Group Blog
All Blog
### ดอกท้อ ###















ดอกท้อ

 .........

ก่อนอื่นต้องแยกให้ออก จากดอกซากุระ

 หรือ Sakura ดอกบ๊วย และดอกเสือโคร่ง

หรือที่เรียกซากุระเมืองไทย

ดยดอกท้อคือ ดอกต้นพลัม

 ดอกซากุระ คือดอกต้นเชอร์รี่

ดอกท้อจะมีกลีบซ้อน ส่วนซากุระจะมี 5 กลีบ

เรียงกัน ชั้นเดียว เหมือนดอกพุดซ้อน กับดอกพุดบ้างเรา

ดอกท้อมีสีชมพูเข้มสดคล้าย กับดอกนางพญาเสือโคร่ง

 หรือซากุระเมืองไทย แต่จะออกดอกเดี่ยว

จากโคนต้น ต่างจากดอกนางพญาเสือโคร่ง

 ที่ออกดอกเป็นช่อ

ดอกท้อ เป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีน

 จัดเป็นไม้พุ่มผลัดใบ อยู่ในสกุล Prunus

 อันเป็นสกุลเดียวกันกับ ซากุระ บ๊วย เชอร์รี่

หรือนางพญาเสือโคร่ง


ท้อจัดเป็นไม้เมืองหนาว ที่จะขึ้นได้ดีในที่ ๆ

 มีความสูงตั้งแต่ 3,000 ฟุตขึ้นไป

อุณหภูมิโดยเฉลี่ย 10 องศาเซลเซียส

ทนแล้งได้ดี เป็นไม้ใบเดี่ยว เรียงสลับ ขอบใบจัก ดอกเดี่ยว

 มักออกเป็นกระจุก กลีบเลี้ยง 5 กลีบ กลีบดอก 5 กลีบ

 สีขาวหรืออาจเป็นสีแดง หรือชมพู

ดอกจะแตกออกมาก่อนใบ ผลเป็นผลสดเมล็ดเดี่ยว

 มีขนปกคลุมทั่วบริเวณผิว

ท้อนับเป็นผลไม้ที่ใช้ประโยชน์ในการรับประทาน

มาอย่างยาวนาน และได้รับความนิยมไปทั่วโลก

วัฒนธรรมของชนชาติต่าง ๆ จะมีท้อเข้ามาร่วมอยู่ด้วย

ได้แก่ ชาวจีนมีความเชื่อว่า

ท้อเป็นสัญลักษณ์ ของการมีอายุยืนยาว

 และเกี่ยวข้องกับ การกับการป้องกันสิ่งชั่วร้าย

 ถ้าดอกท้อ บานในระหว่างการฉลองวันปีใหม่

หมายถึง ปีต่อไปจะเป็นปีของโชคลาภ

และดอกท้อยังใช้ประดับตกแต่ง ภายในบ้าน

เพื่อความเป็นสิริมงคล ป้องกันสิ่งชั่วร้ายอีกด้วย

“ท้อ” สมัยโบราณในเทศกาลปีใหม่

 คนจีนจะนิยมเขียนคำอวยพร ให้แก่กัน

ซึ่งนิยมเขียนคำขวัญ คำมงคลต่างๆ

บนแผ่นไม้ติดหน้าบ้าน ซึ่งใช้ป้ายที่ทำจากต้นท้อ

เพราะเชื่อกันว่าเมื่อนำมาติดบ้านเรือน

 ภูติผีปีศาจจะไม่รบกวน ไม่มีเสนียดจัญไรแผ้วพาน

เช่นเดียวกับ “ทับทิม” และ “เซียงเช่า”

ที่เชื่อว่าสามารถไล่ผีปีศาจได้

จึงนิยมนำมาผสมน้ำล้างหน้า ล้างตัว กัน

หลังจากกลับจากงานศพด้วย

ในนิทานพื้นบ้านของญี่ปุ่น โมโมทาโร่ (桃太郎)

