ดอกบัวหลวง
..
ดอกบัวที่งดงามมิได้เกิดจากพื้นดินที่ต่ำต้อย
หากแต่เกิดจากผิวน้ำที่บริสุทธิ์เสมอไม่มีมัวหมอง
ชาวฮินดูนำเมล็ดดอกบัว มาทำเป็นลูกประคำ
ถือว่าดอกบัวแทนการกำเนิด ที่เหนือธรรมชาติ
ที่เป็นสิ่งแรกที่กำเนิดจากน้ำ
ในสมัยโบราณและเป็นสัญลักษณ์แทนความบริสุทธิ์
ที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งในทางศาสนาพุทธ
ดอกบัว มีมาตั้งแต่ สมัยพุทธกาล
ซึ่งมีตำนานกล่าวว่า หมอชีวกโกมารภัจจ์
ได้ปรุงยาจากดอกบัว ถวายแด่
องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าแก้อาการอ่อนเพลีย
ถือว่าดอกบัวเป็นดอกไม้ประจำศาสนาพุทธ
ตามพุทธประวัติพบว่า
บัวมีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่ เมื่อพระพุทธเจ้า
ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพาน
เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงตรัสรู้แล้ว
แต่เนื่องจากพระธรรม ที่พระองค์ทรงบรรลุนั้น
มีความละเอียดอ่อน สุขุมคัมภีรภาพ
ยากต่อบุคคลจะรู้ เข้าใจและปฏิบัติได้
ทรงพิจารณาอย่างลึกซึ้ง แล้วทรงเห็นว่า
บุคคลในโลกนี้ มีหลายจำพวก
บางพวกสอนได้ บางพวกสอนไม่ได้
เปรียบเสมือนบัวสี่เหล่า
ความเชื่อในทางพุทธศาสนา
ตั้งแต่สมัยโบราณว่า
ดอกบัวก็เหมือนกับ คนเรานี้เอง
ดอกบัวที่ชูดอกพ้นจากผิวน้ำ
ขึ้นมารับแสงสว่างได้นั้น ก็เหมือนกับ
ผู้ที่หลุดพ้นจากความทุกข์ ทั้งปวง
กลายเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม
ซึ่งถือเป็นความหมายอันลึกซึ้ง
และเป็นมงคลยิ่งนัก
คนโบราณจึงมึความเชื่อว่า
ครอบครัวใดที่ปลูกบัว เอาไว้ประจำบ้าน
ก็จะช่วยให้คนครอบครัวนั้น มีจิตใจที่บริสุทธิ์
สะอาด และเบิกบานแจ่มใส เช่นเดียวกับดอกบัว
และยังเชื่ออีกว่า สายใยของบัว ที่ยืดยาวนั้น
คือสายสัมพันธ์ของครอบครัว
จะทำให้ทุกคน มีความห่วงใยรักใคร่
และผูกพันต่อกันอย่างแนบแน่น
ครอบครัวนั้น ก็จะมีแต่ความสุข
เพราะความรักใคร่ปรองดอง
ของคนในครอบครัวทุกคน
คนไทยส่วนใหญ่ มักจะใช้ดอกบัว
ในการบูชาพระอยู่เสมอ
แต่บัวที่เรานิยมปลูกไว้ภายในบ้าน
เพื่อความเป็นสิริมงคล
บัวหลวงพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย
มี 4 พันธุ์คือ
1.ปทุม ปัทมา โกกระณต หรือบัวแหลมแดง
ดอกแหลมสีชมพู กลีบดอกไม่ซ้อน
2.ปุณฑริก หรือบัวแหลมขาว
ดอกแหลมสีขาว กลีบดอกไม่ซ้อน
3.สัตตบงกช บัวฉัตรแดง บัวป้อมแดง
บัวเข็มชมพู บัวปักกิ่งชมพู
บัวหลวงจีนชมพู ดอกป้อมสีชมพู
กลีบดอกซ้อนมาก
4.สัตตบุษย์ หรือบัวฉัตรขาว
หรือบัวป้อมขาว ดอกป้อมสีขาว
กลีบดอกซ้อนมาก
บัวหลวง ชอบขึ้นในน้ำจืดออกดอกตลอดปี
ชอบน้ำสะอาด อยู่ในน้ำลึกพอสมควร
ถิ่นกำเนิดของบัวอยู่ในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้
