Tom Cruise & his Scientology

เป็นที่รู้กันว่าทอม ครูซนั้นแกเคร่งในลัทธิ Scientology เอามากๆ โดยลัทธินี้จะมุ่งเน้นการรักษาทางจิตวิญญาณ และต่อต้านการใช้ยาทุกชนิด

ข่าวล่าสุดที่เล่นเอาผู้คนงงเป็นไก่ตาแตก ก็คือแกสั่งให้ เคที่ โฮล์มส์ (เมียสุดที่รัก) คลอดลูกโดยส่งเสียงร้องให้น้อยที่สุด (????????)

ว่ากันว่าเสียงร้องของแม่จะทำจิตวิญญาณของลูกน้อยตื่นตระหนก ดังนั้นตามความเชื่อของ Scientology การคลอดลูกจึงควรทำโดย "เงียบ" ที่สุด (อืม...เป็นเมียทอม ครูซนี่ก็ลำบากเหมือนกันนะ)

ยิ่งไปกว่านั้นคือ เฮียทอมแกจัดเวิร์คช็อปสอนวิธีคลอดลูกแบบเงียบๆ ...ปรากฏว่ามีคุณแม่ท้องแก่เข้าร่วมฟัง 200 คน (เอาเข้าไป...)

ทีนี้ก็แอบสงสัยว่าแล้วเวลาคุณพี่ทอมแก XXX กับน้องเคที่นี่ต้องทำโดยเงียบที่สุดด้วยรึป่าวหว่า???

ผู้เชี่ยวชาญ (ใครก็ไม่รู้แหละ) ก็เลยบอกว่า อ๋อ...ไม่ต้องหรอก เพราะเสียงร้องเวลานั้นน่ะจะช่วย "ปลุก" จิตวิญญาณของเด็กให้มาจุติในท้องแม่

อ้อ...มิน่าล่ะ พักหลังมานี้พี่ทอมเลยทำตัวโหวกเหวกโวยวายผิดปกติ

อ่านแล้วขำมาก ฮาอย่างแรง เล่นมุขเก่งเหมือนเดิมนะคะพี่ต่อ อิอิ

มิสเตอร์ครูซนี้ท่าทางหลุดแล้วจริง ๆ


พี่ชอบครูซแสดงใน Born on the 4th of July ที่สุดครับ

หลังๆ นี่เราว่าแกหลุดไปเยอะง่ะ อะไรก็ไม่รู้เฮ้อ...


แมทช์พ้อยท์ดีรึ? วันนี้เพิ่งไปดู Perhaps Love มา จริงๆ อยากดู Always ด้วย (มีแต่คนชม) แต่แม่มาซะก่อน เลยอดดูเลยง่ะ

หวังว่าคงอยู่ถึงปลายเดือนนะ เพราะกว่าจะได้ดูก็ต้องรอปลายเดือนนั่นแหละ

อ่านแล้วขำกร๊ากเลยอะ ...แต่ก่อนเคยปลื้มนะ เฮ้อ... เฮียทอม

คือความจริงก้อติดตามอ่านบล๊อคนี้มานานแล้วนะแต่ยังไม่เคย ment ซักที แล้วที่สำคัญที่วันนี้ ment คืออยากให้เจ้าของบล๊อคสุดแสนใจดี + น่ารัก ช่วยแนะนำหน่อยสิ
คือวันพุธนี้เราจะไปดูหนังกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันมานานมากแล้วก้อยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะดู always หรือ match point ดี รบกวนช่วยตัดสินให้หน่อยนะ

อืม ยิ่งแก่ เอ้ย! ยิ่งมีอายุ ยิ่งเพี้ยนแฮะ

แต่ยังหล่ออยู่

ดู perhaps love มา ก็ชอบนะ
แต่
ดู always sunset together แล้ว ชอบมากกก ชนะเลิศ!!!

วันนี้ไปขูดหินปูนที่ทันตะจุฬา (เลือดท่วมปากตามเคย )ขากลับก็เลยแวะร้าน power music ได้ซีดีมา 2 แผ่น





1. โฟร์-มด : Love Love (ซื้อแผ่นคาราโอเกะ)

มิวสิกวิดีโอเพลง Love Love ติดอันดับ 1 ใน 10 เอ็มวีแห่งปีของ MER AWARDS แน่นอน

ตอนนี้อยากร้องเพลงคาราโอเกะเพลง Love Love ของโฟร์-มด กับเพลง "เลี้ยงส่ง" ของวง So Cool มากๆ (ไม่ได้ร้องเกะนานมากแล้ว...)





2. Kumi Koda : BEST ~second session~

ในบรรดาศิลปินหญิงในค่าย AVEX ดูเหมือน คุมิ โคดะ เนี่ยแหละที่จะดูขี้เหร่ที่สุด แต่ก็คงเพราะหุ่นสุดสะบึม (จริงๆ) แล้วก็ความป้ำๆ เป๋อๆ ดูเป็นธรรมชาติเนี่ยแหละมั้ง เลยทำให้เธอดังเป็นพลุแตก

เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมาเธอเพิ่งสร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการเพลงญี่ปุ่น ด้วยการออกซิงเกิ้ง 12 เพลงติดกันใน 12 สัปดาห์ จากนั้นก็ออกอัลบั้มต่อทันที (กล้าทำไปได้ยังไงเนี่ย)

ฟังเพลงของเธอผ่านๆ แล้วก็ชอบนะ เป็นเพลงที่ฟังสนุกดี แต่มี 2 อย่างที่เซอร์ไพรส์หน่อยๆ กับอัลบั้มชุดนี้คือ

2.1 ใน booklet มีโปสเตอร์หนังเรื่อง The Virgin Suicides ของโซเฟีย คอปโปลา มาเฉยเลย (ชอบหนังเรื่องนี้มากๆ แต่ชอบ Lost in Translation มากกว่า)

ล่าสุดหนังเรื่อง Marie-Antonette ของเจ๊โซเฟียได้เข้าสายประกวดที่คานส์ปีนี้ด้วย

2.2 พระเอกมิวสิกวิดีโอมี Takashi Tsukamoto (About Love) และ Shugo Oshinari (All About Lily Chou-Chou) เล่นด้วย




เพิ่งอ่านเจอข่าวนี้ เห็นหัวข่าวแล้วแทบจะร้องไห้

Smashing Pumpkins รีเทิร์น! เร่งมือทำเพลงชุดใหม่
//www.manager.co.th/entertainment/ViewNews.aspx?NewsID=9490000056664

แต่พอลองอ่านข่าวดีๆ แล้ว ก็มีแต่ตาเหม่ง Billy Corgan กับ Jimmy Chamberlin (มือกลอง) เท่านั้นน่ะ เจ๊ Melisa ก็บอกว่าจะให้ช่วยเล่นเพลงเก่าๆ น่ะได้ แต่ชุดใหม่ไม่ขอเอี่ยว ส่วนพี่กีต้าร์หน้าหล่อ James Iha ก็ยังไม่เฟิร์ม (คาดว่ารายนี้คงไม่มา เราะทนความบ้าอำนาจของเฮียเหม่งมาหลายปีดีดัก) ส่วนเจ๊ D'Arcy (มือเบสคนเก่า) ไม่รู้ตอนนี้หายไปไหนแล้ว

แต่จริงๆ มันก็ไม่มีผลอะไรมากน่ะนะ เพราะยังไงตาเหม่งแกก็แต่งเพลงเอง เล่นเองเออเองอยู่คนเดียวอยู่แล้ว (ฮา)