ซึ่งเป็นเด็กชายที่มีพละกำลังมากมาย

และเป็นผู้นำในการปราบปีศาจ ก็กำเนิดมาจากลูกท้อ

ในประเทศไทย ท้อมีการนำเข้ามาปลูกในพื้นที่ภาคเหนือ

เช่น โครงการหลวง โดยมีชื่อท้องถิ่นอื่น ๆ

 เช่น มะฟุ้ง มักม่น มักม่วน หุงคอบ หุงหม่น

ชื่อ อังกฤษ Peach,

ชาวจีนโบราณได้ค้นพบ คุณค่าของดอกท้อ

 ในการทำยาและทำเครื่องสำอางค์ เสริมความงาม

 จากตำรา “สมุนไพรเทพการเกษตร”

ได้มีการบันทึกไว้ว่า “สีสันของดอกท้อนั้น

 มีประโยชน์ต่อมนุษย์เป็นอย่างมาก”

 และจากบันทึก “โครงร่างและรายละเอียดตำรายาสมุนไพร”

กล่าวไว้ว่า “ให้นำดอกท้อที่มีอายุ 3 เดือน 3 วัน

และนำเลือดไก่ ที่มีอายุ 7 เดือน 7 วัน

มาผสมกันแล้วพอกบริเวณใบหน้า

หลังจากนั้น 2-3 วันให้ลอกออก

จะทำให้ใบหน้าของ ท่านแลดูกระจ่างใส”

ในระหว่างเทศกาลเชงเม้ง

เป็นช่วงเวลาที่ ดอกท้อตูมยังไม่บาน

ให้เก็บดอกท้อมา 250 กรัม ป๋ายจื่อ 30 กรัม

ใช้เหล้าขาว 1000 มิลลิลิตร ผสมน้ำผึ้ง หมักกับดอกท้อ

 และป๋ายจื่อทิ้งไว้ 30 วัน ทุกวันเช้าเย็น

ให้ดื่มครั้งละ 15 ถึง 30 มิลลิลิตร

 ในขณะเดียวกันให้เทเหล้า ลงบนฝามือ

แล้วใช้มือทั้งสองข้างถู จนกระทั้งรู้สึกว่าฝามือร้อน

 แล้วถูบริเวณใบหน้า ที่เป็นฝ้า กระดำ และรอยหมองคล้ำ

กรรมวิธีนี้ นับเป็นการรักษาผิวพรรณที่เห็นผลอีกวิธีหนึ่ง









ขอบคุณที่มา  fb. Anna Jill

ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ












Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2558 11:42:16 น.
Counter : 5908 Pageviews.

2 comment
### ดอกลิ้นมังกร ###










ดอกลิ้นมังกร 

 .....

คนไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นลิ้นมังกรไว้ประจำบ้าน

 จะช่วยป้องกันอันตรายจากภายนอกได้

เพราะลิ้นมังกร บางคนเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "หอกพระอินทร์ "

