เปิดสวิตซ์ความสุข มาเริ่มสร้างความสุขด้วยวิธีง่าย ๆ 75 ข้อกันเถอะ
หนังสือ เปิดสวิตซ์ความสุข
สำนักพิมพ์: ฟรีมายด์ ผู้แต่ง: โมโรโทมิ โยชิฮิโกะ ผู้แปล: วิลาสินี รัตนเรืองไร พิมพ์ปี: 2555 หนา: 219 หน้า ราคาปก: 195 บาท
อ่านจบไป 2 รอบ มันเป็นหนังสือที่น่ารักมากเลยนะ
เป็นหนังสือแปลจากประสบการณ์ของการเป็นที่ปรึกษาทางจิตวิทยาญี่ปุ่น มันเป็นวิธีสร้างความสุขง่าย ๆ ใกล้ตัวที่เราอาจจะคิดไม่ถึง แต่ละหัวข้อก็แค่ 2 หน้าสั้น ๆ จริง ๆ ถ้าไม่รวมรูปภาพ เนื้อหาแต่ละข้อมีเพียงครึ่งหน้าเท่านั้น อ่านง่าย ใช้ได้จริงทุกข้อ แล้วมันเป็นเกือบร้อยข้อ!!!
ไม่ว่าเราจะเป็นคนขี้เหงา ขี้เบื่อ ขี้โกรธ คิดมาก กังวล ฟุ้งซ่าน จิตตก เจอแต่เรื่องแย่ ๆ หนังสือเล่มนี้จะเป็นเพื่อนคู่คิด เป็นคู่มือแปรเปลี่ยนอารมณ์เหล่านั้นให้ดี่ขึ้น ขอแค่เพียงเราตั้งใจอ่านวิธีเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นอย่างตั้งใจ และทำความเข้าใจมันเท่านั้นเอง
เราเอาติดกระเป๋าไว้อ่านตอนนั่งรถไฟฟ้า อ่านได้วันละหลาย ๆ ข้อ จะบอกว่ามันเป็นสิ่งที่ผ่อนคลายมาก บางข้อก็อ่านผ่าน ๆ กลับมาอ่านอีกรอบอย่างตั้งใจก็จะเห็นว่าแต่ละข้อมันเจ๋งดีนะ แต่บางครั้งถ้าอ่านอย่างไม่ตั้งใจ เราจะรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งละอันพันละน้อยที่หาได้ทั่ว ๆ ไป แล้วทำไมเราคิดไม่ถึงล่ะ
ขนาดเราอ่านรอบแรกแบบผ่าน ๆ เราได้ติดใจหลายข้อหลังจากอ่านจบเลย
เช่น
การพูดให้ช้าลงกว่าปกติ ทำให้คนฟังรู้สึกว่าเราสุภาพมากกว่าพูดเร็ว ๆ แล้วน้ำเสียงเราจะห้วน ๆ
เวลาเราหัวเสีย ให้เราคิดว่า "สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตของเราคืออะไร?" เราจะมีโฟกัสมากขึ้น แล้วจะไม่ไปหงุดหงิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องที่มันไม่ได้สำคัญกับชีวิตเราหรือเป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องแคร์
หรือให้เหยียดแขนทั้ง 2 ข้างขึ้นพร้อม ๆ ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วค่อย ๆ บอกตัวเองว่าเราค่อย ๆ มีความสุขมากขึ้นซัก 30 วินาที เราจะรู้สึกโล่ง โปร่ง สบาย แล้วความสุขก็ค่อย ๆ ถูกชาร์ตขึ้นร่างกายและจิตใจเราภายใน 30 วินาที
หรือถ้าเรารู้สึกเครียด เหนื่อย มีความรู้สึกลบต่าง ๆ เวลาอาบน้ำ ให้คิดว่าน้ำจากฝักบัวค่อย ๆ ชำระสิ่งแย่ ๆ เหล่านั้นไหลไปกองที่ท่อระบายน้ำ
น่ารักมั้ยล่ะ มันดูทั่วไป แต่เราคิดกันได้มั้ยล่ะ
เราชอบเรื่อง power spot นะ เค้าให้หาที่ ๆ เราอยู่แล้วรู้สึกมีพลังดี ๆ หรือรู้สึกว่าจิตใจสงบ เวลาเรารู้สึกไม่ดี ให้ไปที่นั่น อาจจะไม่ต้องถึงกับไปทะเลหรือเข้าป่าก็ได้นะ ห้องบางห้อง หรือต้นไม้ ดอกไม้ใกล้ ๆ ตัวก็ทำให้เรารู้สึกดีได้เหมือนกัน