อย่างไรก็ตาม ข่าวนี้เป็นเรื่องน่ายินดี เพราะ Smashing Pumpkins เป็นวงที่มีอิทธิพลต่อเรามากๆ สำหรับเราแล้ว Billy Corgan คืออัจฉริยะบุคคลเลย (จะมีใครลอบยิงเรามั้ย ถ้าเราคิดว่า Corgan เก่งกว่า Kurt Cobain น่ะ อิอิอิ)

เพลงที่ชอบที่สุดของ Smashing Pumpkins คือ Stand Inside Your Love (มิวสิกวิดีโอเพลงนี้สวยมากๆๆๆๆ)



Smashing Pumpkins - Stand Inside Your Love (MV)

ตอบ พี่ดอง

ชอบทอม ครูซ มากที่สุดจากเรื่อง Vanilla Sky อ่ะ เพราะว่ามันยอมเล่นเป็น "ไอ้หน้าผี" เนี่ยแหละ เออ รู้สึกว่ามันมีสปิริตดี (ทั้งนี้ทั้งนั้นยังไม่เคยดู Magnolia -หนังที่ทำให้แกได้ชิงออสการ์)

รู้สึกว่าเสน่ห์ของ Penelope Cruz ฟุ้งสุดๆ ในหนังเรื่องนี้ ดูแล้วเข้าใจเลยว่าทำไมตอนนั้นเฮียทอมถึงไปคั่วกับยัยปากเป็ดนี่ได้

เหตุหนึ่งที่ชอบ Vanilla Sky เพราะมันมีเพลงของ Radiohead อ่ะ ส่วนฉากที่ชอบที่สุดคือตอนที่เพลง One of Us ของ Joan Osborne ขึ้นมา



ตอบ พี่สาวไกด์

Match Point ดีมากเลยจ้า รู้สึกดีใจที่หนังได้เข้าฉายหลายโรงด้วย ถ้ามีโอกาสก็อย่าลืมไปดูนะจ๊ะ

ส่วน Always น่าจะฉายยาวนะ เพราะกระแสปากต่อปากเยอะพอสมควร + หนังฟีลกู้ดแบบนี้โดนคนง่าย



ตอบ คุณแชมพูจอห์นสันสีเหลือง

แนะนำให้ดูเรื่อง Always ดีกว่าครับ เพราะเป็นหนังฟีลกู้ด เข้าถึงง่าย ขำไปซึ้งไป (อย่างที่เค้าโฆษณาว่าหัวเราะและร้องไห้ทุก 5 นาทีนั่นแหละ) ยกเว้นว่าคุณและเพื่อนเป็นพวกชอบหนังฟีลแบ้ด (เหมือนผม...ฮ่า ฮ่า ฮ่า)

ส่วน Match Point เป็นหนังออกไปในทาง Thriller และตอนจบก็ค่อนข้างน่าหดหู่น่ะครับ คงไม่เหมาะดูกับเพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน

ขอให้โชคดีนะจ๊ะ

ชื่อเพลง : เลิฟ เลิฟ
อัลบัม : Love Love
ศิลปิน : Four - Mod
ค่ายเพลง : RS



เลิฟ ยู ...เลิฟ ยู ...เลิฟ ยู ...เลิฟ ยู ...
จะเอาแต่ใจ จะเอาแต่ใจ จะเอาไปให้เธอ
ใจกะตึก ใจกะตึก ใจกะตัก ใจกะตัก
ยะ ยะ ยะ ยะ อยากเจอ
ก็ได้แต่ไอ ก็ได้แต่ไอ อะ อะ ไอ มิส ยู
ใจกะตึก ใจกะตึก ใจกะตัก ใจกะตัก ยังไงก็ไม่รู้

* เพียงเธอมาใกล้กัน ใจมันสั่น สั่น สั่น
และค่อนข้างเหงา
เกิดอาการวิง วิง เธอจะรักกันจริงหรือเปล่า เวา เวา เวา เวา

** โรคหัวใจกำเริบ เลิฟ ละ ละ เลิฟ เลิฟ เลิฟ
ดูสิมันกำเริบ เลิฟ ละ ละ เลิฟ ยู
เห็นแล้วใจมันอ่อนอ๊อน อยากจะอ้อนเธอน่าดู
ช่วยมาดูแลรักษากันหน่อยเหอะ

ไม่ชอบก้อได้ ไม่ชอบก้อได้ แต่ต้องมารักหน่อย
สักกะนิด สักกะนิด สักกะหน่อย สักกะหน่อย
อย่าปล่อยให้ใจน้อย
ไม่ต้องคิดถึง ไม่ต้องคิดถึง แต่ต้องมาถึงเลย
สักกะนิด สักกะนิด สักกะหน่อย สักกะหน่อย
อย่าทำเป็นยืนเฉย

ซ้ำ (*,**)



(กำลังคลั่งเพลงนี้อย่างหนัก...)

แวะมาเยี่ยมว่ะ
เออ แกนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ ยังดี ถ้าไม่ชอบ โฟร์มดแล้วหันไปชอบแดนบีมนี่มีกลุ้มว่ะ
เจอกันคราวหน้ายืม ป้ามาน่ากะShazna หน่อยดิ ไรท์มาให้ก็ได้ เอาเป็นMP3ทั้งหมดเลยก็ได้ หายากว่ะ
แล้วเมื่อไหรจะได้เจอกันนี่
ว่างๆแวะไปเยี่ยมบล๊อคคนแก่โก๊ะๆบ้างนะ
//jumbu.exteen.com/

Hideto Matsumoto (1964-1998)

14 พ.ค. นี้จะมี Hide Triburt Spirits ดูที่ //www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A4295181/A4295181.html


---------------------------------------


ไดอารี่ฝึกงานของน้อง mer (ต่อ)

หายไปไหนซะนานเลยสำหรับไดอารี่ฝึกงาน …ต้องเล่าย้อนหน่อยว่าตอนนี้น้องหลินเค้าฝึกงานจบไปแล้วเรียบร้อย สรุปว่าตลอดเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้ไปทำมิดีมิร้ายเค้าแต่อย่างไร (หมายถึงจีบน่ะ) อืม…เรานี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันนะ

วันศุกร์ที่แล้วเจอกันเป็นวันสุดท้าย แต่ก็ไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไร เพราะเค้าถูกเรียกไปช่วยงานที่อีกตึกนึง แต่ตอนเย็นเราก็ให้การ์ดเค้าไป เป็นการ์ดที่เรา เจนดำ และจ๋าดำช่วยกันเขียน ที่ให้ก็เพราะไม่รู้ว่าจะได้กันเจออีกเมื่อไร (อาจจะไม่เจอกันอีกแล้วก็ได้) เราก็เลยคิดว่ามีอะไรเป็นที่ระลึกหน่อยก็คงดี


วันอังคารก็กลับมาทำงานใหม่ ช่วงเช้ายังว่างๆ งานอยู่ เราก็เลยโทรไปเช็คกับ Loxley ว่ามือถือซ่อมเสร็จรึยัง (ถ้าเสร็จแล้วจะได้โดดงานตอนบ่ายไปเอา อิอิอิ) ปรากฏว่ามันยังรออะไหล่อยู่เลย…มันอิมพอร์ตอะไหล่มาจากปานามารึไงวะเนี่ย ถึงได้ซ่อมช้าขนาดนี้ เวรจริงๆ

