มึนไปตามใจฝัน
<<
เมษายน 2556
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
1 เมษายน 2556

m b v กว่าจะได้มากับแผ่นเสียงแผ่นแรกในชีวิตของฉัน

m b v แผ่นเสียงแผ่นแรกในชีวิตของฉัน


และแล้วกับการรอคอยมานานแสนนานนนนนนนนนน

ผมก็ได้ฤกษ์ดีมีแผ่นเสียงแผ่นแรกของตัวเองเสียที

กับวงที่รอมานานแสนนาน

วง ที่ห่างจากการออกอั้มบั้ม 22 ปี

My Bloody Valentine


MY Bloody Valentine

เป็นวงที่รู้จักกันดีในหมู่กลุ่มคนฟังดนตรีแนว Shoegaze, Dreampop

ซึ่งโด่งดังมากกับชุดที่ดีที่สุดของวง อัลบั้ม Loveless ในปี 1991

และจากนั้นวงก็ไม่ได้ออกอัลบั้มอีกเลย


My Bloody Valentine กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง

ตอนที่หนังเรื่อง Lost in Translation ซึ่ง โซเฟีย คอปโปล่าเป็นผู้กำกับ

โดยหนังได้ใช้เพลง Sometime จากอัลบั้ม Loveless ในช่วงสำคัญของเรื่อง

และโซเฟีย ยังให้ Kevin Shields ซึ่งเป็นนักร้อง กีตาร์ นักแต่งเพลง หัวหน้าวงของ My Bloody Ventine มาทำเพลงธีม และเพลงประกอบตอนต้นเรื่อง ชื่อเพลง City Girl ซึ่งเป็นเพลงที่แต่งขึ้นมาใหม่


ตัวผมเองก็เพิ่งรู้จักกับ My Bloody Valentine ครั้งแรกจากหนังเรื่อง Lost in Translation เช่นกัน

จากนั้น ผมก็ตามฟังเพลงแนว Shoegaze อย่างจริงจัง

จนวันนี้ ผมก็พบว่า Shoegaze, Dreampop เป็นแนวที่ถูกจริตผมมากที่สุด

ฟังได้ไม่มีเบื่อ


สำหรับแนว Shoegaze, Dreampop นั้น

Shoegaze คือซาว์นกีตาร์เสียงแตก ซึ่งเกิดจาก เอฟเฟคหลายๆตั้งสร้างเป็นเสียงกำแพง

ส่วน Dreampop จะเป็นเพลงที่ล่องลอย ชวนฝัน

หากนึกไม่ออก ลองฟังจากวีดีโอ ที่ผมลงไว้ จะเข้าใจทันที :)



กลับมาที่ My bloody Valentine

หลังจากหนังเรื่อง Lost In Translation

ก็เริ่มมีข่าวการกลับมารวมตัวของวง

แต่แล้วก็เป็นเพียงข่าวลือ

จนกระทั่ง ข่าวลือได้กลายเป็นความจริง ในปี 2008

ทางวงกลับมารวมตัวและออกทัวร์คอนเสิร์ต







จากนั้นก็เริ่มมีข่าวลือมาว่าจะทำอัลบั้มใหม่

แต่ก็ไม่ได้มีแววว่าจะเป็นจริง

จนกระทั่งปลายเดือน มกรา ทางวงประกาศว่าอีกสองสามวันจะวางจำหน่ายอัลบั้ม

เล่นเอางงว่า จริงหรือล้อเล่น

เพราะวงไม่ได้ปล่อย ซิงเกิ้ล หรือมีทีเซอร์ใดๆ เหมือนที่วงอื่นๆชอบทำกัน

และแล้ว สิ่งที่วงบอก ก็เป็นจริง

เมื่อต้นกุมภา วงก็วางจำหน่ายอัลบั้มทางเว็บ

โดยที่หน้าปก เรียบๆ ชื่ออัลบั้มก็เรียบๆ กับ m b v (ตัวย่อของวง)

เท่านั้นยังไม่พอ ใน youtube

ทางเว็บไซต์ของวง ก็ลงเพลงทั้งหมด 9 เพลงให้ได้ทดลองฟังกัน

หลังจากฟังไปไม่กี่เพลง ผมตัดสินใจสั่งซื้อทันที

เพราะเรารู้สึกว่า เราก็ใช้คำว่า เป็นแฟนวงนี้ เป็นคนที่รักแนวดนตรีแนวนี้

เมื่อกี้โอกาสแบบนี้ ถ้าเราไม่ซื้อ หรือไม่ทำอะไร มันก็น่าละอายที่จะบอกว่าตัวเอง ฟัง Shoegaze

