Movie and Me :: 50 หนังประทับใจประจำปี 2009 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" (ตอนจบ)
ก่อนจะเข้าเนื้อหา จขบ. ขอความช่วยเหลือและแจ้งข่าวซักเล็กน้อยก่อนเน้อ
แจ้งข่าว :
1.เล่มนี้มีConcept เจ็บเพราะรัก ว่าด้วยการ เรียนรู้และเติบโตจากความรักที่เจ็บปวด
2.ชื่อหนังสือตอนนี้ยังไม่เคาะออกมา แต่นาทีนี้ยังคงเป็น เจ็บเพราะรัก
3.หนัง ยังคงมีส่วนเกี่ยวข้องเช่นเคย แต่จะเป็นรูปแบบไหนขอกั๊กไว้ก่อนเช่นเคยครับ แต่หนังที่จะมาเป็นแขกรับเชิญ อาทิเช่น 500 days of summer , The Holiday , Before sunset&sunrise , หนังหว่องคาไว ฯลฯ
4. เรื่องราวทั้งหนัง , จิตวิทยา และ ... ถูกนำมาคลุกเคล้าร่วมกันเพื่อเล่าถึง ต้นเหตุ , การเยียวยา และ วัคซีนป้องกันอาการเจ็บเพราะรัก สำหรับทุกเพศทุกวัย
5. สำหรับผู้ที่ติดตามอ่าน เมื่อฉันลืมตาแล้วโลกเปลี่ยนไป เนื้อหาของ เจ็บเพราะรัก จะมาเติมเต็มเล่มก่อนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แต่จะเติมเต็มแบบไหน เกี่ยวข้องอย่างไร อันนี้ต้องขอ กั๊กไว้อีกหนึ่งขยัก (แต่ถึงไม่เคยอ่านมาก่อนก็มิต้องกังวล เพราะไม่มีผลต่อเนื้อหาแต่อย่างใด)
ขอความช่วยเหลือ+ชวนมาร่วมสนุกกับการเขียนคำนิยม :
เป็นธรรมเนียมของหนังสือของผมฯ ที่ทุกเล่มจะชวนเพื่อนๆมามีส่วนร่วม และ กติกาง่ายๆเหมือนทุกครั้งครับ คือ
1.ขอคำนิยมจากเพื่อนๆ ความยาวไม่เกิน 6 บรรทัด
(คำนิยม คือประมาณ ความคิดเห็น หรือ ความรู้สึกที่มีต่องานเขียนของ ผมอยู่ข้างหลังคุณ ไม่ว่าจะเป็นจาก หนังสือเล่มก่อนๆที่เคยอ่าน , คอลัมน์ประจำที่เขียนในนิตยสาร , Blog , Facebook , twitter)
2.ส่งมาที่ i_behind_you@yahoo.com และขอ ชื่อ, นามสกุล และ อาชีพ แนบมาด้วยครับ เพื่อลงประกอบในกรณีที่ทางสนพ.เลือกไปลงหนังสือ
3.คำนิยมที่ได้รับการคัดเลือก จะได้รับหนังสือเล่มใหม่แทนคำขอบคุณส่งตรงที่บ้าน หนึ่งเล่ม โดยผมจะส่งอีเมลล์กลับไปหาเพื่อขอที่อยู่อีกครั้ง
... จาก 4 Blog แห่งปี ที่แล้วอันว่าด้วย
8 ตัวสำรอง หนังดี(วีดี)ถูกใจประจำปี 2009 //www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=13-01-2010&group=14&gblog=188 10 ตัวละครประทับใจประจำปี 2009 //www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=14-01-2010&group=14&gblog=189
10 ฉากประทับใจประจำปี 2009 //www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=18-01-2010&group=14&gblog=190 50 หนังประทับใจประจำปี 2009 (ตอน 1) //www.bloggang.com/mainblog.php?id=aorta&month=20-01-2010&group=14&gblog=192
Blog นี้ มาสู่ บทสรุปที่สุดแห่งปี 2009 แล้วจ้า
แต่ก่อนจะถึงตรงนั้น ขอคุยสั้นๆเป็นการสรุปชีวิตตัวเองในรอบปีที่ผ่านมาซักเล็กน้อย
ปีนี้เป็นปีที่ผมดูหนังโรงใกล้เคียงทุกๆปี แต่หนังแผ่นได้ดูน้อยกว่า เพราะ หันไปเสพติดซีรี่ย์แบบหัวปักหัวปำ ไล่ไปตั้งแต่ Greys anatomy#5 , Desparate housewives#5 , Prison break#final , Lost#5 , Dexter#3 , Damage#2 , House #4 หรือหน้าใหม่ๆอย่าง 30 rock , chuck , The Big bang theory , Gossip girl , The Mentalist , Lie to me , Fringe , True blood , harper's island
นอกจากนั้น งานเขียนปัจจุบัน ในส่วนหน้ากระดาษ ประจำการอยู่สองแห่งเช่นเดิมครับทั้งที่ All และ Filmax และ ในส่วนโลกไซเบอร์ ก็ไม่ได้ประจำเฉพาะที่ blog อย่างเดียวครับ
สำหรับเพื่อนๆที่นิยมการปลูกผัก เลี้ยงวัว เสิร์ฟอาหาร ใน Facebook สามารถติดตามอ่านและพูดคุยเกี่ยวกับหนังแบบทันใจได้ผ่านหน้า www.facebook.com/IbehindYou โดยสามารถพูดคุยได้ด้วยการกดมาเป็นแฟนกัน(เขิลลล) ที่ตรง become fan ส่วนใครเล่น twitter ก็ชวนมา follow กันได้ครับที่ twitter.com/ibehindu
เกริ่นกันมาก็คงเพียงเท่านี้ ต่อไปก็ลุยกันรวดเดียวจบเลยดีกว่าครับ
5 อันดับหนังไม่ชอบประจำปี 2552
... จริง ที่ว่า อาจจะมีหนังแย่กว่านี้ แต่เพราะ ผมดูหนังแบบเลือกตามความอยาก ทำให้สามารถตัดหนังแย่ๆที่ว่าออกไปได้
จริง ที่ว่า อาจจะมีหนังบางเรื่องที่ดูแล้วคุณภาพแย่กว่าที่เลือกมา แต่ที่ไม่เลือกเพราะ ผมวัดตาม ความชอบ
5 เรื่องต่อไปนี้ คือ หนังที่ทรมานผมในโรงหนังและที่บ้าน วัดจากรสนิยมความรู้สึกและมาตรฐานของตัวเองล้วนๆ
อันดับ 5
Ghost of girlfriends past
หนังที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Christmas carol ส่วนใหญ่จะเวิร์ค แต่เรื่องนี้ บทเรียนที่ได้มาจาก ผีในอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต สอนใจหนุ่มเสเพลที่คบหญิงแล้วชิ่งโดยไม่แคร์ความรู้สึกใคร ไม่ช่วยอะไรหนังเลย ทั้งที่เป็นผู้กำกับที่ผมคิดว่าทำหนังดีดูสนุกอย่าง Freaky friday/ Mean girl แต่งวดนี้ ความสนุกกลับเฝื่อนๆ ที่มาพร้อม การแสดงที่ดูไม่ได้มีเคมีเข้าคู่กันของคู่พระนาง
อันดับ 4
My Mighty Princess
ในฐานะแฟนหนังของผกก.กวัก แจ ยอง ที่ติดอกติดใจ My sassy girl ทำให้หลังจากนั้น แค่เห็นชื่อ ผกก. ก็จะตีตั๋วโดยอัตโนมัติ น่าเสียดายที่ผลงานชิ้นถัดๆมาของเขาไม่เคยขึ้นไปถึงระดับเดียวกับ My sassy girl ได้อีกเลย มิหนำซ้ำยังออกจะก้าวถอยหลังมาเรื่อยๆ อย่างเรื่องนี้ จะสนุกก็สนุกแบบแปร่งๆ จะซึ้งก็ไม่ซึ้ง มุกก็แป้กเป็นส่วนใหญ่
คงเป็นครั้งสุดท้ายที่จะก้มหน้าตีตั๋วดูหนังกวักแจยองจากชื่อผู้กำกับ ก่อนอ่านคำวิจารณ์
อันดับ 3
The Spirit
มักจะมีคนบอกว่าจุดด้อยของ Avatar คือ ความแตกต่างระหว่าง CG ชั้นเลิศ กับ บทที่อ่อนเกินไป ซึ่งผมคิดว่า ห่างกันจริง แต่ ความแตกต่างนั้นไม่ได้แปลว่า บท Avatar จะปวกเปียก ถ้าจะหาหนังที่มีความต่างจนเห็นชัดๆผมคิดว่า ต้องลองหา The Spirit มาดูนี่คือหนังที่มี ความต่างของ CG ชั้นเลิศและบทที่อ่อนปวกเปียกของจริง
ต้องยกนิ้วให้ด้านวิชวลและ CG อยู่ในระดับแถวหน้าประมาณเดียวกับ Sin city แต่ ผู้กำกับเหมือนเมาๆอย่างไรบอกไม่ถูก ถึงกำกับทิศทางของหนังให้ออกมาได้ ไม่สนุกอย่างเหลือเชื่อ ทั้งที่มีปัจจัยน่าสนุกมากมาย แถมคนดังๆมีฝีมืออย่าง สกาเล็ตต์ โยฮานสัน หรือ ซามวล แอล แจ๊คสัน ก็พร้อมใจกอดคอกันเล่นแย่ในหนังเรื่องนี้ เป็นหนังที่ดูจะมันส์ก็ไม่มันส์ จะขำก็ไม่ขำ จะอะไรก็ไม่ได้ซักอย่าง
อันดับ 2
วงศ์คำเหลา
บอกตรงๆว่าเป็นแฟนหม่ำและพร้อมจะฮากับหม่ำมาตลอด ไม่ว่าจะเป็น สามช่า หรือหนังใหญ่ ชื่นชอบ บอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม 1 กับ แหยม ยโสธร เคยบอกใครต่อใครว่า หม่ำทำหนังเป็นและมีแววจะไปอีกไกลเหมือน โจวซิงฉือ แต่หลังจากนั้น กลับกลายเป็นว่า หนังหม่ำ สนุกน้อยลง ฮาลดลง มีชั้นเชิงด้อยลง และ พยายามจะใส่ความหยาบมากขึ้นเพื่อตีตื้นความฮา
วงศ์คำเหลา ก็เช่นกัน เป็นหนังที่ผมคิดว่า หม่ำ สามารถใส่มุมมองของชนชั้นในสังคมได้มีทีเด็ดกว่านี้ แต่สุดท้ายกลับแตะได้ผิวเผิน ซึ่งนั่นยังไม่ผิดหวังเท่า เท่าที่จำได้ ฮาไม่ถึงห้าครั้ง เผามุกแบบมักง่าย แถมบางทียังถึงขั้นน่ารำคาญกับมุกที่จงใจหยาบแบบหาความตลกไม่เจอ
อันดับ 1
จีจ้า ดื้อ สวย ดุ
เข้าใจว่า หนังแอคชั่นขายศิลปะการต่อสู้(martial art) ย่อมต้องเน้นโชว์ ศิลปะการต่อสู้ แต่ หนังย่อมไม่ใช่ โชว์ สิ่งที่สำคัญจึงน่าจะมีดีมากกว่า ฉากเตะๆต่อยๆ ไม่ต้องเทียบอื่นไกล เอาแค่ หนังไทยด้วยกันอย่าง องค์บาก , ช็อคโกแลต , ต้มยำกุ้ง หากไม่นับแค่ลีลาการต่อสู้ของจีจ้า ทุกองค์ประกอบของ ดื้อ สวย ดุ ล้วนแย่กว่าสามเรื่องข้างต้น
แม้กระทั่งงานสร้างหรือด้านเทคนิกที่น่าจะดีขึ้นตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่บางฉากกลับดูแล้วเหมือนดูละครไทยหลายปีก่อน
ต้องขออภัยสำหรับคนที่ชอบ แต่คงต้องบอกตามตรงว่า นี่เป็นหนังเรื่องเดียวของปีนี้ ที่ผมตีตั๋วเข้าไปดูในโรง แล้วรู้สึกอยากลุกออกจากโรงหลายรอบ (ถ้าไม่ติดตรงเสียดายเงินค่าตั๋ว)
และต่อไปนี้คือ
20 อันดับหนังประทับใจประจำปี 2552 ของ ผมอยู่ข้างหลังคุณ
อันดับ 20 (มี 2 เรื่อง)
Departure
จากโปสเตอร์กับหนังตัวอย่าง นึกว่า ตัวหนังจริงจะออกแนวหนัง เหงาหลับ แต่ปรากฏว่า มีให้ยิ้ม ให้(น้ำตา)ปริ่ม ให้อิ่มใจ เป็นระยะๆ
เหตุผลที่ควรดูหนังเรื่องนี้ไม่ใช่เพราะได้ออสการ์ แต่ หนังน่าดูเพราะนอกจากจะทำให้เรารู้สึกดีๆจาก ความงดงามของทิวทัศน์และจากชีวิตของตัวละคร ตัวหนังยังสะท้อนให้เราหวนกลับมาทบทวนการดำรงชีวิตอยู่ในปัจจุบัน และ แสดงให้เข้าใจถึงการทำงานและใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติที่แท้จริง
หากไม่รู้สึกว่าช่วงท้ายๆมีการบังคับบิวท์มากไป ส่วนที่เหลือส่วนใหญ่ของหนัง สร้างความรู้สึกเย็น นิ่ง สงบ และ งดงาม แม้จะเป็นเรื่องราวของ ความเศร้าและความตาย
The Box
เป็นการดัดแปลงต้นฉบับที่ทะเยอทะยานแล้วเกือบๆจะออกทะเล แต่เมื่อมองปรัชญาและภาพรวมก็ยังต้องถือว่าเยี่ยม จากพล็อตสั้นๆแค่ว่า ถ้ากดปุ่มบนกล่องแล้วได้เงินล้านแต่ใครซักคนที่ไม่รู้จักบนโลกจะตายไป คุณจะกดหรือไม่ ?สามารถแตกหน่อไปสู่หลายประเด็นที่ชวนถก
จาก Donnie darko เป็นต้นมา ริชาร์ด เคลลี่ พิสูจน์ให้เห็นว่า ถึงหนังของเขาจะล้มลุกคลุกคลาน รุ่งบ้าง (Donnie darko) ร่วงบ้าง (Southland tales) แต่หนังของเขาไม่เคยขาดแคลน แนวคิดปรัชญาที่น่าทึ่ง ชนิดที่เรียกว่า แค่อ่านเรื่องย่อสั้นๆก็ทำให้เราอยากดู
น่าเสียดายที่ Donnie darko ได้รับการยกย่องฐานะหนังอินดี้วัยรุ่นที่ผสมผสานปรัชญาและความลึกลับในบรรยากาศสุดหลอน แต่ Southland tales ที่มาพร้อมงานเทคนิกชั้นเลิศ กลับคว่ำไม่เป็นท่าถูกด่ายับจากทั้งนักวิจารณ์และคนดู
The Box จึงเป็นงานแก้ตัว ที่เขาเพลามือในการทำหนังแบบตามใจฉัน แต่ก็ยังไม่ทิ้งจุดเดิ้นๆตามสไตล์ตัวเอง ทำให้ผมคิดว่า นี่ขนาดยังเป็นแค่ช่วงไต่ระดับ ริชาร์ด เคลลี่ ก็ทำให้เราเห็น แววผู้กำกับดังๆในตัวเขามากมาย ไม่ว่าจะเป็นสไตล์หรืออารมณ์หนัง ที่มีทั้ง กลิ่นอาย ฮิตช์คอก และ เดวิด ลินช์ มันน่าตื่นเต้นที่จะได้ลุ้นว่า เมื่อถึงวันที่เขาพบจุดลงตัวในการทำหนัง หนังของริชาร์ด เคลลี่ จะมีอะไรให้สมองของคนดูได้ตื่นตะลึงอีก
อันดับ 19.