จากนั้นก็โทรไปหาพี่เลขาสุดสวยของหนังสือสารกระตุ้นว่าทางนู้นเค้าโอนเงินมาให้รึยัง ก็ได้ความว่าเค้าโอนมาตั้งแต่วันศุกร์นู่นแล้ว จากนั้นเราก็เลยชวนพี่เลขาคุยเรื่อยเปื่อย

เรา – “เห็นเล่มใหม่แล้วนะ ซื้อแล้วด้วย ปกพี่น้อยน่ะ”

พี่เลขา – “เป็นไงสวยมั้ยล่ะ”

เรา – “อื้อ ก็สวยดี พี่น้อยแกเท่ดี”

พี่เลขา – “ไม่ใช่…พี่ถามว่า พี่น่ะสวยมั้ย” (นั่น…)

เรา – (อึ้งไปพักนึง) “……สวยสิ โห เค้าบอกตั้งแต่วันแรกที่คุยแล้วว่าพี่ลี่น่ะสวย น่ารักด้วย โธ่..แล้วไงล่ะ พี่ลี่ก็ไม่เห็นสนใจเค้าเลย”

พี่เลขา – "เอ้ยย แหม พี่แซวเล่น”

เรา – (ทำเสียงน้อยใจ) “ใช่ซี้…เรามันแค่ของเล่น เชอะไม่มีใครสนใจเราหรอก”

พี่เลขา – “โอ๋ๆๆๆ น่าสงสาร”

เรา – “พี่ลี่ต้องปลอบใจเค้าด้วยนะ ช่วงนี้บ้าบอมากน่ะ ตั้งแต่แฟนทิ้งแล้ว ล่าสุดหมาตาย ทีวีก็ระเบิด มือถือก็เจ๊ง”

พี่เลขา – “โห เรียกได้ว่าซวยหนักเลยสินะ”

เรา – “แล้วนี่พี่งานยุ่งอยู่ป่าวอ่ะ”

พี่เลขา – “ก็นิดโหน่ยยย”

เรา – “หึ…เราโทรมาทีไรพี่ยุ่งทุกทีแหละ”

พี่เลขา – “เอ๊า…ก็นี่มันเวลางานนี่ ก็ถ้าอยากคุยก็โทรมาค่ำๆ นะ”

เรา – “โอเค โอเค งั้นไว้คุยน้า บายบาย”

พี่เลขา – “จ้าา…”


นั่นแหละ…ระหว่างที่เราคุยไป จ๋าดำมันก็ทำหน้าพะอืดพะอมยังไงไม่รู้ อะไรฟะ ชั้นก็แอบมีมุมคิกขุเหมือนกันนะเฟร้ย

คุยเสร็จเราก็พูดกับจ๋าดำว่า “เนี่ย พี่เค้าต้องแกล้งโอนเงินมาช้าๆ แน่เลย เพราะอยากให้เราโทรไปคุยด้วย” (ฮ่า ฮ่า ฮ่า เพ้อเจ้ออีกแล้ว)

ว่าไปแล้วก็ไม่ได้โทรคุยกับพี่เลขานานแล้ว พี่คนนี้สวย+น่ารักดีน่ะ เรียกได้ว่าสเป๊กเราเลย เจอวันแรกวันที่เข้าไปคุยงานกับบก.ที่ออฟฟิศก็ตะลึงเลย (แต่ต้องเก็บอาการหน่อย ต้องเก๊กภาพพจน์คนอินดี้เอาไว้) คุยงานกับพี่บก.เสร็จ เราก็เดินไปขอเบอร์พี่เลขา อ้างว่าขอไว้เผื่อติดต่อเรื่องงาน (เนียนจริงๆ) แล้วคืนนั้นเราก็โทรไปหาเค้า …เพื่อจะพบว่าเค้ามีแฟนแล้ว ( ฮือๆๆๆๆๆ)

จากนั้นด้วยความที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ก็เลยบอกไปตรงๆ เลยว่าปิ๊งพี่เค้า ซึ่งเค้าก็ดูจะขำๆ น่ะ แต่พี่เค้าก็ดีนะ เค้าก็บอกเลยว่าจะโทรมาคุยก็ได้ แต่ถ้าพี่เค้ายุ่งอยู่ก็ต้องไว้ก่อน แล้วพี่เค้าก็ไม่ชอบเรื่องกิ๊กเกิ๊กอะไรแบบนั้นด้วย คือคุยกันแบบพี่น้องเท่านั้น เกินกว่านั้นหมดสิทธิ …อืม วัยรุ่นเซ็งเลยงานนี้ กะยอมเป็นเด็กเก็บเค้าเต็มที่เลยนะ (โถ พูดยังกับว่าเค้าอยากเก็บแกไว้นักน่ะ) แต่ก็รู้สึกดีใจแทนแฟนของพี่เค้าน่ะที่มีแฟนดีๆ แบบนี้

เอาเถอะ ได้คุยกับพี่เค้า ก็ทำให้เราลัลล้าขึ้นเยอะ…


แต่ทว่าความลัลล้านั้นก็คงอยู่ไม่นาน เมื่อเราเปิดคอมพิวเตอร์แล้วพบว่า…ไฟล์ที่เราทำงานไว้…หายหมดเลย

หาย…

หมด…

เลย…

หึหึหึ ก็ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่ต้องคีย์ข้อมูลซองจดหมายประมาณ 400 กว่าใบ กับบัตร Smile อีก 8455 ใบ ใหม่ทั้งหมด …ก็แค่นั้นเอง …หึหึหึ …ฮือฮือฮือ…(เสียสติไปแล้ว)

แต่เอาเถอะเครียดไปก็ไม่ช่วยอะไรขึ้นมา ก็ดีเหมือนกันจะได้ทีงานทำ ช่วงหลังๆ มาก็แอบว่างเยอะอยู่ ว่าแล้วก็เลยคลายเครียดร้องเพลงกับเจนดำ ส่วนใหญ่วันนี้ก็ฮัมเพลง Love Love ของโฟร์-มด กันทั้งวันนั่นแหละ (ดีใจจังที่ร้องเพลงนี้เป็นแล้ว มันแอบร้องยากเหมือนกันนะเนี่ย) บางทีก็มีย้อนอดีตไปร้องเพลงรุ่น แร็ปเตอร์ นู่นเลย ไอ้เพลง “ส่งยิ้ม…สื่อความหมาย…บลาบลาบลา…รู้ความในใจ” น่ะ


อยู่กับเจนดำไปเรื่อยๆ ก็ค้นพบว่าทัศนคติเรื่องความรักของมันกับเรานี่ช่างห่างไกลกันราวๆ ล้านปีแสง ความคิดของมันเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้บางทีก็ดูเป็น ideal มากๆ แต่ก็ดีเหมือนกัน เราไม่ค่อยเจอใครที่คิดอะไรแบบ pure & innocent ขนาดนี้สักเท่าไร

เจนดำมันพูดมาประโยคนึงว่า “อยากรู้ว่าการรักใครมากๆ สักคนจนยอมได้ทุกอย่างมันเป็นยังไง” โอย ฟังแล้วอึ้งแทบจะเป็นลม เพราะความคิดแบบนี้ไม่ได้อยู่ในหัวสมองเรามานานแล้ว คิดภาพแล้วมันสยองยังไงพิลึกนะ มันดูน่าอึดอัดยังไงไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะช่วงนี้เราไม่ได้อยากอยู่กับใครแบบจริงจังมั้ง ถ้าเพื่อนคุย เพื่อนเที่ยว เพื่อนเล่นขำๆ ก็โอเคน่ะ (แบบที่ฝรั่งเค้าเรียก On & Off Relationship) ไอ้แบบให้โทรหาทุกวัน ตอนนี้ไม่ไหว แค่คิดก็เหนื่อย


