บล็อก "บ้านหมอ" ขอนำเสนอเรื่องสุขภาพ + ภาษาอังกฤษ + ข่าวต่างประเทศสบายๆ สไตล์เราครับ...

<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
26 มกราคม 2554
 

วิธีรับประทาน(กิน)อย่างรู้สติ(ลดความอ้วน) [EN]

สำนักข่าว BBC ตีพิมพ์เรื่อง 'The brain behind the obesity problem' = "", ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ [ BBC ] 


  •  [ brain ] > [ เบร้น ]//www.thefreedictionary.com/brain > noun = สมอง ความฉลาด คนฉลาด (ขอให้สังเกตว่า คนอังกฤษมองคำว่า "สมอง" ในแง่ดีคล้ายๆ กับคนส่วนใหญ่ในโลก)

  • [ brainy ] > adjective = ซึ่งฉลาด

  • [ brainless ] > adjective = ซึ่งโง่ ไม่ฉลาด ('-less' ใช้เติมท้ายคำ = ไม่)

  • [ brainchild ] > noun = ความคิด-สิ่งประดิษฐ์ใหม่ ('child' = เด็ก)

  • [ brainwash ] > verb = ล้างสมอง ('wash' = ซัก ล้าง ชำระสิ่งโสโครก)

  • [ brain drain ] > noun = สมองไหล

  • [ brainwave ] > noun = ความคิด-ไอเดียดีๆ ที่คิดได้ทันที ('wave' = คลื่น)


นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า แรงขับ (drive) ในการแสวงหาสิ่งอันเป็นที่รักที่ชอบใจ หรือความพึงพอใจ (drive to seek pleasure) เป็นกลไกเพื่อความอยู่รอด (survival) ของสัตว์ (= เกิด, กิน, หนีภัย, ขับถ่าย, สืบพันธุ์ ฯลฯ)

.

จุดอ่อนของคนเราอยู่ที่ว่าความพึงพอใจ (pleasure) ที่ได้เป็นรางวัลจากการทำตามสัญชาตญาณ หรือความอยากนั้น, เป็นของสั้น (short-term) ไม่จริงจังยั่งยืนอะไร และทำให้คนเราต้องแสวงหาแล้วๆ เล่าๆ

.

ตัวอย่างเช่น ถ้าแสวงหาความสุขจากการกินทำให้คนเรามีแนวโน้มจะต้องกินๆๆๆ จนถึงระดับพึงพอใจ เมื่อความพึงพอใจลดลงก็ต้องแสวงหาใหม่ กินใหม่ และ... ทำซ้ำไปเรื่อยๆ

.

สมองของคนเรามีวงจรแห่งความพึงพอใจในการควบคุมการกิน ซึ่งระบบหนึ่งที่สำคัญมาก คือ ระบบการให้รางวัลผ่านสารเคมี หรือสารสื่อประสาทชนิดโดพามีน (dopamine reward system)

.


สมองส่วนที่บอกว่า เราชอบกินอะไรมากน้อยเท่าไร อยู่ในสมองส่วนหน้าด้านหลังลูกตา (orbito-frontal cortex / OFC)

.

การศึกษาเกี่ยวกับสมอง ซึ่งหนักประมาณ 1.4 กิโลกรัม (ในคนไซส์ฝรั่ง) ทำให้เรารู้ว่า กลุ่มตัวอย่าง (คงจะเป็นฝรั่ง) มีความพึงพอใจจากช็อคโกแล็ตพอๆ กับเซ็กส์หรือกิจกรรมทางเพศ

.

เรื่องที่แปลกหน่อย คือ กลไกการทำงานของสมองในภาวะที่คนเราตกหลุมรัก (to be in lobe) พบว่า มีการเปลี่ยนแปลงคล้ายๆ กับสมองที่ป่วยทางจิต

.

นี่อาจสนับสนุนคำกล่าวของคนโบราณที่ว่า "ความรัก(ถ้ามากไป หรือไม่พอดี)ทำให้เราบ้า"

.

