Group Blog
All Blog
### ดอกกะเร่กะร่อน ###
























ดอกกะเร่กะร่อน

 ......

ไม้ดอกหอม คนละชนิดกับ “กะเรกะร่อนปากเป็ด"

 ชื่อท้องถิ่น เอื้องปากเป็ด (เชียงใหม่) เอื้องด้ามข้าว (ลำปาง)

กล้วยหางไหล (ชุมพร) กาเรการ่อน (ภาคกลาง)

เขตการกระจายพันธุ์ในเอเชีย ตอ.ต

จัดเป็นกล้วยไม้อิงอาศัย

 เกาะอยู่ตามต้นไม้อื่น ลำต้นมีขนาดสั้น

 เกาะรวมกันเป็นกระจุกแน่น

 ลำต้นเป็นหัวรูปรี มีหลายข้อ และขึ้นชิดกันเป็นกอ

ต้นมีรากออกเป็นเส้นแข็ง ชี้ขึ้นไปในอากาศ

พบได้ตามป่าผลัดใบ

 และป่าไม่ผลัดใบ มีพบได้ตามป่าเต็งรัง มีหลายชนิด

กะเรกะร่อนปากนกแก้ว กะเรกะร่อนอินโดฯดอกแดง

กะเรกะร่อนเผือก


ดอกเป็นช่อสายห้อยลง โดยจะออกที่โคนต้น

 มีช่อดอกประมาณ 1-2 ช่อ

ช่อดอกมีความยาวประมาณ 30-50 เซนติเมตร

 ในช่อดอกมีดอกย่อย จำนวนมาก ประมาณ 17-26 ดอก

 ดอกมีขนาดประมาณ 2.5 เซนติเมตร -3.5 เซนติเมตร

กลีบดอกสั้นสีเหลือง มีลักษณะเป็นรูปแถบ มีแถบสีม่วง

 หรือสีน้ำตาลอมแดงขอบขาว ส่วนกลีบเลี้ยงมี 3 กลีบ

 มีลักษณะเป็นรูปแถบ โดยกลีบดอกจะแคบ

และสั้นกว่ากลีบเลี้ยง ดอกมีเกสรเพศผู้มีสีเหลือง

ออกดอกในช่วงเดือนมีนาคมถึงเดือนเมษายน

ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงสลับ

ลักษณะของใบเป็นรูปขอบขนาน

ปลายใบมนเว้าเล็กน้อย โคนใบสอบ

ใบมีขนาดกว้างประมาณ 2 เซนติเมตร

 และยาวประมาณ 30-50 เซนติเมตร

แผ่นใบมีลักษณะหนาแข็ง หลังใบและท้องใบเรียบ

ผลมีลักษณะเป็นรูปทรงกระบอก เป็นพู 5 พู ผิวผลเรียบ

 สีเขียวอมสีเหลือง เมื่อผลแห้งจะแตกได้

 มีเมล็ดเป็นผงละเอียดจำนวนมาก


























ขอบคุณข้อมูลจาก fb. Siriwanna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ




Create Date : 18 พฤษภาคม 2558
Last Update : 18 พฤษภาคม 2558 11:02:18 น.
Counter : 5569 Pageviews.

0 comment
### ดอกเอื้องหมายนา ###






















ดอกเอื้องหมายนา

 ........

ชื่อสามัญ Crape ginger, Malay ginger, Spiral Flag,

Wild ginger Cane Reed, White Costus

ชื่อท้องถิ่น เอื้อง (อุบลราชธานี) เอื้องช้าง (นครศรีธรรมราช)

 เอื้องต้น (ยะลา), เอื้องเพ็ดม้า (ภาคกลาง)

เอื้องดิน เอื้องใหญ่ บันไดสวรรค์ (ภาคใต้)

ซูแลโบ (กะเหรี่ยงเชียงใหม่)

ชู้ไลบ้อง ซูเลโบ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) กู่เก้ง (ม้ง)

 ชิ่งก๋วน (เมี่ยน) ลำพิย้อก (ลั้วะ) ดื่อเหม้ (ยึ) (ปะหล่อง)

