8 เหตุผลที่น่าดื่มชา+วิธีฝึกหายใจช้า [EN]
. แปลว่า "ดื่มชา! (แล้ว)คุณจะเสี่ยงเนื้องอกสมองหรือสโตรค (โรคหลอดเลือดสมองแตก-ตีบตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต) ลดลง และต่อสู้โรคติดเชื้อได้ดีขึ้น", ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟัง โดยจะขออธิบายคำ 'tea-total' ซึ่งเป็นคำพ้องเสียงของ 'teetotal' ก่อนครับ อาจารย์แห่ง 'thefreedictionary' สันนิษฐานว่า คำ 'tee' อาจมาจากอักษรตัวแรกของคำว่า 'total' = total + total หรือเป็นคำสแลงที่พูดย้ำ 2 ครั้ง (คล้ายคนติดอ่างพูด) หรือคำ 'tee' = exactly = อย่างแน่นอน [ tee ] นักหนังสือพิมพ์ชั้นครูมักจะมีความเป็นนักอักษรศาสตร์ในระดับหนึ่ง ซึ่งการใช้คำพ้องเสียงนี้จะคล้ายกับการล้อเล่นว่า "อย่าดื่มเหล้าเลย... ดื่มชากันเถอะ" . ศ.ไซมอน กิบบอนส์ ผู้เชี่ยวชาญสาขาพฤกษเคมี มหาวิทยาลัยลอนดอน แนะนำให้ดื่มชาวันละ 3 ถ้วย โดยแช่ชาไว้อย่างน้อย 5 นาที เพื่อให้ได้สารคุณค่าพืชผักเต็มที่ . ท่านกล่าวว่า ชามี 4 ชนิด โดยเป็นชนิดหลัก 2 กลุ่มได้แก่ กลุ่มชาเขียว(ไม่หมัก)-ชาอู่หลง(หมักบางส่วน หรือหมักไม่นาน)-ชาดำ(ชาจีน ชาฝรั่ง-หมักนาน) และกลุ่มชาขาว . เหตุผลที่น่าดื่มชาได้แก่ . (1). ลดเสี่ยงสโตรค (โรคหลอดเลือดสมองแตก-ตีบตัน อัมพฤกษ์ อัมพาต) . การศึกษาจากเนเธอร์แลนด์ ติดตามกลุ่มตัวอย่าง 15 ปีพบว่า การดื่มชาดำ (ชาจีน-ชาฝรั่ง) โดยไม่ดื่มพร้อมนม (นมมีโปรตีนอาจทำให้ประโยชน์จากชาลดลง) ช่วยลดเสี่ยงสโตรค . การศึกษาจากสหรัฐฯ พบว่า การดื่มชาดำ 5 ถ้วย/วัน ช่วยลดโคเลสเตอรอล(ไขมันในเลือด)ชนิดเลว (LDL) 11%, กลไกที่เป็นไปได้ คือ สารพฤกษเคมีจากชาช่วยลดการสร้าง LDL และช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้น . (2). ช่วยย่อยอาหาร . ชาเขียวช่วยให้ลำไส้บีบตัวได้ดีขึ้น ลดเสี่ยงท้องอืด ท้องเฟ้อ, ฝรั่งมีชาสมุนไพรหลายอย่าง เช่น ชาเปปเปอร์มินต์ช่วยลดอาการปวดเกร็งจากลำไส้หดตัวมากเกิน ชาขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้-แพ้ท้อง ฯลฯ . (3). เสริมการทำงานของสมอง . การศึกษาจากมหาวิทยาลัยนอร์ตัมเบรียพบว่า ชาดำ(ชาฝรั่ง ชาจีน) 2 ถ้วยให้สารกาเฟอีนและแอล-ตีอานีน (L-theanine) ซึ่งให้การคิดอ่านดีขึ้น . การศึกษาจากสถาบันอิมพีเรียลคอลเลจพบว่า คนที่ดื่มชาหรือกาแฟ 100 มิลลิลิตร(น้อยกว่า 1/2 ถ้วย)/วันขึ้นไป ลดเสี่ยงเนื้องอกสมองชนิดไกลโอมา (glioma) 34% . (4). ป้องกันมะเร็ง . ชามีสารพฤกษเคมีกลุ่มโพลีฟีนอลส์ (polyphenols) ที่ช่วยต้านทานการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งมากเป็น 8-10 เท่าของผักผลไม้ และมีมากเป็นพิเศษในชาเขียว (คำเตือน - ชาเขียวเติมน้ำตาลเพิ่มเสี่ยงอันตรายจากน้ำตาล) . การศึกษาจากไต้หวันพบว่า ชาเขียว 1 ถ้วย/วัน ช่วยลดเสี่ยงมะเร็งปอด โดยเฉพาะคนที่มียีนส์มะเร็งบางชนิด, ช่วยให้มะเร็งต่อมลูกหมากเติบโตช้าลง, ลดเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหาร (คำเตือน - อย่าดื่มชาร้อน 70C ขึ้นไป ชาร้อนจัดเพิ่มเสี่ยงมะเร็งลำคอ ควรรอให้เย็นลงก่อนดื่ม) . (5). เพิ่มภูมิต้านทานโรค . การศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดพบว่า การดื่มชาดำ(ชาจีน ชาฝรั่ง) 5-6 ถ้วย/วัน อาจกระตุ้นภูมิต้านทานโรคได้ด้วยกลไกที่คล้ายวัคซีน เนื่องจากชามีสารอัลคีลามีนส์ (alkylamines) คล้ายแบคทีเรียและพยาธิบางชนิด . การได้รับสารอัลคีลามีนส์ขนาดต่ำๆ ทำให้เซลล์ระบบภูมิต้านทานต้านทานเชื้อโรคที่มีสารนี้ในขนาดสูงได้ดีขึ้น . ชาขิงมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเรื้อรังหลายอย่าง, มีฤทธิ์แก้ปวดได้ โดยเฉพาะถ้าดื่มตอนเริ่มเป็นไมเกรน (โรคปวดหัวตุ๊บๆ ส่วนใหญ่ปวดข้างเดียว) . (6). ลดนอนไม่หลับ-คลายเครียด . ชามีกาเฟอีนน้อยกว่ากาแฟประมาณครึ่งหนึ่ง แต่ถ้าดื่มใกล้เวลานอนอาจทำให้นอนหลับยาก หรือนอนไม่หลับได้, ทางที่ดี คือ ดื่มชาก่อนเวลานอนอย่างน้อย 4-6 ชั่วโมง . ชาสมุนไพรบางชนิดมีฤทธิ์ผ่อนคลาย ช่วยให้หลับสบาย เช่น ชาคาโมมายล์ (Chamomile) มีฤทธิ์คลายเครียด ทำให้ง่วงอ่อนๆ (จาก chrysin) และมีกรดอะมิโน (โปรตีน) ทริพโทฟาน (tryptophan) ที่ช่วยให้ง่วง, ชาใบโหระพา (Basil) ช่วยให้นอนหลับง่ายเช่นกัน . (7). เสริมสุขภาพฟัน . ชาดำ(ชาจีน ชาฝรั่ง), ชาเขียว, ชาขาวช่วยลดการเกินคราบจุลินทรีย์บนผิวฟัน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ฟันผุ เหงือกอักเสบ ปริทนต์(เนื้อเยื่อยึดโคนฟันกันเหงือกไว้ ไม่ให้โยกคลอน) . คำเตือนคือ ชาดำ(ชาจีน ชาฝรั่ง)อาจทำให้ฟันมีสีคล้ำขึ้น โดยเฉพาะถ้าไม่ดื่มพร้อมนม (ลดเสี่ยงได้ระดับหนึ่งด้วยการบ้วนปากด้วยน้ำเปล่า หรือกลืนน้ำเปล่าตามหลังดื่มทันที) . ชาผลไม้มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ทำให้เคลือบฟันสึกได้ จึงควรดื่มให้เร็วหน่อย(ถ้าชอบ) ไม่ควรอมไว้ในปากนาน และบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าหรือกลืนน้ำเปล่าตามทันที . (8). ไดเอท (diet = ลดอาหารหรือออกกำลังเพื่อลดความอ้วน) . อ.อัวซาลา อาเรนส์ นักโภชนาการแนะนำว่า การดื่มชาทำให้คนเรามีความรู้สึกดีๆ ได้คุณค่าพฤกษเคมี ป้องกันภาวะขาดน้ำ และขอแนะนำให้ดื่มแบบไม่เติมน้ำตาล เพราะจะได้เครื่องดื่ม 0 แคลอรีอย่างแท้จริง . ถ้าต้องการดื่มชาให้ได้คุณค่าล้ำลึกจริงๆ ให้เดินหลังดื่มชาทุกถ้วยๆ ละ 10 นาที หายใจเข้าให้ลึกที่สุด แล้วฝึกหายใจออกให้ช้าลงไปเรื่อยๆ ตามจังหวะก้าวเดินช้าๆ แบบนี้ - หายใจเข้า '1-2-3' - หายใจออกนับ '1-2-3'
- หายใจเข้า '1-2-3' - หายใจออกนับ '1-2-3-4'
- หายใจเข้า '1-2-3' - หายใจออกนับ '1-2-3-4-5'
- หายใจเข้า '1-2-3' - หายใจออกนับ '1-2-3-4-5-6'
เมื่อหายใจออกได้ช้ามากๆ แล้ว... ให้รักษาระบบหายใจแบบนี้ต่อไปจนครบ 10 นาที ทำแบบนี้บ่อยๆ จะทำให้ระบบการหายใจดีขึ้น ซึ่งถ้าหายใจช้าขนาดไม่เกิน 10 ครั้ง/นาทีได้นานพอ ความดันเลือดจะลดลงได้ด้วย ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ
Free TextEditor
Create Date : 30 มกราคม 2554 |
Last Update : 30 มกราคม 2554 22:26:06 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1671 Pageviews. |
|
|
|