Chuck
ชัค เป็น พนักงานขายในร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า เขาเป็นพวกเด็กเรียนที่บังเอิญถูกป้อนรหัสความลับระดับโลกต่างๆนานาใส่สมอง ทำให้เดินผ่าน คน หรือ สิ่งของที่มีความลับทางราชการ ก็จะเกิดภาวะ แวบ ในความคิด หรือลึกถึงข้อมูลประมาณว่า คนๆนี้ทำงานให้กับที่ใด , ของสิ่งนี้มีที่มาจากไหน ฯลฯ นั่นทำให้ ทั้งเหล่าร้ายและรัฐบาลตามล่า ชัค มาเป็นข้าวของของตัวเอง
ซีรี่ย์ สายลับจำเป็น เรื่องนี้ ออกจะให้อารมณ์เฉยๆในช่วงสามสี่ตอนแรก แต่ดูไปซักพักยิ่งดูยิ่งน่ารัก ยิ่งดูยิ่งยิ้มได้ คือ ไม่ใช่เฉพาะ สามตัวละครหลักที่เล่นเข้าขากัน แต่ ทีมนักแสดงประกอบที่เป็นพนักงานขายในร้านบายมอร์ ก็บ้าบอได้น่ารัก จึงทำให้ หนังเรื่องนี้ไม่ต้องพึ่งแค่คู่พระ-นาง แต่ทุกคาแรคเตอร์เรียกร้อยยิ้มคนดูได้หมด
แถมจบซีซั่น 1 ไปต่อ ซีซั่น 2 แทนที่จะสนุกน้อยลง แต่ปมกับพล็อตใหม่ๆที่ใส่เข้ามา กลับยิ่งทำให้น่าติดตามมากขึ้นไปทุกที ดูซีรี่ย์เรื่องนี้ ได้แต่ ยิ้ม ยิ้ม และก็ ยิ้ม
อันดับ 18.
Happy-Go-Lucky
ทั้งตัวหนัง และ ทั้งตัวนักแสดงนำ ยืนอยู่บนเส้นบางๆระหว่าง ความเป็นคนรู้จักเลือกมองโลกในแง่ดี กับ ความเป็นคนบ้าๆบอๆชนิดหัวเราะไปเรื่อยแบบไม่มีกาลเทศะ ซึ่งหนังก็ประคองคาบเส้นปริ่มๆเหลื่อมล้ำสองฝั่งนี้ไปมาอยู่นาน คือ หลายช่วงที่เราอดสงสัยไม่ได้ว่า นางเอกของเรื่อง เธอมองโลกในแง่ดี หรือว่า เพี้ยน กันแน่
จนกระทั่งช่วงท้ายที่หนังค่อยๆทำให้เราได้เห็นความลึกและตัวตนของนางเอกที่ชัดเจนขึ้น ผ่านเหตุการณ์สำคัญแต่ละอย่างที่เข้ามาในชีวิตของเธอ ทำให้หนังสามารถไปยืนอยู่ฝั่งความเป็นคนรู้จักเลือกมองโลกในแง่ดี แถมยังมีพลังชักชวนให้คนดูอยากที่จะเปลี่ยนมุมมองต่อโลกใบนี้ไปด้วย
ซึ่งนอกจากการมีบทหนังที่ดี ก็ต้องยกนิ้วให้กับ แซลลี่ ฮอว์กิ้น ที่เล่นได้อย่างแจ่มจริงๆ ชนิดที่เรียกว่า คนดูส่วนใหญ่ต้องมีคำถามคล้ายๆกันหลังดูจบคือ ตัวจริงของเธอ เป็นอย่างนั้นจริงๆหรือเปล่า ?
อันดับ 17.
Big bang theory
นับตั้งแต่ Friends ก็มีเรื่องนี้แล ที่ทำให้ผมหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังได้เกือบทุกตอน
ตัวละครในหนังคือกลุ่มนักฟิสิกส์ที่เป็นเพื่อนกัน แต่ละคนมีนิสัยเหมือนเด็กไม่รู้จักโต มีความเป็นเนิร์ดและ geek เข้าไส้ เมื่อเข้าสังคมกับคนส่วนใหญ่ก็กลายเป็นคนประหลาด และ หนึ่งในสี่คนกำลังพบ รัก จากเพื่อนข้างห้องคนใหม่ที่สาวเสิร์ฟสุดอึ๋ม ผู้ต้องมารับมือกับ สี่นักฟิสิกส์ ที่เวลาพูดจาเหมือนหลุดมาจากดาวคนละดวง
ความฮามาจากความฉลาดของคนเขียนบท ที่ปรับ ศัพท์หรือความรู้ทางวิทยาศาสตร์ยากๆมาใส่ปากตัวละครในแง่การใช้ชีวิตทั่วไป แล้วออกมาฮาแทนที่จะออกมางง มีการสร้างตัวละครที่มีความฮาเฉพาะตัวสูงไม่ต้องพึ่งคนใดคนหนึ่งเป็นหลัก
ดูสองสามตอนไม่ฮาเลิกดูได้ แต่ ถ้าพอฮาๆ เชียร์ว่าหาดูต่อจนซีซั่น 2 จะฮากันแบบลากกราม
อันดับ 16.
Let the Right One In
เด็กชายวัยสิบสองปี ไม่ค่อยมีเพื่อนและมักถูกรุมรังแกจากเพื่อนที่โรงเรียน ได้เพื่อนบ้านใหม่เป็นเด็กชื่อ อีลี่ ซึ่งมีข้อดีทุกอย่าง จะแตกต่างจากคนทั่วไปเพียงข้อเดียวคือเป็น แวมไพร์
Let the Right One In มีเอกลักษณ์ต่างจากหนังตระกูลแวมไพร์หลายต่อหลายเรื่อง อาทิเช่น การกำหนดตัวเอกให้เป็นแวมไพร์วัยกระเตาะ ซอมซ่อ ไม่เท่ ไม่รวย ส่วนเนื้อหาของหนังก็ผสมผสานทั้ง ความเป็นหนังสยองขวัญ , หนังรัก , หนัง coming of age โดยมี กลิ่นอายโฮโมอีโรติก ฟุ้งกระจายอ่อนๆตลอดทั้งเรื่อง
ผมชอบวิธีการนำเสนอของผู้กำกับ Tomas Alfredson ที่หลายอย่างในหนังไม่บอกตรงๆแต่ปล่อยให้คนดูตีความเอง เป็นหนังแวมไพร์ที่จัดได้ว่า ค่อนข้างเรียบง่ายไม่หรูหราไฮโซโกธิค แถมยังออกจะ minimalist เสียด้วยซ้ำ เขาสามารถสร้างบรรยากาศอึมครึม อ้างว้าง และ ไม่ปลอดภัยได้คงเส้นคงวาตั้งแต่ต้นจนจบ
ยิ่งได้ บทหนังของ John Ajvide Lindqvist ซึ่งดัดแปลงจากนิยายต้นฉบับของตัวเอง สร้างประเด็นชวนวิพากษ์ในเรื่องเพศทั้งในแง่ของ sex , gender กับ ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ยิ่งทำให้หนังมีเสน่ห์เฉพาะตัวมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ การถ่ายภาพที่มีชั้นเชิง ก็ทำให้ความสยองขวัญดูเป็นธรรมชาติสมจริงไม่โฉ่งฉ่างเว่อร์ๆเหมือนหนังยุคใหม่ เช่น ฉากอีลี่ขึ้นไปเยี่ยม พ่อ ในโรงพยาบาลที่คนดูต้องตั้งใจจ้องให้ดี หรือ ฉากส่งท้ายในสระว่ายน้ำที่ไม่ต้องเห็นหมดก็เพียงพอต่อความขนลุกแล้ว
เป็นหนังที่มีคนบอกว่าโรแมนติก แต่สำหรับผมคิดว่า เป็นหนังที่สยองปนเศร้าเป็นอย่างยิ่ง หากไม่มองเฉพาะบทสรุปในปัจจุบัน แต่เมื่อมองย้อนไปถึงอดีตที่ผ่านมาแล้วทำนายถึงอนาคตข้างหน้าของตัวละคร
อันดับ 15.
The Hangover
แก๊งค์สี่เกลอ เดินทางไปลาส เวกัส เพื่อจัดงานปาร์ตี้สละโสดให้กับเพื่อนคนหนึ่งในกลุ่ม พวกเขาเข้าพักที่โรงแรมห้าดาว หลังเช็คอิน ก็ดื่มเหล้าฉลอง แล้ว หนังก็ตัดไปสู่เช้าอีกวันหนึ่ง ที่ ก๊วนหนุ่มๆตื่นมาจำอะไรไม่ได้เลยว่าทำอะไรลงไปตลอดทั้งคืน แถมตื่นมายังพบว่า
มีไก่เดินไปมาในห้องพัก และ มีเสืออยู่ในห้องน้ำ ฟันหน้าของหนึ่งหนุ่มหายไปหนึ่งซี่ มีเด็กทารกหนึ่งคนนอนอยู่ไม่รู้มาจากไหน รถเบนซ์ที่ฝากเด็กรับรถกลายเป็นรถตำรวจ ฯลฯ
ประการสำคัญ หนึ่งในสี่หนุ่ม ที่ต้องเป็นเจ้าบ่าวในไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
ทั้ง สามหนุ่มที่เหลือจึงต้องหาทาง ตามตัว ว่าที่เจ้าบ่าว ที่ไม่รู้เป็นตายร้ายดียังไง โดยใช้หลักฐานที่เหลืออยู่ติดตัวอย่างละเล็กละน้อย แกะรอยหาว่า เกิดอะไรขึ้น ในช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา
หนังฉลาดที่ใช้ ภาวะความจำเสื่อม(amnesia) มาทำให้เนื้อเรื่อง มีอะไร มากกว่า ขายความตลกโปกฮาลามกไปเรื่อยเปื่อย เพราะ เหตุการณ์แปลกๆที่โผล่เข้ามาแต่ละอย่างที่พวกตัวเอกจำไม่ได้ว่ามาจากไหน มันช่วยกระตุ้นให้เรายิ่งอยากรู้ว่า คืนที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และ หนังจะอธิบายได้ดีหรือเปล่า
พอหนังเฉลยไปทีละเปลาะๆ ถึงจะบ้าบอ แต่มันก็อยู่ในร่องในรอย คือ ถึงจะบ้าบอแต่ก็บ้าบอในเส้นเรื่องไม่ได้เละเทะ
The Hangover คือหนังที่ ผสม ความฉลาดของคนผูกเรื่อง เข้ากับ ความงี่เง่าเฮฮาปัญญาอ่อนของตัวละคร และหยิบภาวะความจำเสื่อม(amnesia) มาประยุกต์ใช้ในหนังตลกที่ห่ามบ้าฮา ได้อย่างฉลาดและลงตัวเหมือนกับที่ Memento เคยทำสำเร็จในแนวหนังทริลเลอร์สืบสวน หรือ 50 first date ในทางหนังโรแมนติกคอมิดี้
อันดับ 14.
Avatar
การให้คะแนน Avatar เป็นการตัดสินใจที่ยาก เพราะรู้สึกว่าจำเป็นต้องแยกระหว่างตัวเนื้อหนัง กับ ประสบการณ์ที่รู้สึกในโรง
ดูกันเฉพาะตัวหนัง เนื้อๆ เลย ผมไม่ได้ชอบแบบสุดๆเมื่อเทียบกับหลายเรื่องที่ได้ดูของปีนี้ คือถ้าต้องให้คะแนนโดยตัดสินจากเนื้อหนัง (บท+การแสดง ฯลฯ) ก็อาจจะซัก 8-8.5
คุณภาพตัวหนัง(ไม่นับความเป็นสามมิติ)จัดได้ว่า ดี ชนิดที่ว่า ถ้านักวิจารณ์ให้ต่ำกว่า B ก็ถือว่าใจร้ายพอสมควร แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่า ดีระดับโอ้วว้าววว A+
นึกเปรียบเทียบกับหนังไซไฟที่เล่นประเด็นการรุกรานและความเป็นมนุษย์อย่าง District 9 เราจะเห็น มิติของตัวพระเอกที่มากกว่า เราเห็นการเล่าเรื่องประเด็นคล้ายกันได้คมกว่า
แต่ คะแนน 8 กว่าๆจากเนื้อหนัง ขยับสูงขึ้นมาทันที เมื่อผมนั่งดู Avatar ในโรง Imax ด้วยระบบสามมิติ ที่ให้ ความรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าไปอยู่ในโลกอีกใบ มันไม่ใช่แค่โลกแอนิเมชั่นเหมือน Final fantasy หรือแบบ Beowulf
แต่มันเป็น โลกอีกใบ ที่ผสมผสาน โลกความเป็นจริงและโลกกราฟฟิก ให้ออกมาเป็นโลกใบใหม่ ที่ดูแล้วทึ่ง อึ้งกับความตระการตา และ อยากนั่งดูต่อไปนานๆ
ดังนั้น คะแนนของหนังเรื่องนี้ที่ขยับเป็น 10 เต็ม ถูกเติมมาจาก ประสบการณ์ที่ได้ดูโลกใบใหม่ในระบบ3มิติที่ดีที่สุดเท่าที่เคยดูหนังมา
(และเดาว่า ถ้าไปดูเวอร์ชั่นสองมิติ หรือ ซื้อแผ่นมาดูที่บ้าน คะแนนก็คงจะกลับไปอยู่ที่ 8-8.5 ตามเดิม)
นี่เป็น หนังที่ทำมาก ได้มาก และน่าชื่นชมคนทำงานเมื่อได้ดูเบื้องหลังแล้วพบว่า ไม่ใช่แค่ขายชื่อเก่าๆของผู้กำกับ หรือใช้ทุนหนาจนน่าหมั่นไส้ เพราะต่อให้ผู้กำกับที่เก่งกว่ารายอื่นๆ ก็ใช่ว่า จะมาคุมงานสเกลยักษ์ขนาดนี้ได้เป๊ะแบบนี้เท่า เจมส์ คาเมรอน
อันดับ 13.
The Road
มุมมองที่มีต่อวันสิ้นโลกของ The Road อาจย่อหย่อนในแง่ความน่าเชื่อถือ และ ดูแล้วรู้สึกเสียดายที่หนังใส่สถานการณ์ที่ต้องเอาตัวรอดไว้น้อยและเบาบางเกินไป จนสูญเสียโอกาสที่จะเล่นประเด็นอื่นๆได้อีกหลายประเด็น
แต่ข้อดีคือ การมองผ่านมุมตัวละครหลักของคนเป็นพ่อ ที่ต้องปกป้องลูกในโลกที่รายล้อมด้วยอันตรายและความสิ้นหวัง ต้องผ่านการตัดสินใจยากๆหลายครั้ง ทั้งในฐานะมนุษย์ที่ต้องมีชีวิตรอด ในขณะเดียวกันก็พยายามรักษาความดีงามให้หลงเหลือในตัวลูก ซึ่งหลายหนมันก็ไปด้วยกันได้อย่างยากเย็น
ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นเหมือนการ์ตูนต้องรอดฉบับพ่อ-ลูก ที่ถ่ายทอด ความรักของคนเป็นพ่อ และ ความห่วงกังวลที่มีต่ออนาคตของลูก ได้ดีเอามากๆ ชนิดที่ หลายฉากหลายตอนทำเอาน้ำตาซึม จนต้องยกให้เป็นหนังเกี่ยวกับพ่อลูกที่ซึ้งที่สุดในรอบปี ทั้งที่ทางของหนังเหมือนจะไม่ได้ตั้งใจมาในทางหนังเรียกน้ำตาแต่อย่างใด
อันดับ 12.
Still walking
Departures ทำให้ผมคิดถึงหนังญี่ปุ่นเรื่องหนึ่งเมื่อหลายปีก่อนที่คนเป็นอย่างเราๆสามารถเรียนรู้ชีวิตจากความตาย นั่นคือ After Life ที่นำเสนอโลกหลังความตาย เป็นช่วงเวลาสุดท้ายให้แต่ละคนทบทวนชีวิตที่ผ่านมา แล้วเลือกช่วงเวลาที่ดีที่สุดมาสร้างเป็นหนังสั้นๆเก็บติดตัวเดินทางต่อ
After Life เป็นหนังของผกก. Hirokazu Koreeda (งานล่าสุดคือ Air doll ที่กำลังฉายบ้านเรา) ที่ผมชอบที่สุด ก่อนที่เขาจะเป็นที่รู้จักในวงกว้างขึ้นจาก Nobody Knows หนังที่ทำให้ผมจิตตกไปต่อเนื่องอีกสามวันเจ็ดวัน และ Still Walking คือหนังที่ผมดูจบก็ยินดียกตำแหน่งหนังญี่ปุ่นในดวงใจประจำปี แซงหน้า Departures เข้าเส้นชัย เพียงแต่ไม่กล้ารับประกันว่าจะจับใจคนดูส่วนใหญ่เหมือน Departures
Still Walking ดำเนินเรื่องราวของชีวิตครอบครัวหนึ่งในช่วงเวลาหนึ่งวัน เปิดเรื่องด้วย คุณย่ากำลังทำครัวกับลูกสาวที่กลับมาเยี่ยมบ้านพร้อมสามีและลูกๆ ต่อด้วย คุณปู่ ผู้มีใบหน้าเฉยชา กำลังประสบภาวะวิกฤติวัยชรา พยายามที่จะให้คนยอมรับตัวเองในฐานะหมอ แม้ตอนนี้จะไม่ได้ทำงานเหมือนแต่ก่อน และ ตัดไปที่ ลูกชายของบ้านกำลังเดินทางมาเยี่ยมพร้อมว่าที่ภรรยาคนใหม่และลูกติด
งานที่พาพวกเขากลับมาพบกันคือ งานครบรอบวันตายของลูกชายคนโต และ เป็นการคืนสู่เหย้าที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเย็นชา ราวกับว่ามีบาดแผลที่ยังสดๆอยู่แอบซุกซ่อนอยู่ข้างใน และเมื่อค่อยๆแกะเปลือกของตัวละครแต่ละตัว เราก็จะพบบางสิ่งที่ฝังพวกเขาไว้ในอดีต และทำให้เกิดระยะห่างที่ดูเหมือนยากเกินจะเยียวยา
สำหรับบางคนอาจรู้สึกว่าเนิบเนือยจนหาวหวอด แต่สำหรับบางคน(เช่นผม) นี่คือ หนังครอบครัวที่นิ่งแต่มีพลังและสามารถคุมอารมณ์ของหนังได้อย่างคงเส้นคงวา ไม่หวือหวา แต่กินใจ
อันดับ 11.
the white ribbon
ดูหนังเรื่องนี้จบ สงบสติอารมณ์สองสามวัน นั่งทบทวนเรื่องราวที่ได้ดูจนตกตะกอน ก็ยิ่งอยากจะขอยืนปรบมือให้ผลงานของลุงฮาเนเก้อีกรอบ
แม้จะดูงานของลุงมาไม่ครบทุกเรื่อง แต่นึกถึงงานเก่าๆที่เคยดูก็รู้สึกว่า ลุงฮานาเก้ เป็น ผู้กำกับที่หมกมุ่นกับความรุนแรงและเชี่ยวชาญในการนำเสนอเหลือเกิน
The white ribbon ดำเนินเรื่องในเขตชนบทของเยอรมัน ก่อนสงครามโลกจะเริ่มไม่นาน มีอุบัติเหตุของคนในหมู่บ้านทีละรายสองราย จนเหมือนกับว่า มีใครบางคนวางแผนทำร้ายคนอื่นให้ดูเป็นอุบัติเหตุ คดีที่เกิดขึ้นเริ่มรุนแรงมากขึ้น จากหมอที่ตกม้าจนเกือบพิการไปจนถึงลูกเศรษฐีที่ถูกลักพาตัวไปซ้อม
ตัวเอกที่ทำหน้าที่ เล่าเรื่องราวให้ฟังกึ่งๆเหมือนจะเป็นนักสืบคือ ครูหนุ่มในหมู่บ้าน ที่บรรยายเหตุการณ์และชีวิตคนรอบตัว แต่ยิ่งสำรวจคนในชุมชน เรากลับพบว่า สิ่งที่รุนแรงยิ่งกว่าไม่ใช่ ความรุนแรงที่เกิดขึ้นนอกบ้าน แต่ แทบทุกบ้านมีความรุนแรงภายในครอบครัวแอบซ่อนไว้ ที่ทั้งเด็กและผู้หญิงถูกกระทำในรูปแบบแตกต่างกัน
อารมณ์ของหนังใกล้เคียงกับที่ดู Hidden คือ เหมือนจะออกแนว หนังสืบสวนว่าใครทำ (WhoDunIt) แต่บทสรุปสุดท้ายคือ ลุงฮาเนเก้ไม่ได้สนใจจะให้ออกมาในการสืบหาต้วคนร้าย แต่ตั้งใจจะตีแผ่ ความรุนแรงในสังคม และ ระบบการปกครองโดยเริ่มต้นจากรากฐานในครอบครัว
การกำกับในหลายๆฉาก เก๋าเกมส์และมีกึ๋น ในลักษณะเดียวกับ Hidden คือ ไม่พูดไม่บอกตรงๆ แต่ การแช่กล้องหรือการเคลื่อนไหวของภาพโดยปราศจากคำพูด สร้างความกดดันให้เรายิ่งกว่า
กลุ่มนักแสดงเด็กมอบการแสดงที่น่าทึ่งคือ เล่นดีกันแทบทุกคน และทำให้เราตัดสินใจไม่ถูกว่าควรเห็นใจหรือน่าหวาดหวั่นกับพวกเขากันแน่ (แต่ที่รู้แน่ๆ ต่อให้มีตั๋วเครื่องบินฟรีๆ ก็ไม่คิดจะไปพักหมู่บ้านนี้แน่นอน)
ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าชอบ Hidden หรือเรื่องนี้มากกว่า แต่ความรู้สึกเดียวกันคือ หนังสุดยอดจริงๆ
อันดับ 10.