ซึ่งเป็นอาวุธที่พระอินทร์ ใช้ในการต่อสู้

และปกป้องศัตรูจากภายนอก

จึงเป็นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นไม้ที่มีความสำคัญ

ของพระอินทร์ในสมัยพุทธกาล

นอกจากนี้ลิ้นมังกร ยังเป็นไม้ประดับประเภทหนึ่ง

ที่มีคุณสมบัติช่วยฟอกอากาศ บริเวณรอบ ๆ ให้มีคุณภาพมากขึ้น

 กลิ่นสีของบ้านที่ทาใหม่ บ้านที่มีเด็กอ่อน จะนิยมเอาไว้ในห้องเด็ก

องค์การนาซ่า ได้มีการทดลองวิจัย ได้ผลว่า

ต้นลิ้นมังกร จะมีลักษณะพิเศษ คือ จะคายอ๊อกซิเจน ในเวลากลางคืน

 ส่วนกลางวันจะปล่อย คาร์บอนไดอ๊อไซน์ แทน

ต้นลิ้นมังกรเป็นต้นไม้ที่ทนสภาพแล้งได้ดีมาก

ในทางกลับกัน ก็สามารถอยู่ในที่มีน้ำขังได้อีกด้วย









ลิ้นมังกร เป็นไม้ประดับที่มีความหลากหลาย สายพันธุ์มาก

สามารถปลูกได้ทั้ง ภายในอาคารบ้านเรือนและกลางแจ้ง 

 ลิ้นมังกร ที่มีความหลากหลาย และ เอกลักษณ์เฉพาะ

ของแต่ละสายพันธุ์ ถิ่นกำเนิด ประเทศแถบเมดิเตอร์เรเนียน

 และอเมริกาเหนือ ลิ้นมังกรมีดอก 2 ชนิดคือ

พวกแรกมีลักษณะ snapping คือถ้าบีบข้างดอก

กลีบบนและล่าง จะแยกออกจากกันคล้ายเวลา เราบีบแก้มเด็ก

เด็กจะอ้าปาก ซึ่งเป็นที่มาของชื่อสามัญว่า Snapdragon

ดอกชนิดนี้เรียกว่า ดอกมาตรฐานหรือ standard

อีกพวกหนึ่งมีกลีบดอกแบนกว้าง เห็นคอดอกชัดเจน

ดอกใหญ่บานได้นาน แต่ไม่มีลักษณะ snapping ทำให้ไม่สมชื่อ

 ดอกชนิดหลังนี้เรียกว่า ดอกแบบ Azalea flowered

  หรือดอกแบบผีเสื้อ Butterfly flowered













ถ้าจัดลิ้นมังกรตามความสูงจะได้ 4 กลุ่มดังนี้

1. พวกต้นเตี้ยหรือแคระ (dwarf) ต้นสูง 6 – 12 นิ้ว

ใช้เป็นไม้ดอกปลูกตามขอบแปลง หรือปลูกในแปลงได้ดีมาก

ต้นหนึ่งมีประมาณ 20 – 25 ช่อเล็กๆ เช่น พันธุ์ Floral Carpet

มีดอกแบบมาตรฐาน พันธุ์สีชมพู ต่อมามีการปรับปรุงพันธุ์

ได้พันธุ์ Floral Showers มีสีต่างๆ และบานได้พร้อมๆ กัน

ช่อดอกยาวประมาณ 6 – 8 นิ้ว 

  พันธ์ Silks ให้ดอกเร็วกว่า ช่อดอก ยาว 6-8 นิ้ว Kolibri สีต่างๆ

  นอกจากนี้ ก็มีพันธุ์ Tom Thumb, Little Gem,

Pixie และ Tahiti เป็นต้น

2. พวกกึ่งเตี้ย (semi dwarf) สูง 12 – 14 นิ้ว

ช่อดอกเหมาะสำหรับปักแจกัน การปลูกไม่ต้องคํ้าต้น 

 ได้แก่ Little Darling และ Sweetheart มีดอกชนิด butterfly

   ส่วน Princess White with Purple Eye

มีดอกแบบ standard ช่อดอกยาว 6 นิ้ว

ให้ดอก 2 สีคือ กลีบดอกขาวมีปากสีม่วงสด 

  Princess Yellow with Red Eye กลีบดอกสีเหลืองปากสีแดง

3. พวกสูงปานกลาง (medium tall) ต้นสูง 18 – 24 นิ้ว

เป็นพันธุ์ที่นิยมปลูกในสวน ถ้าที่ปลูกไม่มีลมแรงไม่จำเป็นต้องคํ้า

Coronette มีดอกแบบ standard ช่อยาว ก้านหนา มี 9 สี

ต้านทานโรคราสนิมได้ดี โดยเฉพาะสีขาว สีบรอนซ์

และสีแดงลูกเชอรี่ Bright Butterflies ได้ใช้เป็นไม้ตัดดอกได้ดี 

 Cinderella ดอกแบบ standard สีสดสีต่าง ๆ ต้นหนึ่งให้ 10 – 20 ช่อ

4. พวกต้นสูง (tall) ต้นสูง 30 – 40 นิ้ว การปลูกต้องใช้ไม้คํ้าต้น

 ใช้เป็นไม้ตัดดอก หรือปลูกตรงกลางแปลงใหญ่

 และใช้พันธุ์เตี้ยปลูก ถัดออกมาจนถึงขอบแปลงได้สวยดี

 Wedding Bells ดอกแบบ และ Madame Butterfly 

  มีดอกแบบ butterfly ขนาดใหญ่ ดอกไม่ร่วงง่าย

ใช้เป็นไม้ตัดดอกได้ดีมาก Rocket มีดอกแบบ standard สีต่างๆ

ต้นแข็งแรงทำเป็นไม้ตัดดอกหรือปลูกไว้ข้างหลังได้ดี

พวกดอกซ้อนได้แก่ชุด Double Supreme

 ได้แก่ Crimson Supreme สีแดง Super Jet สีเหลืองสด 

 White Supreme สีขาว Vanguard สีชมพู มีเรื่อเหลืองที่ปาก




ขอบคุณข้อมูลจาก fb. Anna Jill

ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ




Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 22 กุมภาพันธ์ 2558 13:17:16 น.
Counter : 3995 Pageviews.

