คืนกำไรให้ชีวิต เพื่อพิชิตไปในโลกกว้าง
space
space
space
<<
พฤษภาคม 2563
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
space
space
2 พฤษภาคม 2563
space
space
space

ความศรัทธาของชาวพุทธ กับ สังเวชนียสถาน (ตอนที่ 8 )

  ความศรัทธาของชาวพุทธ กับ สังเวชนียสถาน 
(ตอนที่  8 )


การไปท่องแดนพุทธภูมิของ คณะ เพิ่มบุญพูนสุข  นั้น  ก็มาถึงตอนที่ 8
แล้ว ค่ะ   วันนี้เป็นวันที่  28  ก.พ. เป็นวันที่ 8 
ของการมากราบนมัสการ สถานที่ต่าง ๆ ที่พระพุทธองค์เคยประทับอยู่
หรือเคยเสด็จไป  ดังที่ฉันได้เล่าไว้หลายแห่งแล้ว ค่ะ 

เช้านี้  พวกเราต้องเตรียมกระเป๋าเดินทางขึ้นรถแล้วค่ะ เพราะว่า วันนี้
เราจะต้องออกจาก เมืองราชคฤห์  เพื่อเดินทางไปพุทธคยา
ช่วงเช้านี้  พวกเราก็ได้ถ่ายรูปตามสถานที่ต่าง ๆ ของวัดไทยสิริ-ราชคฤห์ และมีโอกาสได้พบเจ้าอาวาสในเช้าวันนี้ด้วย
พระอาจารย์กิติพันธ์ ได้เล่าถึง  เจ้าอาวาสวัดนี้ว่า  เป็นเพื่อนรุ่นพี่ที่
ใจดีมาก  เจอกันทีใด จะมีปัจจัยให้ท่านด้วยทุกครั้ง
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ค่ะ ได้ปัจจัยจากเจ้าอาวาส  ดร.วิเชียร  ถ้าจำไม่ผิด
น่าจะ หนึ่งร้อยดอลลา  ค่ะ  


ดร.วิเชียร เจ้าอาวาสวัดไทยสิริราชคฤห์ มอบปัจจัยให้  ดร.กิติพันธ์ ค่ะ



มีโอกาสได้ถ่ายรูปร่วมกับพระอาจารย์ ดร.วิเชียร ค่ะ  มีน้องหมาของวัด
ก็อยากถ่ายรูปกับพวกเราด้วย ค่ะ อิอิ 


มุมต่าง ๆ ของวัดที่น่าถ่ายรูป  ค่ะ 












หลังจากที่พวกเราถ่ายรูปกันพอหอมปากหอมคอแล้ว  ก็กราบลา
พระอาจารย์  ดร.วิเชียร เพื่อเดินทางต่อไป  
สถานที่แห่งแรกวันนี้ที่พระอาจารย์ พาไปก็คือ ที่เก็บสมบัติของพระเจ้า
พิมพิสาร  (เชื่อว่าเป็นที่ฝังสมบัติของพระองค์และ
พระเจ้าอาชาตศัตรู ผู้เป็นราชบุตร ค่ะ  ที่นี่เรียกว่า โสณปัณฑะ (ท้อง
พระคลังแคว้นมคธ พระคลังที่เก็บสมบัติ
ของพระเจ้าพิมพิสารและพระเจ้าอชาตศัตรู  โสณปัณฑะ  อยู่ในเขาลึก
จากถนนหลวงเข้าไป  รถที่วิ่งผ่านไปนี้ เรียกว่า
  สีตวัน  แปลว่า ป่าช้าผีดิบ  ของแคว้นมคธในสมัยพุทธกาล ทั้งเย็น
ทั้งวังเวง   โสณปัณฑะ  เป็นห้องศิลา  2 ห้อง เปิดห้องเดียว
ที่ว่าเปิด ก็คือ  เพดาน ด้านบน  ถูกคนทุบทำลายออกไป ส่วนที่ปิด คือ
เพดานห้องยังคงสภาพอยู่เช่นเดิม คือ 2600 ปีก่อนเป็นเช่นใด
ปัจจุบัน ก็ยังเป็นเช่นนั้น อยู่   
เรามาถึงที่นี่  ยังเช้ามาก  ประมาณ 7.00 น .  ที่เราจะเข้าไปชมภายใน
โสณปัณฑะ นั้น เปิดประตู 8.00   น. ตอนที่เรามาถึง
มีหมอกลงหนามากพอสมควรทีเดียว  ที่นี่มีลิงเยอะมาก  มีชาวอินเดีย
มาขายของ  มีถั่วขาย เพื่อนำไปเลี้ยงลิงด้วย ค่ะ 
มาชมภาพ ภายนอกก่อนจะเข้าไปชมภายใน โสณปัณฑะ  ค่ะ 



  โสณปัณฑะ  ที่เก็บสมบัติของพระเจ้าพิมพิสารและพระเจ้าอชาตศัตรู 


เห็นประตูด้านนอกของ โสณปัณฑะ  สวยดี  ถ่ายรูปกันไว้เลย






มีคนซื้อ ถั่วเลี้ยงลิงด้วยค่ะ 












มีรถม้าให้ปีนขึ้นไปนั่งถ่ายรูป ค่ะ มีน้องเล็กเป็นตากล้องถ่ายให้  ค่ะ 
ค่าถ่ายรูปกับม้า คนละ  10  รูปี  








เมื่อประตูเปิด พวกเราก็ได้เข้าไปชมด้านใน




ภาพตามผนังก้อนหิน  ค่ะ 


พระอาจารย์ อธิบาย  ที่ท่านชี้นี่  เชื่อว่าเป็นลายแทงสมบัติค่ะ  ใคร
อ่านออก ตีความหมายได้ คงเจอสมบัติ  ห้าห้า 