Star Trek
นี่คือตัวอย่างของ หนังตลาดที่สนุก(มาก)เปี่ยมคุณภาพ(สูง)
ความสามารถในการกำกับของ J.J. Abrams โดดเด่นในหนังเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง ตอกย้ำยี่ห้อ JJ ได้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นการที่ หนึ่ง เขาเอาหนังฟอร์มยักษ์ได้อยู่มือ เป็นผู้กำกับที่ไว้ใจได้ในการมอบเงินก้อนโตเพื่อไปถลุงสร้างหนังฟอร์มใหญ่ๆซักเรื่อง
และ สอง เขาทำหนังได้ถึงในทุกอารมณ์ที่ต้องการนำเสนอ ตื่นเต้นก็ตื่นเต้นสุด ซึ้งก็ซึ้งน้ำตาซึม ขำก็ขำจริงไม่ใช่ขำเฝื่อนๆ ถ้าจะให้คิดก็มีกึ๋นแบบคิดหลายตลบ
ในแง่ของการเป็นหนังไซไฟตะลุยอวกาศ Star trek ฝีมือ J.J. Abrams คือ หนังที่ออกมาแทบจะไร้ที่ติ เยี่ยมในแง่มอบความบันเทิง เยี่ยมทั้งในแง่ของคุณภาพ เยี่ยมทั้งในแง่ทำให้หน้าใหม่ๆที่ไม่รู้จักสตาร์เทร็คสามารถสนุกติดใจ และ เยี่ยมที่สุดในแง่ของการทำให้แฟนเก่าๆสามารถสนุกและรู้สึกจูนไปกับเวอร์ชั่นใหม่ได้อย่างเพลิดเพลิน
นี่เป็นกระบวนการนำ ของเก่า มาทำใหม่ ได้อย่างสุดเจ๋งประมาณเดียวกับที่ The Dark knight เคยทำได้ เป็นตัวอย่างที่ดีที่ว่า ไม่ว่าจะ remake , reboot , redux หรือ rebok อะไรก็ตาม ถ้าสามารถสร้างแฟนใหม่ๆไปพร้อมชนะใจแฟนเก่าได้ โอกาสประสบความสำเร็จอยู่แค่เอื้อม และจากที่ผมเคยหลับไปกับสตาร์เทร็คทุกภาค(ย้ำว่าทุกภาค) มาครั้งนี้นี่แหละ ที่จะขอยื่นใบสมัครเป็นเทร็กกี้คนใหม่ในบัดดล
"Live Long And Prosper" (il_lli)
อันดับ 9.
Inglourious Basterds
ขอข้ามที่จะพูดถึงตัวบทและฝีมือการกำกับของเควนตินที่ ฉลาด-แสบ-กวน-มันส์ จนขึ้นหิ้งท๊อปฟอร์มอีกครั้ง แต่ 4 อย่างที่ตัวเองรู้สึกประทับใจเป็นพิเศษคือ
1.การแสดงอันเฉียบคมเด็ดขาดของ Christoph Waltz โดยเฉพาะใน chapter one
2. ออร่าและเสน่ห์อันเจิดจรัสของ Mélanie Laurent 3.การเลือกเพลงและดนตรีประกอบที่เจ๋งจ๊าบคงเส้นคงวา
และ 4.อารมณ์แปลกใหม่ที่ยังไม่เคยสัมผัสจากหนังเควนติน นั่นคือ โมเมนต์โรมานซ์ในช่วงเวลาสั้นๆ แต่สร้างอารมณ์ร่วมกับคนดูได้เป็นอย่างดี เลยชักอยากเห็น เควนตินทำหนังรัก ดูซักเรื่อง
ความสนุกขณะนั่งดูเหมือนหนังเควนติน ตรงที่เราพร้อมจะถูกเขาพาเราไปในทิศทางที่ไม่สามารถคาดเดา เราเดาไม่ได้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เดาไม่ได้ว่าใครจะอยู่หรือจะตาย ทั้งตัวร้ายกับตัวดีมีโอกาสพอๆกัน บางเรื่องตัวละครเด่นสูสีมีทั้งดีทั้งชั่วจนแยกไม่ได้ชัดๆว่าพระเอกคือคนไหน
และ การเดาไม่ได้นี่เอง ทำให้ Inglourious Basterds เป็นหนังเกี่ยวกับแผนโค่นล้มนาซี ที่ฉีกตัวต่างจากเรื่องอื่นๆที่ทุกคนรู้ตอนจบของเหตุการณ์นี้ดี แต่ เมื่อเป็น เควนติน คุณพี่ฉีกประวัติศาสตร์สร้างบทละครชีวิตขึ้นมาใหม่ ทุกอย่างจึงเกิดขึ้นได้โดยทุกตัวละครมีสิทธิตายเท่าเทียมกัน ทุกฝ่ายมีสิทธิแพ้หรือชนะเหมือนกัน จึงทำให้เราสนุกลุ้นไปกับมันด้วย
อันดับ 8.
District 9
สูตรผสมที่ลงตัวระหว่าง การเป็นหนังอินดี้ที่นำเสนอแหวกแนวแต่ก็ไม่ทิ้งความเป็นหนังบล็อคบัสเตอร์ที่ประเคนฉากแอคชั่นดราม่าโดยไม่พึ่งพา CG ให้ล้ำเกินหน้าบท
นี่คือหนังมะนาวต่างดุ๊ตที่วิพากษ์ สังคมและความเป็นมนุษย์ ได้อย่างแสบสันต์ Alien ในเรื่องถูกแทนความหมายมากไปกว่า มนุษย์ต่างดาว เป็นหนังที่สามารถคุยยาวๆกันได้หลายประเด็น
ตัวเอกในหนังเรื่องนี้ เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีการเขียนบทได้ดี เขาถูกสร้างให้มีความลึก มีมิติ ส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงจาก น่าหมั่นไส้ไปจนถึงน่าเห็นใจ ทำให้คนดูอินและเอาใจช่วยในฉากไคลแมกซ์กันแบบขนลุก
และถึงปีนี้จะมีหนังบ้าพลัง CG หลายเรื่อง แต่ CG พี่กุ้ง ก็ไม่ควรถูกมองข้าม เพราะเป็นงานคุณภาพแบบไม่โชว์อลังแต่เนียนตามากๆ
อันดับ 7.
Slumdog Millioniare
Slumdog Millionaire เป็นหนังที่ฉลาดแต่ทำตัวติดดิน ฉลาดในการผสมเรื่องราวหลายด้านผ่านการเล่าเรื่องที่ลุ้นระทึกชวนติดตามเสียยิ่งกว่าหนังทริลเลอร์หลายๆเรื่อง การตัดสลับไปมาระหว่างช่วงวัยของพระเอก กับ ช่วงเวลาที่เล่นเกมส์ กับ ช่วงเวลาที่โดนจับ ต้องอาศัยการลำดับเรื่องที่เจ๋งเอามากๆที่ทำให้คนดูลุ้นและไม่งง ซึ่งหนังก็ทำได้เยี่ยม
ไม่แปลกใจที่หนังชนะใจคนส่วนใหญ่ เพราะ นอกจากหนังจะมีองค์ประกอบแบบ เบนจามิน คือ เป็นหนังที่เข้าถึงคนดูวงกว้างได้มากกว่าเรื่องอื่นๆในสายล่ารางวัล แต่ ในความลึกหนังก็มีจุดมุ่งหมายชัดเจนในเรื่องที่เล่าและยิงเข้าเป้าได้เข้มข้นกว่าเบนจามิน
องค์ประกอบของหนังต่างๆก็ถึงพร้อม เป็นหนังออสการ์ที่ดูสนุกเอามากๆ ไม่ใช่ หนังดูยากหรือเฉพาะกลุ่มเหมือนหลายปีที่ผ่านมา และ ถ้าจะค้นหาข้อคิดปรัชญาหนังก็มีให้แทบทุกยุ่บยั่บ แถมยังไม่ได้ให้แบบยัดเยียด แต่ มีให้แบบชวนคนดูขบคิดอีกต่างหาก
อันดับ 6.
Dogtooth
ปีนี้มีโอกาสไปดูหนังในงานเทศกาลแค่ 2 เรื่อง จึงเลือก A Prophet กับ Dogtooth ส่วนตัวแล้วเฉยๆกับเรื่องแรก แต่เรื่องหลัง ดูจบแล้วมันรู้สึกเหมือน โดนของงงงง
ครอบครัวหนึ่งที่พ่อแม่เลี้ยงลูก 3 คนโดยไม่เคยให้รู้จักสังคมภายนอก ปิดการสื่อสารทุกอย่าง ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีโทรศัพท์(แอบมีใช้กันเองเฉพาะพ่อแม่) ไม่ให้ลูกออกนอกรั้วบ้านด้วยการกุว่าโลกภายนอกอันตราย เล่าว่าพี่ชายของพวกเขาเคยออกไปแล้วเสียชีวิตจากสัตว์ร้าย(ซึ่งไม่ใช่เรื่องจริง)
พ่อแม่ สอนลูกด้วยตัวเอง ยัดเยียดความหมายใส่คำศัพท์ใหม่ๆ ประมาณว่า ดอกไม้ แปลว่า สิ่งที่ใช้หนุนหัว ฯลฯ จับลูกมาเรียงหน้าเห่าเหมือนหมาเพื่อไล่แมว , มีกิจกรรมเพี้ยนๆเช่น สะสมคะแนนจากการดำน้ำในสระ , พาหญิงสาวมามีเพศสัมพันธ์กับลูกชายฯลฯ
เด็กในโลกอุดมคติเหล่านี้แทบไม่รู้ ความจริง ในโลกมนุษย์ รู้จักแต่ ความจริง ที่พ่อแม่สร้างขึ้นและยัดเยียดใส่ ซึ่งถ้าเป็นวัยเด็กอาจยังไม่มีผลกระทบที่น่าเป็นห่วง แต่เมื่อ เริ่มเข้าวัยรุ่น เมื่อฮอร์โมนกำลังระอุ ทั้งทางเพศและความรุนแรงที่พร้อมระเบิด เมื่อความโกรธ , อิจฉา เริ่มชัดเจน และ เมื่อ ความจริงจากโลกภายนอก หลุดเข้าในโลกของพวกเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อนั้นคือ ความน่ากลัวระดับสิบกะโหลกเต็ม
นานมากแล้วที่ไม่ได้ดูหนังเรื่องไหนที่รู้สึกลุ้นอย่างตึงเครียดตลอดเวลา และ เดาไม่ได้ว่า ระดับความรุนแรงจะไปสิ้นสุดรูปแบบใด เราสามารถมองหนังได้ตั้งแต่ระดับ การเลี้ยงดู ไปสู่ การปกครอง โดยมีทฤษฎีทางด้านพฤติกรรมมนุษย์เป็นตัวช่วยในการเรียนรู้
นี่คือ The village เวอร์ชั่นที่ร้ายกาจยิ่งกว่า คมคายยิ่งกว่า น่ากลัวยิ่งกว่า
อันดับ 5.
