http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
1 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
ภูเขาำไฟพิโรธ : ควันแห่งความทรงจำ

โดย merveillesxx



(หมายเหตุ: ออนไลน์ครั้งแรกที่ //fuse.in.th/blogs/recommend/3786)


ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้แวะเวียนไปที่หอศิลปะและวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร หรือที่รู้จักกันในนาม หอศิลป์กทม. มีโอกาสได้ชมนิทรรศการศิลปะที่น่าสนใจหลายชิ้นทีเดียว โดยเฉพาะงานด้านวิดีโอ เลยขอหยิบยกบางชิ้นมาแนะนำสู่ผู้อ่านนะครับ

นิทรรศการแรกที่ขอพูดถึงคือ ภูเขาไฟพิโรธ (A Ripe Volcano) งานวิดีโอและเสียงจัดวางของสองศิลปิน ไทกิ ศักดิ์พิสิษฐ์ และ ยาสุฮิโร โมรินากะ (Yasuhiro Morinaga) โดยมีตัวงานฉายด้วยสองจอคู่กัน มีความยาว 15 นาที

นักดูหนังสั้นคงเริ่มคุ้นเคยชื่อของไทกิกันแล้ว เขาเป็นเจ้าของผลงานเรื่อง Whispering Ghosts และ Deathless Distance ในงาน 'ภูเขาไฟพิโรธ' เขารับหน้าที่กำหนดทิศทางด้านแนวคิดและภาพ (รู้จักไทกิเพิ่มเติมที่ //www.fuse.in.th/blogs/interview/3136) ส่วน โมรินากะ รับผิดชอบด้านงานออกแบบเสียง ผลงานที่ผ่านมาของเขา เช่น งานเสียงในหนังมาเลเซียเรื่อง Karaoke

เมื่อได้ชมนิทรรศการนี้แล้ว ผู้เขียนรู้สึกชื่นชอบและตื่นเต้นกับมันเป็นอย่างมาก อย่างแรกเหตุผลเชิงสุนทรียศาสตร์ โดยปกติแล้วงานวิดีโอตามหอศิลป์หรือแกลเลอรี่มี น้อยชิ้นที่เราจะได้ดูได้ชมกันในสภาพที่มีความเป็นภาพยนตร์ (cinematic) สูงขนาดนี้ ส่วนใหญ่สถานที่จะไม่ได้มืดสนิท หรือมีงานสามสี่ชิ้นอยู่บริเวณใกล้กัน ทำใ้ห้เสียงตีกันไปมาบ้าง (ลองนึกถึงพื้นที่ของหอศิลป์กทม. ชั้น 7-8-9 ก็ได้) แต่ในงานนี้เราจะนั่งอยู่ในความมืดสนิท ห้องนี้เปรียบเสมือนโรงหนังร้าง (แวบแรกที่เข้าไป ผู้เขียนนึกถึงโรงหนังที่รายการคนอวดผีชอบไปล่าท้าผีกัน) คนดูกลายสภาพสถานะเป็นวิญญาณที่วนเวียนในโรงหนังไปโดยปริยาย

พูดถึงองค์ประกอบต่างๆ ของตัวชิ้นงาน งานด้านเสียงในวิดีโอชุดนี้ต้องเรียกว่าถึงขีดสุดอย่างแท้จริง มันให้ความรู้สึก ที่ตะลึงงันอลังการ ใครที่ชอบพวกงานของ โคอิชิ ชิมิสุ หรือเพลงค่าย So::On คงชอบงานนี้ได้ไม่ยาก ส่วนงานภาพของไทกิก็ยังน่าตื่นตาตื่นใจเช่นเดิม เหตุผลที่ผู้เขียนชอบหนังของเขาหลายเรื่องคือ หนึ่ง-คือเขาถ่ายภาพด้วยลักษณะของจ้องมอง (gazing) ซึ่งนั่นก็เ็ป็นพฤติกรรมพื้นฐานของการชมภาพยนตร์ และสอง-เขามีทักษะพิเศษบางอย่างในการจับภาพนิ่งๆ ให้ออกมาหลอกหลอนได้

ในด้านคอนเซ็ปต์งาน ตอนผู้เขียนเข้าไปดูรอบแรก ยังไม่ได้อ่านตัวคำอธิบายในสูจิบัตร ดังนั้นมันจึงเป็นการชมด้วยด้วยความพิศวงหลงใหลล้วนๆ แต่พอเข้าไปดูรอบสองซึ่งได้รู้แนวคิดเบื้องต้นของงานแล้ว ก็รู้สึกว่านัยยะของภาพแต่ละภาพมันรุนแรงมาก ไมว่าจะเป็นฉากหลังที่เป็นโรงแรมรัตนโกสินทร์ อันเป็นหนึ่งสถานที่สำคัญในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ หรือสนามมวยราชดำเนินที่ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศแห่งความตึงเครียด

ผู้สร้างทิ้งร่องรอยบางอย่างให้ผู้ชมเชื่อมโยงงานชิ้นนี้กับเหตุการณ์ความ รุนแรงที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าการตีความหมายของแต่ละคน ก็ขึ้นกับประสบการณ์ร่วมและประสบการณ์ส่วนตัวต่อเหตุการณ์นั้นๆ ผู้เขียนได้ข้อสรุปกับตัวเองว่า 'ภูเขาพิโรธ' เปรียบเสมือนควันแห่งความทรงจำที่ยังคงคุกรุ่นไม่จางหาย บ้างอาจจะยังเห็นควันเหล่านั้นอย่างแจ่มชัด บ้างอาจจะมองเห็นแต่พยายามทำเป็นไม่เห็น

