บใส่ถังขยะ
หรือเราจะมีตู้เก็บถุงพลาสติกสะอาด ๆ ไว้
แต่พี่แก ซื้ออาหารมัน ๆ มาแล้วอาหารมันก็หกเลอะเทอะใส่ถุง
พี่แกก็ไม่ทิ้ง แต่เอาเก็บเข้าตู้อย่างเงี้ย
มันน่าโมโหมั้ยล่ะ
แล้วเวลากินเสร็จก็ไม่ยอมล้างจาน

แรก ๆ เราทนไม่ได้ เราก็ล้างให้
แต่ล้างให้ทุกวัน ๆ ละหลายครั้งก็ไม่ไหว
เราก็บอกพี่แกว่ากินเสร็จแล้วก็ล้างด้วย
พี่แกก็บอกว่า ไม่เป็นไร แช่ไว้ก่อน เดี๋ยวชั้นล้าง
แต่พอเลิกงานไปดู ก็ยังอยู่ที่เดิม
พอบังคับให้ล้าง เพราะถ้าค้างไว้มีทั้งแมลงสาปและหนู
ซึ่งออฟฟิศเราเคยเจอมาแล้ว
ที่เปิดลิ้นชักทั้ง 3 ช่องมาแล้วเจอขี้หนูและฉี่หนูเต็มลิ้นชักมาร่วมเดือนกว่า 2 เดือนตั้งแต่สงกรานต์
เจอกันเกือบทุกคนยกเว้นพี่แก
เพราะพี่แกใช้โต๊ะแบบใหม่ที่ไม่มีช่องข้างหลังให้หนูมันเข้าไปได้
พี่แกเลยไม่สะทกสะท้าน เพราะไม่เจอกับตัว





ช่วงนั้นเราหลอน นอนไม่หลับไปเลย
เพราะไอ้ขี้หนูกับฉี่หนูในลิ้นชักและบนโต๊ะทำงานเราเนี่ยแหละ
เพราะอย่างที่บอก
เรารักสะอาดมาก
ช่วงนั้น ทุกเช้า เราต้องมาหัวเสียกับขี้หนูและฉี่หนู
แถมต้องมาทำความสะอาดและเช็ดแอลกอฮอลทุกเช้า
แล้วเช้าวันถัดมา มันก็มีใหม่ขี้นมาทุกวัน
เราไม่เข้าใจว่าคนอื่นมันไม่ทุกข์ ไม่ร้อนกันหรือยังไง
ไม่เห็นมีใครบ่นหรือพูดอะไรเลย
นอกจากถามกันว่ายังมีกันมั้ย
พอบอกว่ายังมี ทุกคนก็ไม่ใส่ใจ
แค่เอามันไปทิ้งและทำงานต่อ



แต่เราก็นั่งเช็ดแอลกอฮอลเข้าไปสิ
ซื้อทั้งยาหม่อง การบูร กลิ่นอโรม่า และสารพัดกลิ่นเพื่อไล่หนู
แต่มันไม่สำเร็จ
จนเราต้องผลักดันให้ออฟฟิศจ้างคนมากำจัดหนูในออฟฟิศเรา
ทั้ง ๆ ที่เราก็เด็กสุด แต่ดูเหมือนว่าจะเดือนร้อนสุด
แน่ล่ะสิ
มันทั้งสกปรกและเต็มไปด้วยเชื้อโรค
จะให้เราอยู่นั่งทำงาน 8-9 ชั่วโมงในออฟฟิศที่เต็มไปด้วยขี้หนูและฉี่หนูแบบนี้ได้ยังไง
สุขกายก็เสีย สุขภาพจิตก็เสีย หลอนกับมันไปเป็นเดือน


จนสำเร็จมีคนมาลองทากาวดักหนูเนี่ยแหละ
คืนนั้นก็นอนไม่หลับอีก
กลัวดักเจอ แล้วทำบาปกับมัน
เพราะเราเป็นต้นเหตุให้มันทรมาน เป็นคนจัดแจงให้เค้ามาทำ
แต่พอเช้าวันต่อมา
จับไม่เจอหนู
คาดว่าหนูมันฉลาด แล้วจากนั้นมันก็ไม่มารบกวนเราอีกเลย
แต่ใต้โต๊ะเราก็ยังไม่ถาดกาวดักหนูอยู่นะ