The Wrestler
ฝีมือผกก.อโรนอฟสกี้ ไม่ตกลงเลย แถมยังมอบตัวตนให้กับหนังของตัวเองชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ คือ ไม่ต้องอาศัยเอฟเฟคต์แบบ The Fountain หรือการถ่ายทำเฮี้ยนๆหลอนๆแบบ Pi กับ Requiem for a dream เปลี่ยนมา ทำหนังธรรมดาๆแบบนี้แฟนๆก็จำได้ว่าเป็นฝีมือของพี่แกอยู่
ชอบอารมณ์ของหนังที่กึ่งๆจะบิวต์แต่ก็ไม่มากไป โดยยังคงรักษาระดับความรู้สึกสมจริงแทบจะคล้ายสารคดี มีหลายฉากที่ทำจิตตกสะเทือนใจอย่างแรง เช่น ฉากแจกลายเซ็น หรือ ฉากตอนขายอาหาร ฯลฯ เทคนิกแบบลองเทคที่เจตนาถ่ายตามหลังตัวละครแต่ละฉากก็ยิ่งชวนให้ เศร้า สงสาร ตัวละครตัวนี้เอามากๆ
และ จุดดีคือ หนังไม่พยายามทำให้คาแรคเตอร์นี้เป็นพระเอ๊กพระเอกจนเกินไป ไม่มีฉากประเภทกลับใจแล้วแฮปปี้ หากแต่เป็นตัวละครที่เคยทำผิดในชีวิต และ มันก็ช่างสมจริง ที่หนังไม่พยายามบิวต์แบบสูตรสำเร็จประมาณว่า กลับตัวได้ใหม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ให้ คนเคยทำผิดแบบเขา ต้องเผลอทำผิดซ้ำๆด้วยความเคยชิน
โทเมอิ โชว์หุ่นเช้ปบ๊ะ ใน Before the Devil Knows You're Dead มาโชว์เรื่องนี้ต่อแบบ อู้วว๊าววว มากๆ หากแต่ทีเด็ดของเธอไม่ใช่หุ่น แต่อยู่ตรงฝีมือการแสดงของเธอที่ดีวันดีคืน ยิ่งเธอมายืนข้างๆลุงมิคกี้ ยิ่งทำให้เห็นภาพชัดเจน ระหว่าง คนหนึ่งคนรู้สึกว่า เวที ของเธอไม่น่าอยู่เหมือนเก่าและมันช่างไร้ชีวิตชีวา กับอีกคนที่ เวทีของเขา คือ เวทีชีวิตที่แสงเจิดจรัสมากที่สุด
ชีวิตของ แรนดี้ แรม ช่างน่าสงสารเหมือนหลายๆคน ที่รู้สึกประมาณว่าไม่มีพื้นที่ให้ยืนบนโลกใบนี้ รู้สึกตัวเองไร้ค่า นอกจากจะได้ขึ้นไปอยู่บน เวทีมวยปล้ำ ที่เป็นโลกใบเดียวที่ตัวเขายังคงรู้สึกว่า มีชีวิต มีตัวตน ถึงแม้จะต้องล้มต้องเจ็บหรือต้องตาย มันก็มีความหมายมากกว่า เดินอย่างไร้ค่ากลางถนน
จากที่หนังเรื่องอื่นๆที่เข้าชิงออสการ์ปีเดียวกันจะมีส่วนเกินๆขาดๆอย่างละเล็กละน้อย แต่เรื่องนี้สมบูรณ์และสม่ำเสมอตั้งแต่ต้นจนจบ โดยเฉพาะฉากจบสุดเจ๋ง ที่ทำให้ หนังเล็กๆ(เมื่อเทียบกับความใหญ่ของเพื่อนร่วมชิงรางวัล) เรื่องนี้ ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆในใจของคนที่ได้ดู
ได้แต่หวังว่า ดาเรน อาโรนอฟสกี้ จะไปแก้เคล็ดปีชง จะได้ดังเหมือนคนอื่นๆเขาเสียที (อุตส่าห์มีโปรเจคต์ขายๆอย่าง โรโบค็อป ก็ดันเงียบไปเสียอีก)
อันดับ 4.
Revolutionary road
ผมรู้สึกไม่อินเท่าไหร่ กับ American Beauty เพราะรู้สึกว่ามีหลายจุดที่หนังพยายามประดิษฐ์หรือใส่สัญลักษณ์แบบจงใจมากเกินไป แต่กับ Revolutionary road แซม เมนเดซ เอาผมอยู่หมัด
หนังสร้างภาพครอบครัวแบบอเมริกันที่ก็ไม่ต่างจากครอบครัวทั่วๆไป นั่นคือ เริ่มต้นจาก ความฝัน ก่อนที่ ทุกอย่างจะค่อยๆพัง เพียงเพราะ แต่ละคนจมอยู่กับความฝันของตัวเองจนลืมหันมามองปัญหาความสัมพันธ์ที่หมักหมมจนเกินเยียวยา และ ฉากจบของหนังก็อื้อหือ สะใจ
เป็นหนังครอบครัวที่เข้มข้นมากๆ และ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในตัวละครแต่ละคนก็น่าสนใจ เหมือนคนเขียนบททำการบ้านในด้านจิตวิทยาครอบครัวมาเป็นอย่างดี และ หนังก็ถูกส่งให้ดียิ่งขึ้นจาก การแสดงของ เคต วินสเลต ในหนังเรื่องนี้ถ่ายทอดอารมณ์ได้แตกละเอียด ชนิดที่ทุกอากัปกิริยาสะกดผมได้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น
เป็นหนังครอบครัวที่สมควรดูควบคู่กับ Tokyo Sonata เป็นที่ยิ่ง เพราะ ทั้งคู่นำเสนอปัญหา แต่เรื่องหนึ่งชี้ให้เห็นแสงสว่างของทางแก้ แต่อีกเรื่องนำเสนอ ผลลัพธ์ของการละเลย
ยังเจ็บใจไม่หาย ที่เคต วินสเล็ต พลาดออสการ์จากเรื่องนี้ แต่ดันไปคว้าจาก The Reader แทน (หรือ ถ้า The Reader ได้ ก็น่าจะให้ไปกอดทีเดียวสองตัวเลย)
อันดับ 3.
Lost season 5
นี่เป็นซีรี่ย์ที่ผมอยากเลี้ยงข้าวคนเขียนบทซักมื้อ จับมานั่งคุยกันซักครึ่งวัน ถามว่า พี่ครับ พี่คิดล่วงหน้ามานานแค่ไหนแล้วครับ , แล้วตอนคิดแรกๆ วางแผนว่าจะดำเนินเรื่องแบบนี้หรือเปล่า , ตรงนั้นพี่คิดยังไง แล้วตรงนี้พี่คิดนานมั้ย ฯลฯ
เพราะนี่เป็น หนัง ที่ผมยกย่องเชิดชู รอยหยักในสมองของคนเขียนบท เป็นอย่างมาก
จากซีซั่นแรกที่มีแค่ เครื่องบินตก คนติดเกาะ เจอควันดำ คนป่วยแล้วหาย คนตายแล้วฟื้น เล่าย้อนหลัง สลับไปมากับปัจจุบัน(แถมซีซั่น5 ยังไม่หนำใจเล่ากระโดดเป็น flashforward ไปข้างหน้าอีกต่างหาก) จนค่อยๆเพิ่มประเด็นจาก การต่อสู้ของความศรัทธาVS.วิทยาศาสตร์ ไปสู่แง่มุมศาสนา ปรัชญา จิตวิทยา เลยเถิดไปถึงโน่น ทฤษฎีประเภทการเดินทางข้ามเวลาอีกต่างหาก
ผมคิดว่า ต่อให้ซีซั่น6 จะปิดฉากได้เลิศหรูเพียงใด แต่ ก็คงไม่ทำให้ผมอึ้งแทบปากค้างเท่าตอนที่ผมได้เห็น อนุสาวรีย์ริมหาด , ล็อครีเทิร์น , วันวานยังหวานอยู่ของเจค๊อบ หรือ ระเบิดในมือเธอ ที่ค้างๆคาๆทรมานหัวใจแฟนๆที่รอดูเป็นอย่างยิ่ง
แม้บางซีซั่นจะมีดร็อปๆไปบ้าง บางซีซั่นก็เกือบออกทะเล แต่ซีซั่น 5 คือซีซั่นที่พา Lost ไปสู่จุดสูงสุดได้อีกครั้ง ทุก episode มีอะไรให้อึ้ง มีอะไรให้ใจหายใจคว่ำ ชนิดที่ว่าไม่รู้จะสรรหาคำใดมาบรรยายความรู้สึกระหว่าง โอ้ว แม่จ้าว , อะไรกันฟระเนี่ย , เมพขิงๆๆๆๆ , สุดยอดดดด จริงๆพี่
อันดับ 2.
Watchmen
ผมจดๆจ้องๆตัวนิยายภาพ Watchmen ที่ร้านหนังสืออยู่หลายรอบ เพราะได้ยินเสียงร่ำลือถึงความสุดยอดมานาน แต่ด้วยตัวเองเคยเข้าใจว่า นิยายภาพ(Graphic Novel) ก็คงไม่ต่างอะไรกับหนังสือการ์ตูน ร่วมกับ ยังไม่เคยซื้อการ์ตูนราคาเกินร้อยมาก่อน พอเห็นราคาติดไว้หกร้อยกว่า จึงได้แต่จับแล้ววางทุกครั้ง
จนเมื่อได้ดูหนัง Watchmen จบ ผมก็ไม่รีรอที่จะกลับไปร้านเดิม โดยงวดนี้ไม่ได้แค่จับๆวางๆเหมือนคราวก่อนแต่หยิบเงินยื่นให้พนักงานขาย เพราะความปลื้มในตัวหนัง และ อยากรู้เหลือเกินว่า ต้นฉบับจะน่าทึ่งขนาดไหน อ่านจบแล้วไม่แปลกใจ เมื่อมีคนจะนำ Watchmen มาสร้างหนัง แล้ว อลัน มัวร์ ยังคงเมินหน้าหนี
เพราะจะว่าไปแล้ว ถ้าผมเป็น อลัน มัวร์ งานอย่าง Watchmen ย่อมต้องเป็นโปรเจคต์สุดหวงที่ไม่อยากให้ตกไปอยู่ในมือคนทำหนัง
เนื่องด้วย ต้นฉบับหนังสือนั้นดีขนาดกวาดรางวัลมานับไม่ถ้วน เต็มไปด้วยประเด็นยิบย่อยมากมายเกินกว่าหนังใหญ่สองชั่วโมงจะเก็บได้ครบ , มีตัวละครสำคัญๆเดินสวนกันให้ขวักไขว่ , การเล่าเรื่องมีความสลับซับซ้อนที่ยากต่อการดัดแปลง เช่น การมีเนื้อหาซ้อนเนื้อหา อย่างการดำเนินเรื่องเกี่ยวกับชายที่กำลังซมซานกลับบ้านเพื่อไปเตือนภัยเกี่ยวกับโจรสลัด ซึ่งเป็นเนื้อหาอยู่ในหนังสือการ์ตูนที่ตัวละครใน Watchmen อ่านเป็นประจำ
ซึ่งข้อปลีกย่อยเหล่านี้ ดูแล้วช่างยากเหลือเกินในการที่ คนทำหนัง จะสื่อออกมาได้อรรถรสเหมือนหนังสือ
หลังจากอ่านหนังสือที่ซื้อมาจบ ผมอยากซูฮกผู้กำกับ Zack Snyder เพิ่มอีกหนึ่งจอก เพราะถึงหนังจะไม่ได้สมบูรณ์แบบ แต่งานดัดแปลง Watchmen เป็นภาพยนตร์ ถือว่าเป็นงานมหาหินที่เขาทำออกมาได้น่าพอใจ
Zack Snyder ไม่หวาดหวั่นในการอัดแน่นประเด็นที่เข้มข้น , กล้าปรับธีมให้ร่วมสมัย โดยไม่ทิ้งใจความหลักๆเดิมไป โดยเฉพาะฉากเปิดเรื่องที่ไม่มีในหนังสือนั้นก็ฉลาด ดูดี มีรสนิยม และ การปรับเนื้อหาก็ดูจะเข้าท่าทีเดียว เช่น การทิ้งท้ายให้ นิวเคลียร์ มาแทน ปลาหมึกยักษ์ หรือ การปรับให้ Dr. Mahhattan เป็น แพะ แทนที่ มนุษย์ต่างดาว ก็ทำให้อารมณ์ตอนท้ายดูจะเข้มข้นมากขึ้น
ยิ่งสำรวจ ความเป็นมนุษย์ ที่อยู่ภายใต้หน้ากากมากเท่าไหร่ Watchmen ยิ่งพาคนดูถอยห่างออกจากความเป็นอุดมคติของฮีโร่ กลับมาสู่ความเป็นจริงที่ว่า โลกใบนี้ไม่มีคนดีสมบูรณ์แบบ อย่าง ซูเปอร์แมน แต่เราจะพบคนธรรมดาๆที่มีทั้งจุดดีและจุดด้อยผสมปนเปกันไป เช่น คนเก่งแต่ไม่ดี , คนดีที่ไม่เด็ดขาด , คนฉลาดแต่คดโกง ฯลฯ
ตรงกับกระแสร้อนในบ้านเราทุกวันนี้หลายประเด็น ในแง่ของ สังคมที่เรียกร้องการตรวจสอบอย่างเท่าเทียม และ ข้อกังขาที่ว่า ความเป็นคนดี ควรตีค่าอย่างไร และ ควรยกเว้นสิทธิการถูกตรวจสอบหรือไม่ หากเพียงเพราะเป็นคนดี
Who watches the watchmen ?
อันดับ 1.
