กล้องถ่ายรูปสายลับที่เป็นตำนาน 13 แบบ
ช่วยไม่ได้ที่คนส่วนมากเวลาคิดถึงสายลับ มักจะคิดถึงเรื่องหนังสายลับ James Bond และมักจะคิดถึงอุปกรณ์พิเศษของพระเอก James Bond ในชีวิตการเป็นสายลับก็มีอุปกรณ์พิเศษแบบนั้นจริงด้วย ยิ่งกล้องถ่ายรูปสายลับจะมีหลายแบบมากกว่ากล้องถ่ายรูปทั่วไป ยิ่งทุกวันนี้กล้องถ่ายรูปเหล่านี้กลายเป็นยอดนิยมของนักสะสมกล้องถ่ายรูป เพราะในอดีตเป็นกล้องถ่ายรูปคู่ใจและคู่ชีวิตของสายลับ สายลับในยุคนั้นถึงในยุคปัจจุบันต้องมีการสร้างสรรค์เป็นอย่างมาก แม้ว่าในบางครั้งก็ต้องอาศัยโชคช่วย(ความบังเอิญ)ให้มีผลงานด้วยเช่นกัน 1. Automatique De Bertsch ทุกวันนี้กล้องถ่ายรูปสายลับเป็นแบบง่าย ๆ เหมาะสำหรับคนทั่วไป ด้วยการเล็งแล้วถ่ายภาพส่งภาพไปได้ทันทีทันใดไม่ต้องเสียเวลาล้างอัดภาพอีก แต่ในปี 1861 กระบวนการถ่ายภาพจะสลับซับซ้อนและค่อนข้างวุ่นวายมาก จะต้องหาห้องมืดก่อนในการถ่ายภาพที่ใช้แผ่นฟิล์มแบบเปียกน้ำ wet-plate photography แล้วต้องหาจังหวะเวลา/ระยะใกล้กับเป้าหมายที่ต้องการถ่ายได้อย่างเหมาะสมเท่าที่จะทำได้ เพราะตัวเลนส์กับลำกล้องมีความยาวเพียง 1.5 นิ้วเอง ผลงานประดิษฐ์ของ The French Chambre Automatique De Bertsch แม้ว่าจะไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเคยมีการใช้งานในภารกิจลับหรือไม่ แต่นี่คือ รุ่นปู่ของของกล้องสายลับขนาดเล็ก ที่ได้รับการยกย่อง Images Credit:George Eastman House
2. The Ansco Memo พัฒนาการต่อมาของกระบวนการถ่ายภาพ ในด้านกล้องถ่ายรูปและฟิล์มแห้งมีมาตรฐานมากขึ้น ดังนั้นกล้องขนาด 35mm ของ Ansco Memo Miniature ได้รับความนิยมอย่างในระหว่างปี 1920 กับ 1930 จัดว่าเป็นกล้องมาตรฐานสากลเหมาะสมกับงานสายลับ เพราะพกพาง่ายและถ่ายภาพที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วทันใจ Image Credit: John Kratz
3. Ticka Expo Watch Camera นาฬิกาพกที่ใช้ใช้บอกเวลาไม่ได้แต่อย่างใด มีขนาดหนาเป็น 2 เท่าของนาฬิกาพกทั่วไป (ไม่เหมาะกับสายลับเพราะจะเปิดเผยร่องรอยได้ง่าย) แต่ในช่วงปี 1905 กับ1914 ยังไม่มีกล้องสายลับที่ดีกว่านี้ The Expo Watch Camera ขายในราคาเพียง 1 เหรียญสหรัฐเท่านั้น สามารถสร้างรายได้และความร่ำรวยให้กับบริษัทอย่างมาก เพราะใช้การตลาดที่บอกกับลูกค้าว่า ถ่ายภาพได้โดยไม่ถูกตรวจพบ แน่นอนจะต้องไม่ใช้กล้องถ่ายภาพด้วยการเล็งเลนส์ไปตรงภาพ หรือเดินไปมาพร้อมกับกล้องถ่ายภาพที่คนทั่วไปมองเห็นเลนส์ถ่ายภาพ Image Credit: Coleccionando Camaras