ส่วนหนึ่งของลักษณะที่ปรากฏในแผ่นหินในโสณปัณฑะ  ค่ะ 


พระอาจารย์มหาเหมือน  ค่ะ  มือกล้องของทริปนี้  ค่ะ 


น้องนก ค่ะ ผู้ที่ขอให้เขียนเล่าเรื่องการไปแสวงบุญ ครั้งนี้ ค่ะ 


ภายในห้องศิลา เปิด ค่ะ  


ถ่ายรูปหมู่ภายในห้อง ศิลาเปิด ค่ะ 


ประตูที่เข้าไปชมห้องศิลาเปิด  ค่ะ  ถ่ายกันเดี่ยวบ้าง คู่บ้าง ค่ะ 


พระมหาเขียว และพระจ่อย  ค่ะ  


พระมหาเหมือน  และพระมหา ดร.กิติพันธ์   ค่ะ 


ภายในห้อง ศิลาเปิด ค่ะ  




นอกถ้ำ  ในถ้ำ  ถ่ายกันให้ครบเลย ค่ะ 

ออกจากที่ โสณปัณฑะ   พระอาจารย์ก็พาไปที่   มณียามัธ  (ศาลหลักเมือง  ที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุ)  
เป็นจุดศูนย์กลางของเมืองราชคฤห์  จึงเชื่อว่า  เป็นที่ฝังเสาหลักเมือง 
มณียามัธ  พระเจ้าอชาตศัตรู เป็นผู้สร้าง  กล่าวคือ 
หลังจากที่มีการสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งแรกเสร็จสิ้นแล้ว พระมหา
กัสสปะ  ซึ่งเป็นประธานในการสังคายนา ครั้งนั้น
กลัวว่า   พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์   ถ้าปล่อยให้กระจัดกระจายอยู่ในหลาย ๆ แห่งแล้ว
ก็อาจจะก่อให้เกิดอันตรายในภายหน้าได้  จึงไปอัญเชิญพระบรมสารี-
ริกธาตุ  มาจากหัวเมืองต่าง ๆ ทั้ง 6 แคว้น ได้ จำนวน 6 ทะนาน
ยกเว้นเมือง รามคาม  นำพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์ ไปถวาย
พระเจ้าอชาตศัตรู   พระองค์จึงได้ทรงสร้าง มณียามัธ
เป็นสถูปใหญ่เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธองค์  ค่ะ 



ที่นี่เป็นสถานบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพรพุทธเจ้า
สถูป มณียามัธ   ค่ะ 




ประตูเล็ก  ๆ  ที่พวกเราเข้าไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ  ค่ะ 


ด้านบน ภายในสถูป ค่ะ  ภาพนี้ จากอินเทอร์เน็ต  ค่ะ 




พระอาจารย์นำสวดมนต์  บริเวณนี้ค่ะ สถานที่แคบมาก  ค่ะ พวกเรา
ยืนฟังสวดมนต์อยู่ด้านนอก  แล้วเข้าไปกราบ
พระบรมสารีริกธาตุได้ทีละคน  ใช้ศีรษะโขกกับแท่นบูชา  3 ครั้งค่ะ 
มีการปิดทองด้วย ค่ะ  น้องเบญจ์ ให้ทองคำเปลวฉันไปปิดทอง






พระอาจารย์ สวดมนต์เสร็จก็ไปกราบพระบรมสารีริกธาตุและปิดทอง


พระมหาเหมือนเข้าไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ ค่ะ 


ถ่ายรูปบริเวณ มณียามัธ  ไว้เป็นที่ระลึก ค่ะ 

หลังจากออกจาก สถูป มณียามัธ แล้ว   จากนั้น พระอาจารย์ก็พาไป
ดูสถานที่ที่ พระเจ้าพิมพิสาร ถูกพระเจ้าอชาตศัตรู
ผู้เป็นราชบุตร นำตัวมาคุมขังอยู่ที่นี่   เรามาทราบพระราชประวัติของ
พระเจ้าพิมพิสาร  กษัตริย์แห่งกรุงราชคฤห์ 
ผู้เป็นองค์อุปถัมภ์พระพุทธศาสนา  เป็นผู้ถวายอุทยานเวฬุวัน  ให้
เป็นวัด เวฬุวัน  แด่ พระพุทธองค์ไว้เป็นที่เผยแผ่
พระพุทธศาสนา  ถือเป็นวัดแห่งแรก ของพระพุทธศาสนา  ค่ะ
พระเจ้าพิมพิสาร  มีพระมเหสี  ทรงพระนามว่า เวเทหิ
มีพระราชโอรสองค์เดียว คือ พระเจ้าอชาตศัตรู  ผู้ซึ่ง โหรทำนายว่า จะ
เป็นปิตุฆาตในอนาคต   พระมเหสี  จะทำแท้งเสีย
แต่ด้วยความรักลูก ของพระองค์  ก็ทรงห้ามมเหสีไม่ให้ทรงทำเช่นนั้น
ที่จริงพระองค์  ทรงเคยพบพระพุทธองค์ตั้งแต่สมัยที่
พระพุทธองค์ทรงออกผนวช   และพระองค์ยังทรงเป็นรัชทายาท ได้
เห็นพระพุทธองค์  ทรงพอพระทัยในพระบุคลิก
ของพระพุทธองค์ ถึงกับทรงจะแบ่งราชสมบัติให้พระพุทธองค์ครึ่งหนึ่ง
แต่พระพุทธองค์ทรงปฏิเสธ  ทรงบอกว่า  สิ่งที่พระองค์
ต้องการ  คือ การแสวงหาความหลุดพ้น   พระเจ้าพิมพพิสาร ก็ทรง
อนุโมทนาบุญด้วย  และทูลขอคำสัญญาจาก
พระพุทธองค์ว่า  ถ้าสำเร็จพระโพธิญาณแล้ว  ขอให้พระพุทธองค์มา
โปรดพระองค์ก่อนใครอื่น  ซึ่งหลังจากที่
พระพุทธองค์สำเร็จพระโพธิญาณแล้ว  ก็ทรงไม่ลืมคำมั่นสัญญา  ได้
เสด็จมาที่กรุงราชคฤห์ โปรดพระเจ้าพิมพิสาร
พระเจ้าพิมพิสาร  ทรงครองราชย์นานถึง  52 ปี  ส่วนราชโอรส  คือ
พระเจ้าอชาตศัตรู (ในอนาคต)  ได้คบคนชั่ว  คือ
พระเทวทัต  จึงยุยง ให้พระเจ้าอชาตศัตรู  กำจัด พระเจ้าพิมพิสาร
ผู้เป็นพระราชบิดา  ซึ่งพระเจ้าอชาตศัตรูก็ทำตาม
โดยการทูลขอราชสมบัติจากพระราชบิดา  ซึ่งพระเจ้าพิมพิสารก็ทรง
ยกราชสมบัติให้พระราชโอรส  แต่แค่นั้น ยังไม่พอ
ได้จับพระเจ้าพิมพิสารไปขังคุก  ให้อดข้าว อดน้ำ หวังให้ พระราชบิดา
สวรรคต  แต่พระนาง เวเทหิ  ก็แอบนำพระกระยาหาร
ซ่อนใส่เสื้อผ้าไปให้พระเจ้าพิมพิสารเสวย  เมื่อพระเจ้าอชาตศัตรูทรง
ทราบ  ก็ทรงไม่ให้พระนางเวเทหิเข้าเยี่ยมพระสวามีอีก
ส่วนพระเจ้าพิมพิสาร  ทรงใช้วิธีเดินจงกลม  และระลึกถึงพระพุทธ
องค์  มองไปยังเขาคิชฌกูฏจากช่องหน้าต่าง
ในคุก   ความหิวก็พลันหายไป  พอพระเจ้าอชาตศัตรูทรงทราบ ก็สั่ง
ให้เอามีดกรีดพระบาทของพระราชบิดา ไม่ให้ทรงเดิน
จงกลมไม่ได้อีกเลย   ในที่สุด พระเจ้าพิมพิสารก็เสด็จสวรรคตในคุก
ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับ พระมเหสีของพระเจ้าอชาตศัตรู
ทรงประสูติพระราชโอรส   เหตุการณ์นี้ ทำให้ พระเจ้าอชาตศัตรูทรง
ดีพระทัยอย่างยิ่ง  และทรงคิดได้ว่า  พระเจ้าพิมพิสาร
ก็คงทรงดีพระทัยเช่นกันตอนที่พระองค์ประสูติ  เมื่อคิดได้เช่นนั้น  จึง
ทรงให้ทหารไปปล่อยพระราชบิดาออกจากคุก
แต่ อนิจจา มันสายเสียแล้ว  เพราะพระเจ้าพิมพิสารเสด็จสวรรคต
เสียแล้ว  เล่ากันว่า  สาเหตุที่พระเจ้าพิมพสาร
ต้องถูกกรีดพระบาท  เป็นเพราะกรรมเก่าในอดีตชาติ  พระองค์เคย
เสด็จไปสักการะพระบรมธาตุ  แล้วไม่ยอมถอดรองพระบาท
จากกรรมเก่านี้เอง ทำให้ชาตินี้จึงต้องถูกกรีดพระบาท

