เมื่อก่อนปีใหม่มีทริปที่ค้างมาตั้งแต่กรกฎาคมอยู่1 ทริปที่เรียกว่าทริปค้างเก่าเก็บก็เพราะว่าจองโรงแรมไว้ตั้งแต่กรกฎาคมแล้วจนเกือบลืมไปแล้วว่าจองโรงแรมเอาไว้ดีทีระบบของagoda.comเค้ามีให้เช็คประวัติการจองในอดีตได้ เข้าไปคลิกๆดูในระบบของ agoda.comแล้วถึงได้รู้ว่าจองโรงแรมวิลล่าเขาแผงม้าไว้ 1คืนช่วงอาทิตย์ก่อนปีใหม่ ทริปแบบฉุกละหุกจึงได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง

ก่อนไปคุณชายบอกว่าจะใช้เส้นทางปราจีนบุรี– กบินทร์บุรี แล้วพอดีที่ ดาษดาแกลเลอรี่ เค้ากำลังจัดงานหน้าหนาวประจำปีพอดีเราก็เลยคิดว่าจะแวะชมงานซักหน่อยครับ

ดาษดาแกลเลอรี่ :Dassada Gallery “When the flower Say”

วิธีการไป ดาษดาแกลเลอรี่ก็ใช้เส้นทางรังสิต – องค์รักษ์ แล้วมุ่งหน้าจังหวัดนครนายกพอเลยโรงพยาบาลนครนายกก็ให้เลี้ยวขวาเข้าถนนสุวรรณศร ขับตรงไปผ่านตัวจังหวัดปราจีนบุรีจนถึงแยกศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชก็เลี้ยวซ้ายขึ้นเขาใหญ่ขับตรงๆไปอีกไม่นานก็จะเจอ ดาษดาแกลเลอรี่อยู่ทางขวามือครับ ความจริงทางไปก็ไม่น่าหลงเท่าไหร่ เพราะเค้าจะติดป้ายบอกทางเป็นระยะๆตั้งแต่เส้นรังสิต– องค์รักษ์เลยครับ

เราออกจากบ้านที่นนทบุรีแต่เช้ามือเพราะมั่นใจว่าคนจะต้องไปเที่ยว ดาษดาแกลเลอรี่ กันเยอะแน่ๆ เพราะงาน DassadaGallery “When the flower Say” เพิ่งเปิดให้เข้าชมเมื่อวันที่ 5ธันวาคม 2557 นี่เองครับ เราไปถึง ดาษดาแกลเลอรี่ ประมาณ 9 โมงเช้าซึ่งก็พอดีกับเวลาที่เค้าเปิดให้เข้าชมงานพอดีก็พอมีคนมาบ้าง แต่ไม่เยอะมาก ยังสามารถจอดรถแถวๆหน้างานได้ครับ

งานปีนี้เค้าให้ Themeงานไว้ว่า Dassada Gallery “When the flower Say” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 ธันวาคม 2557 ถึง 1 มีนาคม 2558ถ้าเป็นวันจันทร์ถึงพฤหัสบดีจะเปิดระหว่างเวลา 09.00 – 18.00 น. ถ้าเป็นวันศุกร์ถึงวันอาทิตย์จะเปิดระหว่างเวลา09.00 – 20.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาทเข้าชมได้เฉพาะแกลเลอรี่ และบัตรผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 150บาท สามารถเข้าชมได้ทุกพื้นที่ รวมทั้งลานน้ำพุตอนกลางวันน้ำพุเต้นระบำตอนกลางคืน และสนามเด็กเล่น

