แม่ตามหาลูกชาย (Changeling )



... แองเจลิน่า โจลี่ เป็น นักแสดงสาวที่มักจะมี ข่าวชีวิตส่วนตัว ให้เราติดตามอยู่เสมอๆ อาทิเช่น ข่าวการรับเลี้ยงลูกบุญธรรม , ข่าวชีวิตรัก , ข่าวการทำงานช่วยเหลือด้านมนุษยชนจนมาข้องเกี่ยวกับเมืองไทยในกรณี โรฮิงญา หรือ ข่าวรอยสักอาจารย์หนู

ต้องยอมรับว่า ถึง ข่าวของเธอจะเยอะ แต่เธอก็ไม่ใช่นักแสดงที่ใช้ข่าวเพื่อส่งตัวเองให้ดัง เพราะ ฝีไม้ลายมือของเธอในด้านการแสดงนั้นก็ได้รับการพิสูจน์ให้เห็นหลายต่อหลายหนว่า เธอไม่ได้สักแต่ขายความเซ็กซี่ หากแต่ ทักษะการแสดงของเธอสามารถคว้าลูกโลกทองคำควบออสการ์มาพร้อมๆกันแล้วจากหนังเรื่อง Girl, Interrupted



Changeling เป็น ผลงานเรื่องล่าสุดที่ส่งเธอเข้าชิงออสการ์อีกครั้งในสาขานักแสดงนำหญิงปีล่าสุด ด้วยฝีมือการกำกับของปู่คลินท์ อีสต์วู๊ด

หนังดัดแปลงมาจากเหตุการณ์จริงในปี 1928 เกี่ยวกับ คริสตีน คอลลินส์ คุณแม่ที่เลี้ยงลูกชายวัยสิบขวบตามลำพังในรัฐลอสแองเจลิส วันหนึ่งกลับจากทำงาน ลูกชายเธอก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีหลักฐานใดๆที่ตำรวจจะใช้ตามตัวลูกชายเธอได้ ความพยายามสืบสวนของตำรวจผ่านไปหลายเดือนทำให้หัวใจคนเป็นแม่แตกสลาย เมื่อไม่มีวี่แววว่าจะได้ลูกชายกลับคืนมา

จู่ๆวันหนึ่ง ตำรวจก็แจ้งว่า พบเด็กผู้ชายที่รูปพรรณสัณฐานตรงกับลูกชายเธอ และ เด็กคนนั้นก็บอกเองว่าเป็นลูกของเธอ ทำให้เธอดีใจเป็นล้นพ้น แต่ เมื่อถึงวันที่ตำรวจนัดสื่อมวลชนมาทำข่าวให้เธอรับลูกคืน พอเห็นหน้าลูกครั้งแรก เธอปฏิเสธทันใดว่า เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูก

เกิดกระแสความสับสนขึ้นว่า คริสตีนอาจจำลูกไม่ได้ แล้ว เธอไม่กล้ายอมรับเพราะกลัวคนจะตำหนิใน ‘ความเป็นแม่’ หรือ เด็กคนนั้นจะไม่ใช่ลูกของเธอจริงๆแต่มามั่วนิ่มด้วยวัตถุประสงค์บางอย่าง

หน้าที่ของตำรวจน่าจะช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าอะไรเป็นอะไร แต่ นายตำรวจ เจ.เจ.โจนส์ ที่รับผิดชอบคดี กลับ ฟันธงตัดสินทันทีว่าเธอคงเลอะเลือนจำลูกไม่ได้ และ พยายามโน้มน้าวให้เธอยอมรับลูกไปให้เสร็จสิ้น แต่ยิ่งคริสตีนรับเด็กมาดูแลใกล้ชิด พบว่า ความสูงของเด็กคนนี้เตี้ยกว่าลูกชายเธอ หรือ มีการขลิบปลายอวัยวะเพศทั้งๆที่ลูกชายของเธอยังไม่เคยทำมาก่อน ยิ่งทำให้เธอมั่นใจว่า เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูก

ความกลัวที่ตัวเองจะเสียหน้า บวกกับ ความไม่กล้าที่จะยอมรับว่าทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ นายตำรวจ เจ.เจ.โจนส์ พยายามทุกวิถีทางที่จะกล่อมให้ คริสตีน ยอมรับเด็ก เช่น หาหมอที่รู้จักไปโน้มน้าวว่าเธอเข้าใจผิด แต่ นั่นยิ่งทำให้ คริสตีนพยายามที่จะพิสูจน์ให้สังคมเชื่อว่า เด็กคนนี้ไม่ใช่ลูก เพื่อที่จะไม่ให้ทางตำรวจหยุดการสืบค้นหาลูกชายที่แท้จริง

