เดิมเราเชื่อ
กันว่า วิตามิน D มีหน้าที่เฉพาะเรื่องกระดูกกับแคลเซียม
โดยไปช่วยเพิ่มการดูดซึมแคลเซียม รักษาระดับแคลเซียมในเลือด
และช่วยให้กระดูกแข็งแรง
การ
ศึกษาใหม่ๆ พบว่า วิตามิน D ส่งผลต่อการทำงานของเนื้อเยื่อต่างๆ
ไปทั่วร่างกาย เช่น มีตัวรับวิตามิน D
ในเซลล์กล้ามเนื้อหัวใจและกล้ามเนื้อทั่วไป ฯลฯ [ drmirkin ] & [ harvard ]
...
คนทั่วโลกประมาณ 1,000 ล้านคนจาก 6,868,165 คน คิดเป็น 14.56% ขาดวิตามิน D, หรือคนบนโลก 7 คนจะมีคนขาดวิตามิน D จำนวน 1 คน [ census ]
ภาวะ
ขาดวิตามิน D เพิ่มเสี่ยงโรคกระดูกโปร่งบางหรือกระดูกผุ
(ขนาดที่ป้องกันได้ดี คือ 800 หน่วยสากล(IU)/วัน
หรือประมาณเท่าวิตามินรวมทั่วไป 2 เม็ด ลดเสี่ยงกระดูกหักได้ประมาณ 20%),
โรคหัวใจ มะเร็งหลายชนิด โรคติดเชื้อ เช่น ไข้หวัดใหญ่ วัณโรค ฯลฯ
...
วิตามิน
D ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นทั้งในนักกีฬา และคนสูงอายุ,
กล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้นจะทำให้หกล้มน้อยลง
และโอกาสกระดูกหักจากการล้มลดลง
วิตามิน D เป็นกลุ่มวิตาิมินที่ละลายในน้ำมัน (A, D, E, K), ต้องกินพร้อมอาหารไขมันต่ำจึงจะดูดซึมได้ดี
...
การศึกษาหนึ่ง
พบว่า การกินวิตามิน D ขนาดสูงครั้งเดียวเพิ่มเสี่ยงกระดูกหัก,
กลไกที่อาจเป็นไปได้ คือ เมื่อร่างกายได้รับสารอาหารขนาดสูง
จะปรับตัวลดการดูดซึมไปอีกนาน ทำให้ขาดวิตาิมินในระยะยาว
ทางที่ปลอดภัย คือ ควรกินวิตามิน D ขนาดไม่สูงเป็นประจำ
...
คนที่ขาด
วิตามิน D เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจ 2 เท่า, กลไกที่เป็นไปได้ คือ
ภาวะขาดวิตามิน D เพิ่มเสี่ยงโรคความดันเลือดสูง และหลอดเลือดแดงเสื่อมสภาพ
คน
ที่ขาดวิตามิน D เพิ่มเสี่ยงมะเร็ง เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ ต่อมลูกหมาก
เต้านม ฯลฯ, ภูมิต้านทานโรคลดลง เสี่ยงโรคติดเชื้อ เช่น วัณโรค ไข้หวัดใหญ่
(ถ้าได้รับมากพอ, อาจลดเสี่ยงได้ถึง 40%) ฯลฯ, โรคมัลทิเพิล ไมอีโลซิส
(multiple myelosis / MS - ปลอกประสาทเสื่อมสภาพ), เบาหวานชนิดที่ 1
(พบในเด็กหรือคนอาุยุน้อย),
...