อ่ะ
กลับมาที่พ่อคนนี้ต่อ
ถ้ารบเร้าให้ล้างจานได้
วิธีที่พี่แกล้างจานส่วนรวมที่พี่แกใช้
เราอยากให้พี่แกเอาจานส่วนตัวมาใช้เลย
เพราะพี่แกเล่นล้างลวก ๆ น้ำเปล่า
เหมือนเอาให้น้ำไหลผ่านจาน แล้วก็คว่ำไว้ที่ผึ่งจาน
เวงกำ
ตูอยากจะอ้วก
นี่ไม่คิดจะล้างเลยเร๊อะ
คือแกก็บอกว่าชั้นง่าย ๆ สบาย ๆ
ทำไมยูต้องซีเรียสด้วย
แทบจะกรี๊ด




นี่ยังไม่รวมในตู้เย็นที่เก็บอะไรสารพัด
แถมของกินบางอย่าง
เก็บได้ทุเรศมาก
ไม่มีใส่กล่องหรืออะไรปิด
มันก็แข็งหมดสิ
พวกเค้กหรือขนมปังเงี้ย





บางครั้งพวกเรามีกินเค้กวันเกิด
แล้วพี่แกจะกินคนสุดท้าย
แล้วจัดแจงเก็บที่เหลือเข้าตู้เย็น
ถ้าพี่แกทำอย่างนั้น
คนต่อไปไม่ต้องกิน
เพราะพี่แกจะแช่เข้าไปทั้งเค้กแบบนั้นเลย
ไม่เอาใส่กล่องหรือห่อพลาสติกเพื่อให้เค้กไม่แข็งเลย
พอพวกเราจะมากินอีกวัน
สรุปว่าเค้กมันแข็งปั๋ง กินไม่ได้ ต้องทิ้งสถานเดียว ฮ่วย
บอกก็บอกไปแล้ว
แต่เค้าก็ไม่ทำ เค้าก็บอกว่าอย่าไปซีเรียส สบาย ๆ
เวง กรูไม่ได้กินเนี่ยสิ น่าหงุดหงิด
ถ้าของส่วนตัวจะไม่ว่าเล้ย







แต่ถ้าเป็นของส่วนตัวของพี่แก
เราก็ทนไม่ได้ต้องไปบ่นพี่แกเหมือนกันนะ
คือพี่แกซื้อขนมปังมาเงี้ย
แล้วพี่แกก็เอาออกมากิน
มีดหรือช้อนก็ไม่ยอมเอาออกมาตัดหรือหั่นนะ
เอาออกมากินงับไปคำนึงก็แช่ตู้เย็นต่อ
เราเปิดตู้เย็นมาถึงกับอึ้ง
แม่ง.. เมิงจะตัดให้มันดูดีหน่อยไม่ได้หรือไงวะ
ขนมปังวางหราเป็นรอยฟันกัดเลย ถ้าไม่ได้ห่อหุ้มอะไรอีกเหมือนเคย






หรือบางครั้งก็อุ่นแล้วกินอะไรที่มันกลิ่นแรงน่ะ
พี่แก่ก็ชอบกินอาหารพื้นบ้านมาก
ไม่ว่าจะเป็น ส้มตำ สะตอ ไข่มดแดง ข้าวคลุกกะปิ หรือแม้แต่ทุเรียน
ซึ่งของแต่ละอย่าง
เวลาเวฟเสร็จ กลิ่นมันโชยทั้งนั้น
แล้วครัวกับออฟฟิศเราก็ไม่มีประตูกั้น
ก็เหม็นมันทั้งออฟฟิศนั่นแหละ
เราก็จะเดินไปบ่นว่ามันเหม็น
เอาลงไปกินข้างล่างได้มั้ยไรเงี้ย

คือเราเป็นคนกินอาหารมาจากบ้านหรือข้างนอกอยู่แล้ว
เพราะเกรงใจคนในออฟฟิศ
จะกินก็แต่ขนมปัง คุกกี้ เค้ก ที่มันไม่มีกลิ่นอยู่แล้วน่ะ
เพราะทำอะไร เราก็นึกถึงคนในออฟฟิศเป็นหลัก
แต่ทำไมคนอื่นไม่คิดแบบเรามั่งก็ไม่รู้