นอกจากนี้  ยังเล่ากันว่า  พระองค์เป็นผู้ริเริ่ม เรื่องของการทำบุญแล้ว
มีการกรวดน้ำไปให้แก่ญาติมิตรที่ล่วงลับไป 
กล่าวคือ  คืนหนึ่ง พระองค์ทรงพระสุบิน เห็นเปรตหน้าตาน่าเกลียด
น่ากลัว   จึงนำไปทูลเล่าให้พระพุทธองค์ทราบ 
พระพุทธองค์จึงทรงแนะนำให้พระเจ้าพิมพิสาร อุทิศส่วนกุศลไปให้
เปรต  ซึ่งเป็นพระญาติเหล่านั้นและกรวดน้ำอุทิศไปให้
คืนต่อมา  ทรงพระสุบินเห็นพระญาติเหล่านั้นอีก  แต่มาในรูปสวยงาม
ไม่น่าเกลียดน่ากลัวเหมือนครั้งแรก  และมาขอบพระทัย
พระเจ้าพิมพิสารที่ได้อุทิศส่วนกุศลไปให้  ทำให้พวกเขาพ้นจากความ
ทุกขเวทนา  นี่จึงเป็นที่มาของการกรวดน้ำ  ค่ะ 


พระอาจารย์เล่าเรื่อง พระเจ้าพิมพิสาร ถูกพระราชโอรสจับมาขังคุก



พวกเราถือโอกาสพักเหนื่อยไปในตัว ใต้ร่มไม้ใหญ่นี้ 


ที่บริเวณคุมขังนี้  กว้างใหญ่มากทีเดียว  


ฟังพระอาจารย์ บรรยาย ความรู้สถานที่แห่งนี้  ค่ะ  





ออกจากสถานที่คุมขังพระเจ้าพิมพิสารแล้ว  ก็ไปดูร่องรอยของการ
ค้าขายในสมัยโบราณ  นั่น คือ รอยเกวียน ที่เชื่อว่า
อนาถบิณฑิกเศรษฐี  ก็ใช้เกวียนบรรทุกสินค้ามาขายที่เมืองราชคฤห์
แคว้นมคธ  เป็นแคว้นที่เลื่องชื่อในเรื่องของความร่ำรวย
หินแดงที่ถูกรอยเกวียนนับล้าน ๆ เล่มบดลงไปนับเป็นร้อย ๆ พัน ๆ ปี
ทำให้เกิดรอยอมตะของล้อเกวียน  ซ้ายมือเป็นภูเขาศิลา
การขนสินค้าไปขาย  ส่งผลให้กรุงราชคฤห์รุ่งเรืองสูงสุดกว่าแคว้น
อื่น ๆ  ในประเทศอินเดีย  ค่ะ  
พวกเราก็เดินถ่ายรูปกัน เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกว่า  ครั้งหนึ่งเราได้มา
เห็นร่อยรอยความเจริญด้านการค้าของกรุงราชคฤห์ ค่ะ 



ทางซ้ายมือของรอยเกวียน เป็นภูเขาศิลา  ค่ะ 




ร่องรอยของเกวียนขนสินค้าไปขายยังต่างเมือง  


พระอาจารย์  อธิบายให้ความรู้ ค่ะ สมาชิกไม่ค่อยฟัง ถ่ายรูปกันใหญ่
มากกว่า  ห้าห้า  


ท่าอันเบิกบานใจของ น้องจอย  อิอิ 












ดูเหมือนน้องจอย  จะสนุกสนานกว่าเพื่อน เลย นะเนี่ย 

ออกจากที่นี่แล้ว  ก็เที่ยงแล้ว   เราเดินทางไปกินข้าวเที่ยงที่วัดไทย-
ลัฏฐิวันมหาวิหาร  วัดนี้  น่าจะสร้างได้ไม่นาน  
เพราะที่วัด ยังไม่มีสิ่งก่อสร้างอะไร   ชื่อของวัดแปลว่า  สวนตาลหนุ่ม
เป็นสถานที่ที่พระพุทธองค์เคยเสด็จมาประทับ ค่ะ 
เป็นวัดที่สร้างขึ้น  มีเป้าประสงค์ เพื่อที่จะให้ผู้ที่มาแสวงบุญที่อินเดีย
ได้มาแวะพัก เกี่ยวกับเรื่องอาหาร  การเข้าห้องน้ำ
ในระหว่างการเดินทางไปยังเมือง พุทธคยา  ค่ะ   ตอนนี้ อยู่ระหว่าง
การเชิญชวนให้ทำบุญเพื่อช่วยกันสร้างห้องน้ำ 
และสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ  ด้วย  เรามาแวะทานข้าวมื้อเที่ยงที่วัดนี้ ด้วย
ข้าวกล่องของเรา  ที่นี่มีน้ำชา กาแฟ และขนมบริการ
ให้ผู้แสวงบุญมาแวะพัก  แล้วแต่จะทำบุญตามศรัทธา ค่ะ  วันนี้วัด
มีส้มตำไทย ส้มตำปลาร้า ต้อนรับพวกเราด้วย ค่ะ 
มาชมภาพของพวกเรา  ค่ะ 


