http://twitter.com/merveillesxx และ http://www.facebook.com/merpage
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
29 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
Versailles : คนไร้บ้านข้างแวร์ซายส์

โดย คันฉัตร รังษีกาญจน์ส่อง




(ตีพิมพ์ครั้งแรก - นิตยสาร FINE ART ฉบับที่ 59 / กันยายน 2552)


ถ้าพูดถึงภาพยนตร์ฝรั่งเศสที่มีกรุงปารีสเป็นฉากหลัง ภาพที่ปรากฏในใจของหลายคนคงเป็นภาพประเภทหนุ่มสาวแต่งตัวเก๋ไก๋นั่งอยู่ในร้านกาแฟหรูริมถนน ขณะจิบกาแฟไปพวกเขาก็จะสนทนาอย่างออกรสออกชาติ อาจเป็นการวิจารณ์ถึงหนังโรงหรือละครเวทีที่เพิ่งได้ดูเมื่อคืน หรือไม่ก็อาจเป็นเรื่องของปรัชญาชีวิต

กลุ่มชนชั้นกลาง (Bourgeoisie) เป็นตัวละครที่เราพบได้เสมอในหนังฝรั่งเศส ชีวิตของพวกเขาถูกบอกเล่าในหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะอย่างตรงไปตรงมาหรือเสียดสีแดกดัน แต่น้อยครั้งนักที่กลุ่มคนชั้นล่างจะมีพื้นที่ในหนังจากเมืองน้ำหอม

ในความเป็นจริงแล้วประเทศฝรั่งเศสเองก็มีปัญหาเรื่องความยากจนเช่นกัน มีรายงานว่าผู้คนกว่า 900,000 คน อยู่ในสถานะคนไร้บ้าน หรืออาศัยอยู่ในกระท่อม, เตนท์ หรืออะไรก็ตามที่พอจะเป็นที่ซุกหัวนอนได้ เมื่อปีที่แล้วเหล่าดาราดังๆ อย่าง คาโรล บูเกต์ และ เอมมานูเอล เบอาร์ต ก็เพิ่งออกมาประท้วงประเด็นนี้กับรัฐบาล

ไม่เพียงแต่ดารานักแสดงเท่านั้นที่เข้าไปมีเอี่ยวกับปัญหาคนไร้บ้าน แต่สื่อภาพยนตร์เองก็มีบทบาทเช่นกัน ในปี 2008 มีหนังอย่างน้อยสองเรื่องที่สะท้อนประเด็นที่ว่า เรื่องแรกคือ Les Enfants de Don Quichotte ซึ่งเป็นสารคดีบันทึกการประท้วงของเหล่าคนไม่มีที่อยู่ในปารีส

ส่วนอีกเรื่องคือ Versailles ของผู้กำกับ ปิแอร์ โชลเลอร์ ซึ่งเป็นหนังเล่าเรื่อง แน่นอนว่าหนังจะต้องเกี่ยวกับพระราชวังแวร์ซายส์แห่งมหานครปารีส ทว่าหนังไม่ได้เชิดชูความงดงามของพระราชวังนี้แต่อย่างใด แต่กลับเลือกเล่าถึงชีวิตของผู้คนเร่ร่อนที่อาศัยอยู่ในป่าบริเวณใกล้กับวังแวร์ซายส์ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าหนังเล่นกับการเสียดเย้ย (irony) ตั้งแต่ชื่อเรื่องเลยทีเดียว

Versailles เป็นงานกำกับเรื่องแรกของโชลเลอร์ โดยก่อนหน้านั้นเขารับหน้าที่เขียนบทในหนังหลายเรื่อง ตัวหนังเองได้การตอบรับที่ดีจากวงการภาพยนตร์ศิลปะ หนังได้เข้าประกวดในสาย Un Certain Regard ที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ และถูกเสนอเข้าชิงรางวัลหนังเรื่องแรก และนักแสดงนำชายบนเวทีซีซาร์ (ออสการ์ของฝรั่งเศส)



โชลเลอร์ให้สัมภาษณ์ว่าเขาได้แรงบันดาลใจในการทำหนังเรื่องนี้จากสองเหตุการณ์ด้วยกัน หนึ่ง-คือการไปพบข่าวของชายเร่ร่อนคนหนึ่งที่เสียชีวิจจากพายุรุนแรงในปี 2000 ในป่าบริเวณข้างวังแวร์ซายส์ และสอง-คือการที่เขาไปเดินเล่นในป่า ซึ่งทำให้โชลเลอร์ได้ภาพที่ชัดเจนของตัวละครเอกในเรื่อง

Versailles เริ่มเรื่องด้วยการเล่าถึง นีน่า คุณแม่ยังสาว และ เอนโซ่ ลูกชายวัยห้าขวบของเธอ ทั้งคู่เร่ร่อนไปมาตามที่ต่างๆ อย่างไม่มีจุดหมาย พวกเขานอนริมถนนบ้าง บนม้านั่งบ้าง หนังไม่ได้ให้ข้อมูลเลยว่าสองแม่ลูกเป็นใครมาจากไหน หรือเกิดอะไรขึ้นกับพ่อของเด็ก