ซึ่งทางเว็บไซค์ มีการจำหน่ายสามแบบ

คือแผ่นเสียงพร้อม CD และ password สำหรับโหลดเพลงมาฟังก่อน

เพราะของที่สั่งจะเริ่มส่ง 22 กุมภา


หรือจะซื้อ CD พร้อม password สำหรับโหลดเพลง


และสุดท้าย password สำหรับโหลดเพลง


เมื่อดูราคาพร้อมค่าส่งแล้ว เซ็ทแผ่นเสียงคุ้มมาก

กับราคา 47 เหรียญ

ทั้งที่ตัวผมเองก็ไม่เคยมีเครื่องเล่นแผ่นเสียง ไม่เคยคิดจะซื้อด้วย

แต่พอเห็นราคาที่ไม่แพงเกินไป

บวกกับทางเว็บบอกว่า อัลบั้มชุดนี้ เป็นการบันทึกเสียงระบบอนาล็อก 24 แทร็ค

เรียกว่าเชียร์การขายแผ่นเสียงสุดๆ

ผมเลยสั่งซื้อแผ่นนี้มา (โดยที่ตอนนี้ก็ยังคงไม่มีเครื่องเล่นฮ่าๆ)


เรื่องราวกว่าจะได้แผ่นนี้มาก็เรียกดราม่าให้ชีวิตผมดีเหมือนกัน

เพราะกว่าแผ่นจะมาถึง ซึ่งก็คือวันนี้

ใช้เวลาไปเดือนกว่าๆ

เริ่มจากครั้งแรกที่เขาเริ่มส่งของล็อตแรก วันที่ 22 กุมภา

เพื่อนผมที่สั่งหลังจากผมวันนึง แต่เธออยู่เชียงใหม่ ก็ได้รับแผ่นประมาณวันที่ 15 กุมภา

ผมก็งง ทำไมเราไม่ได้แผ่น ก็เลยเมล์ไปสอบถาม

ซึ่งเขาตอบมาว่า ต้องรอหลังจากวันที่ 22 มีนาก่อน

เขาถึงจะเช็คและตรวจสอบ ถ้าเช็คว่ามันหาย เขาจะส่งให้ใหม่

ผมก็รอๆๆๆ จน22 มีนาก็ไม่มีวี่แวว ก็เมล์ไปตาม

จนเขาเช็คและตอบมาว่าจะส่งให้ใหม่

ทีนี้ผมกลัวว่ามันจะหายอีก

เพราะที่บ้าน ก็อยู่ในซอยลึก

แล้วก็ไม่มีปัญหาเรื่องบ้านเลขที่ด้วย

เพราะบ้านเลขที่ มันมาเปลี่ยนทีหลัง ;p

เลยให้เขาส่งให้ใหม่ที่ ที่ทำงานผม


วันนี้ตอนเช้า ผมไปไขไปรษณีย์ ก็เห็นกล่องแบนๆ เสียบคาตู้อยู่

ซึ่งคนเสียบไม่รู้เสียบยังไงมันไปคาชนิดที่ว่า ดึงออกมาก็ไม่ได้

จะไขตู้เปิดอออกก็ไม่ได้

เล่นเอาเครียดเลย อะไรของมันนนนนนน

ตอนแรกเจ้าหน้าที่ทางตึกบอกว่าจะช่วยดูให้

จนพักเที่ยงผมว่าง เลยลงมาดู

ปรากฏว่าเขาก็ไม่ได้ทำอะไร เพราะเขาบอกว่า มันไม่สามารถงัดฝาตู้ได้

ถ้างัดมันจะเสียเลย

ผมก็เลยต้องค่อยๆดัน ค่อยงัดกล่องให้เป็นแนวตรงแล้วดันมันออกมา

สุดท้าย ผมก็ได้ซะที กับแผ่นเสียงแผ่นนี้ โอ้ววววววววววววว > <







….แต่รอไปก่อนนะ ว่าจะได้ฟังเมื่อไหร่ ยังไม่มีแผนซื้อเครื่องในช่วงนี้ ฮ่าๆ




Create Date : 01 เมษายน 2556
Last Update : 1 เมษายน 2556 22:13:16 น. 1 comments
Counter : 2248 Pageviews.  

 
เหมือนๆกับผมเลยครับ รู้สึกถูกจริตกับแนวนี้มากที่สุดแ้ล้วตั้งแต่ฟังเพลงมา แต่ก่อนฟังโพสร็อคนะ แต่พอมาดูหนังเรื่อง Lost In Translation แล้ว scene ที่เพลง sometimes ขึ้นผมรู้สึกว่าเห้ยทำไมมันพีคขนาดนี้เพลงแนวนี้มันคืออะไรเนี้ย สุดยอดเลย และยิ่งฉากจบที่เอาเพลง Just Like Honey มาประกอบ พอเพลงนี้ดังขึ้นในฉากจบผมนํ้าตาไหลเลย หลังจากนั้นเป็นต้นมาผมก็ฟังแต่ shoegaze , dream pop มีไป psychedelic rock, indie rock, post-rock หน่อยๆแต่ที่ฟังมากสุดคือ shoegaze ฮะ :D


โดย: BilindaAshes IP: 171.7.60.175 วันที่: 3 พฤษภาคม 2556 เวลา:16:30:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

วัชเจียเหว่ย
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add วัชเจียเหว่ย's blog to your web]