ความไม่ประทับใจเกิดขึ้นตั้งแต่ยังไม่เข้างานครับ...... พนักงานที่มาต้อนรับข้างหน้าบอกราคาบัตร 250 บาทพอเข้าไปซื้อบัตรที่ช่องขายบัตรจริงๆพนักงานที่อยูที่ช่องขายบัตรบอกว่าบัตรราคา200 บาท (ราคาหน้าบัตรยังคงเป็น 250 บาท แต่เจ้าหน้าที่บอกว่า “ลดให้” ) แต่ ....ไม่รวมลานน้ำพุตอนกลางวัน น้ำพุเต้นระบำตอนกลางคืนและสนามเด็กเล่นครับ ที่สำคัญไปกว่านั้นพนักงานที่มาต้อนรับไม่รู้เกี่ยวกับเกณฑ์การตั้งราคาบัตรครับพนักงานขายบัตรที่ช่องขายบัตรยืนอธิบายให้เจ้าของบล็อกและพนักงานต้อนรับฟังไปพร้อมๆกัน???

เท่านั้นยังไม่พอครับคุณชายไปรู้มาว่าถ้าใช้บัตรเครดิต KTC จะสามารถลดค่าเข้าชมได้(ลดได้เท่าไหร่ไม่แน่ใจครับเพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์)แต่พนักงานไม่ได้แจ้งว่าซื้อได้ 1 บัตรต่อ 1 ใบเท่านั้น คุณชายซื้อบัตรไป 2 ใบแต่ลดราคาแค่ใบเดียวก็เลยถามพนักงานดู

เจ้าของบล็อกคิดว่าทางดาษดาแกลเลอรี่ ก็จัดงานมาหลายปีแล้วนะครับ เรื่องราคาบัตรก็น่าจะลงตัวแล้วว่าบัตรราคานี้รวมอะไรไม่รวมอะไร แล้วพนักงานทุกคนของ ดาษดาแกลเลอรี่ก็น่าจะแม่นเรื่องราคาเสียก่อนที่จะออกมาเจอกับผู้เข้าชม เรื่องโปรโมชั่นกับบัตรเครดิตก็น่าจะชัดเจนต้องให้พนักงานขายบัตรต้องแจ้งแก่ผู้เข้าชมก่อนทีผู้เข้าชมจะตัดสินใจซื้อบัตรเผื่อว่าในกลุ่มที่มาด้วยกันนั้นถือบัตรเครดิตKTCกันหลายคนจะได้ไม่เสียโอกาสไปครับ

แล้วเจ้าของบล็อกคิดว่าราคาบัตรที่ต่างกันแค่50 บาทมันก็ไม่น่าจะแตกต่างกันมากจนทำให้ผู้เข้าชมตัดสินใจซื้อ หรือไม่ซื้อ การมาเที่ยวดาษดาแกลเลอรี่ ส่วนใหญ่จะมาเป็นกลุ่มใหญ่ๆหรือเป็นครอบครัว ยิ่งการที่บัตรราคาที่ถูกกว่าไม่รวมหลายๆสิ่งที่เป็นของสำหรับเด็กๆก็ยิ่งจะทำให้เกิดความสับสนกันเองในหมู่ผู้เข้าชมว่าจะเลือกซื้อบัตรในราคาไหนดีหรือไม่ทาง ดาษดาแกลเลอรี่ กำหนดราคาบัตรเป็นราคาเดียวไปเลยเช่นบัตรเข้าชม 200 บาทแต่ถ้าจะเข้าไปชมลานน้ำพุตอนกลางวันน้ำพุเต้นระบำตอนกลางคืน และสนามเด็กเล่น ก็ค่อยให้ผู้เข้าชมไปซื้อบัตรที่หน้าส่วนนั้นไปจะดีกว่ามั๊ยครับ