ในฉากถัดมานีน่าและลูกชายถูกเจ้าหน้าที่สังคมสงเคราะห์พาไปที่พักชั่วคราวแห่งหนึ่ง ก่อนที่พวกเขาจะถูกปล่อยตัวออกมาแล้วกลับสู่วงจรชีวิตแบบเดิมๆ ในที่สุด จึงไม่น่าแปลกใจที่นีน่าจะดูไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ที่มาสอบถามประวัติจากเธอนัก หนังบอกเป็นนัยว่าเธอผ่านเรื่องแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ดูเหมือนนีน่าจะรู้แก่ใจว่าระบบเช่นนี้นั้นล้มเหลว และเธอไม่อาจพึ่งพามันได้

วันหนึ่งนีน่าและลูกพยายามจะเดินผ่านวังแวร์ซายส์ด้วยการทะลุลัดผ่านป่าข้างๆ ทั้งคู่หลงทางและได้พบกับชายหนุ่มลึกลับที่ชื่อ เดเมียง (นำแสดงโดย กิโยม เดอร์ปาดิเยอ*) หนังบอกกับเราว่าเดเมียงอาศัยอยู่ในกระท่อมป่านี้มาพักใหญ่แล้ว เขาไม่ได้ทำงานทำการเหมือนคนทั่วไป และพยายามจะหลีกให้ไกลจากตัวเมือง

นีน่าตัดสินใจค้างคืนที่กระท่อมของเดเมียง และแน่นอนในเมื่อนี่เป็นหนังฝรั่งเศส จึงเดาได้ไม่ยากว่าทั้งคู่จะมีเซ็กส์กัน แต่เรื่องราวก็เกิดความพลิกผลันขึ้น เมื่อเดเมียงตื่นขึ้นมาพบว่านีน่าหายไปแล้ว แต่เธอกลับทิ้งเด็กน้อยเอนโซ่ไว้กับเขา

แน่นอนว่าเดเมียงทั้งช็อค โกรธ และหัวเสียอย่างรุนแรง คนที่ปลีกตัวออกจากสังคมอย่างเขาคงไม่ต้องการรับเลี้ยงเด็กไว้แน่ เดเมียงถึงขั้นปล่อยเอนโซ่ไว้ที่ป้ายรถเมล์คนเดียว และให้หนูน้อยหาทางไปต่อเอง แต่ท้ายสุดเอนโซ่ก็กลับมาหาเขา จึงทำให้เดเมียงต้องยอมรับสถานะพี่เลี้ยงเด็กและพ่อคนไปอย่างกลายๆ



อย่างไรก็ดี ดูเหมือนว่าเดเมียงกับเอนโซ่ก็จะเข้ากันได้ดีทีเดียว โดยในขณะที่หนังให้เราเห็นถึงพัฒนาการในความสัมพันธ์ของทั้งคู่ หนังก็เริ่มเปิดเผยถึงสภาพการใช้ชีวิตในป่าของเดเมียง นั่นคือเดเมียงไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวในป่าแห่งนี้ เขามีเพื่อนบ้านอีกมากมายที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง

นั่นหมายความว่ามีสิ่งที่เรียกว่า ‘ชุนชม’ เกิดขึ้นในป่า เหล่าชายหญิงกลุ่มนี้จงใจอาศัยอยู่ในกระท่อมที่ห่างไกลความเจริญ หนังเปิดเผยว่าบางคนเต็มใจจะอยู่ที่นี่ บางคนเคยมีประวัติเข้าคุกมาก่อน (แต่แน่นอนว่าหนังเก็บภูมิหลังของเดเมียงไว้เป็นความลับ) พวกเขามีอุดมการณ์ร่วมกันในการหนีห่างให้ไกลจากระบบของสังคม แต่พร้อมกันนั้นก็ต้องคอยระแวงอำนาจรัฐในรูปของตำรวจที่อาจมากวาดล้างพวกเขา

ฟังดูแล้วชุมชนในป่านี้ก็เหมือนโลกยูโทเปีย แต่แน่นอนว่ามันไม่มีทางคงอยู่ได้ตลอดกาล หนังในช่วงหลังเพิ่มสถานการณ์ตึงเครียดเข้ามา เริ่มจากผู้นำชุมชนป่าถูกฆ่า, กระท่อมของเดเมียงถูกไฟไหม้ และตัวเขาเองก็เจ็บป่วยอย่างหนักจนต้องเดินทางไปยังโรงพยาบาลในเมือง นั่นคือการแสดงให้เห็นว่าชุมชนอุดมคติได้ถูกทำลายแล้ว และตัวของเดเมียงเองก็ยังต้องพึ่งพาระบบสังคมอยู่