0 comment
### ดอกบานชื่น ###














ดอกบานชื่น

......

zinnia มีความหมายดีว่า thoughts of friends

 ญี่ปุ่นให้ความหมายว่า royalty

บานชื่น ชื่อที่เป็นคำไทยแท้ มีความหมายเป็นมงคล

 ทั้งคำว่า บาน ที่หมายรวมถึง เบิกบาน ผลิบาน แย้มบาน

รวมถึงความสุข เช่น หน้าบาน เป็นต้น

ส่วนคำว่า ชื่น หมายถึง ความสดชื่น ชื่นชม ชื่นใจ

ชุ่มชื่น ชื่นเย็น เป็นต้น

ล้วนแต่เป็นลักษณะที่พึงปรารถนาทั้งสิ้น




บานชื่น เป็นไม้ล้มลุกขนาดเล็ก เป็นพืชใบเลี้ยงคู่

สูงประมาณ ๖๐ เซนติเมตร ลำต้นมีช่องกลวงภายใน

 ผิวลำต้นสีเขียวมีขนอ่อนปกคลุม

แตกกิ่งก้านสาขาน้อย ใบเดี่ยวขนาดใหญ่ รูปใบหอก

 โคนใหญ่มนปลายแหลม สีเขียวมีขนอ่อนปกคลุม

 ก้านใบสั้นมากจนอาจเรียกได้ว่าไม่มีก้านใบ

ใบออก ตรงข้ามกันเป็นคู่ๆ จากลำต้น หรือกิ่งก้าน

 ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกตรงปลายยอด

หรือปลายกิ่งก้าน ดอกขนาดใหญ่

มีกลีบกระจายออกจากศูนย์กลางเป็นวงกลม

 มีทั้งกลีบชั้นเดียวและหลายชั้น

 กลีบดอกมีสีต่างกันมากมาย เช่น ขาว ครีม

เหลือง ส้ม ม่วง แดง และหลายสีในดอกเดียวกัน

 ตรงกลางดอก เป็นกระจุกเกสรตัวผู้และตัวเมีย

เห็นเป็นกลุ่มสีเหลืองอยู่ตรงกลางดอก

เมื่อกลีบดอกโรย จะเหลือกลุ่มเมล็ดสีน้ำตาลดำ

 อยู่บนก้านดอก รูปทรงคล้ายเมล็ดทานตะวัน แต่แบนกว่า

 แต่ละดอกอาจติด เมล็ดได้หลายสิบเมล็ด

แต่บางส่วนก็เป็นเมล็ดลีบ นำไปเพาะขยายพันธุ์ไม่ได้


ตำนาน ของประเทศเกาหลี

ครั้งหนึ่ง หมู่บ้านประมง ถูกรุกรานโดยปีศาจทะเล

ทุกๆปีจะต้องมีสาวงามในหมู่บ้านปีละหนึ่งคน

ต้องสังเวยชีวิต ให้ปีศาจทะเล

 และในครั้งหนึ่ง มีเด็กสาวคนหนึ่ง

ถูกเลือกให้ไปเป็น ผู้สังเวยชีวิต แต่แฟนหนุ่มอาสา

 จะออกไปสังหารปีศาจทะเล

โดยได้บอกกับสาวน้อยว่า

ถ้าเขารอดมาโดยมีธงสีขาวปักไว้บนเรือ

แปลว่าเขาชนะ แต่ถ้าเป็นธงสีแดง

 หมายถึง เราคงไม่ได้พบกันอีก

สาวน้อยนั่งเฝ้ารอวันเวลา ที่ชายหนุ่มจะกลับมา

 พร้อมชัยชนะ เฝ้ารอที่หน้าผา

วันเวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า

 จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งร้อยราตรี

สิ่งที่เห็นคือธงสีแดงฉาน

 แต่แท้จริงแล้วคือธงสีขาว

ที่ชะโลมด้วยเลือดของปีศาจทะเล

 แต่เด็กสาวไม่รู้ความจริง กระโดดลงจากหน้าผา

 หลังจากนั้น ณ บนหน้าผาที่เด็กสาว นั่งเฝ้ารอแฟนหนุ่ม

ได้ปรากฏดอกไม้สีแดงสดบานสะพรั่งเป็นเวลาหนึ่งร้อยวัน

 ชาวบ้านต่างเรียกดอกไม้นั้นว่า Zinnia

ตำนานของคนพื้นเมืองอเมริกัน