กลุ่มคนที่เสี่ยงต่อการขาดวิตามิน D สูงได้แก่ [ harvard ]; [ harvard ]; [ NIH ]; [ WHfoods ]
(1). คน
ที่อยู่เหนือเส้นสมมติที่ลากผ่านซานฟรานซิสโก-ฟิลาเดลเฟียในสหรัฐฯ
และเส้นสมมติที่ลากผ่านเอเธนส์ (กรีซ) ไปปักกิ่ง (จีน) > สรุป คือ
เขตอบอุ่นตอนเหนือและเขตหนาว
(2). ได้รับแสงแดด (อย่างน้อยควรเปิดแขนที่ไม่ทายากันแดด) น้อยกว่า 15 นาที/วัน
- เมฆหนาทึบลดปริมาณ UV ลง 50%
- ร่มเงาลดปริมาณ UV ลง 60%
(3). ผิวสีเข้ม
(4). ทายากันแดด > ยากันแดดลดปริมาณ UVB ที่ใช้ในการสังเคราะห์วิตามิน D ลงไปมากกว่า 90%
(5). น้ำหนัก
เกินหรืออ้วน > วิตามินนี้ละลายในน้ำมัน,
เมื่อน้ำมันในร่างกายมีมากขึ้นจะทำให้วิตามินสูญเสียไปกับการละลายในเนื้อ
เยื่อไขมันมากขึ้น เหลือที่ใช้งานได้น้อยลง
(6). อายุมากขึ้น (มากกว่า 50 ปี) > การสังเคราะห์วิตามินที่ผิวหนังลดลง การแปรรูปให้วิตามินทำงานได้ดีขึ้นที่ตับและไตลดลง
(7). อยู่หลังกระจกทั้งวัน > กระจกส่วนใหญ่ยอมให้ UVA ผ่านได้ ทว่า... ไม่ยอมให้ UVB ที่ช่วยสร้างวิตามิน D ผ่าน
(8). สวมเสื้อแขนยาว > ทำให้ผิวหนังได้ัรับแสงแดดน้อยลง
(9). ได้
รับวิตามิน D จากอาหารน้อย เช่น นม โดยเฉพาะนมเสริมวิตาิมิน D,
น้ำมันตับปลาหรือตับ (การกินขนาดสูง หรือกินนานอาจทำให้เกิดพิษจากวิตามิน A
เกินได้), ปลาทะเล, กุ้ง, ไข่ ฯลฯ
(10). ภาวะที่ผิวแห้งจากการใช้สบู่มากหรือนานเกิน อาบน้ำอุ่นหรือแช่น้ำอุ่น คนสูงอายุ ทำให้การสังเคราะห์วิตามิน D ที่ผิวหนังลดลง
ปกติร่างกายต้องหลั่งสารก่อนวิตามิน D ไปในไขมัน สังเคราะห์เมื่อถูกแดด แล้วจึงดูดซึมไขมันกลับพร้อมกับรับวิตามิน D
...
วิธีป้องกันการขาดวิตามิน D ที่สำคัญได้แก่
(1). รับ
แสงแดดอ่อน (ก่อน 9.00 น. หรือหลัง 16.00 น.) 15 นาที/วัน
สวมเสื้อแขนสั้นหรือกางเกงขาสั้นเมื่อออกไปรับแสงแดดอ่อน และไม่ทายากันแดด
(2). ระวังอย่าให้น้ำหนักเกินหรืออ้วน
(3). กินอาหารที่มีวิตามิน D โดยเฉพาะอาหารทะเล นมเสริมวิตามิน D พร้อมอาหารไขมันต่ำ
(4). ไม่ใช้สบู่มากเิกิน ไม่ถูสบู่นาน และหลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น-แช่น้ำอุ่น
(5). ป้องกันโรคตับ (วิตามิน D ต้องผ่านการแปรรูป 2 ครั้ง ที่ตับและไต จึงจะออกฤทธิ์ได้เต็มที่)
สาเหตุ
โรคตับที่พบบ่อย คือ ไวรัสตับอักเสบ (ชนิด A ติดต่อทางอาหาร น้ำดื่ม
การใช้ภาชนะร่วมกัน, ชนิดที่เหลือส่วนใหญ่ โดยเฉพาะชนิด B, C
ติดต่อทางเลือด สารคัดหลั่ง และการสำส่อนทางเพศ)
การไม่ดื่ม(แอลกอฮอล์)หนัก ระวังโรคไขมันเกาะตับ (พบบ่อยในคนที่ดื่มเหล้า-เบียร์-ไวน์, อ้วนลงพุง ออกกำลังน้อย เบาหวาน)
...
(6). ป้องกันโรคไต ซึ่งสาเหตุสำคัญในไทยมาจากโรคความดันเลือดสูง เบาหวาน กรวยไตอักเสบที่รักษาไม่ครบ นิ่ว และโลหะหนัก
ตัวอย่าง
เช่น การได้รับสารตะกั่วจากหมึกพิมพ์ ฯลฯ
ซึ่งป้องกันได้ด้วยการล้างมือด้วยสบู่ก่อนกินอาหาร-ดื่มน้ำ,
ไม่ควรกินอาหารที่ห่อหรือสัมผัสกระดาษหนังสือพิมพ์
(7). การ
กินวิตามินรวมที่มีวิตามิน D (ไม่จำเป็นต้องแพง
มีขายนับเป็นร้อยเม็ดที่ร้านขายยา) วันละ 1-2
เม็ดพร้อมอาหารไขมันต่ำเป็นทางเลือกที่น่าจะดีทางหนึ่ง
...
ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
...
ที่ มา
-
Thank [ drmirkin ] & [ harvard ]
-
นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร ลำปาง. 11 กันยายน 2553.
-
ข้อมูล
ทั้งหมดเป็นไปเพื่อ การส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค
ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูงจำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแล
ท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้.