ที่หน้าวัด มีพระพุทธรูป ค่ะ เราเลยถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก  


สองศรีพี่น้อง  น้องต้อย  น้องจุ๊  และน้องหน่อย  ค่ะ 


นั่งทานข้าวมื้อเที่ยงอย่างสบายอารมณ์ ค่ะ ทางวัดตำส้มตำให้กิน ค่ะ



พระอาจารย์ทุกรูป ก็นั่งฉันกันอย่างสะดวกสบาย  ลมที่นี่พัดเย็นสบาย


โต๊ะฉัน สมาชิกหลายคน ค่ะ  


เจ้าหน้าที่ของวัด (แม่ชี)  รับบริจาคเงินจากผู้แสวงบุญค่ะ  ฉันก็ทำบุญ
ไป 100  บาท  ทำให้ดาว  260 บาท  ดาวเหลือเงิน
เท่านี้  เลยทำบุญให้เขาทั้งหมดเลย ค่ะ  เป็นซื้อที่ดิน กับสร้างห้องน้ำ

จากนั้น ก็เริ่มพิธีการทอดผ้าป่า เหมือนทุกวัดที่เราไปแวะพัก ค่ะ
ทุกคนร่วมกันทำบุญ ลงปัจจัยไปตามแต่ศรัทธา
ฉันน่าจะลงไป 200  บาท วัดท้าย ๆ จะเริ่มน้อยลง  เพราะคิดว่า มา 11
วัน  ก็น่าจะ 10 วัด  วัดแรก ๆ ก็ลงไปมาก พอวัดหลัง ๆ 
จึงต้องเจียดปัจจัยให้ครบทุกวัด  ห้าห้า  ถ้ารู้ว่า ทอดผ้าป่ามากกว่าที่
คิดไว้  จะได้เตรียมปัจจัยมาให้มากกว่านี้ เนาะ 









ร่วมกันทอดผ้าป่าและรับพร ค่ะ 
จากที่วัดไทยลัฏฐิวันมหาวิหารแล้ว   เราก็เดินทางไปอีกสถานที่หนึ่ง 
คือ เขาดงคสิริ   วันนี้ได้เดินขึ้นเขาด้วยตัวเองแล้ว ค่ะ 
ไม่ได้จ้างเสลี่ยงแล้ว  เงินหมดด้วย  ห้าห้า  ก็พอเดินไหวหรอก  เดินช้า
เข้าไว้  จะไม่เจ็บหลังมากนัก  โดยมีน้องเบญจ์ช่วยให้เกาะเกี่ยว
เดินช้า ๆ   น้องเบญจ์เป็นคนใจเย็น  บอกฉันว่า  พี่ไม่ต้องเดินเร็วหรอก
ค่อย ๆ เดิน  เหนื่อยก็พัก  ยังไง เราก็เดินถึง แน่นอน  อิอิ 

เขาดงคสิริ   เป็นสถานที่ที่เจ้าชายสิทธัตถะ ทรงนั่งบำเพ็ญเพียรก่อนที่
ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภูเขาลูกนี้ อยู่ห่าง
จากมหาสถูปพุทธคยา ประมาณ  16  กิโลเมตร  หนทางไปค่อนข้าง
ลำบาก  คนไม่ค่อยได้ไปแสวงบุญที่ เขาดงคสิริ
เมื่อตอนเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวชแล้ว  พยายามแสวงหาแหล่ง
เรียนรู้ศึกษาเพื่อการหลุดพ้นจาก วัฏสงสาร
หาพระอาจารย์หลายสำนัก  เพื่อนำไปสู่การตรัสรู้  แต่ก็ไม่มีสำนักไหน
ที่จะเป็นหนทางนำไปสู่การตรัสรู้ได้   จึงเสด็จไปประทับ
ที่อุรุเวลา เสนานิคม  แคว้น มคธ   เพราะเห็นว่าเป็นทำเลที่ดี ร่มรื่น มี
แม่น้ำไหลผ่าน ใสสะอาด  มีหมู่บ้านที่จะออกบิณฑบาตได้
เขา ดงคสิริ  มีถ้ำที่เป็นสถานที่ที่พระองค์ มาบำเพ็ญเพียร ทุกรกิริยา
 คือ การทรมานพระวรกายให้ลำบาก (ด้วยเชื่อว่าจะเป็น
ทางนำไปสู่การตรัสรู้ได้ ตามลัทธิพราหมณ์ ในยุคนั้น)  สิ่งที่ทรงทำให้
พระวรกายลำบาก ด้วยการ ทรงกดพระทนต์ด้วยพระทนต์
ทรงกดพระตาลุชะด้วยพระชิวหา (พระตาลุชะ คือ เพดานพระโอษฐ์)
ทรงผ่อนกั้นลมอัสสาสะ (ลมหายใจออก)  
ทรงอดอาหาร  จนพระวรกายเหี่ยวแห้ง  พระฉวีหมองหม่น  พระอัฐิ
ปรากฏทั่วพระวรกาย  พระวรกายถดถอยน้อยลงทุกที
จะเสด็จไปไหนก็ทรงล้ม  พระองค์ทรงทำทุกรกิริยาเช่นนี้ถึง 6 ปี ก็
ไม่เกิดความสำเร็จ  จึงทรงพระดำริว่า  
สิ่งที่พระองค์ทรงบำเพ็ญเพียรมาตลอดเวลา  6  ปี นั้น  ไม่ใช่หนทางที่
จะนำไปสู่การตรัสรู้ให้พ้นจากวัฏสงสารแน่นอน
จึงทรงยุติการทรมานพระวรกาย   ได้ทรงทำความเพียรทางจิตต่อไป
ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5  ที่ตามปฏิบัติพระองค์ตั้งแต่แรก
เพื่อหวังว่า  เมื่อพระพุทธองค์สำเร็จพระโพธิญาณแล้ว  จะได้สอนพวก
เขา  เมื่อเห็นว่าพระพุทธองค์ทรงละความเพียร
ในการทำทุกรกิริยา แล้ว  ก็เห็นว่า  พระพุทธองค์คงไม่สำเร็จตรัสรู้ได้
แน่นอน  จึงทิ้งพระองค์ไป   ส่วนพระพุทธองค์
ก็กลับมาเสวยพระกระยาหารตามปรกติ  เพื่อให้มีพลกำลัง  เพื่อค้นหา
วิธีการตรัสรู้ต่อไป   
  
