----//----
----//----
วิดีโอตัวอย่าง
เมดิคัลทัวร์ของอินเดีย ซึ่งนอกจากจะเชี่ยวชาญด้านการรักษาพยาบาลแล้ว
ยังทำการโปรโมตตัวเองด้วยการนำข่าวของบริษัทขึ้น 'YouTube' เต็มไปหมด
(ถ้าต้องการชมภาพใหญ่ ให้คลิกที่ภาพ จะชมภาพใหญ่ได้ที่ยูทูบ)
...
ข้อมูลจากศูนย์บริการสุขภาพฟอร์ติส รายงานว่า ในช่วงปี 2009-2014 หรือ พ.ศ. 2552-2557, ค่าใช้จ่ายสุขภาพในเอเชียจะเพิ่มขึ้นดังต่อไปนี้
(ตัวเลขแถวแรกเป็นร้อยละ, แถวหลังในวงเล็บเป็นจำนวนเงิน
หน่วยพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ / $billion -
สาเหตุที่ญี่ปุ่นใช้เงินเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากเป็นประเทศที่ค่อนข้างรวย
และมีคนสูงอายุในสัดส่วนสุงมาก)
...
(1). จีน 16.7% > 268.8 (หน่วยพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ)
(2). อินเดีย 16.3% > 72.6
(3). อินโดนีเซีย 15.5% > 16
(4). ฟิลิปปินส์ 14.7% > 6.2
(5). เกาหลีใต้ 12% > 37.3
(6). มาเลเซีย 10.3% > 5.2
(7). สิงคโปร์ 10.3% > 4.6
(8). เวียดนาม 9.6% > 1.9
(9). ไต้หวัน 9.3% > 14
(10). ไทย 8.4% > 4.3
(11). ญี่ปุ่น 5.1% > 100
...
อาจารย์มาลวิ
นเดอร์ ซิงห์ (Malvinde Singh) อดีตเจ้าของบริษัทยายักษ์ใหญ่ 'Ranbaxy
Laboratories' ในอินเดีย เพิ่งย้ายบ้านจากนิวเดลีไปสิงคโปร์
ท่านเพิ่งขายบริษัทยาฯ ของครอบครัวให้บริษัทยาจากญี่ปุ่นในปี 2552, ตอนนี้กำลังจะขยายธุรกิจบริการสุขภาพไปทั่วเอเชีย
...
เร็วๆ นี้ท่าน
เพิ่งพลาดการต่อรองเพื่อซื้อกลุ่ม 'Parkway Holdings'
ซึ่งบริหารกลุ่มโรงพยาบาลเอกชนในภูมิภาคซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ในสิงคโปร์ไป
โดยกลุ่ม 'Sovereign Wealth Fund' ของมาเลเซียซื้อไป
อ.ซิงห์ซึ่งจบ MBA จากมหาวิทยาลัยดุค, นอร์ต ดาโกตา, สหรัฐฯ
ลงทุนซื้อธุรกิจด้านการรักษาพยาบาลเกือบ 1,000 ล้านดอลลาร์ฯ ใน 2
ปีที่ผ่านมา
...
แนวคิดของท่าน
คือ อินเดียซึ่งมีประชากรกว่า 1,100 ล้านคน
เกือบทั้งหมดไม่มีหลักประกันสุขภาพ ทำให้อินเดียมีขนาดของตลาดที่ใหญ่มาก
แถมยังมีค่าแรงถูก เหมาะกับการทำเมดิคัลทัวร์
รับคนไข้ต่างชาติเข้าไปรักษาพยาบาล
ถ้ารวมคนจีน 1,300 ล้านคน, อินโดนีเซีย 227 ล้านคนแล้ว... ยิ่งมีขนาดของลูกค้าใหญ่ขึ้นไปอีก
...
อ.ซิงห์และน้องชาย (ศรีวินเดอร์ - Shivinder) ขายกิจการบริษัทแรนแบกซี (Ranbaxy - น่าจะมีชื่อมาจากผู้ก่อตั้ง คือ Ranbir & Gurbax Singh), บริษัทนี้ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2480 โดยเริ่มเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัทยายาในญี่ปุ่น (Shionogi)
ต่อมา ดร.พาร์วินเดอร์ ซึ่งจบการศึกษาจากสหรัฐฯ เข้าไปทำงาน และเปลี่ยนแนวของบริษัทไปสู่การผลิตยา
...