ตอนพักกลางวันเราก็แวะร้านหนังสือ ไปชะเง้อดูหนังสือ Esquire …ซึ่งก็ยังไม่ออกซะที เดินๆ ไปรอบร้าน จ๋าดำก็ชี้ไปที่หนังสือ HI! แล้วก็ถามเราว่า “หน้าปกแตงโมนี่ แกไม่ซื้อเหรอ” …เราก็ตกใจมากเพราะดูไม่ออกว่านั่นคือแตงโม คือแบบหน้าปกน่ากลัวมากน่ะ เป็นแตงโมเชิดปากบวมๆ ดูแล้วเหมือนกะเทยมากๆ

แต่สรุปด้วยสปิริตแห่งแฟนพันธุ์แท้ก็ต้องซื้ออยู่ดี (เล่มตั้ง 90 บาท) ยังดีว่าภาพข้างในก็ยังโอเค แต่รู้สึกไม่คุ้มตังค์เลยเพราะมันเป็นหนังสือแฟชั่นน่ะ เราเปิดอ่าน 2 นาทีก็จบแล้ว

ตอนนี้ในห้องเรามีกองหนังสือที่หน้าปกเป็นแตงโมโดยเฉพาะเลยกองนึง แล้วมันก็สูงขึ้นๆ ทุกวัน (ก็คุณเธอเล่นลงถี่ซะขนาดนั้น) นี่ถ้าเจ้าตัวรู้นี่เค้าจะดีใจบ้างมั้ยน้า…


พอเลิกงานก็ไปเซ็นทรัลกับจ๋าดำ (เดินๆ อยู่ก็ต้องระแวงหน้าหลัง เดี๋ยวคนรู้จักมาเห็นจะเข้าใจผิดนึกว่ามากับแฟน ฮ่าฮ่าฮ่า) มันจะไปซื้อรองเท้าอะไรของมันก็ไม่รู้ แต่ปรากฏว่ามันไม่ได้ของ คนที่ได้ของติดมือกลับบ้านกลับเป็นเราซะงั้น วันนี้ก็ซื้อมา 2 แผ่น




1. Nami Tamaki : Make Progress

ก็เป็นอัลบั้ม J-POP ขำๆ อีกอันนึง เหมาะสำหรับคนชอบซาวด์เจป็อปแบบเสร่อๆ ไอ้ประเภทโปรแกรมมิ่งแบบการ์ตูนๆ แล้วก็เสียงกีต้าร์แสบๆ หูน่ะ ฟังแล้วคลายเครียดดี …อ้อแล้วน้องเค้าก็เพิ่งอายุ 18 เองด้วย แหะๆ (ตูชักเหมือนตาแก่หัวงูขึ้นทุกวันสินะเนี่ย)


2. Final Fantasy VII Advent Children (DVD)


เอาล่ะ เดี๋ยวไปนอนก่อนดีกว่า…พรุ่งนี้กะว่าจะเอา CD โฟร์-มดไปเปิดที่ทำงานซะหน่อย เพื่อความชุ่มช่ำใจ หุหุหุ

ตอบ พี่พู่

ชั้นเข้าไปดูบล็อกเธอแล้วนะยะ โถ..เปิดมาตกใจหน้าอีริวทาโร่ (กิ๊กเก่าแต่ครั้งก่อน) ก่อนเลย หน้าง่วงไม่สร่างจริงๆ

เดี๋ยวนี้เธอเป็นกรุ๊ปปี้ตามพวกพี่ตูน พี่แด๊กส์ ไปแล้วเหรอ (ฮ่าๆๆ แซวเล่นนะ) ก็ดีแล้วล่ะไม่ต้องไปสนใจไอ้พวกเจร็อคมันแล้วล่ะ อีพวกนั้นมันของสูง พวกเราไม่มีสิทธิ ...ดูอย่างชั้นสิ เดี๋ยวนี้ชอบ Ayumi ...ชาตินี้ปลายเล็บตีนอายูมิชั้นจะมีวันได้เห็นมั้ยวะเนี่ย

แดน-บีม ก็ชอบนะ เพลงใหม่อะไรหว่า...ช่วยไปน่ารักไกลๆ ใช่มะ? คิดได้ไงน่ะเพลงนี้ ไม่ชอบแดนน่ะ ชอบพี่บีม แต่เสียที่ร้องเพลงก็ห่วย เล่นหนังห็ห่วย เล่นละครก็ห่วย (อ้าว...แล้วสรุปมันมีอะไรดีมั่งวะเนี่ย)

น้องเมอร์ฯ

งั้นถามอีกที แมทช์พอยท์จะอยู่ถึงสิ้นเดือนด้วยมั้ยหละนี่?

เพราะถ้าจะดูทั้ง Always กับ Match Point ต้องสิ้นเดือนอย่างเดียวเลยถึงจะว่างพอน่ะ

ยุปปี้+
ไปดูมาเรียบร้อยตามคำแนะนำเจ้าของบล๊อค
สนุกจ้า....
เราเป็นผู้ชายกลับร้องไห้ขี้มูกโป่ง
แต่ไอเพื่อนที่เป็นผู้หญิงนั่งแข็งทื่อเป็นรูปปั้น พอดูเสร็จก้อบอกว่าหนังก้อดีนะ.... (แต่คุณเธอไม่ร้องซักแอะ)
เลยทำให้ผมบบรลุสัจธรรมว่าผู้หญิงใจแข็งกว่าผู้ชาย(ชัวร์)
ปล. หนังดีนะแต่ไอตอนที่ไอ้แว่นนั่นฟูมฟายกลางถนนแล้วผลักไอเด็กนั่นกระเด็นกระดอนอะ รับไม่ได้... เวอร์ซะ
ส่วนฉากแหวนนี่ไม่ต้องพูดถึง...เลิศมาก
อ้อ ลืมไป ขอบคุณมากจ้าที่แนะนำ

นิตยสาร Esquire เล่มใหม่ออกแล้ว!! (หน้าปก Viggo Mortensen) ฉบับนี้เป็น THE FILM ISSUE และมีบทสัมภาษณ์ของน้องเมอร์ด้วย

เนื้อหาน่าสนใจ

1. จับตาหนังยักษ์ถล่มช่วงซัมเมอร์

2. DIRECTORS' CUT : สัมภาษณ์ 3 ผู้กำกับ - เป็นเอก รัตนเรือง, คมกฤษ ตรีวิมล และไมเคิล เชาวนาศัย

3. THE WORLD OF CRITICS : สัมภาษณ์ 3 นักวิจารณ์ - ไกรวุฒิ จุงลพงศธร (แหม...รูปออกมาดูดี๊ดีนะตัวเอง), นพมาส แววหงส์ และประชา สุวีรานนท์

4. บทความ "ท่องเทศกาลหนัง" โดย ก้อง ฤทธิ์ดี

5. บทความ THE TRUE NAME OF CRITICS : เจาะลึกถึงแก่นถึงคนที่ได้ชื่อว่า "นักวิจารณ์"

6. บทความ B FOR BLOGGERS (ชอบชื่อบทความจัง) : สัมภาษณ์สามหนุ่มคนบ้าหนังแห่งโลกไซเบอร์ - ผมอยู่ข้างหลังคุณ, Jediyuth และ merveillesxx (เวลาอ่านบทความนี้ต้องระวังหน่อยเพราะเค้าเขียนโดยใช้ฟอร์มบทหนังเรื่อง The Hours ...ฮ่า ฮ่า ฮ่า)


ยังไม่ได้อ่านโดยละเอียดเท่าไร แต่สิ่งที่ชอบมากคือ รูปตัวเราเองง่ะ (แหะๆ) มันก็ไม่ได้ดูดีมากหรอกนะ ออกจะหน่อมแน้มไปนิด แต่แสงสวยดีน่ะ ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์ไปนั่งจัดแสงกันอยู่พักนึงในร้านกาแฟ

ยังไงก็อย่าลืมติดตามกันนะคร้าบ...