จุยเจียวฮวย (จีน) มีถิ่นกำเนิดในอินเดีย เอเชีย ตอ.ต

ไปจนถึงเกาะนิวกินี

“เอื้องหมายนา” มีที่มาของชื่อ จากประเพณีการสู่ขวัญควาย

 เนื่องจากชาวนาได้ดุด่า ทุบตีควาย ระหว่างการไถพรวน

 ในฤดูการทำงาน เมื่อต้นกล้าโตเต็มที่

สามารถถอนกล้าไปดำนาแล้วนั้น เป็นอันสิ้นสุด

สำหรับ การใช้แรงงานของควาย

จากนั้นชาวนาก็จะขอขมาลาโทษ จากควาย

 หรือที่เรียกว่า “สู่ขวัญควาย”

ซึ่งในพิธีจะมีการนำ ต้นเอื้องหมายนา ไปปักไว้ 4 ทิศ

ของบริเวณพื้นที่นา ที่เป็นเจ้าของ

เอื้องหมายนาที่ปักไว้นี้ มีประโยชน์คือ

 ป้องกันวัชพืช ของต้นข้าว เช่น เพลี้ย บั่ว

 ที่จะมาทำลายต้นข้าว เมื่อป้องกันวัชพืชเหล่านี้ได้

ต้นข้าวจะออกรวงดี จึงเป็นที่มาของชื่อ

ต้นเอื้องหมายนา เป็นพืชล้มลุก มีเหง้าอยู่ใต้ดิน มักขึ้นเป็นกอ

 มีความสูงของต้นประมาณ 1-3 เมตร ไม่แตกกิ่งก้านสาขา

 ลำต้นกลมฉ่ำน้ำ และเป็นสีแดง วัดเส้นผ่านศูนย์กลางของต้น

ได้ประมาณ 1.5 เซนติเมตร รากเป็นหัวใหญ่ยาว

 ที่โคนแข็งเหมือนไม้ มักพบขึ้นตามบริเวณที่มีความชุ่มชื้น

 ใต้ต้นไม้ใหญ่ ตามน้ำตก ชายน้ำ ริมทางน้ำ ริมหนองบึง

 ตามบริเวณเชิงเขา และป่าดิบชื้นทั่วทุกภาคของประเทศ

 ที่ระดับความสูงเหนือระดับน้ำทะเล ตั้งแต่ 87-126 เมตร

ดอกเอื้องหมายนา ออกดอกเป็นช่อ

ช่อดอกจะออกที่ปลายของลำต้น ลักษณะเป็นรูปไข่

ยาวประมาณ 8-12 เซนติเมตร

กาบรองดอกเป็นรูปไข่ ปลายแหลม

ปลายแข็งคล้ายหนาม สีเขียวปนแดง

 ยาวประมาณ 1.5-4.5 เซนติเมตร

 ในแต่ละกาบรองรับดอกย่อย 1 ดอก

ดอกจะทยอยบายครั้งละ 1-2 ดอก

กลีบเลี้ยงดอกเชื่อมติดกันเป็นหลอดๆ และเป็นสัน 3 สัน

ปลายแยกเป็น 3 กลีบ แยกออกเป็น 2 ปาก

มีปากด้านบน 2 กลีบ และปากด้านล่าง 1 กลีบ

กลีบแยกลึก ส่วนกลีบดอกนั้นมี 3 กลีบ

มีขนาดกว้างประมาณ 1.5-2 เซนติเมตร

และยาวประมาณ 4-5 เซนติเมตร

 โคนกลีบดอกเชื่อมติดกันเล็กน้อยเป็นสีขาว

ดอกมีเกสรเพศผู้ที่ไม่สมบูรณ์เปลี่ยนไป