Up + Partly cloudy
ถ้าอยู่ในมือคนเขียนบทที่ไม่คิดอะไรมาก Up ก็จะกลายเป็น หนังฮาๆ ผจญภัย เจออะไรแปลกๆ ได้ข้อคิดนิดหน่อย แล้วกลับบ้าน- จบ -
แต่เมื่ออยู่ในมือทีมคนเขียนบทจาก Pixar เนื้อเรื่องที่เหมือนจะไม่มีอะไร กลับสอดแทรกประเด็นมากมาย โดยการสร้างปูมหลังของแต่ละตัวละคร ล้วนมีผลต่อเนื่องต่อคนรอบข้าง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ความโดดเดี่ยวของคนสองคน , ความสูญเสียและความเจ็บปวด (grief) , ชีวิตที่ยึดติดและไม่อาจปล่อยวาง , การใช้ชีวิตครอบครัว , การไล่ตามความฝัน , การเติมเต็มทางจิตใจ ฯลฯ
บทหนังหันมาเล่นแง่มุมลึกๆของ 'ความเป็นมนุษย์' มากกว่าเรื่องก่อนๆ , โดดเด่นในด้านการใส่ปมทางจิตวิทยาของตัวละคร มีจินตนาการหลากหลาย และ มีรายละเอียดปลีกย่อยมากกว่าหลายเรื่องของ Pixar แล้วเล่าออกมาเนียนๆ เหมือน เรื่องเบๆที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่แท้จริงล้วนแฝง สัญลักษณ์ทางจิตใจของตัวละคร
ถ้าเจาะจงเฉพาะส่วนของเนื้อหาเพียวๆ Up มี ความเป็นผู้ใหญ่สูง ไม่ใช่แค่ อายุ ของตัวละครนำ แต่ประเด็น ชีวิต , วัยชรา , การยึดติด , การสูญเสีย ดูจะเป็นเรื่องยากขึ้นและลึกซึ้งสำหรับเด็กๆ
กระนั้น ถึงจะมีเนื้อหาผู้ใหญ่มากๆ(และเป็นเรื่องแรกที่มี เลือด ในหนัง) แต่ผกก.ใส่ ความสนุกสนานเฮฮาและจินตนาการประสาเด็กๆมาลดอายุหนัง หรือจะว่าง่ายๆ เนื้อหาแก่ แต่ วิธีการนำเสนอ มี ความเป็นเด็ก สูง
อีกทั้ง เป็นเรื่องที่ผมรู้สึกว่าจินตนาการของทีมเขียนบทก็มากล้น สำหรับการเล่นเอาเถิดกับ ความเป็นแฟนตาซี ในเนื้อหาที่ realistic จริงจังมากๆ เอากันถึงขนาด นกประหลาด หมาพูดได้ บ้านลอยฟ้า จนนึกว่าดู สตูดิโอจิบลีเวอร์ชั่นซอฟต์ๆ
ในแง่ภาษาหนัง ตัวหนังยังด้อยกว่าเพื่อนพ้องร่วมค่ายอย่าง หนูก้นครัว กับ หุ่นรักโลก แต่ถ้าไม่ใช้สายตาของการวิเคราะห์คุณภาพหนังมาจับ แล้วใช้หัวใจตัวเองจูนเข้ากับหนัง ผมถูกจริตกับ Up เป็นอย่างมาก
นี่คือหนังที่สุดแสนจะ อบอุ่น ละมุนละไม กินใจ และ มีอารมณ์ขัน จนสามารถเอาชนะใจขึ้นไปอยู่อันดับต้นๆเคียงข้างA Bug's life , Toy story 2 และMonster inc.เรียบร้อยแล้ว
แถมหนังสั้นปะหัวอย่าง ประเด็นของ Partly cloudy ก็มีความลึกซึ้งแยบคายไม่แพ้กัน แม้จะเล่าเพียงช่วงสั้นๆแต่ก็เรียกน้ำตาพร้อมให้ข้อคิด แถมที่เด็ดคือประเด็นและเรื่องราวยังสามารถโยงมาสู่ Up ได้อีกด้วย
และที่จะลืมไม่ได้คือ 10 นาทีหนังเงียบที่เล่าจุดเริ่มต้นของความรักไปสู่จุดของจากลา ในUp นั้นเยี่ยมยอดเกินจะบรรยาย
เป็นหนังที่พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า รัก
ทั้งหมดนี้คือ 5 หนังไม่ชอบ + 50 หนังชอบของผมฯ
แล้ว คุณ ชอบหรือไม่ชอบหนังเรื่องไหน ในปีที่ผ่านมา บ้างครับ
ป.ล. สุดท้าย แต่ ไม่ท้ายสุด
ถึงจะบ้าพลังจัดมายาวเหยียด แต่ ปีนี้ ที่สุดแห่งปี ยังไม่จบครับ ยังมีของแถมเป็น 20 หนัง จี๊ด อู้ววว ว้าววว ประจำทศวรรษ เป็น Blog ปิดท้าย ซึ่งจะนำมาลงเร็วๆนี้
Link อันดับประทับใจประจำปี ของปีที่ผ่านๆมา
5 หนังไม่ชอบ + 50 หนังชอบ ประจำปี 2008
5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ ประจำปี 2007
5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ ประจำปี 2006
5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ ประจำปี 2005
5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ ประจำปี 2004
Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2553 |
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2553 19:04:13 น. |
|
20 comments
|
Counter : 7085 Pageviews. |
|
|
|
โดย: shu-ya IP: 192.168.50.219, 124.157.189.203 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:2:51:44 น. |
|
|
|
โดย: LittleBean IP: 130.101.15.246 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:4:42:14 น. |
|
|
|
โดย: ละอองลม (wind_drizzle ) วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:10:58 น. |
|
|
|
โดย: PP IP: 203.144.144.164 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:10:54:43 น. |
|
|
|
โดย: วัชชี่ IP: 125.26.132.51 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:14:11:33 น. |
|
|
|
โดย: จอจุ๊บุ๊ IP: 124.157.252.248 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:52:39 น. |
|
|
|
โดย: quasar (Quasar ) วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:20:34 น. |
|
|
|
โดย: bitoei IP: 124.122.236.84 วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:05:07 น. |
|
|
|
โดย: nothing to lose IP: 202.91.23.4 วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:53:51 น. |
|
|
|
โดย: เจรามี วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:15:50 น. |
|
|
|
โดย: peepy IP: 203.144.144.164 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:57:43 น. |
|
|
|
โดย: poon IP: 203.144.144.164 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:12:23:27 น. |
|
|
|
โดย: redden IP: 203.144.144.165 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:14:49 น. |
|
|
|
โดย: arm IP: 172.16.3.105, 58.137.65.10 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:39:51 น. |
|
|
|
โดย: บ๊อบบี้น่ารัก IP: 203.144.144.164 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:24:00 น. |
|
|
|
โดย: noofon IP: 203.130.134.132 วันที่: 5 มีนาคม 2553 เวลา:16:03:46 น. |
|
|
|
โดย: lkunl IP: 146.23.250.105 วันที่: 19 มีนาคม 2553 เวลา:14:55:11 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | |
|
|
|
|
- ลัดดาแลนด์ , ความหมายที่มากกว่าคำว่า'บ้าน' และ ความทะเยอทะยานของผีตุ้งแช่
- Scream 4 - หวีดไปยิ้มไป แล้วจำให้ขึ้นใจว่า "Don't **** with the ******** "
- 5 หนังตัวอย่างกระชากใจ+ 10 ฉากประทับใจ ประจำปี 2010 by "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- 10 ตัวละครประทับใจ ประจำปี 2010 by "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- Tron Legacy (3D) คุณป๋านั่งสมาธิ พิชิต โลกดิจิตอล
- Easy A - บทเรียนจากเด็กสาวที่ใครๆก็พูดถึงเธอว่า 'อีนี่ ... แร๊งงงส์'
- The Social Network - 10 ความในใจที่อยากเขียนถึงหนังของ น้องมาร์คช่างซัก(เกอร์เบิก)
- 7 ข้อ ที่มักเกิ้ลอย่างข้าพเจ้าขอ ปลื้มบ้าง บ่นบ้าง อะไรบ้าง กับ Harry Potter ภาค 7.1
- Let me in - จาก อีลี่ สู่ แอ๊บบี่ [รีเมคเปลี่ยนอารมณ์แต่เราชม(แล้ว)ชอบ]
- 9 ข้อ ที่ขอชมบ้างบ่นบ้างอะไรบ้างถึง อินทรีแดง
- น้ำตาลแดง + Piranha 3-D , ภาพยนตร์อุดมโปรตีนที่สะท้อนปัญหา เรตหนัง ของบ้านเรา
- Day & Night & Toy Story 3 คืนวันที่ผันผ่าน กับ วันวานและความผูกพัน
- บุญชู จะอยู๋ในใจเสมอ + สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า...รัก - งานชิ้นแรกของผกก.(ซูโม่+เสนา)ที่น่าจับตามอง
- Salt , ยอดหญิงชื่อ สินเธาว์ (ฉลาดเป็นกรด - อดทนเป็นคนเหล็ก - เซ็กซี่เป็นหลัก - รักสามียิ่งชีพ )
- The Girl with the Dragon Tattoo , ฆาตกรอยู่ในหมู่พวกเรา ขอเอา'รอยสักมังกร'เป็นเดิมพัน
- The Last Airbender - ความในใจถึงมาโนช
- The Sorcerer's Apprentice , พ่อมด + ดิสนี่ย์ + เบย์ = สนุกดีแต่ก็เบๆ
- คู่มือดูหนัง : Inception (ฉบับตะกอนฝัน) + Memento (วิธีใช้รีโมทเพื่อถอดรหัส)
- The Science of Sleep + Mulholland Dr. , สุขใจแต่ในฝัน (เกาะกระแส Inception)
- Inception , โลกลวงที่งดงาม หรือ ความจริงที่เจ็บปวด (ฉบับ ฝันชั้นสอง )
- Predators - การกลับมาของ ไอ้หนุ่มผมยาว
- เมื่อข้าพเจ้าขอคุยถึง (หนัง)โนแลน และ Inception
- เรื่องรักของน้องหล้า ใน Eclipse และ 11 ประการที่อยากพูดถึง Twilight 3
- The Karate Kid - อีกหนึ่งหนังสูตรสำเร็จที่ประสบความสำเร็จในความสนุก
- StreetDance 3D - หนังเต้นเมืองผู้ดี เต้นๆสนุกดี สามดีเนียนตาจริง
- ลุงบุญมีระลึกชาติ - เมื่อข้าพเจ้าไปเยี่ยม ลุงบุญมีฯ ที่โรงหนัง
- Knight & Day - อีธาน ฮันต์ เวอร์ชั่น กระโดดบนโซฟาโอปร่าห์ & นางฟ้าชาร์ลี เวอร์ชั่น รั่ว
- The Message หนังสืบสวนดีๆ สำหรับคอคินดะ โคนัน อกาธ่า มาสืบหาว่าใครคือคนทำ
- The A-team - มันโคตรจะเว่อร์ เว่อร์โคตรจะมันส์
- Prince of Persia ความสนุกพอไปได้สไตล์ดีสนีย์ ของ เจ้าหญิงวุ่นวายและเจ้าชายชอบกระโดด
- The Ghost writer - ยวน 'เคนโนบี' VS. เพียซ 'บอนด์'แน่น by โปลันสกี้
- Sex and the city 2 - ความในใจ 10 ข้อเกี่ยวกับ sex และ ข้าพเจ้า
- Killers - กึ๊กๆกั๊กๆยึกๆยักๆ กับ เรื่องรักของนักฆ่า
- โป๊ะแตกฯ - จุดอ่อนจากการที่ไว้ใจ(หม่ำ) คือโดนทำร้ายให้เสียเงิน
- I Love You Phillip Morris
- จากใจคนรักหนัง ถึงโรงหนังสยาม
- The Losers
- SHREK 4 (3D)
- Ip Man + Ip Man 2 , ฮึกเหิม เร้าอารมณ์ ผสม ความมันส์แบบยิบๆ
- Robin Hood , จากหนังแอคชั่นฮีโร่ สู่ หนังประวัติศาสตร์การเมืองและเรื่องเล่าของชายชื่อโรบิ้น
- A Nightmare on Elm Street , การกลับมาของพี่นิ้ว
- จาก Hotel Rwanda ถึง Agora , หนังดีที่คนไทย(ตอนนี้)ควรดู
- Gran Torino , เก๋าแค่ไหนก็เจ็บเป็น
- Chloe
- Kick Ass , 5 ข้อ ที่ขอเชียร์หนังเรื่องนี้
- Shutter Island
- Date night
- บ้านฉัน..ตลกไว้ก่อน(พ่อสอนไว้) , หนังครอบครัว(ของไทย)ที่ดีที่สุดในรอบหลายปี
- Green Zone , หนังแอคชั่นที่ยืนยันว่า "พอล กรีนกราสส์ คุณเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ !!!!!"