----------------------------------


ตอบ พี่สาวไกด์

คิดว่า Mtach Point ไม่น่าอยู่ถึงสิ้นเดือนนะครับ กลางเดือนนี้ก็อาจจะไปแล้ว สมัยนี้อายุหนังช่างสั้นนัก... ดูอย่างเรื่อง Hell สิ เราเชียร์แทบตาย สัปดาห์เดียวออกเลย ฮ่าๆๆๆ



ตอบ คุณแชมพูลดราคา

ฉากพี่แว่นผลักเด็กก็เป็นฉากหนึ่งที่ผมไม่ค่อยชอบในหนังเรื่อง Always ครับ นอกนั้นก็จะเป็นพล็อตส่วนครอบครัวของสาวน้อยที่มาฝึกงานในอู่ซ่อมรถ ...รู้สึกว่าพล็อตตรงนี้มันเฟคๆ น่ะ อาจจะเป็นเพราะเราไม่ได้มีความเชื่อแบบที่หนังนำเสนอมั้ง

อย่างไรก็ตาม Always ก็กลายเป็นหนังสุดยอดในดวงใจประจำปีนี้ของหลายๆ คนไปแล้ว (แน่นอนว่าไม่ใช่ผม หึหึหึ)

ข่าวดีในรอบปีเลยนะนี้

The Smashing Pumpkins กรี๊ด.....

พี่ว่าถ้าปิกัสโซ่เป็นคนที่มีพรสวรรค์ที่สุดในศตวรรษที่ 20 บิลลี่ คอร์แกนก็ตามมาติด ๆ ไม่ทิ้งห่างกันเท่าไรเป็นแน่

เดี๋ยวไปหา esquire มาอ่านบ้าง

always มันดูเว่อร์จริงๆ แต่ก็เป็นการเว่อร์แบบจงใจที่ทำได้น่ารักดีครับ ชอบมาก (แต่ถ้าไม่เว่อร์จะชอบมากกว่านี้อีก)

อยากดู ล่า ท้า ผี อ่ะ ไม่รู้ว่าจะออกก่อนได้ดูไหม

ต่อ

พี่ไปดูที่ร้านเช่าหนังสือ Esquire เล่มใหม่คงมีคนยืมไป อยากเห็นหน้าพี่เต้จัง ได้ข่าวว่ารูปแอบดูดี 5555

ต่อไปเห็นทีมาม่าคงมาให้ไปเป็นพรีเซนเตอร์แน่เลย โทษฐานเป็นผู้สนับสนุนมาม่าอย่างเป็นทางการ (เดี๋ยวนี้พี่เต้ยังกินมาม่าทุกวันอยู่หรือเปล่าไม่รู้)

- อุ้ย..ไม่ได้ๆๆๆ เดี๋ยวหนังสือหมด กลางวันนี้ต้องรีบลงไปซื้อเอสควายที่คุณน้องลงซะแล้ว ฮิ ฮิ

- หลังจากที่บอกเธอว่านอนกอด นอนดมปกดีวีดีมานาน ชั้นก็ได้ดูซะที Match Point !!!!!!!!!!! อืม...อยากมีคนสอนตีปิงปองแบบนั้นบ้าง อืม...อยากโดนข่มขู่ (รึเปล่าวะ) ขอเบอร์แบบนั้นเหมือนกัน สุดท้าย...อยากโดนทำ Match Point ว่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องจินตนาการตัวเองเป็นคุณหนูปากสวยก่อน

- ปล. น้องต่อจ๊ะ วันนี้วันครบรอบผู้สูงอายุ วันสำคัญของพวกอิชั้นนะคะ จำได้อ๊ะเปล่า

ไปซื้อนิตยสาร ESQUIRE มาแล้วเป็นครั้งแรกในชีวิต รู้สึกว่าเล่มนี้เป็นเล่มที่คุ้มมาก นอกจากบทสัมภาษณ์น้องเมอกับน้องเต้แล้ว ยังชอบบทความเกี่ยวกับ VIGGO MORTENSEN ในเล่มนี้ด้วย และก็ชอบบทความแนะนำอัลบั้มของคุณอาทิตย์ พรหมประสิทธิ์ในเล่มนี้มากๆ อยากให้คุณอาทิตย์ได้พิมพ์พ็อกเก็ตบุ๊คของตัวเองออกมาจัง อ้อ และอีกอย่างที่ชอบในเล่มนี้ก็คือ ชอบนายแบบที่ถ่ายแบบในเล่มนี้จ้ะ ฮ่าๆๆๆๆ

เด๋ว แวะไปดูเอสไควร์ ที่แผงหนังสือจ้า

สำหรับ Always รู้สึกเฉยๆ เหมือนกัน ถึงแม้นตอนดูจะร้องไห้ ก็หนังมันบิ้ว ขนาดนั้น

พอดู Match Point กลับชอบมากกว่า

แอบกรี๊ดอีกเล็กน้อย

มีบทสัมภาษณ์ดีเจซอนนี่ด้วย แบบนี้ต้องถ่ายเอกสารเก็บไว้เป็นที่ระลึก 555

ป.ล. น้อง mer บอกผมว่าแอบงอนที่รูปพี่เต้ใหญ่กว่า

เพิ่งเห็น esquire เล่มใหม่
ชอบบทความของพี่ซอนนี่ในเล่มนี้เหมือนกันครับ
ป.ล. แต่ข้าพเจ้าหยิบของที่ทำงานมาอ่านฟรี คงไม่ว่ากันน้า 555

ไดอารี่ฝึกงานของน้องเมอร์ (ต่อ)

ตอนนี้บริเวณที่ทำงานของเรากำลังถูก “หมีพูห์” บุกรุก!