มีลักษณะคล้ายกลีบดอกมีขนาดใหญ่กว่ากลีบดอก

 มีขนาดกว้างประมาณ 10 เซนติเมตร

 และยาวประมาณ 5 เซนติเมตร ลักษณะเป็นรูปไข่กลับสีขาว

 ขอบม้วนซ้อนทับกัน ตรงกลางกลีบด้านในของดอกเป็นสีเหลือง

มีขนสีเหลืองปกคลุม เป็นสันตื้นๆ 3 สันไปยังปลายกลีบ

ดอกมีเกสรเพศผู้ที่สมบูรณ์ 1 อัน

ก้านเกสรเพศผู้จะแผ่แบนเป็นแถบ

 มีขนาดกว้างประมาณ 1.2 เซนติเมตร

และยาวประมาณ 4-4.5 เซนติเมตร

โดยส่วนของปลายจะกว้างประมาณ 6-7 มิลลิเมตร

สีเหลืองเข้มและม้วนลงด้านล่าง

อับละอองเกสรเพศผู้จะติดอยู่ใต้บริเวณสีเหลือง

ขนาดกว้างประมาณ 3.5 มิลลิเมตร

และยาวประมาณ 1 เซนติเมตร

ส่วนเกสรเพศเมียนั้นมี 1 อันก้านเกสรเป็นอิสระ

ส่วนปลายแทรกอยู่ระหว่างถุงละอองเกสรเพศผู้

ยอดเกสรเพศเมียจะแผ่ออกอยู่เหนืออับละอองเกสรเพศผู้

 มีรังไข่ 3 ช่อง มีออวุลจำนวนมาก

ออกดอกในช่วงเดือนพฤษภาคม ถึงเดือนตุลาคม

หรือในช่วงเดือนสิงหาคม ถึงเดือนพฤศจิกายน

ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเวียนสลับรอบลำต้น

ลักษณะของใบเป็นรูปรีแกมรูปขอบขนาน หรือรูปใบหอก

ปลายใบแหลม โคนใบมนเรียวเข้าหาก้านใบ

ส่วนขอบใบเรียบ กาบใบอวบเป็นสีเขียว

หรือสีน้ำตาลแดงโอบรอบลำต้น แผ่นใบค่อนข้างหนา

หลังใบเรียบเป็นมัน ส่วนท้องใบมีขนนุ่มสั้นคล้ายกำมะหยี่

เส้นใบขนานกับขอบใบ เส้นใบออกจากเส้นกลางใบ

 แต่จะไปสิ้นสุดที่จุดเดียวกัน ทุกส่วนของต้นมีขน

ก้านใบมีขนาดสั้นหรือไม่มีก้านใบ

ผล ลักษณะของผลเป็นรูปทรงกลม

หรือเป็นรูปขอบขนาน แกมรูปสามเหลี่ยม

 มีขนาดยาวประมาณ 1-2.5 เซนติเมตร

 เมื่อแห้งแล้วจะแตก มีเนื้อแข็ง สุกสีแดงสด

ปลายยอดมีกลีบเลี้ยง 1 กลีบ หรืออยู่เป็นกระจุกแหลม 3 แฉก

กาบหุ้มผลเป็นสีแดง ภายในผลมีเมล็ดสีดำเป็นมัน

เหง้าสด มีรสฉุน เย็นจัด

สามารถใช้ตำพอก บริเวณสะดือรักษาโรคท้องมาน

 ในเหง้าพบสาร diosgenin ซึ่งมีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเพศหญิง

 และเป็นสารตั้งต้น ในการสังเคราะห์ยาสเตอรอยด์

ใช้ขับปัสสาวะ เป็นยาถ่าย แก้ตกขาว บวมน้ำ

ฆ่าพยาธิ รักษาโรคติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ

แผลอักเสบบวม มีหนอง และฆ่าพยาธิ

ข้อควรระวัง คือ เหง้าสดจะมีพิษ เมื่อบริโภคในปริมาณมาก

 จะทำให้อาเจียน ท้องร่วงรุนแรง และทำให้แท้ง

เนื่องจากการที่มีฤทธิ์ต้านการฝังตัวของตัวอ่อน ที่ผนังมดลูก

 วิธีลดพิษคือต้องทำให้สุกก่อน

ส่วนของดอก ใบและเหง้ามาบดให้ละเอียดผสมน้ำ

 แล้วนำไปลาดเทลงแปลงนา ที่มีการระบาดของหอยเชอรี่

จะได้ผลดี เนื่องจากเอื้องหมายนามี สาร tannin

ทำให้หอยตายได้ ไข่ก็จะฝ่อ

ในประเทศมาเลเซีย อินเดีย และฟิลิปปินส์

ใช้หน่ออ่อนใส่แกง เป็นผัก

 นิยมตัดประดับแจกันทั้งต้นที่มีช่อดอก

เนื่องจากมีความสวยงามทั้งต้นและกาบประดับ

นอกจากนี้ยังปลูกเป็นไม้ประดับได้อีกด้วย



ชาวม้งจะใช้เหง้าใต้ดิน นำมาต้มกับน้ำดื่ม

เป็นยารักษาโรคความดันโลหิตต่ำ อาการหน้าซีด 

ชาวไทใหญ่จะใช้ราก นำมาดองกับเหล้า ดื่มเป็นยาบำรุงกำลัง

 หลายพื้นที่นิยมกินหน่ออ่อนและดอกอ่อนเป็นผัก

โดยชาวม้งจะนิยมนำมาต้มกิน กับไก่ เป็นยาบำรุงกำลัง

แก้ตัวเหลือง แก้อาการอ่อนเพลียไม่มีแรง

 คนเมืองจะใช้ลำต้นนำไปต้มกิน เชื่อว่าเป็นยาต้านโรคมะเร็ง

ส่วนชาวไทใหญ่ จะใช้ใบนำไปรมไฟ

แล้วบีบเอาน้ำมาหยอดหู  รักษาโรคหูเป็นหนอง

เอื้องหมายนาดอกแดง หรือ แดงอินโด

เอื้องหมายนาอินโด เอื้องหมายนาดอกเทียน

เป็นพันธ์ไม้ที่มีถิ่นกำเนิดมาจากแถวอเมริกากลาง

 จะขึ้นเป็นกอ ดอกสีแดง ไม่มีกลิ่น

































ขอบคุณที่มา fb. Siriwanna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ




Create Date : 17 พฤษภาคม 2558
Last Update : 17 พฤษภาคม 2558 10:42:09 น.
Counter : 3686 Pageviews.

0 comment
### ดอกเดหลี ###

















ดอกเดหลี

......

ชื่อสามัญ Peace Lily

นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ

 ภายในอาคาร เป็นไม้ที่คายความชื้นสูง

สามารถสูงในการดูดพิษภายในอาคาร

 จำพวกแอลกอฮอล์ อาซีโตน ไตรคลอไรเอทีรีน

เบนซีนและฟอร์มาดีไฮด์

 และสามารถดูดได้ในปริมาณมาก

เดหลี เป็นไม้ประดับที่มีใบสีเขียวเข้ม มันเป็นวาว

 ดอกเป็นช่อสีขาว หรือขาวแกมเหลือง

 กาบหุ้มช่อดอกมีสีขาว

คล้ายดอกหน้าวัว เป็นไม้พุ่มเตี้ย

สูงประมาณ 30–60 เซนติเมตร

โดยธรรมชาติแล้วเดหลีชอบขึ้นอยู่ตามริมลำธาร

ที่มีร่มเงาในป่าฝนเขตร้อน

 แต่เมื่อนำมาปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับภายในอาคาร

เดหลีก็สามารถปรับตัวได้ดี

และเป็นไม้ดอกไม้ประดับ ในจำนวนน้อยชนิด

ที่สามารถ ออกดอกได้ภายในอาคาร

 ถึงแม้จะมีความชื้นต่ำ

และได้รับแสงจากหลอดไฟฟ้าเท่านั้น

เพียงแต่ดิน ต้องมีความชุ่มชื้นอยู่เสมอ


เดหลี มีลำต้นเป็นเหง้าอยู่ใต้ดิน

 แล้วแตกหน่อขึ้นมาเป็นกอ

 ใบเป็นใบเดี่ยว กว้าง 10-15 ซม. ยาว 20-30 ซม.

