Vibrator แรงสะเทือน
ถึงหัวใจ
โดย merveillesxx
ออนไลน์ครั้งแรก: //www.bioscopemagazine.com/review/index-in.php?id=10554 (29 สิงหาคม 2547)
ตีพิมพ์ครั้งแรก: นิตยสาร Bioscope ฉบับที่ 38 (มกราคม 2548 หน้าปก The Aviator) หน้า 89-90 **แต่เนื่องจากความผิดพลาดในการจัดอาร์ตเวิร์กทำให้ชื่อของผมหายไป แต่ทีมงานได้ชี้แจงไว้ที่ //www.bioscopemagazine.com/webboard/index-in.php?id=13613 แล้วครับ
ดูเหมือนว่าในวงการหนังเอเชีย ผู้ทำหนังบางกลุ่มยังคงมุ่งหน้านำเสนอประเด็นความอ้างว้าง ความเหงา ความเปล่าเปลี่ยว ความแปลกแยกของปัจเจกชน ท่ามกลางยุคสมัยใหม่ที่กระแสสังคมวิ่งเร็วจนใครบางคนตามไม่ทันหรือปฏิเสธที่จะวิ่งตามมัน
What time is it there? บอกเล่าความเหงาผ่านนาฬิกา ความต่างของเวลา-ระยะทาง และหนัง The 400 Blows ของฟรองซัวส์ ทรูฟโฟต์ Kairo (Pulse) บอกเล่าด้วยอินเตอร์เน็ตและผี All About Lily Chou-Chou เล่าผ่านเว็บบอร์ดและทุ่งหญ้าสีเขียว Suicide Club ยิ่งไปไกล
เพราะเล่าด้วยการฆ่าตัวตายหมู่ แต่ Vibrator ของฮิโรกิ เรียวอิชิบอกเล่าถึงความเหงาด้วยรถบรรทุก!
เฉกเช่นเรื่องอื่นๆ ตัวละครทั้งสองในเรื่องล้วนมีความป่วยไข้ทางจิตใจ นางเอกหน้าป่วยของเรา (ชิโนบุ เทราชิม่า น่าจะเป็นอีกชื่อที่ต้องจดจำไว้เพราะตีบทแตกละเอียดซะขนาดนั้น) ใช้ชีวิตด้วยความเดียวดาย มีเหล้าเป็นเพื่อนตาย (เธอบอกว่ากินเหล้าเพื่อจะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงของใครๆ รวมทั้งเสียงจิตใต้สำนึกของตัวเอง) มีเสียงที่ส่งกระแสความคิดดังก้องอยู่ในหัวเธอเสมอ โดยเหมือนว่าเธอจะไม่รู้แหล่งที่มาของมัน สิ่งนั้นทำให้เธอสับสนถึงขนาดซื้อไวน์ขวดหนึ่งยังทำไม่สำเร็จ หนังแสดงถึงเสียงนั้นด้วยวอยซ์โอเวอร์ (อันคล้ายกับตัวละครในหนังของหว่องกาไว ซึ่งเขากล่าวว่าได้ไอเดียมาจากการที่ต้องออกไปถ่ายหนังบ่อยๆ จนภรรยาของเขาที่อยู่คนเดียวต้องพูดคุยกับตัวเอง!) และยังแสดงความนึกคิดของเธอการใช้ตัวอักษรขึ้นบนจอสีดำ (คล้ายกับเรื่อง All About Lily Chou-Chou)
ในร้านมินิมาร์ทเธอได้พบกับชายขับรถบรรทุก (นาโอะ โอโมรุ ที่ไม่น่าเชื่อว่าเขาคือ อิจิ จากเรื่อง Ichi The Killer) จนไม่รู้ด้วยแรงดลใจอันใดที่ทำให้เธอยอมตะลอนทัวร์ขึ้นรถบรรทุกกับเขาไปเสียอย่างนั้น พระเอกของเราดูจะปกติกว่านางเอก แต่ในความจริงแล้วเขาก็ป่วยไม่แพ้กัน ทั้งการที่ต้องใช้วิทยุสื่อสารเป็นเพื่อนแก้เหงา การโกหกว่ามีลูกเมีย มีสาวมาตามตื๊อ หรือการพูดคุยคนเดียว (ตามที่นางเอกบอกว่า ประโยคที่คุณพูดมา ฉันคิดว่าตอนที่คุณอยู่คนเดียว คุณก็คงจะพูดแบบนี้ ดังนั้นฉันคงไม่ต้องตอบรับมัน)
หลังจากนั้นเนื้อเรื่องก็ไม่มีอะไรนอกจากการพูดคุยของทั้งสองบนรถบรรทุก (และแซมด้วยฉากเมคเลิฟบ้างพอประมาณ) ซึ่งล้วนแต่เป็นเรื่องธรรมดาเช่น เส้นทางรถ, ชีวิตที่ผ่านมา, รหัสลับในการใช้วิทยุสื่อสาร ฯลฯ แต่ทว่าในการพูดคุยนั้นกลับมีบางสิ่งที่ก่อตัวขึ้น
หากเปรียบแล้วการพูดคุยของทั้งสองก็ถือเป็นการจูนคลื่นเข้ากัน ทั้งสองนั้นคือคลื่นวิทยุที่ล่องลอยอยู่ในกระแสอากาศที่มิอาจจับต้องได้ ล่องลอยอยู่นานแสนนาน อยู่กันคนละช่องสัญญาณ จวบจนวันที่ทั้งสองมาเจอกัน คลื่นสัญญาณจึงสื่อสารถึงกันได้
เรื่องนี้คล้ายคลึงกับ Sputnik Sweetheart ของฮารุกิ มุราคามิ ในเรื่องกล่าวว่าสปุตนิกนั้นมีความหมายในสองแนวทาง หนึ่ง-คำนี้แปลว่าเพื่อนร่วมทาง สอง-แต่สปุตนิกคือดาวเทียมที่ถูกส่งไปโคจรในห้วงอวกาศ ดังนั้นเมื่อดาวเทียมสองดวงมาพบกัน ไม่ช้าไม่นานต่างก็ต้องโคจรกันไปคนละทิศทาง
การจูนคลื่นหาของทั้งหมายทำให้ความหมายที่สองแปรเปลี่ยนเป็นความหมายที่หนึ่ง
.