ใช่แล้ว พิมพ์ไม่ผิดหรอก…หมีพูห์จริงๆ ตัวสีเหลืองๆ นั่นแหละ

เรื่องของเรื่องก็คือ หลายเดือนก่อนนู้น ทาง 7-11 เค้ามีให้สะสมแสตมป์แลกของน่ะ แล้วรางวัลใหญ่รู้สึกจะเป็นตุ๊กตาหมีพูห์นี่ล่ะมั้ง …คือแบบว่าขนาดมันใหญ่มากน่ะ ใหญ่กว่าตัวเราอีก แล้วเค้าไม่มีที่เก็บมั้ง คงเห็นว่าตรงที่เราทำงานอยู่มันว่างๆ พอดี เค้าก็เลยเอาหมีพูห์มาฝากซะเลย (ประมาณ 50 ตัวแล้วตอนนี้)

ตอนแรกเราก็สงสัยว่าลูกค้าคนไหนมันจะบ้าจี้มาเอาหมีพูห์ไปวะ หนักจะตายห่ะ …ปรากฏว่ามีมาจริงๆ อ่ะ หลายคนด้วย บางคนถ่อมาจากลำปางนู่นแน่ะ (ซึ่งอาจจะคุ้มกว่า เพราะสมมติถ้าส่งไปโคราช ค่าส่งก็ตั้ง 1400 บาท)

เพราะงั้นตอนนี้ตรงที่เรานั่งมันก็กลายเป็น “ทุ่งหมีพูห์” ไปซะแล้ว (นึกภาพทุ่งทานตะวันน่ะ แต่เปลี่ยนเป็นตุ๊กตาหมีพูห์แทน) ซึ่งก็ทำให้เราเซ็งหนักเหมือนกัน เพราะหันไปทางนึงก็เจอแต่หมีพูห์ พอหันไปอีกทางก็เจอนังเจนดำ, จ๋าดำ ซะงั้น …ชีวิตตู ช่างมืดมนอนธการจริงๆ

ยังดีว่าเรายังมีแสงสว่างในชีวิตบ้าง เพราะหลินแวะมาเยี่ยมเราสองวันเลย (ทั้งที่เค้าฝึกงานจบไปแล้ว) แถมเมื่อวันพฤหัสใส่ชุดไปรเวทมาด้วย ใส่กระโปรงสีขาวมา น่ารักดี (หุหุหุ) …พอหลินบอกว่าเข้ามาอ่านบล็อกเราด้วย เราก็ตกใจเหมือนกัน กลัวว่าเค้าจะมาเจออะไรแปลกๆ (ฮ่า ฮ่า ฮ่า)

หลินนี่เสน่ห์แรงเหมือนกันนะ มีหนุ่มมาจีบด้วย (นศ.ฝึกงานด้วยกันนี่แหละ แต่อยู่แผนกไกลๆ กัน) แต่วันนั้นพระเจ้าก็เข้าข้างเรา เพราะตอนที่ไอ้หมอนั่นโทรมา หลินไม่อยู่พอดี เราก็เลยรับโทรศัพท์แทน แล้วก็แกล้งทำเสียงดุๆ ใส่ วะฮะฮ่า…เจอเสียงเราก็ไป จ๋อยไปเลย โฮะ โฮะ โฮะ

ว่าแล้วกลางวันนั้นเราเลยพา “สามสาว” (เจนดำ, จ๋าดำ และหลิน) ไปเลี้ยงข้าวที่ FUJI ซะเลย เนื่องในโอกาส “ในที่สุดตูก็ได้เงินค่าต้นฉบับซะที” (รอมานาน) ก็หมดไป 700 กว่าบาท


พวกเราลองๆ คุยดูเรื่องฝึกงาน ก็พบว่าพวกเราฝึกตรงนี้นี่สบายสุดแล้วล่ะ มันออกจะชิวๆ แล้วเราก็ทำตัวแย่ๆ มั่วๆ อู้ๆ ไว้มาก แต่ก็ยังไม่เคยโดนด่า เช่น

- เข้างานสาย (งานเข้า 8.30 แต่มาถึง 9.00 เป็นอย่างเร็ว เดี๋ยวนี้ล่อไป 9.30)

- แถมเข้าสาย แล้วยังลงไปซื้อข้าวเช้ามานั่งกินหน้าตาเฉย กว่าจะเริ่มทำงานก็ล่อไป 10.00

- พักเที่ยงก็ออกก่อน

- เข้าช่วงบ่ายก็สายตามเคย (เค้าให้เข้า 13.00 เดี๋ยวนี้เข้า 14.00 เป็นอย่างเร็ว)

- อู้งานด้วยวิธีสารพัด เช่น เม้าท์แตก, งีบหลับ, ลงไปซื้อขนม, แอบเล่นเกม (ดีว่าเน็ตมันเล่นไม่ได้ ไม่งั้นจะยิ่งกว่านี้)

- นินทาเจ้านายเป็นเรื่องปกติ

- ตรงเวลาเรื่องเดียวคือ เวลากลับบ้าน …งานเลิก 18.00 พอ 17.30 ก็เตรียมเก็บของกันแล้ว (ฮา)

- ล่าสุดนี่เลวร้ายมาก เพราะเอา VCD คาราโอเกะ โฟร์-มด ไปนั่งเปิดดูกัน แถมซื้อป็อปคอร์นมากินซะด้วย

และอื่นๆ อีกมากมาย …คาดว่ารางวัล “นักศึกษาฝึกงานยอดแย่” จะต้องตกเป็นพวกเราคนใดคนหนึ่งแน่นอน


อ้อ…ตอนเย็นที่แยกย้ายกันกลับบ้าน หลินเค้าก็ให้การ์ดกับพวกเราสามคนด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าหลินจะแวะมาเยี่ยมเราอีกหรือเปล่า แถมอาทิตย์นี้จ๋าดำก็ฝึกงานจบแล้ว …นั่นก็หมายความว่าอีกประมาณเดือนนึงต่อจากนี้ เราต้องอยู่กับเจนดำ…สองต่อสอง

โอว คุณพระช่วย โฟร์-มด ช่วยหนูด้วยยยยย


----------------------------------


หนังที่ได้ดูช่วงนี้

1. Mission: Impossible III (2006, JJ Abraham, B+)

ภารกิจที่ลุล่วง : ฉากเปิดของเรื่อง, การแสดงของฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟแมน, ฉากอาเจ๊สาวหมวยในชุดแดง (เซ็กซี่มากๆ), ฉากภารกิจทั้งหลาย ถึงจะเว่อร์โคตร แต่ก็สนุกดี

ภารกิจที่ล้มเหลว : ทุกฉากที่มี ทอม ครูซ, ทุกฉากที่ใช้ close-up shot กับหน้าของทอม ครูซ, มุกหักมุมของหนังที่เดาง่ายยิ่งกว่าคำถามข้อแรกของรายการเกมเศรษฐี และฉากตอนท้ายที่นางเอกลุกขึ้นมายิงปืนที่น่าตลกสิ้นดี

สิ่งที่ดีที่สุดในหนัง : โจนาธาน รีส เมเยอร์





2. Final Fantasy VII Advent Children (2005, Tetsuya Nomuro, A-)

(DVD ออกแล้ว)

เนื้อเรื่องเหมือนเอา FF7 มาเล่าใหม่, CG สวยดี แต่นม Tifa ดูไม่ค่อยจริง, ฉากแอ็คชั่นมึนหัวยิ่งกว่านั่งรถไฟเหาะตีลังกา และหนังเรื่องนี้เหมาะสำหรับแฟนพันธุ์แท้ของ FF7 เท่านั้น (น้องเมอร์ก็เป็นหนึ่งในนั้น)


---------------------------------


ตอบ ราชินีเห็ด

ชั้นก็ชอบอีตา โจนาธาน รีส เมเยอร์ ใน Match Point มากๆ ไม่รู้มันใช้เลนส์กล้องอะไรถ่าย ถึงออกมาดูดีขนาดนั้น นี่แหละเป็นเหตุผลที่ทำให้อยากดู M:I 3 เพราะว่ามันเล่นด้วย (หล่อกว่า ทอม ครูซ เยอะเลย ฮ่าฮ่าฮ่า)



ตอบ พี่ M.Scudery

ยังไม่ได้อ่านที่พี่ซอนนี่เขียนโดยละเอียดเลย แต่รู้สึกว่าพี่เค้าจะเขียนลง Esquire เป็นประจำอ่ะครับ

เฉยๆ กับนายแบบในเล่ม แต่ชอบโฆษณา Pierre Gardin ที่ปกหลังด้านในมากๆ ฮ่าฮ่าฮ่า



ตอบ พี่ดอง

วุ้ย ไม่ได้งอนจริงจังหรอก อีกอย่างถ้าถ่ายรูปเราเต็มตัวจริงๆ ล่ะก็…สงสารคน retouch ว่ะ คงเหนื่อยแย่



ตอบ คุณ it ซียู

ไม่ว่ากันหรอกจ้ะ แค่ได้อ่าน (และอ่านรู้เรื่อง) ก็ดีใจแล้ว

เข้ามาเยี่ยมชมน้องเมอร์และอ่านประสบการณ์ชีวิต เหอๆ

อ่านเรื่องตาทอมและมาขำตรงห้ามเมียร้องตอนคลอดลูก ดีเมียไม่ตายทั้งกลมกับลูก 555 บ้าดีแท้

Hahaha - reading your blog made me laugh.