เป็นไม้อยู่ในสกุล Nelumbo
ชื่อสามัญ: East Indian Lotus,
Sacred Lotus
ลักษณะ บัวหลวงเป็นไม้ล้มลุก
มีเหง้าและไหลอยู่ใต้ดิน
เหง้า จะมีลักษณะเป็นท่อนยาว
มีปล้องสีเหลืองอ่อน จนถึงเหลือง
แข็งเล็กน้อย ถ้าตัดตามขวาง
จะเป็นรูกลมๆ หลายรู
ไหลจะเป็นส่วน ที่เจริญไปเป็นต้นใหม่
ใบเดี่ยวรูปโล่ ออกสลับ
แผ่นใบจะชูเหนือน้ำ
รูปใบเกือบกลม ขนาดใหญ่
ขอบเรียบและเป็นคลื่น ผิวใบมีนวล
ก้านใบแข็งเป็นหนาม
ถ้าตัดตามขวาง จะเห็นเป็นรูภายใน
ก้านใบมีน้ำยางขาว เมื่อหักจะมีสายใยสีขาว
ใบอ่อนสีเทานวล
ปลายม้วนงอขึ้นทั้งสองด้าน
ก้านใบจะติดตรงกลางแผ่นใบ
ดอกบัวหลวง ออกดอกเป็นดอกเดี่ยว
มีสีขาว สีชมพู ดอกมีกลิ่นหอม
ดอกมีกลีบเลี้ยง 4-5 กลีบ
กลีบเลี้ยงมีขนาดเล็ก และสีขาวอมเขียว
หรือเป็นสีเทาอมชมพู ร่วงได้ง่าย
ส่วนกลีบดอกจะมีจำนวนมาก
และเรียงซ้อนกันอยู่หลายชั้น
ลักษณะของกลีบดอก เป็นรูปไข่
กว้างประมาณ 5-6 เซนติเมตร
และยาวประมาณ 7-9 เซนติเมตร
เมื่อดอกบานเต็มที่ จะมีขนาด
ประมาณ 20-25 เซนติเมตร
ในดอกจะมีเกสรตัวผู้ สีเหลืองอยู่เป็นจำนวนมาก
ซึ่งมีความยาวประมาณ 4-5 เซนติเมตร
และล้อมรอบ อยู่บริเวณฐานรองดอก
ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปกรวยหงาย
หรือที่เรียกว่า ฝักบัว
ที่ปลายอับเรณูจะมีระยาง
คล้ายกระบองเล็กๆ มีสีขาว
ส่วนเกสรตัวเมีย จะมีรังไข่ฝังอยู่ในฐานรองดอก
เมื่ออ่อนเป็นสีเหลือง หากแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว
ช่องรังไข่จะเรียงเป็นวงบนผิวหน้าตัด
มีจำนวน 5-15 อัน ส่วนก้านดอกมีสีเขียว
ลักษณะยาวและมีหนามเหมือนก้านใบ
โดยก้านดอก จะชูขึ้นเหนือน้ำ
และชูขึ้นสูงกว่าก้านใบเล็กน้อย
ดอกบัวหลวงจะเริ่มบานในตอนเช้า
โดยจะออกดอกและผล ในช่วงเดือน
สิงหาคมถึงเดือนธันวาคม
ดอกมีสาร alkaloids
ชื่อ nelumbine
ดีบัวหลวง คือ ส่วนของต้นอ่อน
ที่อยู่ในเม็ดบัวหลวง ดีบัวมีลักษณะคล้ายสาก
มีความยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร
และมีขนาด เส้นผ่านศูนย์กลาง
ประมาณ 2 มิลลิเมตร
มีใบอ่อน 2 ใบ ใบหนึ่งสั้น ส่วนอีกใบยาว
ใบมีสีเขียวเข้ม หรือสีเขียวอมเหลือง
ปลายใบมีลักษณะม้วนเป็นรูปคล้ายลูกศร
มีต้นอ่อนตรงขนาดเล็กมาก
อยู่ระหว่างใบอ่อนทั้งสอง
มีความยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร
โคนต้นมีสีเหลืองอ่อนหรือเป็นสีเหลืองอมเขียว
ลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก
ยาวประมาณ 2-4 มิลลิเมตร
เนื้อหนาเปราะร้อนหน้าตัดจะมีรูเล็กๆ จำนวนมาก
ดีบัวมีรสขมจัด แต่ไม่มีกลิ่น
ขอบคุณที่มา fb. Anna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ
คัดลอกมาจาก...ตังเก ศรีราชา