French Film Festival 2009
by merveillesxx
French Film Festival 2009 19 June - 1 July 2009 at SFW Central World
1. On the Ropes (2007, Magaly Richard-Serrano, A)
- ชอบฉากจบ และการตัดสินใจของนางเอกมากๆ
2. I've Loved You So Long (2008, Philippe Claudel, A)
- ค่อนข้างชอบทุกอย่างในหนัง แต่เกลียดการคลี่คลาย + การเฉลยในหนังในฉากสุดท้ายอย่างรุนแรง
- กราบตีนทั้ง Kristin Scott Thomas และ Elsa Zylberstein (คนหลังชนะซีซาร์สมทบหญิง)
- ฉากที่ชอบมากๆ
1) ฉากที่นางเอกเดินออกจากวงโต๊ะกินข้าว แล้วมาจ้องกองไฟ
2) ปฏิกิริยาของนางเอกตอนที่ถูกแม่กอด
3. Largo Winch (2008, Jerome Salle, B)
- หนังงั้นๆ แต่นักแสดงนำหล่้อและน่ารัก Q&A สนุกสนาน เฮฮา และบ้าบอดี (คนแห่ไปถ่ายรูปพระเอกตรึม 555)
4. Public Enemy Part 1 (2008, Jean-François Richet, B+)
- ชอบฉากเปิดตัวของ Cecile De France มากๆ
- หนังเรื่องนี้ใช้ split screen เยอะมาก ปกติจะไม่ค่อยชอบเทคนิคนี้เท่าไร แ่ต่รู้สึกชอบฉากแบ่งจอตอนที่ Vincent Cassel โทรไปหา Cecile De France มากๆ
5. Modern Love (2008, Stephane Kazandjian, B+)
- just another หนัง rom com ฝรั่งเศส (คุณคงนึกภาพออกว่ามันเป็นอย่างไร) แต่มันก็ดูเพลินๆ ดี
- หนังพยายามบอกอยู่เรื่อยๆ ว่า "Love is not like in the movies" ซึ่งดิฉันก็มีคำถามตลอดเวลา "So what!?"
6. All About Actresses (2009, Maiwenn Le Besco, A+) **highly recommended**
- หนังที่ตลกที่สุดเท่าที่ได้ดูมาในปีนี้
- เฮี้ยนสุด: ฌาน บาลิบาร์
- สติแตกสุด : จูลี่ เดอปาดิเย
- ชนะเลิศที่สุด : ฉากมิวสิเคิลของ ชาร์ล็อต แรมปลิ้ง
- แหม ไหนๆ หนังก็เอา วีวอง อัตตัล มาเล่นแล้ว ก็น่าจะลาก ชาร์ล็อต แกงบูร์กส์ มาร่วมด้วยให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเสียเลย
7. Seraphine (2008, Martin Provost, A)
- หนังอีกเรื่องที่สอนให้รู้ว่า "ศิลปินย่อมเป็นบ้า!!!"