การแข่งขันกันขายยาราคาถูกรุนแรงขึ้นเรื่้อยๆ ทำให้กำไรของแรนแบกซีลดลงไป 2/3 ในปี 2548, แถมยังทำให้ราคาหุ้นตกไปเกือบครึ่ง
ตระกูลซิงห์จึงตัดสินใจขายกิจการให้บริษัทยายักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นคือ ไดอิชิ
ซังเกียว เป็นเงิน $2.3billion = 73,600 ล้านบาท โดย อ.ซิงห์ยังคงได้บริหาร
...
อ.ซิงห์เลิก
บริหารบริษัทยาหลังจากที่ FDA (อย.สหรัฐฯ) แบนยาไปหลายสิบรายการ
และหันไปทำกิจการกลุ่มสุขภาพ 'Fortis Healthcare' ซึ่งตั้งชื่อตามภาษากรีก
(Fortis = force = ความแข็งแรง)
บริษัทฟอร์ติสเริ่มจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งเดียว และขยายกิจการไปเป็นเครือข่ายโรงพยาบาล-คลินิกรวม 48 แห่ง
...
ปี 2552
ตลาดสุขภาพของอินเดียมีขนาดประมาณ $38billion = 121,600 ล้านบาท
ซึ่งดูได้จากยอดคนไข้เบาหวานที่มีมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากจีน
คนอินเดียใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลเฉลี่ย $55/คน/ปี = 1,760 บาท/คน/ปี
...
อ.ซิงห์กล่าว
ว่า โรงพยาบาลในอินเดีย 70% เป็นของรัฐ, 30% เป็นของเอกชน แถม
รพ.เอกชนเกือบทั้งหมดมีขนาดเล็กกว่า 30 เตียง (รพ.อำเภอในไทยขนาดเล็ก คือ
30 เตียง)
รพ.ในเครือของ Fortis จะเน้นการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดจำนวนวันนอนให้น้อยลง เพื่อให้รักษาคนไข้ใหม่ได้มากที่สุดเสมอ
...
นอกจากนั้นยัง
ลงทุนสร้าง รพ.ใหม่อีก 10 แห่งในช่วงปี 2548-2552 และในเดือนมีนาคม 2553
ก็ขยายปีกออกนอกประเทศ โดยเข้าไปซื้อหุ้นกลุ่มกิจการ 'Parkway' ซึ่งมี
รพ.ในมาเลเซีย จีน และอินเดีย 24%
ลูกค้าของกลุ่ม 'Parkway' (มีศูนย์กลางอยู่ที่สิงคโปร์) มีคนไข้เมดิคัลทัวร์จากต่างชาติมาถึง 1/3, ส่วนใหญ่มาจากอินโดนีเซีย
...
และเมื่อมีโอกาสทำกำไร... อ.ซิงห์ก็ขายหุ้นพาร์คเวย์ทิ้งไป ทำให้มีความเป็นไปได้ว่า อ.ซิงห์น่าจะกลับไปลงทุนใหม่ในฐานที่ตั้งเดิม คือ อินเดีย
เมืองไทยคงจะต้องผลิตบุคลาการหลายๆ ด้านให้มากขึ้น
เพื่อรองรับการแข่งขันนี้ให้ได้ โดยเฉพาะหมอฟัน พยาบาล หมอฝังเข็ม
เนื่องจากต่อไปคนสูงอายุจะมากขึ้น และโรคเรื้อรัง เช่น ความดันเลือดสูง
เบาหวาน ฯลฯ เพิ่มขึ้น ทำให้ต้องใช้การดูแลรักษาเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
...
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
...
ที่ มา
-
Thank [ nytimes ]
-
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร ลำปาง. 29 สิงหาคม 2553.
-
ข้อมูล
ทั้งหมดเป็นไปเพื่อ การส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค
ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูงจำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแล
ท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้.