นิทรรศการ ภูเขาพิโรธ จัดแสดงที่ หอศิลป์ กทม. ชั้น 4 จนถึงวันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2554

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ //www.facebook.com/ripevolcano และ //ripevolcano.wordpress.com




======================



งานวิดีโอชิ้นที่สองที่ผู้เขียนรู้สึกว่าน่าสนใจชื่อว่า Breath Me Out ของศิลปินชาวเบลเยียม Thomas Israel ซึ่งถูกจัดแสดงอยู่ที่ชั้น 9 ของหอศิลป์กทม. ใน DIALOGUES นิทรรศการการออกแบบและศิลปะร่วมสมัย ไทย-เบลเยี่ยม ซึ่งจะจัดแสดงถึงวันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2554 เช่นกัน

งานวิดีโอชิ้นประกอบด้วยวิดีโอสามจอ ความยาวประมาณ 10 นาที จอด้านซ้ายเป็นเรื่องราวของตัวละครผู้หญิง จอด้านขวาเป็นตัวละครผู้ชาย ส่วนจอกลางเป็นภาพภูมิทัศน์ของเมือง ระหว่างที่ดูไป เราพอจะแกะรอยได้ว่าคนทั้งสองเคยอยู่ในสถานที่เดียวกัน เคยใช้เวลาร่วมกัน แต่ในงานวิดีโอชิ้นนี้ พวกเขาจะไม่ได้อยู่ร่วมในเฟรมเดียวกัน และกลับถูกแยกออกซ้ายขวาอย่างสุดทาง

เราเข้าใจได้ไม่ยากว่างานชิ้นนี้ มีความพยายามวิพากษ์เรื่องคนยุคใหม่กับวิถีชีวิตแบบเมืองไปพร้อมกัน แม้ว่าการเชื่อมโยงภูมิทัศน์ของสังคมเมืองกับความสัมพันธ์อันเป็นอดีตกาลและ ล่มสลาย อาจจะเป็นการโรแมนติไซส์แบบหว่องกาไวและดูไร้เดียงสาไปสักนิด แต่นั่นก็เป็นความจริงส่วนหนึ่งในโลกปัจจุบัน ความดีของงานชิ้นนี้ยังอยู่ที่การสร้างผลกระทบในเชิงอารมณ์ เพราะมันช่างให้ความรู้สึกเศร้าซึมว่างเปล่าอย่างเย็นชา โดยเฉพาะช่วงท้ายของวิดีโอที่ภาพความทรงจำที่ตัวละครทั้งสองมีร่วมกันถูกฉาย แบบ fast forward ในจอตรงกลาง และภาพเหล่านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน เป็นระยะเวลาสั้นๆ ประหนึ่งลมหายใจเข้าออก

รู้จักศิลปินเพิ่มเติมที่ //www.thomasisrael.be/


======================



ปิดท้ายด้วยงานคลาสสิกของ อารยา ราษฎร์จำเริญสุข ศิลปินหญิงคนสำคัญของบ้านเรา ผู้เคยสร้างงานศิลปะระดับสั่นสะเทือนวงการมาแล้ว อาทิ การอ่านหนังสือให้ศพ (จริงๆ) ฟัง หรืองานแฮพเพนนิ่งอาร์ตสุดล้ำี่ที่เธอแต่งตัวเป็นคนท้องไปสอนหนังสือเก้าวัน (Filmsick เคยเขียนถึงงานของเธอที่ชื่อ MANET’S LUNCHEON ON THE GRASS AND THAI VILLAGERS โดยเป็นการเอาภาพของมาเนต์มาตั้งให้ชาวบ้านดูพร้อมวิพากษ์วิจารณ์ อ่านได้ที่ //fuse.in.th/blogs/วิจารณ์/21)

ในนิทรรศการ DIALOGUES เราจะได้งานวิดีโอสามชุดที่มีชื่อว่า The Class I, II และ III ซึ่งเป็นงานปี 2549 ในงานชิ้นนี้อารยาจะเปิดคลาสสอนหนังสือให้ศพที่นอนเรียงรายอยู่ฟัง ที่รุนแรงมากก็คือ หัวข้อที่เธอสอนคือเรื่อง 'ความตาย' (!!??) นี่เป็นผลงานที่มีเสียงร่ำลือมานาน แต่ผู้เขียนก็เพิ่งจะมีโอกาสได้ดูของจริงก็คราวนี้เอง ดังนั้นใครที่ยังไม่เคยชม จึงไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง

ตัวอย่างงานบางส่วนของอารยา











Create Date : 01 มีนาคม 2554
Last Update : 1 มีนาคม 2554 2:23:52 น. 1 comments
Counter : 3916 Pageviews.

 
สวัสดีค่ะคุณจขบ. วันนี้ออยเอาลิงก์มาฝากค่ะ
รบกวนชวนกรอกแบบสอบถามให้หน่อยนะค่ะ แบบสอบถามนี้เป็นงานวิจัยเรื่อง คนไทยกับwebblog ของออยเองค่ะ รบกวนด้วยนะค่ะ ขอบคุณค่ะhttps://spreadsheets.google.com/viewform?formkey=dGtsbnRod1ZUbEVDU3U4UzhGM09mOHc6MQ




โดย: โอ้ทะเล วันที่: 1 มีนาคม 2554 เวลา:17:13:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.