พวกเราเดินขึ้นเขามาถึงที่นี่  มีที่ให้นั่งพักด้วย ค่ะ  แล้วก็มีห้องน้ำด้วย


พระบรมรูปที่ตั้งอยู่ในถ้ำ  ที่พวกเราเข้าไปกราบนมัสการ ค่ะ 


ทุกคนได้เข้าไปกราบนมัสการพระพุทธองค์ในถ้ำ ค่ะ 


พระอาจารย์ อธิบายเกี่ยวกับ เขา ดงคสิริ  ค่ะ 




พระอาจารย์นำสวดมนต์  ค่ะ 


ฟังพระอาจารย์บรรยาย อย่างตั้งใจ นะคะ 
เมื่อได้มากราบนมัสการ สถานที่ที่พระพุทธองค์ ทรงบำเพ็ญเพียร
ทุกรกิริยา  แล้ว  พวกเราก็ต้องรีบเดินทางต่อ
เพื่อไปยังเมืองพุทธคยา   คืนนี้ เราจะพักที่วัด ไทยภูริปาโล  ทานข้าว
มื้อเย็นที่นี่ด้วย ค่ะ และจะพักที่นี่  สองคืน ค่ะ 
พวกเรามาถึงวัดนี้ น่าจะประมาณห้าโมงกว่า ทางเข้าวัดเป็นซอยแคบๆ
ภายในวัด  มีดอกไม้สวย ๆ  ดูแล้วสดชื่น ค่ะ 
วัดนี้  พวกเราโชคดี ได้นอนห้องละ 2 คน ฉันกับเอม ได้อยู่ชั้นล่างด้วย
ไม่ต้องลำบากในการยกกระเป๋าขึ้นชั้นบน
เมื่อเอากระเป๋าเข้าห้องพักแล้ว  ยังมีเวลาพอสมควรก่อนที่จะถึงอาหาร
มื้อเย็น  พวกเราก็ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกกัน ค่ะ


พระพุทธรูปในโบสถ์  ค่ะ  


ดอกไม้สวย ๆ  ในวัดไทย ภูริปาโล  ค่ะ 


เย็นนี้ถ่ายไว้เล็กน้อย  เพราะเรานอนที่นี่สองคืน ยังมีเวลาอีก ค่ะ 
อาหารมื้อเย็นวันนี้   เป็นอาหารไทย เหมือนวัดอื่น ๆ 
ที่เราไปพัก ค่ะ สิ่งที่ขาดไม่ได้เลย ก็คือ ไข่เจียว ค่ะ และผัดผักกะหล่ำ
รสชาติอร่อย  ฝีมือแม่ครัวคนไทย ค่ะ  
หลังจากที่ทานข้าวมื้อเย็นเรียบร้อยแล้ว   พระอาจารย์เชิญชวนให้ไป
สวดมนต์ที่พุทธคยา คืนนี้ด้วย  ใครที่ไปไม่ไหว 
พรุ่งนี้เช้า เราจะไปกราบนมัสการอีกครั้งหนึ่งก็ได้  จำเป็นต้องเช็ค
จำนวนคน  เพราะเราต้องจ้างรถ ตุ๊ก ๆ ไปส่งค่ะ 
คืนนี้  น่าจะไปกันครบนะ  ฉันก็จำไม่ได้  แต่ฉันกับเอมไปด้วยแน่นอน
การไปที่พุทธคยา  ห้ามนำโทรศัพท์มือถือเข้าไปค่ะ 
แต่ถ้าเป็นกล้องถ่ายรูปธรรมดา  นำเข้าไปได้ เสียค่ากล้องที่นำเข้าไป
เป็นเงิน  100  รูปี  ค่ะ  ฉันก็มารู้ภายหลัง ค่ะ 
ช่วงกลางคืนนี้ ได้รูปจากกล้องท่านมหาเหมือนมากมาย เพราะท่านได้
นำกล้องถ่ายรูปเข้าไปได้ ค่ะ  นอกนั้น พวกเรา
ก็เป็นกล้องโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเขาไม่อนุญาตให้นำเข้าไป  ค่ะ  
 รถตุ๊ก ๆ มารับพวกเราไปส่งที่พุทธคยา  แต่ไม่ถึงวัด ส่งเราตรงที่มี
ขายของมากมาย  แล้วพวกเราต้องเดินไปอีกไกลโข 
มาชมภาพที่ได้จากกล้องของท่าน มหาเหมือน  ค่ะ 


 องค์ พุทธคยา  ตั้งตระหง่าน ในค่ำคืน  ค่ะ 


ถ่ายหมู่กัน  ค่ะ 








เข้าแถวกันเพื่อเข้าไปกราบหลวงพ่อพุทธเมตตา ท่านมหาเหมือน
ยืนอยู่ด้านข้างถ่ายรูปให้พวกเรา  ค่ะ 