Like "Love Love" of Four-Mod too. They are so cute!
Glad that โจนาธาน รีส เมเยอร์ is the best in MI3 cause I like him.

Like your written story about P'Tom Cruise

ถ้าน้อง merveillesxx อยากฝึกภาษาอังกฤษ ก็ขอแนะนำให้อ่านบทความนี้จ้ะ

PRAGMATIC IDENTITIES AND IRRATIONALIST MODERNISM IN “4” โดย TONY MCKIBBIN ใน SENSES OF CINEMA ฉบับใหม่ อ่านได้ที่นี่จ้ะ

//www.sensesofcinema.com/contents/06/39/4.html

รู้สึกดีใจมากๆที่มีบทความเกี่ยวกับ “4” (2005, ILYA KHRZHANOVSKY, A+) ออกมา แต่ท่าทางจะไม่ใช่บทความที่อ่านง่ายนัก แค่คำว่า PRAGMATIC คำแรกนี่ พี่ก็ไม่รู้แล้วว่าแปลว่าอะไร ฮ่าๆๆๆๆ แต่เท่าที่กวาดตาดูผ่านๆ คิดว่า TONY MCKIBBIN เขียนได้ดีมากๆ และคิดว่าเขาเป็นนักวิจารณ์ที่น่าสนใจคนนึง โดยใน SENSES OF CINEMA เล่มใหม่นี้ มีบทความของเขาเกี่ยวกับหนังเรื่อง CAFE LUMIERE (HOU HSIAO-HSIEN, A+) ด้วย และเท่าที่กวาดตาดูผ่านๆ ก็รู้สึกว่าเขาเขียนได้ดีมากเช่นกัน

รู้สึก TONY MCKIBBIN จะเขียนว่า ผู้กำกับหนังเรื่อง “4” พูดถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างเร็วมากในรัสเซียยุคใหม่และในประเทศที่เคยเป็นรัฐบริวารของรัสเซีย และความเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ต้องใช้รูปแบบที่แตกต่างออกไปในการเล่าเรื่อง และใช้วิธีการที่แตกต่างออกไปในการนำเสนอตัวละคร วิธีการแบบนี้หมายความว่าเนื้อเรื่องจะไม่มีวันถือกำเนิดขึ้นมาได้อย่างสมบูรณ์ และตัวละครจะไม่มีทางเปิดเผยแก่นแท้ของตัวเอง เพราะว่ายุคนี้เป็นยุคที่ไม่มีแรงจูงใจที่ชัดเจนอีกต่อไป

ในหนังของตะวันตกนั้น “แรงจูงใจ” มักจะเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหนังของตะวันตกมักจะบอกว่าเรามีอำนาจควบคุมชีวิตของตัวเอง และความเชื่อมั่นว่าเราสามารถคุมบังเหียนชีวิตของตัวเองนี้เองที่ก่อให้เกิด “เนื้อเรื่อง” ก่อให้เกิด “เรื่องราว” ที่มีตัวละครเป็นผู้ผลักดันให้เกิด แต่ในภาพยนตร์ของ ILYA และของผู้กำกับชาวยุโรปตะวันออกบางคนนั้น “ตัวละคร” และ “เนื้อเรื่อง” จะ “ล่มสลาย” เพราะหนังเหล่านี้อยู่ภายใต้แนวคิดที่ว่า การกระทำอันใดก็ตามที่เกิดจากแรงจูงใจมักจะล้มเหลวอยู่เสมอภายใต้พลังอำนาจจากภายนอก

หนังของ ILYA KHRZHANOVSKY เหมือนกับหนังของ SHARUNAS BARTAS (ผู้กำกับชาวลิทัวเนีย เจ้าของหนังเรื่อง THE CORRIDOR ที่เคยมาฉายที่ธรรมศาสตร์), FRED KELEMEN (ผู้กำกับหนุ่มหล่อชาวเยอรมันที่ตอนนี้หันไปสร้างหนังในแลตเวีย) และ BELA TARR (ผู้กำกับชาวฮังการีที่เป็นแรงบันดาลใจให้ GUS VAN SANT สร้าง GERRY) เพราะหนังเหล่านี้จะเว้น “ช่องว่าง” เอาไว้ แต่หนังเหล่านี้ไม่ได้ต้องการให้ผู้ชมทำความเข้าใจและเติมช่องว่างตามความเข้าใจ แต่ช่องว่างที่อยู่ในหนังกลุ่มนี้จะเติมได้ก็ต่อเมื่อผู้ชมตระหนักรู้และยอมรับใน “ความไม่เข้าใจ” หรือเมื่อผู้ชมเข้าใจว่า โลกใบนี้แทบไม่มีที่เหลือให้กับ “เหตุผล” อีกต่อไป


--อ่านบทความ SITUATIONS OVER STORIES: CAFE LUMIERE AND HOU HSIAO-HSIEN ของ TONY MCKIBBIN ได้ที่

//www.sensesofcinema.com/contents/06/39/cafe_lumiere.html

TONY MCKIBBIN เขียนว่า ผู้ชมบางคนที่ดูหนังเรื่อง CAFE LUMIERE อาจจะคิดว่าเขากำลังดู “NOTHING” โดยที่ผู้ชมกลุ่มนี้อาจจะชื่นชอบและบูชาหนังของสกอร์เซซี, ฮิทช์ค็อก, เดอ พัลม่า และอัลท์แมน แต่ผู้ชมกลุ่มนี้กลับไม่ชอบ CAFE LUMIERE เลย แต่จริงๆแล้ว CAFE LUMIERE ไม่ได้เต็มไปด้วยความว่างเปล่าอย่างที่ผู้ชมกลุ่มนี้คิด เพราะหนังเรื่องนี้เต็มไปด้วย unresolved possibility และเต็มไปด้วย the inexplicable, the inexplicability of a partial view on life


--ช่วงนี้เข้าเว็บบอร์ด BIOSCOPE ไม่ค่อยได้ แต่พี่จะพยายามไปแสดงความเห็นเกี่ยวกับหนังไว้ในเว็บบอร์ด SCREENOUT แทนแล้วกันนะจ๊ะ
//xq28.net/s/viewtopic.php?t=3437&start=3232&sid=56ac0571af8abea5add012aa176a1ea5

ตอบ พี่แมดเดอลีน

ขอบคุณมากๆ เลยครับ สำหรับบทความเกี่ยวกับหนังเรื่อง "4" แล้วจะลองอ่านดูนะครับ เพราะท่าทางบทความนี้ต้องใช้วิทยายุทธสูงน่าดูในการอ่าน