- Alice in Wonderland , อลิซในดินแดน'ทิม เบอร์ตั้น' เวอร์ชั่น เมายา
- เกาะกระแส ชวนคุยกันถึงหนัง(ออสการ์ 2009) ที่ได้ดู: ถ้าออสการ์อยู่ในมือคุณ คุณจะยกให้กับใคร
- WHO ARE YOU? , ขึ้นต้นดูดีเป็นมะลิซ้อน พอแตกใบอ่อนตอนจบก็หมดกัน
- Movie and Me :: 50 หนังประทับใจประจำปี 2009 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" (ตอนจบ)
- Movie and Me :: 50 หนังประทับใจประจำปี 2009 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" (ตอน 1)
- Movie and Me :: 10 ฉากประทับใจประจำปี 2009 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- Movie and Me :: 10 ตัวละครประทับใจประจำปี 2009 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- Movie and Me :: 8 ตัวสำรอง หนังดี(วีดี)ถูกใจประจำปี 2009 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- Bolt + Marley and Me , เรื่องของ คนรักน้องหมา
- Chuck + Duplicity , Partnership is Trust
- Avatar , นาวีที่รอคอย + แพนโดร่า มาหานะเธอ
- 2 ข้อที่ว่าด้วย 'ปรากฎการณ์ ทไวไลท์ อะไรกันนักหนา ?' + 8 ข้อที่อยากพูดถึง New Moon
- 2012 , 12 + 1 ข้อที่อยากพูดถึง 2012
- เฉือน , ว่าด้วย โศกนาฏ-ฆาตกรรม ในหนังไทยที่ดีที่สุดของปี + 3 เคล็ดลับเพิ่มรายรับให้ 'เฉือน'
- Pandorum , ความจำสั้น แต่ ฝันร้ายยาว
- A Prophet , ตามติดชีวิตคนคุก(จากเมือง)คานส์
- ฝันโคตรโคตร , จากซิกส์แพ็คและหน้าตา มาสู่ ก้าวที่กล้า กับ ความกล้าที่สร้างสรรค์ของ'หนังพิง'
- 5 แพร่ง , 3 แพร่งที่ชอบ กับ 2 แพร่งที่เฉย
- The Final Destination (4) , สิ่งเดียวที่คุ้มค่า คือ เนื้อสันในตับไตไส้พุงพุ่งเข้าตา
- Inglourious Basterds , ความเด็ด 7 ประการที่ผมปลื้ม ก๊วนไอ้ตัวแสบ กับ นักล่ายิว
- บุปผาราตรี 3.2 , โถ บุปผา หนูปิดฉากลาไปพร้อม 'ความน่าผิดหวัง' ทั้งๆที่หนูมี 'ของดี'
- จีจ้า ดื้อสวยดุ , ว่าด้วยความจั๊กจี้และผิดหวังของหนังจีจ้า
- Changeling + Taken , ลูกฉันอยู่ไหน ?
- สามชุก , ไม่ได้น่าดูเพราะ'เจตนาดี-มีบทเรียน แต่น่าดูเพราะ 'หนังดี-กินใจ-เข้าใจคน'
- The Hangover , สนุกเฮฮาบ้าบอลามกสะบักสะบอม
- The Taking of Pelham 1 2 3 , เร่งเครื่องสะใจ แต่แผ่วปลายง่ายเหลือเกิน
- หนีตามกาลิเลโอ , ถึงภาพรวมจะผิดหวัง แต่ก็ยังมีหลายอย่างที่ชื่นชม
- Public Enemies , ขวัญใจประชาชน โจรปล้นธนาคาร ไมเคิล มานน์ (เจ้าพ่อหนังอาชญากรรม)
- Harry Potter and the Half Blood Prince , โลกใบใหม่ของ 'หนังแฮรี่'
- Partly cloudy + Up , ว่าด้วย ชีวิต , ความทุกข์ , ความรัก และ การเดินทางของ ปู่ซ่า กับ ด.ช.ฮะโหน่ง
- Wall-E , เมื่อ หุ่นยนต์ สอน คน ให้มี หัวใจ
- Evil dead + Drag me to hell , ไปๆ ไปลงนรกเสียเถิดที่รัก
- Terminator Salvation , คนเหล็กภาคเฉพาะกิจ กับ ภารกิจ 'พ่อตรูอยู่ไหน + ฉันเป็นใครเมื่อในอดีต'
- Night at the Museum 2 , ภาคสองที่ไม่ค่อยมีอะไร แต่ 'เอมี่ อดัมส์' สดใสเป็นอย่างยิ่ง
- Secret Sunshine + Reign over me , การเดินทางของหัวใจที่บาดเจ็บและร้าวราน (2)
- Winged creatures , การเดินทางของหัวใจที่บาดเจ็บและร้าวราน (1)
- Angels and Demons + Let the right one in , แดน บราวน์ ห้าวเป้ง ปะทะ แวมไพร์เจ๋งเป้ง
- The Horsemen + Thick as Thieves + Righteous Kill + K-20 , ว่าด้วยความผิดหวังกับ 4 หนังอาชญากรรม
- Star trek (2009) , จากใจคนที่ไม่ใช่ Trekkie --> สุดยอด - Excellent - #$$@% - สุโค่ย - il_lli
- X-Men Origins: Wolverine , ปุกปุยตะลุยเดี่ยว + ภาพสะท้อนความแตกแยกในสังคมจาก 'ความแตกต่าง'
- สาระแน ห้าวเป้ง!!! , สนุกดี มีดีกว่าที่คิด (เพราะคิดว่าหนังจะไม่มีอะไรมากไปกว่ารายการทีวีขึ้นจอใหญ่)
- Last Chance Harvey , โอกาสของความรัก โอกาสของชีวิต
- Before Sunrise & Before Sunset , เมื่อความรักเธอเข้ามา ทำให้ดวงตาฉันเห็นความสดใส
- The International , เที่ยว(ยุโรป)ไป ลุ้นไป กับ เฮ๊ยไคลฟ์และนาโอมิ
- บุปผาราตรี 3.1 , โถ บุปผา หนูมากับ 'ความน่าผิดหวัง' ทั้งๆที่ เปี่ยมด้วย 'ของดี'
- Fast and Furious (4) , แซงซ้าย แซงขวา ปาดหน้า ชนหลัง อู้ววว ความมันส์กลับมาคืนฟอร์ม
- Spirited away , การเติบโตของจิตวิญญาณ
- Knowing , วินาศภัยในปรัชญา , จิตวิทยา , ศาสนา และ ไซไฟ ( โอ้ววว จะผสมอะไรกันมากมาย)
- 3:10 to Yuma + Before the Devil Knows You're Dead , ทำดีไม่ง่าย / ทำได้ไม่ทำ
- Watchmen , หนังสำหรับคนรักลีลาแบบ Lost ผสมประเด็นแบบ The Dark knight ภายใต้ภาพลักษณ์แบบ Sin city
- จดหมายจาก Watchmen ถึง คนดูเมืองไทย และ กองเซ็นเซ่อร์ (ควรเปิดอ่านก่อนไปรับชม + ไม่สปอยล์)
- ชวนคุยกันถึงหนัง(ออสการ์) ที่ได้ดู: ถ้าออสการ์อยู่ในมือคุณ คุณจะยกให้กับใคร
- โหดหน้าเหี่ยว 966 , ถ้าชอบ ตลกส่ายหน้า ก็คุ้มค่าที่จะดู
- จาก หน้ากระดาษ สู่ หน้าจอ , 'ความสุขของกะทิ' ให้อะไรเรา ?
- 5 หนังไม่ชอบ + 50 อันดับหนังประทับใจ ประจำปี 2008 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- Movie and Me : 50 หนังประทับใจ ประจำปี 2008 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" (ตอน 1)
- Movie and Me : 10 ฉากประทับใจ ประจำปี 2008 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- Movie and Me : 10 ตัวละครประทับใจ ประจำปี 2008 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- Movie and Me : 9 หนังดี(วีดี)น่าดู ประจำปี 2008 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- เตรียมตัวก่อนตีตั๋ว (Movie Preview) :::::: สัปดาห์ส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ :::::
- Australia , หนังดีที่(ผิดหวัง แต่ก็ยัง)เชียร์ให้ตีตั๋วไปรับชมในโรงภาพยนตร์ + Madagascar 2 (ดูเอาฮา)
- ฝัน-หวาน-อาย-จูบ , ไม่ถึงกับแย่มากมาย ก็ยังพอเพลิดเพลินได้ แต่ ง่ายไปหน่อยมั้ย
- เตรียมตัวก่อนตีตั๋ว (Movie Preview) :::::: 25 - 31 ธันวาคม 2551:::::
- อิคิงามิ:สาส์น-สั่ง-ตาย, จะทำอะไร ใน 24 ชั่วโมงสุดท้ายของชีวิต
- Happy Birthday , มุมมองของคนคิดมากและไม่อิน
- เตรียมตัวก่อนตีตั๋ว (Movie Preview) [[ 18 - 25 ธันวาคม 2551]]
- The Day The Earth Stood Still , โลกสวยด้วยมือเรา โลกเน่าด้วยมือคุณ
- Tokyo Sonata , จากต้นตอสู่ทางออกของปัญหาครอบครัว ในสังคมระทมทุกข์
- เรื่องไหนน่าลอง เรื่องไหนน่าเลี่ยง (Movie Preview) [[ 11-18 ธันวาคม 2551]]
- องค์บาก 2 , จาก 'พระกูอยู่ไหน' 'ช้างกูอยู่ไหน' มาสู่ 'จากูอยู่ไหน' และ ตอนจบอยู่ไหน ?
- เรื่องไหนน่าลอง เรื่องไหนน่าเลี่ยง (Movie Preview) [[ 4 - 11 ธันวาคม 2551]]
- Twilight + The Duchess + Teeth , (สัปดาห์หนังพลังหญิง) อาทิตย์นี้ ผู้หญิง ครองโรง
- Teeth , จาก 'จิ๊มิ๊มีฟัน' สู่ พรหมจรรย์ ความบริสุทธิ์ และ กองเซ็นเซ่อร์
- The House Bunny + Mean girls , คุณค่าของคุณ อยู่ตรงที่ใด
- เรื่องไหนน่าลอง เรื่องไหนน่าเลี่ยง (Movie Preview) [[ 27 พฤศจิกายน - 4 ธันวาคม 2551]]
- Traitor , (หนัง)สายลับ ฉบับ หงิมๆ
- Twentieth Century Boys , ลึกลับ ย้อกย้อน ซ่อนเงื่อน 'เพื่อน' ทรยศ + คนใจคดแอบตัดหนังเอง
- เรื่องไหนน่าลอง เรื่องไหนน่าเลี่ยง (Movie Preview) [[ 20-27 พฤศจิกายน 2551]]
- มาปฏิวัติ 'James Bond' กันเถอะ
- 007 : Quantum of Solace , ปฏิวัติ 'ความเป็นบอนด์' [แล้วตกลงว่า จะ บอนด์ หรือ ไม่บอนด์ ?]
- โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต , ตัวหนังยังไม่เท่าไหร่ แต่ 'ผีชบา การหลอก และ ตกใจ' แจ่มๆ
- ชวนมาเลือกหนัง 5 เรื่องต้อนรับวันฮัลโลวีน กับ 'เทศกาลหนังหัวใจวาย'
- จาก ปืนใหญ่จอมสลัด สู่ บุหงาปารี , ความน่าเสียดาย ความน่าผิดหวัง กับ หนัง(สือ)ดี
- ผมอยู่ข้างหลังคุณ"ขอหยิบหน้าม้ามาสวมใส่ เพื่อเชียร์ Son of rambow หนังอิ่มอุ่นที่ดีที่สุดของปีนี้
- 8 เหตุผลที่ ผมฯ เชียร์ให้ไปดู Tropic thunder หนังฮาอารมณ์ดีที่สนุกชะมัด
- City of ember + Max payne , ภาวะศรัทธาหน้ามืด กับ ความเท่ที่มาช้าเกินไป
- Body of lies , Talking thriller ที่ว่าด้วยแผนซ้อนแผนซ้อนแผนซ้อน....