ปลายใบแหลม สีเขียวเข้มเป็นมัน

 ก้านใบยาว 20-30 ซม. ดอกมีจานดอกสีขาว

 เวลาออกดอก จะแทงก้านขึ้นมา

ยาว 20-30 ซม. มีใบประดับเรียกว่า จานดอก

มีอันเดียว มีลักษณะเป็นกาบ หรือจานรูปหัวใจ

ปลายแหลม กว้าง 8-12 ซม. ยาว 12-20 ซม.

ส่วนหอมจะอยู่ที่ช่อดอก ซึ่งเรียกว่า ปลี

ลักษณะทรงกระบอก มีดอกเล็ก ๆเรียงติดกันอยู่

มีกลิ่นหอมจะบานและส่งกลิ่นล่อแมลง

ได้มากที่สุด ในช่วงสี่โมงเช้า


















ขอบคุณที่มา fb. Siriwanna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ




Create Date : 16 พฤษภาคม 2558
Last Update : 19 ตุลาคม 2560 11:20:56 น.
Counter : 2146 Pageviews.

0 comment
### ดอกไข่ดาว ###
























ดอกไข่ดาว

 ......

ชื่อสามัญ Fried egg tree,

Oncoba, Snuff-box tree

ชื่อท้องถิ่น ทะโล้ เมี่ยง เมี่ยงหลวง

ถิ่นกำเนิด : แอฟริกาเขตร้อน

ชื่อได้มาจากลักษณะของดอก ที่เหมือนไข่ดาว

ไข่ขาวคือส่วนของ กลีบดอกอยู่รอบนอก

 ตรงกลางเป็นกระจุกเกสรตัวผู้จำนวนมาก

รวมตัวกันเปรียบเสมือนไข่แดงของไข่ดาวจริงๆ

 มีดอกไม้ลักษณะคล้ายดอกไข่ดาว

ที่เรารู้จักกันดีคือ บุนนาค

ดอกไข่ดาวคล้ายดอกบุนนาค

ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นมาก

 แต่ความหอมอาจน้อยกว่า ดอกบุนนาค

และยังมีดอกไม้อีกหลายชนิด

 ที่มีลักษณะดอกคล้ายดอกไข่ดาว


ต้นไข่ดาว เป็นไม้พุ่ม ไม้รอเลื้อย

หรือไม้ต้นขนาดเล็ก

 สูงประมาณ 1-3 เมตร ผิวต้นเรียบ

 เปลือกลำต้นสีเทา

แตกกิ่งจำนวนมาก มีหนามมากมาย

หนามยาว ประมาณ 5-7 เซนติเมตร

ดอกเป็นดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบที่ปลายกิ่ง

ดอกมีขนาดใหญ่ สีขาว

ก้านดอกยาว 1-2 เซนติเมตร

 ดอกบานเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 9 เซนติเมตร

มีกลิ่นหอมอ่อนๆ กลีบเลี้ยงมี 4 กลีบ รูปไข่

กลีบดอกมี 8-10 กลีบ รูปไข่กลับ

ยาว 2.5-3.5 เซนติเมตร

 กลีบวงในแคบกว่าเล็กน้อย

ปลายกลีบโค้งเข้าหากัน

กลางดอกมีเกสรตัวผู้ เป็นกระจุก

สีเหลืองจำนวนมาก

 ทำให้ดูคล้ายไข่ดาว อับเรณูยาว 2-3 มิลลิเมตร

รังไข่อยู่เหนือวงกลีบ กลมๆ

 ก้านเกสรเพศเมียยาว 0.6-1 เซนติเมตร

ยอดเกสรเป็นแฉกๆ ประมาณ 8 แฉก

 ออกดอกดก ดอกบานช่วง

เดือนกันยายน-มกราคม

ใบ เป็นใบเดี่ยว เรียงสลับ

รูปรีหรือรูปไข่ ปลายใบแหลม

 โคนใบสอบ แผ่นใบเกลี้ยง ขอบใบจักซี่ฟันเลื่อย

เส้นแขนงใบข้างละ 6-10 เส้น

เห็นเส้นแขนงใบย่อยชัดเจน

ก้านใบยาว 0.6-1 เซนติเมตร

 ใบอ่อนมีสีน้ำตาลแดง

ผล มีรูปร่างทรงกลม มีสันเล็กน้อย

