มึนไปตามใจฝัน
<<
พฤษภาคม 2553
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
22 พฤษภาคม 2553

สัปดาห์ที่ต้องทำงานที่บ้าน

ในช่วงวันที่ผ่านมา หลายคนคงได้รับผลกระทบหลายๆ อย่างจากการสลายการชุมนุม
สำหรับผมแล้ว ก็โดนผลกระทบเต็มๆ
เพราะทำงานอยู่ตรงสีลม
แต่ถ้าเทียบกับคนอื่นหลายๆคนนั้น ถือว่ามีผลกระทบน้อยมาก
เพราะของผม ก็ปรับตัวมาทำงานที่บ้าน
แม้จะไม่สะดวกนัก แต่ก็มีหลายอย่างที่สามารถทำได้ ยังทำให้งานเราเดินหน้าต่อไปได้
แต่กับหลายๆ คน บางคนทำงานไม่ได้เลย แต่ไม่ได้แปลว่าจะได้หยุดสบายๆ
เพราะก็ไม่แน่ว่าบริษัทอาจจะต้องให้มาทำงานชดเชย
หรือร้ายกว่านั้นอาจจะหักเงิน เพราะบริษัทก็ได้รับผลกระทบ

ยิ่งคนทำงานโรงแรม โดนหนักเลย ไม่ได้เงินใดๆ ...

แต่ไม่ว่าอย่างไร ทุกคนก็มุ่งหน้าต่อไปนะครับ
ผมเองก็เช่นกัน

ส่วนสัปดาห์แห่งการได้อยู่บ้านทำงานของผมนั้น
ผมมีความรู้สึกส่วนตัวที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเมืองใดๆ
เป็นความรู้สึกที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว



เมื่ออาทิตย์ ผมทิ้งท้ายว่าจะไปดูหนังสุดโปรดอย่าง Chunking Express
แต่กลายเป็นว่าแผ่นที่ผมมีตอนนี้มันเสีย
ผมก็เลยอดดู​
แต่คืนนั้นรู้สึกอยากจะดูหนังหว่องก่อนนอน
ก็เลยลองหาดู ผมก็ดันเจอ Fallen Angels ที่ตอนแรกผมหาไม่เจอซะอย่างงั้น
ตอนใส่แผ่น ยังลุ้นว่าแผ่นจะเสียหรือเปล่า
เพราะไม่ได้ดูมาเป็นปีแล้ว
โชคดีที่แผ่นใช้การได้

ตอนแรกผมอยากจะเขียนความรู้สึกหลายๆอย่างเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้
แต่ผมก็ไม่ได้เขียน
แต่กลายเป็นว่าความรู้สึกจากหนังเรื่องนี้
กลับมาตอกย้ำช่วงเวลานี้อย่างน่าประหลาด
หรือผมผิดเองนะ ที่ดูหนังเรื่องนี้นะ









[แอบถ่ายพ่อยามหลับ วันอาทิตย์ที่ผ่านมา]






สำหรับผมแล้ว ผมชอบถ่ายรูปพ่อ และแม่ผม
แม้พวกท่านจะไม่ชอบให้ถ่ายก็ตาม
แต่เหมือนกับทำให้เรายิ่งอยากถ่ายเข้าไปใหญ่ :)

ในหนังเรื่อง Fallen Angels ก็มีตัวละครอย่าง อาเหอ
(แสดงโดยทาเคชิ คาเนชิโร่)
หนุ่มที่ไม่ยอมพูด อาศัยอยู่กับพ่อที่ทำอพาร์เมนท์
และก็ชอบทำอาหาร
ในหนังอาเหอ จะถ่ายชอบวีดีโอพ่อของเขา
ซึ่งพ่อเขาก็ทำท่าไม่อยากจะถ่าย
แต่มีช่วงเวลานึงที่พ่อ แอบเอาวีดีโอนั้นมาเปิดดู แล้วก็นั่งยิ้ม
แล้วในฉากนี้ หนังจะมีเพลงจีน ไม่รู้ว่าอ่านยังไงนะ เพลงชื่อ 想う人~思慕的人
(แต่เหมือนชื่อเพลงจะสะกดเป็นญี่ปุ่นนะ ผมลองแปลในกูลเกิ้ล แปลได้ว่า คนคิด และโหยหา จะว่าไปมันก็ตรงกับฉากนั้นจริงๆแฮะ)

[[ สำหรับวันนี้ อยากให้ลองเข้า //google.co.th กัน จะมีโลโก้แพคแมนแหละ เพราะฉลองครบรอบ 30 ปี สามารถเล่นเกมได้ด้วยนะ น่ารักมาก]]