เมื่อบาทหลวงที่มีอิทธิพลต่อคนในชุมชนรู้ข่าว จึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือคริสตีน และ กระพือข่าวให้สาธารณชนสนใจ นายตำรวจ จึงรีบยุติข่าวด้วยการจับ คริสตีน เข้าโรงพยาบาลทางจิต แถมหมอก็รีบด่วนวินิจฉัยว่าเธอป่วยทางจิตจำลูกไม่ได้ แล้วบังคับให้กินยา ไม่ยอมให้ออกจากโรงพยาบาลยกเว้นเสียแต่ว่า เธอจะยอมเซ็นหนังสือยอมรับเด็กคนนี้เป็นลูกของเธอ



... เนื้อหาของ Changeling จึงไม่ได้มีแค่พล็อตสืบสวนว่า ‘เด็กคนนี้เป็นลูกของคริสตีนจริงหรือไม่?’แต่ หนังยังแสดงภาพการกดขี่ข่มเหงสตรีเพศ (นางเอก , ผู้ป่วยในโรงพยาบาล) ผ่านความตกต่ำเลวร้ายของคนที่มีอำนาจอยู่ในมือ ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจหรือหมอ

เราจะเห็นความเป็นจริงที่ว่า หากผู้ที่มีหน้าที่บำบัดรักษาสังคม กลับเป็นคนเสื่อมโทรมเน่าหนอนเสียเอง ไม่เพียงแต่ สังคมจะไม่พัฒนา แต่การมีอยู่ของพวกเขาก็แทบจะไม่ต่างจากมิจฉาชีพในสังคม เช่น นายตำรวจกับหมอในหนังเรื่องนี้ อาจจะไม่ได้ลงมือฆ่าลูกชายของคริสตีน แต่ การที่ไม่ใส่ใจและมัวแต่จะปกป้องชื่อเสียงตัวเอง ก็เท่ากับพวกเขามีส่วนร่วมทำลายชีวิตเด็กคนนี้ทีละน้อยๆตามเวลาที่ล่วงเลย

ปัจจัยที่ผลักดันให้ แองเจลิน่า โจลี่ มีโอกาสขึ้นเวทีล่ารางวัลจาก Changeling มาจาก การถ่ายทอด ‘ ความเป็นแม่’ ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม บทของเธอผสมผสานภาวะใจสลายกับความเด็ดเดี่ยวเข้มแข็ง ยอมที่จะถูกจับ ยอมที่จะถูกขัง ยอมที่จะถูกช็อตไฟฟ้า แต่ ไม่ยอมเด็ดขาดที่จะยอมรับว่าเด็กแปลกหน้าเป็นลูก เพราะ มันเท่ากับว่า จะทำให้การค้นหาลูกชายสิ้นสุดลง และ โอกาสที่ลูกจะมีชีวิตรอดก็ยิ่งริบหรี่ลงเรื่อยๆ

นอกจากนี้ ความเนี้ยบขององค์ประกอบรายรอบ ทั้งเสื้อผ้าหน้าผมและฉากหลัง เป็นปัจจัยส่งเสริมที่ทำให้หนังดูดีเป็นอย่างยิ่ง



พ่อตามหาลูกสาว (Taken)




... เลียม นีสัน นักแสดงที่คนดูส่วนใหญ่รู้จักจากบทนักธุรกิจใจบุญใน Schindler's List รับบทเป็น ไบรอัน อดีตซีไอเอ ที่ปัจจุบันทำหน้าที่บอดี้การ์ด เขายอมเลือกที่จะเสียหน้าที่การงานดีๆในอดีตเพราะเขาไม่ยอมย้ายไปไหน แต่เลือกจะอยู่เฉพาะในเมืองที่สามารถเฝ้ามองการเติบโตของลูกสาวได้

ถึงลูกสาวของไบรอัน จะอยู่กับพ่อเลี้ยงและอดีตภรรยา แต่ ทุกๆวันเกิดของเธอ เขาจะซื้อของขวัญไปให้ ขอถ่ายรูปแล้วเอามาเก็บไว้ในสมุดภาพส่วนตัว ซึ่งยิ่งลูกโตมากขึ้นเท่าไหร่ ดูเหมือนระยะห่างระหว่างเขากับลูกยิ่งไกลมากขึ้นทุกที