อ.ดร.เจซัน ฮาร์ลฟอร์ด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคอ้วน จากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล อังกฤษ (UK) แนะนำวิธีกินอย่างรู้สติ(tips to prevent over-eating = เคล็ดลับในการป้องกันการกินมากเกิน / ลดความอ้วน)ไว้ดังต่อไปนี้

.

(1). หลีกเลี่ยงดีกว่าต้านทาน

.

ให้หลีกเลี่ยงสถานการณ์ (รูป-รส-กลิ่น-เสียง-สัมผัส และสถานที่-บรรยากาศ) ที่กระตุ้นให้อยากอาหาร เช่น ให้หลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านร้านอาหาร-ขนม, ไม่รับชมโฆษณาอาหาร-เครื่องดื่ม

.

กล่าวกันว่า คนที่ต้านทาน "ของอร่อยๆ" ได้นั้นมีน้อย, คนที่ต้านทานไม่ไหวนั้นมีมาก... วิธีที่ดี คือ ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ หรือไม่ลองของ เช่น ลองไปกินช็อคโกแล็ตอร่อยๆ ที่ร้านสักคำ (ซึ่งมักจะกลายเป็นหลายๆ คำ หรือหลายๆ จาน) ฯลฯ

.

(2). อย่าเก็บของอร่อยไว้ในบ้าน

.

ถ้าคิดจะลดความอ้วน... อย่าเก็บของอร่อยหรือของชอบไว้ในบ้าน เช่น ถ้าชอบคุกกี้ก็อย่าให้มี "วัตถุมีพิษ" เช่นนี้ในบ้านแม้แต่ชิ้นเดียว ฯลฯ

.

การมีของอร่อยๆ ไว้ในบ้าน ร้านใกล้บ้าน ร้านสะดวกซื้อใกล้บ้าน เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้คนเราอ้วนขึ้น ซึ่งวิธีป้องกันอย่างหนึ่ง คือ อย่านั่งรถไปซื้อ... ให้เดินไป วิ่งไป หรือกระโดดกบไปซื้อแทน

.

เพราะการออกแรง-ออกกำลังหนักๆ 10 นาที เช่น เดินเร็วจี๋ ฯลฯ มักจะทำให้คนเราได้รับสารความสุขในสมอง (เอนดอร์ฟิน) ทำให้ความอยากของภายนอกลดลง

.

(3). กินช้าๆ อย่างมีสติ

.

กว่าสมองเราจะรู้สึกอิ่มจะใช้เวลาประมาณ 20 นาที... วิธีที่ดี คือ นั่งลงช้าๆ กินช้าๆ ตักอาหารช้าๆ เคี้ยวช้าๆ กลืนช้าๆ แทนการทำอะไรเร็วๆ

.

อาจารย์ท่านหนึ่งมีประสบการณ์ไปบวชในพม่า 1 พรรษา กินฝึกกินอย่างรู้สติ ซึ่งจะต้องนั่งช้าๆ พร้อมกับบริกรรม "นั่งหนอๆ", จับอาหารช้าๆ พร้อมกับบริกรรม "ยกหนอๆ เคลื่อนหนอๆ ถึงหนอๆ จับหนอๆ", ทำอะไรก็บริกรรมช้าๆ ไปตลอด

.

ปรากฏว่า พรรษาเดียว... น้ำหนักลดไป 8 กิโลกรัม (ถ้าไปลดตามศูนย์บริการอาจเสียค่าใช้จ่ายกิโลฯ จะเป็นหมื่นๆ บาท)

.

เมืองไทยน่าจะมีการจัดค่ายลดความอ้วนอย่างรู้สติแบบนี้มากๆ เลย

.

(4). ใช้ภาชนะ (จาน-ชาม-ช้อน-ส้อม-แก้ว-ถ้วย) เล็กๆ

.

การฝึกใช้ภาชนะขนาดเล็กลง เช่น จานเล็กลง แก้วผอมสูงแทนอ้วนเตี้ย ฯลฯ มักจะทำให้คนเรากินน้อยลง

.