ทั้งดอกและใบของซินเนียนี่ ถูกใช้ประโยชน์

โดยชนเผ่าทางตะวันตกเฉียงใต้

ในการทำยาสมุนไพร และใช้ในพิธีกรรม

เป็นหนึ่งในยาศักดิ์สิทธิ์ของชนเผ่า Navajo

ส่วนเผ่า Pueblo ถือว่าซินเนีย เป็นสัญลักษณ์ของปัญญา

 ให้เด็กๆ กินดอกซินเนีย ด้วยความเชื่อที่ว่า

 จะทำให้เด็กๆ ฉลาดเฉลียว









บานชื่นเป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิม

อยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ

 บริเวณตอนใต้ ของ สหรัฐอเมริกา

และบริเวณ เม็กซิโกในปัจจุบัน

จากนั้นจึงแพร่กระจาย ไปปลูกทั่วโลก

เป็นดอกไม้ที่ชาวโลกรู้จักดีชนิดหนึ่ง

โดยเฉพาะในเขตร้อน และกึ่งร้อน

ที่เหมาะสำหรับ ปลูกบานชื่น

บานชื่นเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่ เมื่อใด

ไม่มีปรากฏเป็นหลักฐาน

 แต่คงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์นี้เอง

เพราะไม่พบในวรรณคดี สมัยอยุธยา

และสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น

บานชื่นจึงคงมาปลูกในประเทศไทยไม่เกิน 100 ปี

 แต่กลายเป็นดอกไม้สามัญ ที่คนไทยทั่วไปรู้จักกันดี

 และนิยมปลูกกันมาก ไม่แพ้ดอกไม้ยอดนิยมชนิดอื่นๆ

 เพราะปลูกง่าย โตเร็ว แข็งแรง ทนทาน

มีมากมายหลายสี ขยายพันธุ์ได้ง่ายด้วยเมล็ด









ประโยชน์หลักของบานชื่น ก็คือ

ใช้เป็นไม้ดอกไม้ประดับ เนื่องจากมีดอกที่เด่นสะดุดตา

 มีสีสันหลากหลาย รูปทรงต่างๆ ให้เลือกมากมาย

 นอกจากนี้ ทรงต้นยังต่างกัน

ตั้งแต่ขนาดปกติ จนถึงขนาดเล็ก

เมื่อออกดอกเต็มต้น ทั้งกระถางก็จะกลายเป็นช่อดอกไม้

 หรือแจกันดอกไม้ที่งดงาม

และมีชีวิตอยู่ได้นานกว่าช่อดอกไม้

หรือแจกันดอกไม้ธรรมดา

พันธุ์ดั้งเดิม ดอกเล็ก มีกลีบชั้นเดียวหรือซ้อนน้อย

ต้นเป็นพุ่มกว้าง สีขาว สีเหลือง และสีส้ม









บานชื่นสีผสม zinnia (mixed) มีสีหลายสีในดอกเดียว

มีความหมาย

 thinking or in memory of an absent friend

บานชื่นสีขาว white zinnia มีความหมาย goodness









บานชื่นสีแดงเพลิง scarlet zinnia

มีความหมาย connstancy

บานชื่นสีเหลือง yellow zinnia มีความหมาย

 thinking or in memory everyday

บานชื่นสีชมพูอมม่วง magenta zinnia

มีความหมาย lasting affection




















ขอบคุณข้อมูลจาก  fb. Anna Jill




Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2558 11:34:20 น.
Counter : 12067 Pageviews.

0 comment
### ดอกเก๊กฮวย ###






















ดอกเก๊กฮวย

 ............