เห็นชื่อของ Ilya Khrzhanovsky ในเวบไซต์ของคานส์ด้วย หนังเรื่องใหม่ของเขาชื่อว่า DAU อยู่ในโปรแกรม 2006 ATELIER SELECTION (Utopia ของพี่เจ้ย-อภิชาติพงศ์ ก็มีชื่ออยู่ในนี้ด้วย) เข้าใจว่าหนังยังถ่ายไม่เสร็จนะ



พูดถึงคานส์ปีนี้แล้ว นอกจากประธานของงาน (หว่องกาไว) แล้ว สิ่งที่ตัวเองสนใจที่สุดไม่ใช่หนังในสายประกวด แต่เป็นหนังนอกสายประกวดเรื่อง Shortbus ของ John Cameron Mitchell (เดิมทีหนังชื่อว่า The Sex Film Project)

John Cameron Mitchell คือคนกำกับ Hedwig and the Angey Inch (2001, A+) หนังที่ตัวเองชอบมากที่สุดในชีวิตเป็นรองแค่ All About Lily Chou-Chou และ Happy Together (Hedwig มีแผ่นลิขสิทธิ์ของแมงป่อง)





Hedwid and the Angry Inch


อย่าจำ John Cameron Mitchell สลับกับ James Cameron คนหลังนี่กำกับ Titanic (ฮา)

ตอนนี้ Mitchell ประกาศทำหนังใหม่แล้วชื่อว่า Oskur Fishman เวบไซต์ imdb.com บอกเรื่องย่อไว้ว่า A surreal fairytale, reminiscent of the 'Wizard of Oz.'





Cannes 2006

เห็นโปสเตอร์ของคานส์ปีนี้แล้ว นึกถึงหนังเรื่อง In The Mood For Love เลยแฮะ (ซึ่งตลกดี เพราะปีนี้หว่องกาไวเป็นประธานพอดี)





Maggie Q

//us.imdb.com/name/nm0702572/

ในหนังเรื่อง M:I III นอกจาก โจนาธาน รีส เมเยอร์ แล้ว นักแสดงอีกคนที่ชอบมากๆ ก็คือ Maggie Q เธอดูเซ็กซี่มากๆ ในชุดแดงตัวนั้น

เข้าใจว่าชุดแดงแรงฤทธิ์ที่ว่าน่าจะอยู่ในการดูแลของ คอลลีน แอ็ตวู้ด (คอสตูม ดีไซน์ในหนังของทิม เบอร์ตันหลายๆ เรื่อง ล่าสุดเพิ่งได้ออสการ์จาก Memoirs of a Geisha)

วันนี้นั่งดูถ่ายทอดสดรายการพรมแดงของงาน MTV ASIA AWARDS กะว่าจะรอดู โฟร์-มด แต่ปรากฏว่าเซอร์ไพรส์ เพราะ Maggia Q มาร่วมงานด้วย (ส่วนโฟร์-มด อดดูเพราะรายการตัดไปก่อน)



-- ตอนนี้กำลังชอบอัลบั้มของ Kumi Koda มากๆ รู้สึกว่าถูกใจกว่าอัลบั้ม J-POP ที่ออกมาก่อนหน้านี้อย่าง (miss) understood ของ Ayumi Hamasaki หรือ OUTGROW ของ BoA

อัลบั้มนี้อาจจะติด 1 ใน 10 อัลบั้มที่ชอบของปีนี้ แต่ต้องรอการฟาดฟันกับ ULTRA BLUE ของ Hikaru Utada เสียก่อน





ละครญี่ปุ่นเรื่อง Brother Beat

-- ตอนแรกไม่ค่อยรู้สึกอยากดูละครญี่ปุ่นเรื่องใหม่ของ ITV เท่าไร (ที่เป็นพี่น้องสามคน รู้สึกจะชื่อ สามใสหัวใจเดียวกัน อะไรเนี่ยแหละ) แต่ดูมาสองตอนแล้วก็รู้สึกว่าสนุกดี และคงจะดูต่อไปเรื่อยๆ (น้องคนกลางหล่อดี แหะๆ)

แต่แอบเซ็งว่าละครไปทับชั่วโมงสุดท้ายของรายการ Sonny & Nor เนี่ยน่ะสิ (พอรายการ J-POP เลิกไปเลยกลับมาฟังรายการนี้แทน ตอนที่พิมพ์อยู่นี้พี่ซอนนี่กำลังเล่นเพลงแดนซ์จิตแตกได้ใจน้องเมอร์มากๆ)

กรี้ดดดดดดดด ลืม login ที่พิมพ์ไว้หายหมดเลย เหอๆ
ไม่เป็นไรเอาอีกรอบ

ขอบคุณสำหรับ sms มือถือท่านพี่ยังส่งซ่อมอยู่อีกรึ?
จะบอกว่า Ost. In the Mood for Love กำลังรอการส่งมอบอยู่
ไม่แน่ใจว่าจัดวันแรกพบ 25 พ.ค. เหมือนกันรึเปล่า
ส่งข่าวกลับด่วน ไม่งั้นคนซื้อจะกระทำการ "อิ๊บ" มาฟังเอง แหะๆ

ชอบทอม ครูซจาก เจอรี่ แมกไกวอ่ะค่ะ ดูเป็น ปุถุชนดี
ตรงข้ามกับความเป็นโคตรซุปเปอร์สตาร์ของแกในตอนนี้
mi3 ก็หนุกดี และหนุกที่มีอีตา โจนาธาน ด้วยแหละ อิอิ
.....
ปอลอ ซื้อ esquire " The Film Issue "แล้วล่ะ
อ่านแล้ว เห็นแล้ว เจอแล้ว..........

ใครชอบทอม ครูซ
www.supinaun@hotmail.com
I'm waiting for you

โดย: Tom cruise IP: 203.172.199.250 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:06:39 น.

ชอบทอม อ่านแล้วสนุก

แล้วกรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆเลยจะบอกหั้ย

กรี๊ดดดดดดดดดดดเมื่อได้เห็นทอม ครูซจ๊ากเจอรี่

เห็นแล้วสนุกกกกกกกกกกกกสนุก

เห็นทอมแล้วขำกลิ้งจนร้องหั้ย

you will find millions of people, that relevant to unfinished credit ratings as with non-payments, arrears, CCJ, iva, property foreclosure, bankruptcy, Deferred expenses, overlooked a monthly payment or anything else,.,and so. to purchase a traditional loan, you safeguard nice and clean credit history. if you ever among a bad individuals, then you definitely find it extremely difficult to acquire loans as well as consumer banking companies in addition monetary consistently stave off according loans back on a lawn with regards to below average credit.always make sure to keep documents on all of your financial certs since financial obligations that you simply will pay. there are occasions that you'll see goof ups in your own give an account, And any time robust info on items which you can spare made you will save money and a better chance on throwing a lower type of mortgage and expenses. in the event of restoring people goof ups don't forget to post reasonable specifics that particular precisely displays to your financial troubles was being a commission,
???? ??? ??? ?? //www.ilovesmart.com/jp/item.cfm?tid=148

Well I really liked reading it. This post procured by you is very effective for proper planning.
portafogli economici Louis Vuitton //www.hotelvillalauri.com/images/servizi/nklf.asp

mold inspection remediation [url= https://forums.dieviete.lv/profils/127605/forum/ ] https://forums.dieviete.lv/profils/127605/forum/ [/url] optical prescription