ซึ่งที่บ้านผมก็เคยมีความรู้สึกนี้นะ
แต่ของผมเองไม่ได้เป็นกล้องวีดีโอ แต่เป็นภาพนิ่ง
ตอนที่ผมถ่ายคนที่บ้าน ที่เราไปงานศพอาม่าที่ตรัง
ผมก็เลยอัดภาพชุดนั้นไว้
พอเอามาให้พ่อกับแม่ดู เขาก็รู้สึกถึงสิ่งพิเศษ ของสื่อชนิดนี้

ภาพถ่ายและกล้องวีดีโอ
สามารถบันทึกช่วงเวลาที่เรามองไม่เห็นตัวเอง
หยุดเวลา ณ ช่วงนั้นไว้
พอหันกลับมามองดู จะด้วยสุข หรือเศร้า
ก็ล้วนเป็นสื่อที่ช่วยตอกย้ำให้รู้สึก







[แต่ภาพนี้คงไม่ทำให้พ่อกับแม่ยิ้มหรอกนะ เพราะเป็นภาพที่แม่เคลียร์เรื่องเงินกับพ่อ (ฮ่าๆ)]







ที่บ้านผมเป็นร้านขายอาหารตามสั่ง
การทำงานที่บ้านของผม จึงกลายเป็นว่า สิ่งที่มีความสุขอีกอย่างคือ
ลงมากินอะไรได้ทุกเมื่อ

อาหารในสัปดาห์นี้ของผมก็เด็ดๆ ทั้งนั้น





[ผัดไท ฝีมือพี่สาว]






[ยำมาม่า ฝีมือคุณแม่]











[ไข่ยัดไส้แสนอร่อย จากคุณแม่]











[ผัดกระเฉด แต่เหลือนิดเดียวแล้ว ถ่ายช้าไป พี่สาวกินไปครึ่งนึงละ]












[ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ฝีมือพี่สาว]













[ยำวุ้นเส้น ที่แม่บอกทำเล่นๆ แต่อร่อยจริงจังเลยละ]






โดยปกติแล้ว ผมจะทำงานอยู่บนห้อง
เวลาแม่เรียกใช้งานทีก็จะลงมาช่วยได้นิดๆ หน่อยๆ
แล้วก็กลับไปทำงานของตัวเองต่อ
หรือเวลาหิวๆ ก็ลงมาอ้อนๆ แม่ แหย่พี่สาว
และก็ได้ของกินไปตามที่อวดรูปไป

จนเมื่อวันพุธ พี่สาวขอขึ้นมานอนพัก
เพราะตื่นเช้าไปจ่ายตลาดแทนพ่อ
เพราะพ่อขาเจ็บ

ทีนี้แม่ก็เลยอยู่คนเดียว
แล้วผมก็เพิ่งจะนึกได้ว่า จริงๆ เราทำงานข้างล่างก็ได้นี่นา
เพราะผมเพิ่งจะซื้อ โมเด็มใหม่ ที่มีไวเลส
คอมของออฟฟิศก็มีไวเลส
ผมก็เลยยกคอมมาทำงานข้างล่าง
ช่วยแม่ได้นิดๆหน่อยๆ
พี่สาวก็ลงมา
ผมก็เลยกลับไปทำงานข้างบนต่อ


ทีนี้พอวันศุกร์ พี่สาวขึ้นมานอน
ผมก็เลยลงไปทำงานข้างล่าง
แล้วผมก็คิดว่า อยู่ทำงานมันข้างล่างตลอดวันเลยดีกว่า
ข้างบนร้อน กว่าด้วย
วันศุกร์นี้ผมก็เลยทำงานอยู่ชั้นล่างตลอดวัน








[เอาคอมลงมาทำงานข้างล่าง ทำงานข้างหม้อหุงข้าว อิ่มกันไปเลย]






ในระหว่างทำงาน(ช่วงที่อยู่บนห้องอะนะ)

ผมเปิดเพลงซ้ำไปซ้ำมา
เป็นเพลงของ Desktop Error บ้าง
แล้วก็เพลงของ นภัทร
โดยเฉพาะท่อนที่ว่า

"แม้ว่าเราต้องห่างไกลกันสักเพียงไหน เก็บสิ่งดีๆ นั้นไว้ในจิตใจ
และเวลาได้พาเราไปที่แห่งไหนเก็บความทรงจำนั้นไว้ตลอดไป"