พืชล้มลุกตระกูลเดียวกับเบญจมาศ

แต่เดิมเป็นพืชพื้นเมืองของประเทศจีนและญี่ปุ่น

 แต่ภายหลังได้แพร่กระจายไปทั่ว

ใน กัมพูชา ลาว รวมถึง ไทยด้วย

เก๊กฮวย เป็นสำเนียงฮกเกี้ยน

ของคำในภาษาจีนว่า "菊花"

สำเนียงกลางว่า "จฺหวีฮัว" (júhuā)

 ส่วนใหญ่คนไทยเราจะเรียกว่าเบญจมาศสวน

 หรือ เบญจมาศหนู มีสรรพคุณเป็น “หยิน”

คือมีฤทธิ์เย็น แก้กระหาย ระบายความร้อนได้ดี

ดอกเก๊กฮวยมีคุณสมบัติประจำตัว คือมีกลิ่นฉุน

 ขม รสหวาน และความเย็น

ความเย็นนี้มีผลโดยตรงต่อปอด และ ตับ

การออกฤทธิ์ขับไล่ลมความร้อน

ช่วยขจัดความร้อนหรือไฟออกจากตับ

อันจะมีผลช่วยในการรักษาโรคทางตา

 และขจัดสารพิษออกจากร่างกาย


ดอกเก๊กฮวย  มีหลายสายพันธุ์

สายพันธุ์หลัก ที่ใช้เป็นยา คือสีขาว

ส่วนสายพันธุ์ดอกสีเหลือง

มีใช้แตกต่างเล็กน้อยจากสีขาว

 สำหรับพันธุ์อื่น เป็นเก๊กฮวยป่า

ต้นเก๊กฮวยดอกสีขาว สูง 60-150 เซนติเมตร

ปลูกได้คุณภาพดีที่มณฑลเจอะเจียง

อันฮุย และเหอหนาน

การเก็บดอกเป็นยา จะเก็บเมื่อปลายฤดูใบไม้ร่วง

 และช่วงต้นของฤดูหนาว

ซึ่งเป็นช่วงที่ดอกไม้ชนิดนี้บาน

นำมาตากในที่ร่มจนแห้ง





 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก fb. Anna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ




Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2558 10:05:30 น.
Counter : 1823 Pageviews.

2 comment
### กล้วยไม้ฟ้ามุ่ย ###













กล้วยไม้ฟ้ามุ่ย

......

กล้วยไม้กลุ่มสกุล Vanda

คนไทยรู้จักนำเอาออกจากป่า

มาปลูกเลี้ยงนานนับร้อยปีแล้ว

 โดยนำมาผูกติดตามต้นไม้ กิ่งไม้

เพียงเท่านั้น จะเจริญเติบโตออก ให้ชื่นชม

ถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในป่าตอนใต้ของ จีน

อินเดียตะวันออก พม่า และไทย

ในประเทศไทยส่วน ใหญ่ พบในป่าภาคเหนือ

แต่มีพบบ้างในป่าภาคกลาง

ชื่อฟ้ามุ่ย คำว่า. ‘มุ่ย’แปลว่าม่วง

 มีคนพยายามตีความหมายว่า ฟ้าหม่นหมอง

 เนื่องจากความงามจากกลีบดอกสีฟ้าของฟ้ามุ่ย

 ทำให้สีของท้องฟ้าแลดูหม่นหมองไปเลยนั่นเอง

กล้วยไม้ฟ้ามุ่ย พบได้ตามในป่าดิบ

ของภาคเหนือ อยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเล

ตั้งแต่ 1000 เมตรเป็นต้นไป

จังหวัดที่พบว่ามี ฟ้ามุ่ย ขึ้นอยู่นั้นได้แก่

 เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน และตาก

ในสมัยหนึ่ง ฟ้ามุ่ย เป็นกล้วยไม้ที่เป็นที่ต้องการ

ของนักเลี้ยงขนาดที่ว่ามีการจ้างวานให้ชาวบ้าน

ที่อาศัยบนภูเขานำ ฟ้ามุ่ย เก็บใส่กระสอบ


ฟ้ามุ่ยเป็นกล้วยไม้ที่นิยมอย่างมากกันมานาน

พบหลักฐาน ปี 2530 ที่ฟ้ามุ่ยต้นแรกๆ

ได้ถูกนำเข้าไปยังทวีปยุโรป

โดยนาย William Grifit ซึ่งต่อมา

ได้มีการเก็บกัน นับเป็นหมื่นต้นจากพม่า

เพื่อส่งไปต่างประเทศ

เมื่อการเพาะเลี้ยงกล้วยไม้ เจริญก้าวหน้าขึ้น

จึงมีการคัดเลือก "ฟ้ามุ่ยป่า "