หลังงานวันเกิดปีล่าสุด ลูกสาวมาขอให้ไบรอันเซ็นใบอนุญาตเดินทางไปยุโรปกับเพื่อน เพราะอายุของเธอยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะไปเองได้ ตอนแรกไบรอันไม่ยอมเซ็น เพราะกลัวอันตรายหากปล่อยให้เด็กสาวสองคนเดินทางข้ามทวีปโดยไม่มีผู้ใหญ่ แต่เมื่อเห็นลูกเสียใจมาก เขาก็ใจอ่อนยอมเซ็นให้และกำชับว่า เมื่อถึงที่พักต้องรีบ โทรศัพท์กลับมาทันที

ในสายตาของคนเป็นแม่ อดีตภรรยาของไบรอันมองว่า เขาไม่เคยเข้าใจลูกสาว เพราะ ธรรมชาติของวัยรุ่นย่อมไม่อยากให้พ่อแม่จ้องมองเขาเหมือนเด็กตัวเล็กๆ แต่ ไบรอัน กลับคอยควบคุมลูกสาวเหมือนเด็กๆ

ในทางตรงกันข้าม ไบรอัน ที่เป็นอดีตซีไอเอ อยู่ในสายงานที่ไม่สามารถไว้วางใจคนรอบข้าง เต็มไปด้วยอันตราย ก็บอกว่า คนเป็นแม่ไม่รู้จักความน่ากลัวของโลกภายนอกดีพอ

ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่มีใครถูกใครผิด เพราะ วัยรุ่นอยากได้อิสระและแสดงออกเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวเองโตแล้วแต่ ถ้าขาดความระแวดระวัง ความคึกคะนองก็จะพาพวกเขาเข้าสู่ความเสี่ยง เหมือนที่ ลูกสาวของไบรอันกับเพื่อน ถูกกลุ่มวายร้ายจับไปขายหลังจากเข้าที่พักได้ไม่กี่ชั่วโมง



... ไบรอัน มีโอกาสคุยโทรศัพท์กับคนที่จับลูกเขาไปสั้นๆ เขาจึงฝากข้อความให้รู้ว่า ตัวเขาเองนั้นไม่มีเงิน มีแต่ฝีมือที่ฝึกมา และ ถ้าไม่ปล่อยลูกสาว เขาจะตามหาเพื่อฆ่าพวกมันทิ้ง

ครั้นเมื่อ เหล่าวายร้ายไม่เชื่อ ก็เป็นโชคดีของคนดูที่จะได้เห็น ไบรอัน พกความสามารถเฉพาะตัว เดินทางข้ามทวีปเพื่อบุกเดี่ยวไปตามหาตัวลูกสาวคืนจากแก๊งค์อาชญากรรมในฝรั่งเศส

เรียกได้ว่า สำหรับคนรักหนังแอคชั่นบู๊มันส์ๆและไม่ต้องการเนื้อหาที่สลับซับซ้อน Taken เหมาะเป็นตัวเลือกหามารับชมเป็นอย่างยิ่ง

ถึงพล็อตหนังจะมีแค่การเดินทางทวงลูกคืนเหมือน จา พนม ตามทวงช้างในหนัง ต้มยำกุ้ง แต่ Taken ก็แสดงให้เห็นว่า พล็อตหนังแอคชั่นง่ายๆแต่หากมีการเขียนบทที่ดีมีชั้นเชิง ก็จะไม่ใช่ให้ตัวละครแค่ออกมาเดินหน้าเตะๆต่อยๆแล้วปล่อยไดอะล็อคที่ดูทื่อๆ

ไม่ใช่แค่นั้น หนังยังสอนใจคนเป็นพ่อแม่เกี่ยวกับ ความสมดุลในการเลี้ยงลูกวัยรุ่น และ สอนใจวัยรุ่น เรื่องของ ความอยากรู้อยากเห็นอยากลอง ที่ขาดการไตร่ตรอง ว่าจะนำหายนะมาสู่ตัวเองได้อย่างไร




...Changeling กับ Taken เป็นหนังต่างแนวต่างอารมณ์ แต่ จุดร่วมของหนังสองเรื่องนี้คือ ทั้งคู่เป็นหนังที่ดี มีเนื้อหาเกี่ยวกับการตามหาลูกที่หายไป และ ต่างก็แสดงให้เห็นความยิ่งใหญ่ของ ‘ความเป็นพ่อแม่’ ที่พร้อมจะทำทุกอย่างโดยไม่สนว่าตัวเองจะเจ็บปวดแค่ไหน ขอเพียงเพื่อขอให้ลูกปลอดภัย พวกเขายินดีสละทุกอย่างได้โดยไม่ลังเล

Create Date : 14 สิงหาคม 2552
Last Update : 14 สิงหาคม 2552 2:39:10 น.		5 comments
Counter : 5513 Pageviews.
Share Tweet