4. The ABC Wristwatch Camera ไม่มีอะไรที่เด่นกว่านาฬิกาข้อมือพร้อมเลนส์ หน้าปัดนาฬิกา ปุ่มต่าง ๆ The ABC Wristwatch Camera (made in Germany ในปี 1949) ยิ่งใส่เสื้อแขนยาวปิดบังไว้ยิ่งสังเกตได้ยาก ดูดีมีประโยชน์มากเช่นกัน เว้นแต่ดูเวลาไม่ได้ ส่วนรูปร่างและขนาดนาฬิกายังดูค่อนข้างน่ากลัว 5. The Echo 8 Lighter Camera Cigarette Echo 8 lighter cameras ในปี 1951 สามารถจุดไฟได้ด้วย เพื่อการอำพรางความสามารถที่แท้จริง แต่เวลาใช้งานจริงจึงค่อยประกอบอุปกรณ์เข้าด้วยกัน 6. Tessina 35 (Cigarette Camera) เพื่อความรอบคอบหลังจากพกกล้องไฟแช็ค Echo 8 ควรพกกล้อง Tessina 35 มีขนาดเล็กและบางพอใส่ลงในซองบุหรี่/กล่องใส่บุหรี่ หรือใส่บุหรี่ที่สูบได้ลงไปด้วยจำนวนหนึ่ง ส่วนอีกด้านหนึ่งจะเป็นบุหรี่ปลอมในซองบุหรี่ กล้องสายลับรุ่นนี้เยี่ยมมากเพราะสร้างความประทับใจให้กับวงการสายลับ มีการผลิตขายมากกว่า 38 ปี ตั้งแต่ปี 1957 ถึงปี 1996 7. Minox กล้องสายลับระดับจอมถึก(วัวงาน) เพราะใส่ฟิล์มครั้งเดียวสามารถถ่ายภาพคุณภาพดีได้ถึง 50 ภาพ มีขนาดเล็กเพียงพอกับการใส่กล่องแว่นตาหรือแปรงขัดรองเท้า แล้วแต่ความคิดสร้างสรรค์ของสายลับในการหลบซ่อนกล้องถ่ายรูป มีความนิยมใช้กันมากในช่วงปี 1960 ถึงปี 1970 เป็นอุปกรณ์ที่สำคัญของสายลับ แม้ว่าจะมีผลิตขึ้นมาตั้งแต่ปี 1937 ทุกวันนี้ยังเป็นกล้องถ่ายรูปยอดนิยมของนักสะสมกล้องถ่ายรูป จัดว่าเป็นกล้องสายลับที่ดีที่สุดสำหรับงานจารกรรมที่ยังหาซื้อกันได้ ไม่กี่ปีนี้ทาง Minox ยังได้ผลิตกล้องแบบดิจิตอลวางขายในท้องตลาดด้วย 8. Pigeon Camera ทุกวันนี้มีดาวเทียมสายลับที่สามารถถ่ายภาพทางอากาศ และถ่ายภาพจากมุมสูงในสถานที่ต้องการได้ แต่ในช่วงปี 1940 ถึงปี 1950 พวกสายลับใช้นกพิราบ ในช่วงสงครามโลกที่ผ่านมา นกพิราบสามารถปฏิบัตการลับ ได้ผลสำเร็จตามที่ต้องการได้มากกว่า 95% ด้วยการเปิดโหมดทำงานอัตโนมัติให้กับนกพิราบ แล้วรอผลงานการถ่ายภาพแบบมั่ว ๆ ของนกพิราบ ถ้านกพิราบไม่ถูกสอยร่วงจากฝ่ายตรงข้ามแต่อย่างใด และสามารถบินกลับรังนกพิราบได้ในตอนเสร็จงาน 9. Looking through walls ไม่ใช่ไม้ถ่ายถ่ายภาพแบบ selfie แต่เป็นเลนส์ขนาดยาวที่ยื่นผ่านกำแพงหรือรูที่เจาะผ่านกำแพง The 1980 Stasi "robot" camera (ไม่ใช่หุ่นยนต์แน่นอน แต่เป็นชื่อเลนส์) สายลับเยอรมันนีตะวันออกใช้ถ่ายภาพผ่านกำแพง/รูที่เจาะไว้ เพื่อถ่ายภาพภูมิประเทศชีวิตผู้คน/ทหาร อีกด้านหนึ่งของกำแพงเบอร์ลินตะวันตก 10. The Buttonhole Camera เสื้อกันหนาวทำให้อบอุ่น แต่เสื้อกันหนาวสายลับใช้เก็บความลับ/ถ่ายภาพเป้าหมาย สายลับจากสหรัฐ สหภาพโซเวียต ยุโรปชาติต่าง ๆ ต่างออกแบบเสื้อผ้า/เสื้อคลุมที่ซ่อนกล้องถ่ายรูปสายลับ กระดุมมักจะเป็นเลนส์ของกล้องถ่ายรูปที่สมบูรณ์แบบมากที่สุด ในภาพเป็นกล้องถ่ายภาพสายลับของสหภาพโซเวียตในปี 1970 กระบวนการทำงานไม่แตกต่างกันมาก ต้องการถ่ายภาพ ขยับตัวกล้องขึ้นมา และกดชัตเตอร์ แต่ต้องระมัดระวังการถูกตรวจค้นกล้องถ่ายภาพที่ซุกซ่อนในเสื้อ 11. The Infrared Briefcase Camera