แถมห้องน้ำอีก
คือฝรั่งเนี่ย
เวลาเค้าอึเนี่ย
เค้าจะปิดฝาชักโครกแล้วก็กดน้ำ







ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีที่คนไทยควรจะเรียนรู้นะ
เพราะตอนที่ชักโครกกำลังทำงานเนี่ย
มันจะนำเอาแบคทีเรียในอุนจิเราฟุ้งขึ้นมาด้วยถ้าเราเปิดฝาเอาไว้
แล้วถ้าเราเข้าห้องน้ำต่อแล้วเจอฝามันปิดไว้เนี่ย (เราใช้ห้องน้ำรวม)
เป็นอันเข้าใจว่าเค้าชักโครกแล้วลืมเปิดฝาขึ้น

แต่บางครั้งนะ
เปิดขึ้นนะ
เจอกองกระดาษทิชชู่ลอยอยู่
เดชะบุญไม่เจอทองด้วย
คือเค้ากดแล้วเค้าก็ลืมเปิด
แล้วก็เดินออกไปเลย ไม่กลับมาดูเลยว่ากดลงรึเปล่า
มันลงหมดรึยังอะไรอย่างเนี้ย

หลัง ๆ เริ่มรู้
ถ้าเข้าแล้วเห็นฝาปิดอยู่
เราจะชักโครกรอบนึงก่อนเปิดฝาเลย
จะได้ไม่ต้องรู้ต้องเห็นอะไรทั้งนั้น

เนี่ยดูสิ
แล้วจะไม่ให้เราหงุดหงิดปรี๊ดแตกวันละ 3 เวลาได้ยังไง






ถามว่า
อยู่บ้าน
มีคุณป๊ากับน้องชาย
เราปรี๊ดแตกมั้ย
เรื่องอื่นมีบ้าง
แต่เรื่องห้องน้ำเนี่ย
เราแยกห้องน้ำของเราใช้กับหม่าม้าเลย
แล้วเราจะไม่ใช้ห้องน้ำของพวกเค้าใช้ด้วย
แล้วห้องน้ำเราจะสะอาดมาก
เพราะเราเช็ด เราขัด เราถูทุกอย่าง
โดยเฉพาะอ่างล้างหน้า ที่เราขัดทุกวัน เช้าเย็นจนอ่างเงาวับ
ใครอย่าได้มาใช้ของเราแล้วทำสกปรกนะ
มีด่าเปิง

แต่หม่าม้าไม่ว่าละ
คงบ่นจนเหนื่อยไปเอง
ก็ได้แต่ยอมรับชะตากรรมต้องไปทำความสะอาดห้องน้ำของผู้ชายในบ้านไป

เราเลยไม่ค่อยปรี๊ด
จะปรี๊ดก็ต่อเมื่อ
ห้องน้ำเค้าไม่ว่าง แล้วเค้ามาใช้ห้องน้ำเรานั่นแหละ





แต่จะปรี๊ดตอนที่น้องวางของบนโต๊ะคอมหรืออีกโต๊ะนึงรกนั่นแหละ
น้องก็บอกว่าไม่ต้องเก็บลงลิ้นชักหรอก
ใช้ทุกวัน เดี๋ยวก็ต้องหยิบขึ้นมาใช้อีก
เราก็บอกว่าไม่ได้
ใช้ใหม่ก็แค่เปิดลิ้นแล้วก็หยิบขึ้นมา
มันจะยากตรงไหน อย่ามักง่าย
แล้วน้องชายก็เบื่อเราเหมือนกัน
เพราะเราจู้จี้ จุกจิกกับน้องชายเหมือนกับฝรั่งข้างโต๊ะเราเหมือนกัน






เราเป็นคนชอบอ่านหนังสือก่อนนอนนะ
แต่ทุกครั้งที่จะนอน
เราก็ต้องเอาหนังสือไปเก็บเข้าชั้นหรือลิ้นชักที่เราเอาออกมาทุกครั้ง
แม้จะรู้ว่าเรายังอ่านไม่จบ
แล้วอีกวันเราก็ต้องหยิบมันมาอ่าน
แต่เราก็ไม่เคยทิ้งมันไว้บนหัวนอนหรืออะไร