แม้ว่าตัวละครทั้งสองจะมีลักษณะห่างไกลกับหนังรักเรื่องอื่น ๆ อยู่มาก พระเอกก็ไม่หล่อนางเอกก็หน้าป่วย ชื่อเสียงเรียงนามของทั้งคู่ถูกละเลย แถมเจอกันครั้งแรกก็มีสัมพันธ์ล้ำลึกกันแล้ว แต่เซ็กส์ของทั้งคู่เป็นชนิดที่ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยความอบอุ่น มากกว่าคนที่ตกอยู่ในห้วงแห่งความหื่นกระหาย ดังนั้น Vibrator น่าจะถือเป็นเลิฟสตอรี่ของแท้ได้อีกเรื่องหนึ่ง
การที่ทั้งสองมาอยู่ในช่องสัญญาณเดียวกัน สร้างทำเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในชีวิต เสียงในหัวของนางเอกหายไป เป็นนัยว่าจากที่ต้องพูดคุยกับตัวเองมาแสนนานในที่สุดเสียงนั้นก็หายไป เพราะเธอพบคนที่จะพูดคุยด้วยแล้ว (ถึงตรงนี้จะสังเกตได้ว่าเสียงวอยซ์โอเวอร์เป็นกระแสความคิดที่หลั่งไหลทั้งของตัวเธอเองและคนอื่นๆ แต่อักษรที่ขึ้นบนจอสีดำเป็นความต้องการ-ความรู้สึกที่แท้จริงของเธอ)
ส่วนพระเอกที่ทำทีเป็นพูดว่าจะเลิกเล่นวิทยุสื่อสารเพราะรำคาญพวกยากูซ่า แต่ความจริงน่าจะเป็นเพราะเขาค้นพบคลื่นที่ตามหามานานเสียที อีกทั้งเขาให้นางเอกขับรถบรรทุก ยอมให้เธอนั่งที่คนขับแทนเขา ประหนึ่งจะบอกว่า เธอได้มานั่งในหัวใจฉันแล้ว
แต่มุราคามิก็บอกกับเราอีกว่า ชีวิตของเราเป็นแต่เพียงภาพหลอนลวงตาชั่วขณะ สักวันโลกความเป็นจริงก็จะกระชากลากเรากลับไปยังโลกเก่าของเรา หลังจากนางเอกไปนั่งรถเล่น 2-3 วัน เธอก็ต้องกลับสู่โลกของเธอ เมื่อเขาขับรถจากไป เธอผิวปากอันเป็นรหัสลับในการเล่นวิทยุสื่อสารว่าตัดสัญญาณ เหมือนจะบอกว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วงฉัน
ดังเช่น Lost in Translation ส่งสารกับเราไว้ว่า คนบางคนมีความหมายต่อชีวิตเรา แต่อาจจะไม่ได้อยู่กับเราทั้งชีวิต
ท้ายสุดนางเอกกลับมายังจุดเริ่มต้น-ร้านมินิมาร์ท เสียงในหัวเลือนไป เธอซื้อไวน์ได้เสียที เธอน่าจะหายจากโรคอนาเรคเซีย เพราะเธอค้นพบแล้วว่าเธอไม่ได้อยากกินอะไร แต่ถูกรอคอยวันที่ถูกกลืนกิน และเขาก็ได้ทำสิ่งนั้นไปแล้ว
หากจะให้เดาว่าชื่อหนัง Vibrator ต้องการบอกถึงอะไร มันคงบอกเล่าถึงแรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นจากการที่คนสองคนมาพบกัน ทั้งสองเปรียบเหมือนไวเบรอเตอร์ ที่สร้างแรงสะเทือนที่ไปถึงหัวใจซึ่งกันและกัน เป็นแรงผลักดันของชีวิตต่อไป
แหล่งที่มาของแรงสั่นสะเทือนนั้นจะเป็นอะไรได้เล่านอกจาก
ความรัก
Create Date : 29 ธันวาคม 2547 |
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2548 16:34:57 น. |
|
2 comments
|
Counter : 3108 Pageviews. |
|
|
|
เขียนน่ารักดีนะฮะ
จากคุณ : ไกรวุฒิ : - [ 07 กย. 2004 02:11:02 ]
เขียนได้ดีมากๆเลยครับ
เก็บรายละเอียดได้ดีมากๆ (บางจุดผมลืมไปเลย
เช่นการผิวปาก)
ผมตกหลุมรักหนังเรื่องนี้ตอนดู
พอมาอ่านที่คุณเขียนก็ชอบมันเข้าไปอีก
จากคุณ : lakari : top_krub@hotmail.com - [ 09 กย. 2004 02:30:20 ]