ที่มีความงามโดดเด่นเป็นพิเศษมาขยายพันธุ์

หรือโดยการเพาะเมล็ด ผสมพันธุ์ให้งดงามยิ่งขึ้น

ฟ้ามุ่ยที่คนไทยปลูกเลี้ยงอยู่ตามบ้าน ทุกวันนี้

ส่วนใหญ่มาจาก การเพาะเลี้ยง

ไม่ได้มาจากป่าโดยตรง เช่นอดีตอีกต่อไปแล้ว

เมื่อฟ้ามุ่ยถูกถอด ออกจากบัญชีหมายเลข 1

 ของอนุสัญญาว่าด้วยการค้า ระหว่างประเทศ

ซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่า ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ ( CITES )

ซึ่งพืชและสัตว์ที่อยู่ ในบัญชีหมายเลข 1

ห้ามทำการค้าขาย โดยเด็ดขาด

จึงทำให้สามารถเพาะเลี้ยงฟ้ามุ่ย เป็นการค้าได้

โดยเฉพาะการส่งไปขายต่างประเทศ

 เช่นเดียวกับกล้วยไม้ชนิดอื่นๆ

ความงามอันโดดเด่นของฟ้ามุ่ย อยู่ที่สีของกลีบดอก

 ซึ่งเป็นสีฟ้า หรือ น้ำเงินอมม่วง

ซึ่งหาได้ยาก ในกล้วยไม้สายพันธุ์อื่น

 สีของดอกฟ้ามุ่ย นี่เองที่การบินไทย นำมาเป็นสีของสัญลักษณ์

 และน้อยนักที่จะพบสีสันอย่างเช่น สีชมพู หรือ สีขาวล้วน

 ซึ่งเป็นสีที่หายากที่สุด

ทั่วกลีบมีลายเส้นร่างแหสีครามเข้ม

นิยมเรียกกันว่า “ลายตาสมุก”

ส่วนกลีบปาก มีสีม่วงน้ำเงินงามยิ่ง

เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่ง ของฟ้ามุ่ยก็คือ

 ลายตารางสีเข้ม บนพื้นกลีบดอก

ซึ่งมีชื่อเรียกเฉพาะว่า "ลายตาสมุก" ซึ่งมี 3 รูปแบบคือ

 ลายตารางใหญ่ ลายตารางเล็ก และลายนกเขา

ความงดงามโดดเด่น ของฟ้ามุ่ย

ทำให้ถูกยกย่องว่าเป็นกล้วยไม้ป่า

ที่สวยงามที่สุดชนิดหนึ่งของโลก

นอกจากฟ้ามุ่ยพันธุ์แท้ ที่มีความงามโดดเด่นแล้ว

ฟ้ามุ่ยยังทำให้เกิดลูกผสม ที่มีลักษณะสีดอก

 และลายตาสมุกโดดเด่น อีกมากมาย

อาจกล่าวได้ว่าลูกผสมกล้วยไม้แวนด้าสมัยใหม่

ส่วนใหญ่ จะมีเชื้อพันธุ์จากฟ้ามุ่ยผสมอยู่ด้วยเสมอ

ดอก ช่อดอกตั้งตรงยาวประมาณ 20 - 30 เซนติเมตร

ออกดอก 5 - 15 ดอก ดอกสีฟ้าอ่อนถึงฟ้าแก่

(ฟ้าเกือบขาว ถึงม่วงแดง)

บนกลีบมีลายตาราง สีเข้มกว่าสีพื้น

ปากเล็กหูปากแคบโค้งปลายมน ที่ปลายมี 2 ติ่ง

 เส้าเกสรเบื้องบนสีขาว ขนาดดอก 7-10 เซนติเมตร

บานทน ออกดอกระหว่างเดือนกรกฎาคม - ธันวาคม

 ใบ แบนลักษณะใบค่อนข้าง กว้างกว่าแวนด้าชนิดอื่น

ยาวประมาณ 20 เซนติเมตร กว้าง 2.5 เซนติเมตร

ใบซ้อนเรียงสลับกัน





















ขอขอบคุณสาระดีๆจาก fb. Anna Jill
ขอขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ




Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2558 12:06:10 น.
Counter : 8473 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