อีกภาพ  ค่ะ  


หลวงพ่อพุทธเมตตา ที่พวกเราเข้าแถวกันเพื่อเข้าไปกราบนมัสการ ค่ะ


เข้าไปถึงข้างในที่ประดิษฐาน พระพุทธเมตตา  ค่ะ  

เมื่อได้กราบนมัสการหลวงพ่อ พระพุทธเมตตา แล้ว  พระอาจารย์ก็นำ
พวกเราไปที่ใต้ต้นโพธิ์ เพื่อสวดมนต์  นั่งสมาธกันค่ะ 
นักแสวงบุญที่มากราบนมัสการ พุทธคยา มีจำนวนมากมายเหลือเกิน
ทั้งชาวอินเดียเอง  คนต่างชาติ  พระทิเบต ก็มี
ฝรั่งก็มีมากไม่น้อยเลย ค่ะ กว่าจะได้ที่นั่งสวดมนต์  ก็ลำบากเหมือนกัน
น่าเสียดายไม่มีรูปสวดมนต์ คืนนี้  เพราะ
ท่านมหาเหมือนก็ต้องนั่งสวดมนต์ด้วย  แล้วใครจะมีกล้องมาถ่ายรูป
พวกเราตอนสวดมนต์ เนาะ  อิอิ  
หลังจากสวดมนต์  นั่งสมาธิแล้ว  พวกเราก็ต้องเดินออกมาอีกไกล
มากเหมือนตอนขามาแหละ ค่ะ  แล้วก็ต้องมา
ผ่านด่านมุงขายของของคุณแขกอินเดีย  ลด แลก แจก แถม ด้วย
สารพัดกลยุทธในการขาย ค่ะ  และตัดราคากัน
ระหว่างคนขายกันซึ่ง ๆ หน้า  แต่พวกนี้เขาน่ารัก นะ ไม่ทะเลาะกัน
เลย เมื่อถูกตัดราคาต่อหน้า  ต่อตา  พวกเขาตื้อเก่งมาก
คนไทยก็ย่อยเสียเมื่อไหร่  ต่อราคากันแบบเล่น ๆ ไม่อยากได้  แต่
แขกขายให้ด้วย เลยต้องซื้อ  อิอิ 
ฉันกับน้องเบญจ์ก็อุดหนุนแผ่นพลาสติก ที่อัดรูปใบโพธิ์  อัดรูปของ
พระพุทธเจ้า เอาไว้  เป็นของที่ระลึกได้  เจ้าที่
เอามาขายเสนอราคา  100 บาท ให้ 30  ใบ แถมให้อีก 5 ใบ ซึ่งแต่
เดิมขาย 25  ใบ 100  บาท เราสองคนเลยหุ้นกัน
คนละครึ่ง  พวกเราก็นับครบนะ  แต่ไม่ทราบเพราะอะไร  กลับมาถึง
ที่พัก  เหลือ 30 ใบ  น้องก็เลยเอาไปแค่ 13 ใบมั้ง 
เพราะแบ่งมาให้ฉัน  17 ใบแล้ว จะคืนให้แก  แกก็ไม่ยอมเอา  พวกเรา
กลับถึงวัด ก็น่าจะสามทุ่มกว่าแล้ว  อาบน้ำกัน
แล้วต้องรีบเข้านอนกันแล้ว ช่วงนี้ ฉันติดหวัดจากเอม  ดูเหมือนจะมีไข้
ตัวรุม ๆ  เลยรีบกินยาพารากันไว้ก่อน
การแสวงบุญของพวกเราในวันนี้  ก็เสร็จสิ้นไปอีกวันหนึ่งแล้วค่ะ ทุกคน
ต่างรู้สึกอิ่มบุญ  อิ่มใจ  ความเหน็ดเหนื่อยก็พลันหายได้ ค่ะ 
ตอนต่อไป ก็จะเป็นตอนที่ 9 แล้วค่ะ
ใครที่สนใจ  ก็โปรดติดตามการเล่าเรื่องของฉันในตอนต่อไปได้ นะคะ
สวัสดี ค่ะ  




 









 




 



Create Date : 02 พฤษภาคม 2563
Last Update : 5 พฤษภาคม 2563 10:27:37 น. 35 comments
Counter : 1960 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณตะลีกีปัส, คุณอุ้มสี, คุณThe Kop Civil, คุณ**mp5**, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณกะว่าก๋า, คุณtuk-tuk@korat, คุณtoor36, คุณKavanich96, คุณmambymam, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณNior Heavens Five, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณSai Eeuu, คุณทนายอ้วน, คุณร่มไม้เย็น, คุณMax Bulliboo, คุณชีริว


 
อ่านจนจบเลยครับ
บล็อกนี้แต่ละสถานที่ที่อาจารย์ไป
ผมไม่ได้ไปเลยครับ

สถานที่สำคัญที่เกี่ยวข้องกับพุทธประวัติ
มีหลายแห่งจริงๆ
โชคดีที่รัฐบาลอินเดียเล็งเห็นความำสคัญ
และฟื้นฟูจนกลับมาได้นะครับ
ไม่เช่นนั้นคงเลือนหายไปหมดตามกาลเวลาครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 พฤษภาคม 2563 เวลา:11:31:15 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
วลีลักษณา Literature Blog ดู Blog
บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน Review Food Blog ดู Blog
พายุสุริยะ Travel Blog ดู Blog
อาจารย์สุวิมล Diarist ดู Blog

สาธุ อนุโมทามิค่ะครู


โดย: อุ้มสี วันที่: 5 พฤษภาคม 2563 เวลา:12:07:13 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

วันนี้ทั้งสามเพลงเป็นเพลงความหมายดีทั้งหมดเลยครับ





โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 พฤษภาคม 2563 เวลา:12:32:02 น.  

 
เป็นทริปที่สนุก ประทับใจ และอิ่มบุญด้วยเลยครับอาจารย์
อนุโมทนาสาธุด้วยครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 5 พฤษภาคม 2563 เวลา:13:25:56 น.  

 
สวัสดีครับ อาจารย์สุ
อนุโมทนาบุญด้วยครับ
มณียามัธ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ด้านในมองเห็นอะไรบ้างครับ
ไปเที่ยวต่างประเทศ ได้รับประทานส้มตำด้วย
มณียามัธ เขาดงคสิริ แปลกครับ ทางเข้าแต่ละที่ เล็ก ต้องก้มศีรษะเข้าไป



โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 5 พฤษภาคม 2563 เวลา:15:19:47 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 5 พฤษภาคม 2563 เวลา:15:24:34 น.  

 
สวัสดีค่ะอาจารย์

รู้สึกอิ่มใจและอิ่มบุญไปกับอาจารย์และคณะด้วยค่ะ

องค์พุทธคยายามค่ำคืนงดงามมาก
ขออนุโมทนาบุญกับอาจารย์ด้วยนะคะ

โสณปัณฑะ อายุ 2600 ปีแล้วยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ทำให้คนรุ่นหลังได้ชมแผ่นหินจารึกที่มีคุณค่า
ประตูสวยๆเป็นรูปต้นโพธิ์ใช่ไหมคะ

อาจารย์เดินขึ้นเขาดงคสิริโดยไม่ใช้เสลี่ยง เยี่ยมจังค่ะ
มณียามัชและรอยเกวียนมีประวัติน่าสนใจน่าชมมาก

อาหารไทยอย่างส้มตำที่วัดไทยลัฏฐิวันมหาวิหาร
หรือไข่เจียวกับผัดผักกะหล่ำที่วัดไทยภูริปาโลในยามไกลบ้านอย่างนี้
ต๋าว่าน่าอร่อยที่สุด
จะติดตามต่อตอนต่อไปนะคะ

ขอบพระคุณอาจารย์สำหรับกำลังใจค่ะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 6 พฤษภาคม 2563 เวลา:0:26:45 น.  