แต่มีอยู่ 2 ข้อที่ติดใจเรามากหลังจากที่เราอ่านหนังสือเล่มนี้จบ
อันแรกก็คือ เวลาที่เราอยู่ในช่วงที่ยากลำบากในชีวิต รู้สึกเหมือนมีแต่เรื่องแย่ ๆ ประดังเข้ามากเหมือนคลื่นพายุที่โหมกระหน่ำเข้ามาอย่างไม่สิ้นสุดจนเราไม่ไหวแล้ว ให้คิดว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เพราะไม่มีท้องฟ้าใดที่ไม่สว่าง ขนาดดอกไม้ เวลามันจะผลิบาน มันยังต้องอาศัยทั้งความมืดและแสงแดด ก่อนที่ดอกไม้จะผลิบาน มันก็ต้องอยู่ในความืดมิดมาก่อน เราอาจจะกำลังผลิบานอยู่ก็ได้ เพราะความมืดเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโต
อ่านจบแล้วต้องเอาเศษกระดาษมาคั่นไว้เลย กะว่าจะปริ๊นท์แปะไว้หน้าคอม หน้าประตู รวมถึงบนหัวเตียงเลยทีเดียว
อีกข้อหนึ่งก็คือทฤษฎีกระจก เวลาใครพูดอะไรให้เราเสียความรู้สึก เสียใจ รู้สึกแย่ จิตตก แท้จริงแล้ว คำพูดเหล่านั้นครึ่งหนึ่ง เป็นคำพูดที่เกิดจากความหวังดี และอีกครึ่งหนึ่ง เป็นคำพูดที่คนพูดนั้น พูดกับตัวเอง ในสถานการณ์แบบนี้ ลองกลายเป็นกระจกวิเศษ แล้วจินตนาการว่า สิ่งที่ถูกว่ากล่าวมานั้น ครึ่งนึงจะถูกสะท้อนกลับไปยังผู้พูด แล้วอีกครึ่งนึง ให้กระจกกลายเป็นกระจกใส แล้วให้สิ่งนั้นผ่านตัวเราไป วิธีนี้ เราสามารถมีความสุขได้โดยไม่ต้องแบกรับความเสียใจโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าคำพูดนั้นจะทิ่มแทง ทำให้เราเจ็บปวดแค่ไหน ลองใช้วิธีนี้ดู เราก็จะผ่านมันไปได้อย่างไม่ยากเย็น
เราอ่านแล้วก็อึ้ง มันเจ๋งจังเลย เราไม่เคยคิดแบบนี้เลย ยังมีเรื่องดี ๆ เกือบร้อยหัวข้อรอให้เราเอาไปปรับใช้ ให้เพื่อนแต่ละคนยืม ทุกคนชอบกันหมด แม้แต่คนไม่ชอบอ่านหนังสือก็ยังบอกว่าชอบ เพราะมันสั้น ๆ อ่านง่าย ไม่ต้องใช้สมาธิเยอะ แต่ละคนก็ชอบในหัวข้อไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่าเรามีประสบการณ์สั่งสมแบบไหน แล้ววิธีไหนจะเหมาะกับเรา บางคนก็จะชอบเรื่องการให้รางวัลกับตัวเอง บางคนก็จะชอบเรื่องการคุยกับตัวเองเมื่อตอนเป็นเด็ก บางคนก็จะชอบเรื่องบังเอิญ บางคนก็จะชอบเรื่องการผ่อนคลาย
มันเป็นหนังสือที่ควรซื้อเก็บไว้อ่าน แล้วก็ apply จริง ๆ ที่เรายกตัวอย่างมาเป็นแค่บางส่วนเท่านั้นเอง
ถ้าเราสามารถทำได้อย่างน้อยครึ่งนึงของทุกหัวข้อ รับรองว่าเรามีความสุขเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลยทั้งยามหลับ และยามตื่น ขอให้ทุกคนมีความสุขกับสิ่งง่าย ๆ ในทุก ๆ วันค่ะ
Create Date : 31 สิงหาคม 2555 |
|
3 comments |
Last Update : 8 กันยายน 2555 16:43:09 น. |
Counter : 4718 Pageviews. |
|
|
|
เดี๋ยวไปหาซื้อมาอ่านด้วยคน ^^