แด่
ร้านพี่คนนั้น
โดย merveillesxx
ดูเหมือนช่วงนี้วงการภาพยนตร์จะมีแต่เรื่องร้ายๆ
สัตว์ประหลาด! ไม่ได้เข้าชิงรางวัลจากชมรมวิจารณ์บันเทิง (อีกทั้งก่อนหน้านั้นก็ไม่ได้ชิงรางวัลสุพรรณหงส์ และไม่ได้เข้าร่วมฉายในงานบางกอกอินเตอร์เนชันแนลฟิล์มเฟสติวัล) ด้วยเหตุผลจากหัวหน้าคณะกรรมการว่า คุณอภิชาติพงศ์ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ก่อนว่าทำหนังเป็น (??????) เอ๊ะ..แล้วทำหนัง เป็น นี่ทำยังไงหว่า
น่าสงสัย
ถัดมาดาราสาวเกาหลี ลี อึน จู ฆ่าตัวตาย แม้จะไม่ใช่ดาราคนโปรดแต่ภาพใบหน้าอันร่าเริงสดใสกับรอยยิ้มอันซีดจางของเธอในหนังเรื่อง Lovers Concerto* ก็ยังตราตรึงอยู่ในใจของผม (มีข้อมูลเพิ่มเติมด้วยว่าเธอเลือกที่จะฆ่าตัวตายในวันเดียวกับวันที่เธอตายในหนังที่เธอเล่นเรื่อง Bunjee Jumping of their Own)
ซ้ำร้าย ดาราชาวไต้หวัน คุณปู่ Tien Miao หนึ่งใน ครอบครัวนักแสดงคู่บุญ ของผู้กำกับไฉ้หมิงเลี่ยง ก็จากไปในวัย 80 ปีด้วยโรคมะเร็ง
น่าหายใจเหลือเกินว่า แล้วต่อไปนี้ใครจะเล่นบทเป็นพ่อของเสี่ยวกังล่ะ (บางท่านแสดงความคิดเห็นว่าหนังเรื่องต่อไปของไฉ้หมิงเลี่ยงจะเป็นเรื่องราวที่พ่อของเสี่ยงกังตาย)**
และเรื่องที่ดูเหมือนจะร้ายแรงและใกล้ตัวที่สุดสำหรับผมตอนนี้ก็คือ เรื่อง ร้านพี่คนนั้น ต้องปิดอย่างถาวร
หากจะย้อนความไป
ร้านพี่คนนั้นถือเป็นร้านที่ขายหนังศิลปะ หนังอาร์ต หนังนอกกระแส หนังด้อยโอกาส หรือบางคนก็เรียกว่าหนังทางเลือก (ที่ความจริงน่าจะเรียกว่าหนังไร้ทางออก เพราะมันไม่มีโรงฉายในบ้านเรา) ที่ยืนหยัดอยู่ในบ้านเรานับหลายปี
ความจริงร้านแกก็มีชื่อดีๆให้เรียก แต่ว่าชื่อ ร้านพี่คนนั้น คงมาจากรายการหนังหน้าไมค์***ของคลื่น FaT Radio 104.5 ใช้เรียกร้านนี้ด้วยนามสมมติ เพื่อความปลอดภัยของบรรดาคนรักหนัง จนในที่สุดชื่อนี้ก็กลายเป็นเสมือนอีกชื่อหนึ่งของร้าน (แถมตามมาด้วยร้านพี่คนโน้น, เฮียคนนั้น, เจ๊คนนู้น และอีกมากมาย)
ร้านพี่เขาก็ผ่านอุปสรรคมามาก เหตุการณ์มีเรื่องมีราวกับคุณตำรวจแบบนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ย้ายที่ย้ายทางก็บ่อยพอตัว แต่ที่สำคัญคือกาลเวลาที่ผ่านไป คุณภาพสินค้าของร้านก็ก้าวทันตามด้วย จากวิดีโอสู่วีซีดี จากวีซีดีสู่ดีวีดี แถมด้วยหีบห่อกล่องบรรจุสวยงาม มีเนื้อเรื่องย่อด้านหลังเสร็จสรรพ พร้อมคำบรรยายไทยในบางเรื่อง จนอยากจะส่งพวกบรรดาบริษัทผลิตแผ่นลิขสิทธิ์ในบ้านเราไปศึกษากระบวนการผลิตกับร้านพี่แกให้มันรู้แล้วรู้รอดไป หนังบางเรื่องเห็นแผ่นลิขสิทธิ์แล้วแทบขาดใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าจะหลุดออกมาจากแท่นปั๊มได้
เรื่องคราวนี้ เราต่างก็นึกว่ามันจะเหมือนที่ผ่านๆมา สถานการณ์จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม เราคงได้กลับไปเบียดเสียดตะกายแย่งแผ่นหนังบนชั้นวางอีกครั้ง
แต่ภาพเหล่านั้นคงจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว เมื่อทางร้านเขายืนยันหนักแน่นว่าร้านที่เป็นตัวเป็นตนจะต้องปิดถาวร ถึงแม้ว่าจะยังมีช่องทางอื่นในการขาย (ตามที่คุณยุทธนาพูดไว้ในวันนี้ในรายการหนังหน้าไมค์ว่า Life will find the way) ผมคิดว่าหลายสิ่งหลายอย่างก็คงจะไม่เหมือนเดิม แหล่งนัดพบ-พูดคุย-สังสรรค์ของบรรดาคนรักหนังจุดใหญ่ใจกลางเมืองจะหายไปเลยทีเดียว