 
สวัสดีค่ะอจ.
ตามมาเที่ยวด้วยค่ะ


โดย: newyorknurse วันที่: 6 พฤษภาคม 2563 เวลา:4:36:30 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์

โหวตครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 พฤษภาคม 2563 เวลา:7:29:56 น.  

 
ได้ความรู้มากเลย
ขอบพระคุณอาจารย์ค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 6 พฤษภาคม 2563 เวลา:11:08:13 น.  

 
โควิดรอบนี้
ทำลายล้างวิถีชีวิตเดิมๆของคนค่อนโลกเลยนะครับอาจารย์
ผมเองก็ไม่เคยเผื่อใจมาก่อนเลยครับ
ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายแบบนี้
ยังดีที่ทางบ้านพอจะมีเงินเก็บไว้บ้าง
ไม่งั้นก็เหนื่อยหนักเลย
เพราะต้องปิดร้านนานหลายเดือน
แถมยังจ่ายเดือนให้ลูกน้องด้วยบางส่วน
ทั้งๆที่ร้านปิดตัวไปครับ

ตอนนี้ทำได้แต่รอจริงๆครับ
โควิดหมด
ตั้งต้นกันใหม่
ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร
แต่ก็ต้องสู้แล้วล่ะครับ

ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์


โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 พฤษภาคม 2563 เวลา:14:10:54 น.  

 
หมาวัดตัวนี้มาถ่ายรูปร่วมทั้งที ดันหันหลังให้ซะด้วย 555

ไปถึงเช้าหน่อยก็ดีนะครับ แต่ 7 โมงเลยนี่ก็เช้ามากจริงๆ มารอเลย

สมัยก่อนตอนที่ยังไม่มีเทคโนโลยีสร้างได้ขนาดนี้ต้องถือส่ายอดเยี่ยมเลยล่ะครับ

ได้มาเห็นสถานที่จริงถือว่าเปิดหูเปิดตามากเลยล่ะครับ ตอนเข้าแถวไปกราบหลวงพ่อพุทธเมตตาคนเยอะนะครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2563 เวลา:0:23:53 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 7 พฤษภาคม 2563 เวลา:4:51:45 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับอาจารย์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 พฤษภาคม 2563 เวลา:6:00:17 น.  

 
ตอนที่ 8 แล้วนะคะ
ต้องกลับมาวนอ่านตอนที่แล้วๆ
มัววุ่นกับเจ้านุ้งไม่สบาย

หนนี้ภาพเยอะดูเพลิน
เรื่องเล่าไม่มากเท่าไร สู้ไหวค่ะ
ขอบคุณที่เก็บมาเล่าให้ฟังนะคะ



โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 7 พฤษภาคม 2563 เวลา:13:31:40 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ผมฟังภาษาจีนไม่ออกเลยครับ
แต่กลับชอบฟังเพลงจีนมากๆ 555
เติ้งลี่จวินนี่ฟังมาตั้งแต่เด็กเลยครับ

ส่วนเพลงครูจรัลมาฟังตอนย้ายมาอยู่เชียงใหม่ได้หลายปี
แรกๆก็ฟังไม่รู้เรื่องเลย
ฟังไปฟังมา
ทำให้ผมเข้าใจภาษาเมืองเยอะมากครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 พฤษภาคม 2563 เวลา:16:34:21 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคำอวยพรครับ สถานการณ์ไม่ดีก็ต้องพยายามให้มากขึ้น หาทางทำให้มันดีให้ได้ล่ะนะ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2563 เวลา:21:34:08 น.  

 
ขอบคุณอาจารย์สำหรับคอมเมนท์นะคะ
ต๋าจะติดตามตอนที่ 9 ต่อค่ะ

ราตรีสวัสดิ์นะคะอาจารย์



โดย: Sweet_pills วันที่: 8 พฤษภาคม 2563 เวลา:0:38:01 น.  

 

สวัสดีค่ะอจ.
ขอบคุณที่แวะไปที่บล็อกนะคะ



โดย: newyorknurse วันที่: 8 พฤษภาคม 2563 เวลา:3:12:20 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 พฤษภาคม 2563 เวลา:5:59:39 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับอาจารย์
ได้ความรู้หลายอย่างเลยนะครับ
อนุโมทนาบุญด้วยคนนะครับ
โหวตครับ


โดย: Nior Heavens Five วันที่: 8 พฤษภาคม 2563 เวลา:8:14:36 น.  

 
ครูถ่ายภาพเยอะจริง ๆ ดูเพลินเหมือนไปเอง

ผมว่าไปเป็นกลุ่มจิตและความมุ่่งหมายเดียวกัน ดีเลยครับครู


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 8 พฤษภาคม 2563 เวลา:8:42:18 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

เดือนนี้ผมลงบล็อกเพลงเป็นหลักเลยครับอาจารย์
เห็นเครียดกันจากเรื่องโควิด
ก็เลยเปลี่ยนจากธรรมะมาเป็นเพลงดีกว่าครับ 555




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 พฤษภาคม 2563 เวลา:14:37:37 น.  

 
หนูเอ็นติดแล้วนะคะ
บัญชี ม.เกษตรกำแพงแสนค่ะ


โดย: เจ้าการะเกด วันที่: 8 พฤษภาคม 2563 เวลา:16:53:07 น.  

 
สวัสดีค่ะ อาจารย์สุ

ชีพจรลงเท้าไปไกลนะคะคราวนี้ สาธุด้วยค่ะ


โดย: Sai Eeuu วันที่: 8 พฤษภาคม 2563 เวลา:20:37:36 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 พฤษภาคม 2563 เวลา:6:52:47 น.  