- เหนื่อยกับการดู 20 นาทีแรกของหนังมาก เนื่องจากก่อนหน้านี้เพิ่งดูหนังสนุกๆ อย่าง All About Actresses มาหมาดๆ ก็ใช้เวลาสักพัก จึงปรับ 'คลื่น' เข้าหาหนังเรื่องนี้ได้
- ชอบที่หนังโยงกับเหตุการณ์ครั้งโลก และ great depression โดยไม่ต้องไปโฟกัสตรงเหตุการณ์นั้นๆ มากนัก
- สิ่งที่ชอบที่สุดในหนังคือ การถ่ายภาพพวกต้นไม้ใบหญ้า และการบันทึกเสียงลม (ซึ่งทำให้รู้สึกดีใจที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรง) และสิ่งเหล่านี้มีผลทำให้ฉากจบของหนังทรงพลังมากๆ (แม้ว่าจะ long take แบบ art house cliche ไปหน่อยก็ตาม)
- ตลกดี พี่ MdS บอกว่า ฉากชุดแต่งงานของนางเอก ความจริงเป็น performance art อย่างหนึ่ง แต่อีพวกชาวบ้านดันไม่เก็ทเอง 555
8. Public Enemy 2 (2008, Jean-Francois Richet, B)
- ชอบภาคแรกมากกว่าเหมือนกัน
- ภาคนี้กลายเป็นหนังตลกไปเลย ใส่มุกมาเยอะเหลือเกิน
- รำคาญฉากสุดท้ายมากๆ หนังพยายามจะบิวด์เหลือเกิ๊นนน แต่ดิฉันไม่รู้สึกอะไรไปกับมันเลย ดิฉันคิดเพียงว่า "เมื่อไร แวงซองต์ คาสเซล จะตายเสียที กูปวดฉี่เว้ยย"
- ฉากเดินแบบเปิดตัวของ ลูดิวีน ซานิเยร์ ชนะเลิศมาก จนรู้สึกเสียดายว่าเธอควรจะอยู่ในหนังเรื่อง All About Actresses มากกว่า เพราะเธอน่าจะสู้เหล่านางๆ ทั้งหลายได้
9. The First Day of the Rest of Your Life (2008, Remi Bezancon, A-)
The structure of the film is very interesting. All actors have contribute a great performance esp. Marc-Andre Grondin. Unfortunately, the film has some issues which I can't feel into them such as a family value, the beauty of having a baby. Nevertheless, I love the songs of David Bowie and Lou Reed in this film.
10. Versailles (2008, Pierre Scholler, A-)
I don't like this film much but I still love Guillaume Depardieu's performance. I more I see the film the more I miss him. (Guillaume died last year.) Anyway, I would give A++++++ to the film if it ended with the departed scene because I quite dislike the real ending.
11. Fear(s) of the Dark (2007, A)
(ชื่อตอนแต่ะตอน ผมถือวิสาวะตั้งเองแบบมั่วๆ 5555 ไม่รู้หนังแต่ละตอนมันมีชื่อของมันรึป่าว ค้นแล้วไม่เจอ)
- When the Dogs Bite Back ตอนหมา (A) เนื้อเรื่องเฉยๆ ไม่ลึกซึ้งอะไร แต่ชอบลายเส้นในตอนนี้มากๆ และตอนจบในแบบสนองนี้ดคนดู (แต่ฝรั่งข้างๆ เบือนหน้าหนี)
- The Lustful Insect ตอนแมลง (A+) อารมณ์เหมือนการ์ตูนผีญี่ปุ่นเหมือนที่คุณ Eakearly บอกจริงๆ / ชอบลายเส้นที่เหมือนจะแข็งๆ ของตอนนี้ด้วย
- Sumako and her Endless Nightmare ตอนญี่ปุ่น (B+) ลายเส้นมันตลกอ่ะ แล้วคนญี่ปุ่นพูดฝรั่งเศสปร๋อ เลยรู้สึกแปลกๆ
- My Disappearing Friend ตอนจระเข้ (A+) เป็นตอนที่ชอบที่สุด รู้สึกว่ามันซึ้งดี แล้วก็ทิ้งความพิศวงไว้ให้เราคิดต่อ
- The Incomprehensible Speech of the Abstract Shapes ตอนที่เป็นภาพขาวดำเปลี่ยนไปมา (B) สารภาพว่าไม่รู้เรื่อง (ตอนนี้นอกจากศัพท์แสงจะค่อนข้างยากแล้ว ซับยังอ่านยากมากๆ ด้วย เพราะพื้นเป็นสีขาว)
- Alone (?) in the Dark ตอนบ้าน (A+) มุกเหมือนละครผีในรายการมิติพิศวงเลย แต่พอทำเป็นแอนิเมชั่นแบบนี้แล้วเจ๋งดีแฮะ
โดยรวมรู้สึกหนังมันไม่ได้ดีอะไรมากนะ แต่ก็ชอบที่มันพูดถึงความชั่วร้ายทั้งหมด เป็น 80 นาทีที่มีความสุขมาก
12. Captain Achab (2007, Philippe Ramos, A+)
- หนังที่เฮี้ยน อาร์ต และเซอร์ ที่สุดในงาน สังเกตได้จากจำนวนคนเดินออก (เค้าอาจจะหวังมาดู ไพเรท ออฟ เดอะ คาริบเบียน กัน แต่ทว่า...)