(5). อย่ากินอาหารจากถุง (packet)

.

การกินอาหารจากถุง เช่น ขนมกรุบกรอบ ฯลฯ โดยเฉพาะการกินไปดูไป (TV, คอมพิวเตอร์, เล่นเกมส์ ฯลฯ) จะทำให้คนเรากินเร็ว และกินมากขึ้น

.

(6). อย่าทิ้งกากจากโต๊ะ

.

วิธีที่ดี คือ การกินแบบ "ตีแผ่" หรือนำของกินใส่จานใบเล็กๆ กินช้าๆ และถ้ามีกากหรือของเสียจากการกิน เช่น กินปลามีก้าง กินไก่มีกระดูก กินกุ้งมีเปลือก ฯลฯ ไม่ควรนำของเสียหรือกากเหล่านี้ออกจากโต๊ะ ให้ทิ้งไว้ จะได้รู้ว่า กินไปมากแล้ว (ยิ่งพิจารณา "อาหาเรปฏิกูลสัญญา" หรือกรรมฐานว่าด้วยความน่ารังเกียจของอาหารได้ยิ่งดี)

.

(7). ดื่มน้ำ

.

การดื่มน้ำก่อนอาหาร 1-2 แก้ว 15-20 นาทีก่อนอาหาร อาจทำให้ความรู้สึกหิวน้ำลดลง (คนจำนวนมากสับสนแยกแยะระหว่างความรู้สึกหิวน้ำกับหิวข้าวไม่ได้ ทำให้กินมากขึ้นทั้งๆ ที่หิวน้ำ) และกินได้น้อยลง

.

วิธีหนึ่งที่น่าสนใจ คือ ดื่มน้ำข้าว... ชาวพม่านิยมดื่มน้ำข้าวตอนเช้ามืด เพื่อให้มีแรงมีกำลังดี และน่าจะป้องกันโรคอ้วนจากการโมโหหิวช่วงเช้าได้ด้วย

.

วิธีทำง่ายๆ คือ ให้หาข้าวโอ๊ต (มีขายในห้างสรรพสินค้า) มา 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ในน้ำร้อน 1 แก้ว แล้วเติมน้ำสะอาดเพิ่มไปอีกเป็น 1.5-2 แก้ว คนให้เข้ากันดี ดื่มก่อนอาหาร 15-20 นาที

.

ถึงตรงนี้... ขอให้ท่านผู้อ่านมีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ

 > [ Twitter ]


ที่ มา                               




  • Thank BBC



  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ รพ.ห้างฉัตร ลำปาง. 26 มกราคม 2554.




  • ข้อมูล ทั้งหมดเป็นไปเพื่อ การส่งเสริมสุขภาพ ไม่ใช่วินิจฉัยหรือรักษาโรค ท่านที่มีโรคประจำตัวหรือความเสี่ยงต่อโรคสูงจำเป็นต้องปรึกษาหมอที่ดูแล ท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้.








Free TextEditor


Create Date : 26 มกราคม 2554
Last Update : 26 มกราคม 2554 8:11:36 น. 3 comments
Counter : 1283 Pageviews.  
 
 
 
 
ขอบคุณคุณหมอค่ะ
 
 

โดย: กรุ๊ปบีราศีสิงห์ วันที่: 26 มกราคม 2554 เวลา:8:43:57 น.  

 
 
 
ขอบคุณคุณหมอด้วยค่ะ
 
 

โดย: pa_jeab วันที่: 26 มกราคม 2554 เวลา:14:15:51 น.  

 
 
 
ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกๆ ท่านเช่นกันครับ............
 
 

โดย: นพ.วัลลภ วันที่: 29 มกราคม 2554 เวลา:21:12:16 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

wullop
 
Location :
ลำปาง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 45 คน [?]




บล็อกสุขภาพ + เรื่องทั่วไป... ท่านนำบทความไปใช้ โดยไม่ต้องขออนุญาตครับ... นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์...
New Comments
[Add wullop's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com