แต่จะว่าไปแล้วเราก็เข้าใจ พี่เขาจะคงเหนื่อยกายและใจมามากพอแล้ว หากขายของแล้วไม่สบายใจ รู้สึกผิด และต้องระแวงแคลงใจอยู่ตลอดเวลา แบบนี้ชีวิตคงไม่เป็นสุขนัก ถ้านี่เป็นหนทางที่พี่เขาเลือก ผมก็เคารพในการตัดสินใจของพี่เขา
ในปีที่ผ่านมา ผมได้ทำการเขียนถึงสองสิ่งที่สำคัญมากๆต่อชีวิตผม นั่นคือ หว่องกาไว (ในชื่อ 'แด่โลกของหว่องกาไว') และหนังเรื่อง All About Lily Chou-Chou (ในชื่อ 'แด่เธอบทเพลงแห่งอีเธอร์') ...เมื่อตระหนักดูแล้ว หากไม่มีร้านพี่คนนั้นผมถึงไม่ได้เขียนถึงสองอย่างนี้ หรือถ้าย้อนไปไกลกว่านั้น ถ้าไม่มีร้านพี่คนนั้น ผมคงไม่ได้ดูหนังสองเรื่องนี้ ไม่มีโอกาสค้นพบสิ่งที่จะสร้างแรงบันดาลใจ สิ่งที่สร้างแรงสะเทือนสู่หัวใจจนกลั่นกรองให้ตัวผมเป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
สิ่งที่สามที่อยากจะเขียน 'แด่...' ให้ ณ ตอนนี้คงไม่พ้นร้านพี่คนนั้น
แม้ผมจะไม่ได้เป็นนักเขียนมืออาชีพแต่อย่างไร แต่หนังที่ผมเขียนถึงส่วนใหญ่ล้วนมาจากร้านนี้ทั้งนั้น กล่าวให้ลงลึกลงอีกก็คือ หนังร้อยกว่าแผ่นในบ้านเกือบจะมาจากร้านนี้ทั้งสิ้น มันสรรค์สร้างแรงบันดาลใจให้ผมเขียนถึงในสิ่งที่ผมประทับใจ บันทึกผ่านเป็นตัวอักษร เพื่อไม่ให้กาลเวลาพัดพาผ่านมันไป ...และแน่นอนรวมถึงการเขียนถึงหนังเรื่อง Vibrator ที่ทำให้มีโอกาสในลงหนังสือกับเขาครั้งหนึ่งในชีวิต...
แม้ผมกับร้านพี่คนนั้น เหมือนจะเป็นเพียงแค่ผู้ซื้อกับผู้ขาย แต่ผมรู้สึกว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น อย่างน้อยพวกเราทุกคนที่แวะเวียนมาที่นี่ล้วนมี 'ภาพยนตร์' เป็นแหล่งสรรค์สร้างพลังงานแก่ชีวิต ผมชื่นชมและทึ่งในความพยายามของร้านพี่เขาที่พยายามจะหาช่องทางและทางเลือกให้แก่บรรดาคนรักหนัง...ถึงแม้ทางนั้นมันจะแสนคับแคบและมืดมิดก็ตาม
เมื่อมาถึงตอนนี้ที่รู้ว่าจะไม่มีร้านให้ไปเดินตากแดดหัวร้อนฉ่า, เบียดเสียดยัดเยียดตะกายหนังจนเหงื่อไหลไคลย้อย ทุกวันเสาร์แล้วก็ใจหาย อาจจะบอกได้เลยว่าผมไม่มีความจำเป็นต้องไปสวนจตุจักรอีกแล้ว (เพราะเวลาไปก็ไปร้านนี้ร้านเดียว...)
สุดท้ายนี้ ด้วยกำลังกายของผมไม่สามารถช่วยให้สถานการณ์ต่างๆดีขึ้นมาได้ ผมอาจจะได้แต่พูด พูดและพูด อย่างไรก็ตาม กำลังใจเป็นสิ่งที่ผมขอส่งให้ร้านพี่เขาเสมอ
เพราะร้านแห่งนี้ได้ให้อะไรกับผมมากมายเหลือเกิน
ด้วยรักและเคารพ
เกร็ดเพิ่มเติม *Lovers Concerto เป็นหนังเกาหลีปี 2002 ว่าด้วยรักสามเส้าของ 2 หญิง 1 ชาย นำแสดงโดย ลีอึนจู, ซอนเยจิน (นางเอก The Classic) และ ชาแทฮุน (พระเอกหน้าทะเล้นจาก My Sassy Girl) หนังมีฉายทาง UBC Film Asia และมีแผ่นลิขสิทธิ์โดยแมงป่อง
**หนังของผู้กำกับชาวไต้หวันไฉ้หมิงเลี่ยง มักใช้ตัวแสดงซ้ำๆเดิมๆ ในหนังทุกเรื่อง โดยเฉพาะตัวละครหลัก 3 ตัวอันเป็นครอบครัวพ่อ-แม่-ลูก คุณพ่อสุดซึมรับบทโดยคุณปู่ Tien Miao คุณแม่เศร้าสุดหลอนรับบทโดย Lu Yi-Ching ส่วนลูกชาย (ที่มีชื่อว่า เสี่ยวกัง ในหนังทุกเรื่อง) รับบทโดย หลี่คังเซิง ซึ่งผมเชื่อว่าเขาจะกลายเป็นพระเอกคลาสสิกในไม่ช้า
***รายการหนังหน้าไมค์ออกอากาศทาง FaT Radio 104.5 ทุกวันอาทิตย์เวลา 22.00 - 24.00 ดำเนินรายการโดย ยุทธนา บุญอ้อม, นรา และเฮนรี่ จ๋อง
Create Date : 07 มีนาคม 2548 |
|
22 comments |
Last Update : 7 มีนาคม 2548 2:58:50 น. |
Counter : 4802 Pageviews. |
|
|
|