กล้องถ่ายภาพสายลับไม่ใช่ทุกชนิดจะมีขนาดเล็กแบบพกพาง่าย ๆ แต่กล้องถ่ายภาพ Stasi Briefcase มีขนาดใหญ่มากต้องใส่ในกระเป๋าเอกสาร การสั่งซื้อหรือเป็นเจ้าของทำได้ยากมากในช่วงปี 1970 ถึงปี 1980 แต่กล้องถ่ายภาพนี้มีฟิล์มอินฟราเรดและไฟแฟลตอินฟราเรตที่สายตาคนทั่วไปมองไม่เห็น จึงสามารถถ่ายภาพในที่มืดได้อย่างสบาย ๆ 12. Keychain camera สายลับ CIA ในช่วงปี 1970 จะมีกล้องพกติดตัวเสมอ เว้นแต่ลืมกุญแจบ้านนั่นคือเรื่องใหญ่ 13. Microdot cameras ไม่มีอะไรที่น่าประทับใจไปมากกว่ากล้องถ่ายภาพ Microdot photograph เป็นกล้องที่สามารถถ่ายภาพขนาดเล็กมาก จนต้องใช้กล้องจุลทรรศน์ในการดูภาพถ่าย ความสามารถของกล้องรุ่นนี้เยี่ยมมาก ภาพถ่ายเอกสารสำคัญจากล้องขนาดมิลลิเมตร สามารถซ่อนไปในจดหมายหรือเน็คไท โดยอีกฝ่ายถ้าไม่สังเกตอย่างจริงจังจะหลุดรอดไปได้ การลักลอบข้อมูล/ภาพถ่ายต่าง ๆ มีการใช้กันมาก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กับช่วงสงครามเย็น รวมทั้งมีการลักลอบจารกรรมข้อมูลข่าวสาร ข้ามกำแพงเบอร์ลินในเยอรมันนี มีการทำกันอย่างแพร่หลายมาก ด้วยการใช้นกพิราบเป็นแนวร่วมสายลับ ในการลักลอบส่งข่าวสารข้อมูลจารกรรม ภาพที่ไม่ระบุที่มาเป็นภาพของ Courtesy of the International Spy Museum เรียบเรียง/ที่มา //bit.ly/17ya4J0
Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 1 มีนาคม 2559 21:09:23 น.
0 comments
Counter : 2161 Pageviews.
Location :
สงขลา Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 34 คน [? ]
เกิดหาดใหญ่ วัยเด็กเรียนหนังสือโรงเรียน Catholic คณะ Salesian มีนักบุญประจำโรงเรียน Saint Bosco, Saint Savio ชอบอ่านหนังสือ godfather เกี่ยวกับ Mafio ของพวกซิซีเลียน เคยเล่นเกมส์ Mario แล้วได้คะแนนนำเลยนำสระโอมาต่อท้ายชื่อเป็น Ravio ได้กลิ่นอายแบบ Italino เคยเดินทางเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเรียนวิชาชีพทำมาหากิน แต่ไม่ใช่วิชาที่ชื่นชอบมากนัก เรียนอยู่กว่าเจ็ดปี ต้องกลับมาทำงานเป็นกรรมกรที่บ้านเกิด จนเริ่มเกิดความหลงรักชีวิตบ้านนอก และวิถีชิวิตชุมชนท้องถิ่นที่ตนอยู่และไปร่วมวงเสวนา เกิดเดือนมีนาคม แต่ลัคนาราศรีตุลย์ ชอบไปทุกเรื่อง สุดท้ายทำอะไรที่ได้เรื่องไม่กี่เรื่อง แต่ส่วนมากมักไม่ได้เรื่อง ชอบขับรถยนต์ท่องเที่ยวชมภูเขา ป่าไม้ น้ำตก แต่ไม่ชอบทะเลหรือชายหาด เพราะรู้สึกอ้างว้าง โดดเดี่ยว เมื่อคิดถึงชีวิตตนเองที่มาเปรียบเทียบกับสองสิ่งสองอย่างนี้ รู้สึกว่ามนุษย์เป็นเพียงชีวิตที่เล็กน้อยมากที่มาอยู่อาศัยในโลกใบนี้ ชอบอ่านหนังสือ ท่องเที่ยวใน Internet ชอบเดินทางท่องเที่ยวแถว ในละแวกท้องถิ่นบ้านเกิด นาน ๆ ครั้งจะขึ้นไปเยี่ยมเพื่อนที่กรุงเทพฯ หรือไปหาซื้อหนังสือแถวสยามสแควร์ ถิ่นเก่าที่อยู่และที่เรียน