ฟังแล้วมันเคว้งคว้างอย่างไรก็ไม่รู้
ยิ่งมาเจอ Slowdive ชุดแสดงสดในปี 1992
เสียงดนตรีมันกึกก้อง เศร้าสร้อย สวยงามยังไงก็ไม่รู้
ฟังแล้วไม่รู้ว่าจะเบิกบาน หรือจะเหงาหง้อยดีนะ
แต่ที่แน่ๆ ฟังมันวนไปวนมาแบบนนั้นตลอด





จริงๆ แล้วผมกับอาเหอ จากเรื่องที่ผมชอบถ่ายรูปพ่อแม่ตัวเองแล้ว
เราไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันได้อีก

แต่ความรู้สึกบางอย่าง มันก็ทำให้ผมอดคิดถึงความรู้สึกของอาเหอไม่ได้


...ช่วงที่อาเหอผมสีทอง เขาบอกว่าไม่รู้มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่ออย่างไร...
รู้แต่ เกิดขึ้นหลังจากเขามีความรัก โดยผู้หญิงคนนั้น
เจอกันเพราะกำลังผิดหวังในรัก และซบไหล่เขา
จากนั้น ก็ให้เขาช่วยตามหาผู้หญิงผมทองที่แย่งแฟนของเธอไป
แต่....
พอถึงจุดนึง เมื่อเธอจากไป ผมสีทองของผมก็กลับมาเป็นสีดำ

พอได้เจอกันอีกครั้ง เธอกลับจำผมไม่ได้
ด้วยช่วงเวลานึง เราได้รู้จักกันอย่างรวดเร็ว
แต่ด้วยอีกเวลาต่อมา เราก็เหมือนคนไม่รู้จักกัน...


ในช่วงท้ายหนังมีประโยคเด็ดที่โดนกันทุกคน

"We rub shoulders with many people every day
Some may become your friends, or even confidants
That's why I never give up these chances
and sometimes I'd rub till it hurts.
No big deal, as long as I feel good.

ในฉากต่อมา
อาเหอได้เจอกับผู้หญิงคนนึงที่อาศัยอยู่อาพาร์ทเมนท์เดียวกัน
แต่ไม่เคยคุยกันเป็นเรื่องเป็นราว
แต่ด้วยช่วงเวลานั้น
เขาพบว่า

I know very well that's we'll never be friends, not confidants.
We've had too many chances to 'click' before.
Nothing ever happened.
No chemistry at all.

Maybe it's the weather.
That evening.
I find her especially intimate.


และเพลง Only you ของศิลปิน Flying Pickets ก็ขึ้นมา....





เอ่อ... ที่เล่าไปมันเป็นหนังนะ ไม่ใช่ตัวผม
สำหรับผมแล้ว ตอนนี้ผมแค่รู้สึกว่า ผมของผมสีดำ
และมันก็สีตำตั้งแต่แรกไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปแต่อย่างใด....
ผมอาจจะคิดไปเองว่ามันเคยเป็นสีทอง แต่จริงๆ ผมดำจะให้เป็นผมทองได้อย่างไรกันละ




ถึงตอนนี้ผมรู้อย่างเดียวว่า ผมอยากดู Chungking Express ก่อนที่เดือน May จะผ่านพ้นไป
คิดถึงสัปปะรดกระป๋อง
คิดถึง California Dreaming
คิดถึง สาวผมสั้น อย่างเฟย์หว่อง
ผมสงสัยว่า ผมจะลืม may แบบ 223 ได้หรือเปล่า?


Create Date : 22 พฤษภาคม 2553
Last Update : 22 พฤษภาคม 2553 2:45:02 น. 4 comments
Counter : 1111 Pageviews.  

 
คุณ วัช อารมณ์อ่อนไหว จริงๆด้วย...


โดย: ยาย IP: 122.100.101.70 วันที่: 22 พฤษภาคม 2553 เวลา:12:43:26 น.  

 
เป็นอย่างไรบ้าง....
เดือดร้อนเหมือนกันกับช่วงเวลานี้ บ้านอยู่ดินแดงน่ะแถมที่ทำงานไม่ให้หยุดด้วย


โดย: pinksoda วันที่: 22 พฤษภาคม 2553 เวลา:13:57:16 น.  

 
เห็นรูปของกินแล้วน้ำลายไหลลลล

ไม่น่าเข้ามาเล๊ยยยยย อิอิ


โดย: ก่าแป๊ง วันที่: 24 พฤษภาคม 2553 เวลา:6:21:15 น.  

 
เอาบุญมาฝากจ้า..


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 28 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:25:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

วัชเจียเหว่ย
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add วัชเจียเหว่ย's blog to your web]