- อีติ๋มตายแน่ , มันเป็นฝันร้ายของคนธรรมดาๆ และ มันเป็นปัญหาของทัศนคติกับคุณค่าในตัวเอง
- คุยเรื่องซีรี่ส์(ซีรี่ส์-aholic) : Desperate Housewives , สงครามแม่บ้าน กับ งานเขียนบทชั้นเลิศ
- คุยเรื่องซีรี่ส์(ซีรี่ส์-aholic) : Greys anatomy , สงครามคุณหมอ
- American Gangster , โลกนี้ไม่ได้มีแค่สีขาวกับดำ / [ + กำหนดพบปะเพื่อนผู้อ่านในงานมหกรรมหนังสือ ]
- Eagle Eye , ตื่นเต้น เร้าใจ ไม่ใหม่ ไม่โดน จบแล้ว จบกัน
- Taken , Die Hard เวอร์ชั่น สู้เพื่อลูก (หนังแอคชั่นดีๆที่เชียร์ให้ไปดู)
- Wanted , โอ้ว่าด้วยแอคชั่นปรัชญา และ ความตื่นตาในระดับ 'แม่เจ้าประคุณรุนช่องเอ๊ย'
- รัก|สาม|เศร้า , เมื่อ รัก|สาม|เศร้า ทำข้าพเจ้าน้ำตาซึม
- เชียร์ให้ไปดู หมาแพนดี้ ตีลังกา ใน Kung fu panda (หนุกมากกก) + The Incredible Hulk ดูเอามันส์
- The Happening , จดหมายถึงมาโนช (มาโนช นะ มาโนช)
- The Chronicles of Narnia: Prince Caspian , อัสลานใจร้าย - เจ้าชายอารมณ์เสีย - นาร์เนียอัพเกรด
- Indiana Jones and the Kingdom of the Crystal Skull , งานคืนสู่เหย้า ของ เรา และ คนทำหนัง
- คนขับ ( Speed racer) Vs. คนเหล็ก ( Iron man) / Vegas(21) Vs. Vegas (What happen in vegas)
- Penelope , จาก 'สวยหน้าหมู' สู่ เกราะสองชั้นที่ปิดกั้น 'คุณค่าในตัวคุณ'
- Knocked up & Juno , หนังประเมินทัศนคติสังคม + กองเซ็นเซ่อร์และเจ้ากระทรวงวัฒนธรรม
- สี่แพร่ง , แพร่งหนึ่งเงียบสยอง แพร่งสองบ้าพลังเกินงาม แพร่งสามง่ายแต่ดี แพร่งสี่เชยสะดุ้ง
- Horton Hears a Who! ,เสียงที่มองไม่เห็น เชื่อผู้นำชาติพ้นภัย ประชานิยมหมักหมมปัญหา ปิดหูปิดตาประชาชน
- The Forbidden Kingdom , เมื่อฝรั่งมาทำหนังกังฟู
- ตำรวจชั่ว (Street kings) + รักอหิวาต์ (Love in the Time of Cholera) + ความสุขของเฮอจินโฮ(Happiness)
- ดรีมทีม , เรื่องของเด็ก เรื่องของผู้ใหญ่ และ มนต์มายาของ 'ความน่ารัก'
- Vantage point , ฉลาดขยัก(ความลับ) ฉลาดคาย(ความจริง) (ตกม้า)ตายตอนจบ
- ลองของ 2 , ศึกชิงเทพสามตา อูรากำเปรยสเคอเทลอาเดบายอร์ ครูพนอ รีเทิร์นส์
- Doomsday , หนังบู๊แซ่บแกล้มลาบเลือดประจำปี
- Always: Sunset on Third Street 2 , บางสิ่งที่ไม่สามารถซื้อหา และ มีคุณค่ามากกว่าเงินทอง
- ปิดเทอมใหญ่ หัวใจว้าวุ่น , อีกหนึ่งหนังไทยวัยรุ่นดีๆ ที่ว่าด้วย 'ความรักของวัยรุ่น'
- My Blueberry Nights , การเดินทางของหญิงสาวที่เป็นพายบลูเบอรี่
- Rambo 4 (+3+2+1) , เปิดตำนานจาก 'พี่โบ้' สู่ 'ลุงโบ้' (โอ้มายก๊อด ลุงบึกตายยาก)
- หนังครอบครัวชั้นดี หนังแฟนตาซีชั้นเยี่ยม >>>> The Spiderwick Chronicles <<<< สนุกเหลือล้น
- สองหนังรักน่าประทับใจ , Once & Dan in real life , เธอคือคนที่ใช่(ในวันที่ผิด)
- 10,000 B.C. , ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ + History Channel + Animal Planet
- อ๊ากกกกกกกก ตอนจบ The Mist + วิเคราะห์ แปดวัน แปลกคน หนังไรว้า
- กอด , เพราะ การกอด ทำให้รู้ว่า เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในโลก
- ออสการ์ กับ หนังที่ 'หนัก แมน แรง ชั่ว' (2) , There will be blood
- ออสการ์ กับ หนังที่ 'หนัก แมน แรง ชั่ว' (1) , No Country for Old Men
- Jumper , ช่วงเวลาที่สนุกที่สุดของหนังเรื่องนี้อยู่ที่ 'หนังตัวอย่าง'
- P.S. I Love You ,ชีวิตต้องเดินต่อไป ในวันที่ไม่มีเธอ
- Charlie Wilson's War , เราร่วมล้มล้างศัตรูคนเก่า แล้วเราก็ดันสร้างศัตรูใหม่(ที่ร้ายกว่าเก่า)
- 27 dresses , ผลลัพธ์ของผู้กำกับที่'ฉลาดปรุง'
- ขอสวมหน้าม้ามาอาสาเชียร์ >> Atonement << หนังดีๆที่แพรวพราวและงดงาม
- ช็อคโกแลต , กลมกล่อมกว่า ต้มยำกุ้ง แต่ไม่แซ่บไม่ติดใจ
- Enchanted , ในวันที่ไม่รู้จะยิ้มให้กับใคร ในวันที่ไม่มีใครยิ้มให้กับเรา
- The Flock , Internal affairs+ Infernal affairs = สองคนไม่คม
- Saw IV , โดนหลอกอีกแว้ววววว
- 36 ข้อของ Cloverfield กับผมฯ ( โอ้ มายก๊อด โอ้ มายก๊อด โอ้ มายก๊อด โอ้ มายยยยย แอวะ)
- Hitman , ไม่ได้ถึงกับแย่ แต่ก็ไม่น่าจะ ฮิต
- หม่ำ เดียว หัวเหลี่ยม หัวแหลม , หนังตลกไทยไร้มลพิษที่ ดูได้ แต่ยังไม่ ดูดี
- Movie and me (Final) , 5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ + บทสรุป ประจำปี 2007 ของ "ผม" และ คุณ
- Movie and Me (3) : 10 ฉากประทับใจ ประจำปี 2007 ของ"ผมฯ" และ คุณ
- ถึงแฟนานุแฟน The Beatles ... "Hey Jude , Lets come together to Across the Universe at ลิโด้ "
- Movie and Me (2) : 10 ตัวละครประทับใจ ประจำปี 2007 ของ"ผมฯ" และ คุณ
- Movie and Me : 10(+1) หนังดี(วีดี)น่าดู ประจำปี 2007 โดย "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
- Feast of love , รักสุดใจตัวอยู่ใกล้แต่ไฉน มองไม่เห็น
- National Treasure: Book of Secrets , สนุกดี (แต่เคยมี สนุกกว่า)
- The Warlords & Blood Brothers & กอดคอกันไว้ อย่าให้ใครเจาะกะโหลก = เพื่อนกู(ไม่)รักมึงวะ
- I Am Legend , ในวันที่มืดมน ขอมนุษย์ทุกคนจงอย่าสูญสิ้นความหวัง จงอย่าหมดสิ้นศรัทธา
- Lust , caution , สายลับ กับ บ้านเล็ก
- The Golden Compass , ง๊ายง่าย เด๊กเด็ก
- โปงลางสะดิ้ง ฯ, นั่งนิ่งๆแล้วส่ายหน้า
- รักแห่งสยาม , ทุกชีวิตเติบโตได้ด้วยความรัก
- Michael Clayton , ชีวิตของทนายภารโรง
- ต้องสามมิติเท่านั้น >>> Beowulf <<< "ข้าจะยื่นข้อเสนอที่เจ้ามิอาจปฏิเสธได้"
- Secret , เริ่มต้นที่ ความลับ จบลงที่ ความรัก
- Lions for Lambs , ส่งเสริมสิงโต ตรวจสอบแกะ และ ลงมือทำ
- ไม่ชอบ ไม่ชวน ไม่เชียร์ >>> Captivity <<< ตัวเต็ง 1 ใน 5 หนังไม่ปลื้มแห่งปี
- เชิญชวนเชียร์ให้ไปดู Surfs Up : แอนิเมชั่นแสนสนุกสุดน่ารักของปี (และ ผมฯชอบมากกว่า Ratatouille)
- สองวัน สองความผิดหวัง สองหนังไทย : 2. โธ่ โอปปาติก
- สองวัน สองความผิดหวัง สองหนังไทย : 1. โถ วิดิโอคลิป
- เวียนเฮดกับแฮนด์เฮลด์ ใน The Kingdom + สัจธรรมของความกร่าง
- Stardust , เพราะเหตุใดดวงดาวจึงเปล่งประกายบนท้องฟ้า เพราะเหตุใดมนุษย์จึงควรค่าแก่การเฝ้ามอง
- บอดี้ ศพ #19 , ภาพสวยหลอกตา เนื้อหาหลอกดี CGหลอกเกิน
- ซอมบี้ที่ผมฯรัก + คุยกันเล็กน้อยกับ Resident evil 3
- ขออาสาเป็นหน้าม้าเชียร์ >>> Children of Glory <<< หนังดีที่โดดเดี่ยวอยู่สกาล่า
- Shoot 'Em Up , น้องๆ ยิงแม่งเลย สอง
- คืนนี้เราจะค้างกันที่ไหนดี ... Vacancy หรือ 1408
- จาก ไลท์ DeathNote สู่ เอริก้า เบน <<< The Brave one >>> ศาลเตี้ยจงเจริญ ?
- Vacancy , ไม่มีอะไรในกอไผ่(นอกจากการลุ้น)
- Bug , เข้าคลาสจิตเวชกับ แอชลี่ จัดด์ และ แมลงของเธอ
- สายลับจับบ้านเล็ก , จาก "เพื่อนสนิท" มาสู่ "เมียน้อย"
- ไม่ใช่ไข่เค็ม ไม่ใช่ต้มยำกุ้ง ไม่ใช่หนังชกมวย ( ไม่สปอยล์ ) <--- ไชยา --> หนังดีที่น่าชื่นชม
- Premonition , แซนดรา บูลล็อค ในภาวะวังน้ำวน
- หนังดี(VD)ที่ผมฯเชียร์ - We are marshall
- Downfall --> The Invasion , จาก ฮิตเลอร์ โกอินเตอร์มาเป็น มนุษย์ต่างดาว
- The Condemned , Battle royale ฉบับถอดชุดนักเรียน (เปลี่ยนเป็นนักมวยปล้ำและนักบอล)
- 24 : ชีวิตบัดซบของ แจ๊ค บาวเออร์ + คู่มือเอาตัวรอดเมื่อคุณหลุดเข้าไปอยู่ใน 24
- Rush hour 3 , สนุกขำๆแบบย่ำอยู่กับที่
- Ratatouille < < บนทางเดินของความฝัน - ในสังคมแห่งอคติ >> Hairspray
- Planet Terror + The Simpsons Movie , สองกวน
- Because I Said So , รู้ว่าแม่รัก แต่ลูก "อึดอัดนะแม่"
- สุดยอด ห้ามพลาด ฉลาด สมจริง << The Bourne Ultimatum >> หนึ่งในหนังที่ดีที่สุดของปี
- Grindhouse: Death Proof =โชเฟอร์ตีนผีไล่บี้สาว+ เก๋าเกรดบี + หนังเควนติน = ห้ามพลาด มันป๋ามากกกกก
- Paris, je t'aime - ปารีสฉันรักเธอ ... แล้วเธอละ รักตอนไหนใน 'ปารีสเฌอแตม'
- The Page turner , แค้นฝังคอร์ด
- เหตุผลที่ แฮรี่ 5 เป็น 'หนังแฮรี่' ที่ผมชอบมากที่สุด
- Harry Potterหลบไป Die Hardโปรดหลีกทาง Transformerอย่าขวาง >> Hula Girls... หนังที่ทำจะทำให้คุณอิ่มใจ
- Transformers , โอ้ว ไมเคิล เบย์ คุณเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริงๆเลย
- Fantastic Four: Rise of The Silver Surfer + Ocean's Thirteen , หนังของพ่อครัวที่รู้ตัวว่าทำอะไรอร่อย
- คุยไม่สปอยล์ : สวยลากไส้ = คลับ F ฉบับเลือดสาด
- พลอย , คุยเรื่องรัก+ ชวนคิดลึก กับ "พลอย"
- คุยไม่สปอยล์ : "พลอย" - (งานของ)เป็นเอกที่ผมรัก [ แถม 'คู่มือการดู พลอย 'ให้สนุกและเข้าใจใน Blog]
- Final Score 365 วัน ตามติดชีวิตเด็กเอ็นท์ , เป็นวัยรุ่นมันเหนื่อย
- Pirates of the Caribbean: At World's End , มากคน ก็ มากความ
- ไขปริศนารัก Pirates of the Caribbean , ฉันคนหนึ่ง เธอคนหนึ่ง เราสามคน
- !!!! ประกาศ : "บล็อก" หายยก Group + ขอปิด "บล็อก" ชั่วคราว !!!!
- Pans Labyrinth , คือจินตนาการแสนสวยงาม หรือ คือความจริงที่เจ็บปวดและขมขื่น
|
|
|
|
|
|
|
|