เส้นผ่านศูนย์กลาง 5-6 เซนติเมตร

 ผลแก่สีน้ำตาลแดง

เปลือกแข็ง มีสันตื้นๆ ประมาณ 8 สัน

เป็นผลชนิดที่มีเนื้อ มีเมล็ดจำนวนมาก

รูปร่างเมล็ดเป็นรูปไข่ สีน้ำตาลดำเกลี้ยง

 ยาว 6-7 มิลลิเมตร


..........................
































ขอบคุณที่มา fb. Siriwanna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพ




Create Date : 15 พฤษภาคม 2558
Last Update : 19 ตุลาคม 2560 11:25:24 น.
Counter : 7936 Pageviews.

0 comment
### ดอกศรีมาลา ###






















ดอกศรีมาลา

............

ชื่อสามัญ Red Passion Flower , Red Granadilla

ชื่อท้องถิ่น เล็บมังกร มังกรแดง สร้อยสังวาล

 มีถิ่นกำเนิดทางตอนใต้ ของเวเนซุเอลา เปรู และบราซิล

 หากเข้าไปในสวนหลวง ร.9 จะได้ชื่นชมแบบเต็มตา

 ดอกสวยมาก เป็นไม้เลื้อย เนื้อแข็ง อายุหลายปี

 ต้นมีขน มีมือพันเป็นเส้นยาว ปลายม้วนงอ ออกตรงข้ามใบ

ดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบ กลีบเลี้ยงสีเขียวอมแดง

กลีบดอกสีแดง รูปขอบขนาน เรียงเป็นวง 2-3 ชั้น

วงนอกปลายสีแดงเข้ม โคนสีขาว วงในสีขาว

เส้นผ่าศูนย์กลางดอก 10-12 ซ.ม.

ฤดูดอกช่วงพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์


ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกเวียนสลับ รูปไข่แกมหัวใจ ปลายใบมน

โคนใบเว้า ขอบใบหยักมน ผิวใบมีขนนุ่มขึ้น

ทั้งใบ ผล รูปไข่ สีส้มอมเหลือง

นึกถึง เรื่องขุนช้างขุนแผน .....

นางศรีมาลา เป็นลูกพระพิจิตรกับ นางบุษบา

นางเป็นหญิงที่งดงาม ทั้งรูปร่างหน้าตา กิริยามารยาท

และงามน้ำใจ นางได้พบและรักกับพลายงาม

ตอนที่พลายงาม กับขุนแผน ยกทัพไปทำสงคราม

 กับเชียงใหม่แล้วแวะเยี่ยม พ่อแม่ของนาง

 หลังจากเสร็จสงคราม นางได้แต่งงามกับพลายงาม

พร้อมกับนางสร้อยฟ้า นางได้รับความรักจากพลายงาม

และนางทองประศรีมากกว่าจึงทำให้นางสร้อยฟ้าอิจฉา

นางสร้อยฟ้าจึงทำเสน่ห์ ให้พลายงามหลงใหล

และเกลียดชังนางศรีมาลา ทำให้นางปวดร้าวขมขื่นใจมาก

 บางครั้งก็ถูกพลายงามทุบตี เพราะเชื่อที่นางสร้อยฟ้า ใส่ความ

ครั้นนางสร้อยฟ้าต้องโทษประหารชีวิต

 นางศรีมาลาก็ใจอ่อน ช่วยขออภัยโทษให้

นางสร้อยฟ้าจึงเพียงแต่ถูกเนรเทศไป

ต่อมานางศรีมาลา ก็ให้กำเนิดลูกชาย

ขุนแผนจึงตั้งชื่อให้ว่า พลายเพชร





















ขอบคุณที่มา fb. Siriwanna Jill
ขอบคุณเจ้าของภาพทุกภาพค่ะ




Create Date : 13 พฤษภาคม 2558
Last Update : 3 ธันวาคม 2560 17:24:00 น.
Counter : 2119 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