หนังเน้นย้ำถึงการกลับมาพึ่งพิงในระบบของเดเมียง ด้วยการที่เขาตัดสินใจพาตัวเองและเอนโซ่กลับมาอยู่ที่บ้านของครอบครัวอีกครั้ง ราวกับเดเมียงจะเริ่มตระหนักได้ว่าโลกที่เขาฝันไว้ไม่มีอยู่จริง เขาส่งเอนโซ่เข้าศึกษาในโรงเรียนตามแบบเด็กคนอื่นๆ ส่วนตัวเขาเองก็รับจ้างทำงานก่อสร้างอย่างแข็งขัน

ทุกอย่างดูเหมือนจะกลับเข้าสู่ครรลองที่ถูกที่ควร แต่ในฉากหนึ่งเอนโซ่ก็พูดกับเดเมียงว่าอยากกลับไปที่ ‘บ้าน’ -กระท่อมในป่า- อีกครั้ง เดเมียงไม่พูดโต้ตอบอะไรทั้งสิ้น เขานิ่งเงียบ และสายตาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าอันว่างเปล่า

นี่คืออีกคำถามสำคัญที่ Versailles ฝากไว้กับคนดู นั่นคือการคิดคำนึงถึงนิยามอันแท้จริงของบ้าน เพราะดูเหมือนว่าสิ่งปลูกสร้างที่มีหลังคาคลุมหัวนั้นอาจไม่เพียงพอที่จะเรียกว่าบ้านได้อย่างเต็มปาก




* กิโยม เดอร์ปาดิเยอ : นักแสดงคนสำคัญของวงการหนังฝรั่งเศส เขาเพิ่งเสียชีวิตจากโรคปวดบวมเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว นักวิจารณ์ตั้งข้อสังเกตว่าเขาเก่งกาจมากในการแสดงบทเศร้าโศกอมทุกข์ หนังสำคัญของเขา ได้แก่ Pola X (1999, ลีโอ การากซ์) และ Don't Touch the Axe (2007, ฌาคส์ รีแว็ตต์)



Create Date : 29 ตุลาคม 2552
Last Update : 29 ตุลาคม 2552 1:18:59 น. 7 comments
Counter : 5730 Pageviews.

 
อ่านแล้วคิดถึุง The Village

น่าดูๆ


โดย: Seam - C IP: 58.11.29.129 วันที่: 29 ตุลาคม 2552 เวลา:12:14:32 น.  

 
จะว่าไป ความเหลื่อมล้ำในสังคมฝรั่งเศสก็มีมานาน
เห็นชัดเจนตั้งแต่ศตวรรษที่ 17 (ยุคบาโร้ค)

เราอาจได้ยินเรื่องราวของคนชั้นสูงในฝรั่งเศส
รวมถึงเรื่องในราชสำนักแวร์ซายส์มามาก

แต่ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องราวความยากจนในคนฝรั่งเศสทั่วไป
ซักเท่าไหร่นัก


โดย: เอกภพสีน้ำเงิน IP: 124.157.173.150 วันที่: 30 ตุลาคม 2552 เวลา:17:23:25 น.  

 
ไม่เคยดูหนังอมทุกข์ของผู้กำกับคนนี้สักเรื่อง


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 1 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:46:59 น.  

 
ไม่ค่อยได้ดูหนังนอกกระแสเลยพักนี้
ไบโอสโคปก็หาอ่านไม่ได้ เฮ่อ


โดย: joblovenuk วันที่: 1 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:32:52 น.  

 
พลาดไป ไม่ได้ดูเรื่องนี้

แต่ได้ดู Pola X ซึ่งต้องดูขยักขย่อนถึงสามรอบเพราะหลับกลางเรื่องทุกที -*-


โดย: เอกเช้า IP: 115.87.72.117 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:24:27 น.  

 
ดีใจได้อ่านงานเขียนเกี่ยวกับหนังจากน้องเมออีกครั้งบนหน้าบล็อก (ถึงจะตีพิมพ์ลงหนังสือมาแล้วก็เถอะ)

แบบเหมือนมันห่างหายไปนานเลย



โดย: cottonbook วันที่: 8 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:45:48 น.  

 
เล่าได้อารมจนอยากดูหนังมากครับ....
แต่ผมคิดว่าการอธิบายผสมการวิจารย์ของคุณเนี่ยน่าสนใจกว่าหนังอีก
เพราะเข้าใจง่าย
และอธิบายนัยยะจนอยากไปดูหนังจิงๆว่าเขาใช้มุมกล้องยังไง
จะรออ่านหนังเรื่องต่อๆไปนะคับ

firstforfun mentoring house
www.firstforfunclub.com


โดย: FIRSTFORFUN IP: 203.144.144.164 วันที่: 3 มีนาคม 2553 เวลา:1:14:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

merveillesxx
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




สำส่อนทางการดูหนัง ฟังเพลงและเสพวรรณกรรม
New Comments
Friends' blogs
[Add merveillesxx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.