 
แวะมาสวัสดีวันเสาร์คราบ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 9 พฤษภาคม 2563 เวลา:15:07:57 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์


อาจเพราะผมชอบฟังเพลงเศร้าๆ เพลงช้าๆ
เวลาแต่งเพลงก็เลยชอบแต่งเพลงแนวนี้เลยครับอาจารย์

ให้แต่งเพลงสนุก เพลงโจ๊ะๆ
ก็แต่งไม่เป็นครับ 555



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 พฤษภาคม 2563 เวลา:19:46:23 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 พฤษภาคม 2563 เวลา:6:49:42 น.  

 
เมื่อวานนี้ไม่ได้อ่านละเอียดครับ เพราะไม่ได้เข้าบล็อกมาอาทิตย์นึง รีพลสยกระทู้เก่าเยอะมากครับ เวลาทีจำกัดครับ อิอิอิ


ดอกดาเลียดอกใหญ่มากๆ ดูสารคดีต้นดาเลียเป็นหัวนะครับ พอหมดหน้า ดอกเหลือน้อยเค้าจะขุดเอาเหง้าใต้ดินมาเก็บไว้ระหว่างช่วงหน้าหนาว พอดินหายเป้นน้ำแข็งถึงเริ่มเอาเหง้าลงดินอีกครั้งครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 10 พฤษภาคม 2563 เวลา:13:45:12 น.  

 
สวัสดีค่ะอาจารย์ เข้ามาอ่านและชมภาพ ทำให้เกิดความอยากรู้อยากอ่านมากๆ เพราะเคยสงสัยมาตลอดว่า ศาสนาพุทธคือ ศาสนาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในความคิดของเรา แต่ทำไมที่อินเดีย ทั้งๆที่เป็นแหล่งกำเนิดแท้ๆ คนที่นั่นถึง ...เฉยๆ แถมไม่ได้ยึดเป็นศาสนาหลักของชาติด้วยซ้ำ..น่ะค่ะ

ได้เห็นภาพ ได้อ่านแล้วทำให้อยากไปแบบนี้บ้างจังค่ะอาจารย์

ขออนุญาตแอดเพื่อติดตามบล๊อก และแอดเป็นเพื่อนด้วยคนนะคะ ไว้จะแวะมาอีกค่ะ


โดย: Max Bulliboo วันที่: 10 พฤษภาคม 2563 เวลา:17:24:16 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ช่วงเรียนมหาวิทยาลัยกับช่วงต้นของการทำงาน
เป็นช่วงที่มีปัญหามากที่สุดของผมเลยครับ
เหมือนปรับตัวไม่ได้ แก้ปัญหาไม่เป็น
แต่พอผ่านมันมาได้
ก็รู้สึกว่ามันเป็นครูที่ดีมากๆ
ให้แง่คิดและประสบการณ์ที่ดีมากๆเลยครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 พฤษภาคม 2563 เวลา:18:03:50 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับอาจารย์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 พฤษภาคม 2563 เวลา:6:26:43 น.  

 
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวตครับอาจารย์

ผมเลยแปลกใจตัวเองนิดๆครับอาจารย์
แต่งเพลงลูกทุ่งสองเพลง
เกี่ยวกับฝนทั้งสองเพลงเลย 555

กรุงเทพฝนตก
แต่เชียงใหม่อากาศร้อนมากครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 พฤษภาคม 2563 เวลา:19:36:43 น.  

 
ไม่เห็นอาจารย์อัพเฟซเลยเข้ามาซะช้าเลยครับ
ภาพหมู่ สุนัขหมานอนซะเด่นเลยครับ

ป่าช้าผีดิบ ชื่อน่าไปผจญภัยเชียวครับ แต่ไม่ไปคนเดียวนะ
สมัยพุทธกาลคงวังเวงน่าดู
ที่เก็บสมบัติของพระเจ้าพิมพิสารและพระเจ้าอชาตศัตรู เป็นอีกที่ที่น่าเที่ยวนะครับ
ปกติพวกคลังสมบัติหรือสุสาน ถึงปัจจุบันจะย้ายสมบัติไปพิพิธภัณฑ์หรือตามบ้านโจรหมดแล้ว
แต่สถาปัตยกรรมหรือพวกภาพเขียนภาพสลักก็เป็นมรดกอันทรงคุณค่าให้ลูกหลานได้
ทริปนี้มีพาไปชมพิพิธภัณฑ์ไหมครับ ผมไม่เคยไปพิพิธภัณฑ์ของอินเดียเลย ไม่รู้เขาจัดยังไงบ้าง ไม่รู้มีโบราณวัตถุสำคัญสมัยพุทธกาลมากน้อยแค่ไหน

พระบรมสารีริกธาตุยังคงอยู่ในสถูปมณียามัธไม่ได้ย้ายออกไปไหนเหรอครับ
อย่างที่อยุธยาเขาย้ายพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดพบที่วัดต่างๆ มาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ ผ่าที่บรรจุ 7 ชั้นออกมาให้เห็นพระธาตุเลย
ชาติก่อนพระเจ้าพิมพิสารไม่ถอดรองเท้าไปบูชาพระธาตุ ชาตินี้เลยต้องถูกกรีดพระธาตุ ทำไมกรรมสะท้อนมาแรงเว่อร์จัง
กษัตริย์อินเดียมีเรื่องราวลูกขังพ่อประมาณนี้หลายคู่เลยนะครับ

เที่ยวตามวัดไทยก็ได้กินอาหารไทยบ่อยนะครับ คณะทัวร์นี้แฮปปี้กับอาหารอินเดียไหมครับ?
สถานที่บำเพ็ญทุกรกิริยาก็ไม่ค่อยมีคนพูดถึงเลย ทริปนี้ได้มาเห็นกับตา

และสุดท้ายก็มาถึพุทธคยานะครับ ถึงจะบูรณะจนใหม่ไปแล้ว
แต่เป็นจุดประวัติศาสตร์สำคัญที่ประเทศนับถือพุทธนำพุทธคยาไปจำลองกันมากกว่าสังเวชนียสถานอื่นๆ
ดูแล้วคนแน่นเชียว ข้างในคนเข้าไปไหว้กันเยอะ ออกมาข้างนอกก็ต้องเจอคนขายของอีกเยอะ อิอิ
คนขายของที่นี่ตื๊อหน่อยแต่น่ารักนะครับ ไม่ดุไม่ขู่ไม่โกรธอะไร ตื๊อจนใจอ่อนไปเอง 555


โดย: ชีริว วันที่: 11 พฤษภาคม 2563 เวลา:22:05:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

อาจารย์สุวิมล
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]




เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ

http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif
space
space
space
space
[Add อาจารย์สุวิมล's blog to your web]
space
space
space
space
space