เหมือนกับการเก็บที่นอนนั่นแหละ
จะมาอ้างว่า เก็บทำไม เดี๋ยวก็ต้องกลับมานอนอีกคืนนี้อยู่ดี
มันเป็นข้ออ้างที่ชุ่ยมากในความคิดของเรา
แล้วมันจะทำให้เราปรี๊ดแตกและจะบ่นใส่ด้วย







เราว่าคำว่า "ง่าย ๆ สบาย ๆ" นี่มันย่อมาจาก "มักง่าย" นั่นเอง

แล้วเราจะหาผู้ชายเพื่อจำทำให้อารมณ์เรากระเจิงวันละ 3 เวลามาทำด๋อยอะไร

แล้วช่วงนี้ตาราง work life balance เราลงตัวมาก
เพราะเราเริ่มมาวิ่งทุกวันทำงาน ตอนหลังเลิกงานมาได้ 2 เดือนละ
จากผู้หญิงที่เกลียดการออกกำลังกายมาก
แล้วไม่เคยเชื่อว่าถ้าออกทุกวันแล้วมันจะติดไปเอง
วันไหนไม่ได้ออก จะหงุดหงิด อยากไปออก
เราไม่เคยเชื่อเลย
แต่พอมาลองกับตัวเองจริง ๆ
ลองกัดฟันไปมันทุกวันติดต่อกัน 2 อาทิตย์
เฮ้ย
ไม่น่าเชื่อ
มันจะติดการออกกำลังกายจริง ๆ
เราไม่ได้วิ่งเยอะเลยนะ
วันละ 20 นาทีประมาณ 1 รอบสวนลุมเองยังติดเลย
ให้วิ่งมากกว่านี้ก็ไม่ไหว ทำได้แค่นี้ แหะ ๆ

ตารางสุขภาพเราคือ
หลังเลิกงาน
เราจะไปวิ่งสวนลุม ไม่ได้วิ่งหรือปั่นจักรยานในฟิตเนส
แล้วก็อาบน้ำกลับบ้าน




ถึงบ้านก็เม้ากับหม่าม้าเรื่องชีวิตประจำวันกัน
แล้วก็เปิด youtube ไป บิดเอวกับกระโดดเชือกไป
เสร็จแล้วก็กินกล้วยกับน้ำมะพร้าว
แล้วก็ไปอาบน้ำ ประคบร้อนสมุนไพรที่บ่าแล้วก็ทำโยคะนิดหน่อยบนเตียง
แล้วก็นอนไม่เกิน 3 ทุ่ม





เราไม่กินข้าวเย็นมาหลายปีแล้ว
แต่ก็ไม่ผอมนะ
แต่ถ้าลองได้กิน อ้วนขึ้นมาอย่างน้อยครึ่งกิโลทันตาเลย
ถ้าจะกิน ก็อาจจะกินวันเสาร์ อาทิตย์ก่อน 5 โมงเย็น
เพราะเรานอน 3 ทุ่ม

ขนาดนัดเจอเพื่อน
ทำเอาตารางกิจกรรมเพื่อสุขภาพของเรารวนหมดเลย
อย่างมากก็ได้วิ่งหลังเลิกงานแล้วอาบน้ำไปเจอที่ร้านอาหาร
กินข้าว เม้า ๆ
กว่าจะกลับถึงบ้านก็ 4 ทุ่ม
กว่าจะได้นอนอีก
เลยเวลานอนเราไปแล้ว
ทำให้อีกวัน เราไปทำงานแบบสะลึมสะลือ น้ำมูกไหล คันตา
เพราะเราเป็นภูมิแพ้ ต้องนอนเยอะ ๆ

แล้วถ้ามีแฟน
โห
กว่าจะได้เจอกัน
เจอกันต้องกินข้าวอีก
กำลังก็ไม่ได้ออก แถมยังต้องเอาแคลอรี่เข้าไป
มิน่า ช่วงมีแฟนอ้วนเอา ๆ สุขภาพจิตก็แย่
เพราะเมื่อใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ มีห่วง โอ๊ย สารพัด