เนื่องจากเจ้าของลบล็อกเพิ่งเดินทางมาเที่ยวงานประจำปีของดาษดาเมื่อเดือนมีนาคม2557ก็เลยเห็นว่าการจัดแสดงในอาคารยังไม่มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมนักเพียงแต่เปลี่ยนพันธุ์ไม้บ้างเปลี่ยนกิมมิคเล็กๆน้อยๆ เท่านั้นเองครับอยากเห็นอะไรที่มันแตกต่างไปจากปีก่อนๆอย่างสุดขั้วครับ จะได้ดึงดูดคนให้มาทุกๆปีไม่อย่างนั้นคนเค้าจะเอาไปพูดกันได้ว่า “อ๋อ.... ไปมาแล้วก็เหมือนๆเดิมทุกปีนั้นแหละ”

เจ้าของบล็อกได้ไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองMelbourneออสเตรเลียเกือบๆ 5 ปี ทุกๆปีเค้าจะจัดงาน MelbourneInternational Flower and Garden Show ซึ่งเป็นการจัดแสดงดอกไม้และสวนใหญ่ระดับประเทศเจ้าของบล็อกเองก็ได้ไปเที่ยวงานนี้ทุกๆปีไม่เคยพลาด สิ่งที่ชอบอย่างหนึ่งของงาน MelbourneInternational Flower and Garden Showก็คือการจัดแสดงการจะจัดดอกไม้ขนาดใหญ่เป็นร้อยๆผลงาน เจ้าของบล็อกคิดว่ามันเหมือนกับการวาดภาพเสมือนจริงบนผืนผ้าใบขนาดใหญ่แทนที่จะใช้สีก็ให้ดอกไม้แล้วแทนที่ชิ้นงานจะเป็นภาพมิติดเดียวก็กลายเป็นภาพสามมิติ

ดีใจที่ ดาษดาแกลเลอรี่เอาการจัดงานในส่วนนั้นมาจัดแสดงที่ ดาษดาแกลเลอรี่ ในปีนี้ (ไม่ได้บอกว่าเป็นการก๊อปไอเดียนะครับเพราะอาจจะไม่ได้เอาไอเดียมาจากงานMelbourneInternational Flower and Garden Show ก็ได้นะครับ)แต่เจ้าของบล็อกชอบงานในส่วนนี้จริงๆครับ เดินดูได้ทั้งวันไม่เบื่อเลยครับถึงแม้ทาง ดาษดาแกลเลอรี่ จะจัดใน scale เล็กๆแต่เจ้าของบล็อกก็ยังชอบอยู่ดีครับใช้เวลาอยู่กับงานตรงนี้นานกว่าส่วนอื่นๆเลยครับ

อีกส่วนหนึ่งที่เห็นว่าแปลกและตื่นตาตื่นใจก็คือในส่วนของ “SecretGarden” ในปีนี้ทาง ดาษดาแกลเลอรี่ เนรมิตให้เป็นสวนฟาแลนนอฟซิสหลากหลายพันธุ์ที่สะดุดตาที่สุดก็เห็นจะเป็นกลุ่มของกล้วยไม้ฟาแลนนอปซิสหลากสีที่ห้อยลงมาจากเพดานหลายๆกลุ่มใหญ่และเมื่อถึงกำหนดเวลาก็จะเลื่อนผ้าสีดำปิดเรือนกระจก “Secret Garden” ทั้งหมดและทำการแสดงแสง สี เสียงโดยฉายไฟไปที่กล้วยไม้แล้วเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ดูตื่นตาตื่นใจมากๆครับการแสดงจะใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 10 นาทีครับ เราใช้เวลาอยู่ที่ ดาษดาแกลเลอรี่ประมาณ 1 ชั่วโมงครับ ความจริงก็มีอะไรให้ดูเยอะนะครับ ยิ่งตอนกลางคืนมีการเปิดไฟให้ทางเดินกลายเป็นอุโมงค์ไฟขนาดใหญ่ด้วยแต่ว่าเราไม่ได้อยู่ดูครับ เพราะต้องไป check in ที่วิลล่าเขาแผงม้าตอนบ่ายสองครับ

ทนายอ้วนพาเที่ยว ................................... เที่ยวไป ..... ตามใจฉัน