สรุปว่า
อยู่คนเดียวนั่นแหละ ดีสุดละ แหะ ๆ
แล้วก็หางานที่ใหม่ ไปเริ่มต้นนิสัยใหม่
พยายามไม่เยอะกับที่ทำงานใหม่พร้อมเงินเดือนที่สูงกว่าดีกว่า
เอ๊ะ
หรือจะไปเยอะที่ตะวันออกกลางดี
ได้ข่าวว่าไปทำงานที่โน่น เงินเดือนเยอะ ที่อยู่บ.ออกให้ด้วย
ไปขุดทองที่นั่นถ้าจะดี
แถมเราก็โสด ไม่มีภาระหรือความกังวลใจใด ๆ ในการส่งตัวเองออกไปด้วย





Create Date : 26 มิถุนายน 2555
Last Update : 26 มิถุนายน 2555 15:24:38 น. 5 comments
Counter : 9882 Pageviews.

 
เยอะ ^o^


โดย: แม่ทัตโกะ IP: 119.42.65.31 วันที่: 26 มิถุนายน 2555 เวลา:14:52:10 น.  

 
เราก็มีนะคะ อาการเจ้าระเบียบ บางทีก็หงุดหงิดเวลาคนอื่นทำรกในที่ที่ใช้ร่วมกัน หงุดหงิดเวลาแฟนมาหาแล้วทำรกเลอะเทอะ
แต่เราก็ทำใจไปน่ะค่ะ คิดเอาซะว่าชีวิตเรามีบางส่วนที่ต้องแชร์กับคนอื่นเนอะ ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ไม่ต้องไปมอง ไม่ใช้เลยได้ยิ่งดีค่ะ เวลาเราไม่มาคอยทำความสะอาดให้เค้าจะได้รู้ซะบ้าง

แต่ก็ไม่อยากให้คุณ จขบ. บ่นเพื่อนที่ทำงานเยอะๆ เพราะว่านอกจากสุขภาพจิตเราจะไม่ดีแล้ว เราก็ยังจะถูกพวกเค้าเขม่นเอา อาจจะส่งผลกระทบเรื่องงานค่ะ

ทำใจให้สบาย สู้ๆ นะคะ


โดย: Hypnoticalita วันที่: 26 มิถุนายน 2555 เวลา:15:57:48 น.  

 
ปล่อยวางบ้างเถอะค่ะ...ท่าทางจะเหนื่อยนะคะชีวิต..


โดย: simplyusana วันที่: 26 มิถุนายน 2555 เวลา:19:25:25 น.  

 
^o^


โดย: naray14 วันที่: 30 มิถุนายน 2555 เวลา:14:31:29 น.  

 
แค่อ่าน ก็เหนื่อยแทนแล้วคะ
สู้ๆคะ เพราะที่พี่ทำมันถูกต้องทั้งหมด เห็นด้วยอย่างแรง เพื่อนที่ทำงานอ้อยก็ประเภทนี้คะ ฉันกินเสร็จก็ทิ้งลงอ่างเลย ให้แม่บ้านมาทำ บางครั้งแม่บ้านลืมก็ไปล้างเอง ซองขนม แก้วกาแฟเย็น ชาเย็นก็ทิ้งลงพื้นไปรอแม่บ้านมาปัดกวาด ซึ่งก็วันรุ่งขึ้นเห็นแล้วก็เซ็งจิต ก็ต้องลุกมาทำเอง แต่ที่อนาจใจสุดๆ ก็เอาลูกมาที่ทำงานแล้วเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก ลืมทิ้งไว้ในห้อง (จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้เพราะหลักฐานไปเจอในซอกใต้อ่างล้างมือ) กลิ่นโชยนะคะเลยหาสาเหตุ ยังไม่รวมกับลูกๆของเจ้านายอีกที่ขยันทำแต่เรื่องรกๆๆๆๆๆอีกนะคะ


โดย: อ้อย IP: 110.171.39.65 วันที่: 7 กรกฎาคม 2555 เวลา:10:27:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนูลีลี
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 94 คน [?]




ไม่อินกับการเขียนบล็อคมาตั้งแต่บล็อคสุดท้ายปี 2561 แล้วค่า
Friends' blogs
[Add หนูลีลี's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.