- ชอบโครงสร้างเซอร์ๆ ของหนังเรื่องนี้มาก เช่น
1. การเล่าเรื่องแบบ 1 > 2 > 3 แล้วข้ามไป 9 > 10 เลย
2. มุมของแต่ละตอนมาจากคนอื่นที่ไม่ใช่พระเอก /เสียงวอยซ์โอวเอร์ที่มาก่อนตัว (ดูช่วงแรกๆ ของแต่ละคนจะงงมากว่า อีนี่ใคร)
3. ปลาวาฬโผล่มาฉากสุดท้าย!! / การใช้หนังข่าว
- ฉากที่ชอบมากๆ คือ ช่วงตอนที่ 1 ที่พ่อของพระเอกเอามีดบุกไปหาเมียกับชู้ ชอบการเคลื่อนกล้องตอนที่ยัยเมียเด็กถอยหนีๆๆๆ ออกมาจากกล้องมากๆ นอกจากนั้นยังชอบที่ช่วงที่หนังตั้งใจจัดภาพให้ลาอยู่ตรงกลางตลอดเวลา (สงสัยจะทริบิวต์ให้เรื่อง Au hasard Balthazar ของเบรสซง 555)
- ฉากร้องไห้ตอนสุดท้ายของ Dominique Blanc ทรงพลังมาก
- ตอบ น้อง nanoguy
สำหรับเรื่อง Capitaine Achab ในแง่ emotional เราไม่อินกับตัวพระเอกเลย
แต่สิ่งที่เราอินมากๆ (และชอบมาก) คือหนังมันไม่เชิดชูพระเอกในแบบ heroic ดี และยังเน้นย้ำกด้วยความพระเอกสร้างความชิบหายให้กับทุกคนจริงๆ โดยเฉพาะ อันนา ผู้หญิงที่เสียผัวไปเพราะทะเล แล้วก็พยายามจะเอาพระเอกเป็นตัวแทนของผัว แต่สุดท้ายพระเอกก็หนีไปกับทะเล (ฉาก monologue ตอนสุดท้ายของเธอเศร้ามากๆ เลยที่พูดประมาณว่า ฉันจะเป็นหินก่อนนั้น ประตูบานนี้จะปิดตลอดไป อะไรสักอย่าง) หรืออย่างตอนสุดท้ายที่พวก Starbuck กับลูกเรือต้องผจญชะตากรรมแสนซวย
อีกฉากหนึ่งที่ิติดตาเรามากๆ ใน Capitaine Achab คือฉากความฝันของพระเอก ที่ไปอยู่ใต้โครงกระดูกปลาวาฬ
อย่าง ไรก็ดี สิ่งที่ทำให้เราเซ็งมากๆ ในหนังคือ เด็กที่แสนน่ารักในสามตอนแรก เหตุใดถึงโตมาเป็นคนทรุดโทรมได้ขนาดนี้ในตอนที่ 4 และ 5 ฮ่าๆๆๆๆ
13. Those Who Remain (2007, Anne Le Ny, A+/A)
- สิ่งที่ชอบในหนังเรื่องนี้
1. ตอนแรกอ่านเรื่องย่อนึกว่าตัวพระเอกนางเอกเป็นคนป่วยเสียอีก ซึ่งนั่นคงน่าเบื่อน่าดู แต่พอหนังเล่าในมุมของ ผัว/เมีย ของคนป่วย ันเลยน่าสนใจดี
2. ชอบที่หนังไม่ให้เราเห็นตัวละคร ผัว/เมียที่ป่วย ของพระเอก/นางเอก เลย
3. หนังเหมือนจะพูดเรื่อง moral dilemma แต่ก็ดีตรงที่มันไม่ได้สั่งสอนอะไรเราเท่าไร แต่ให้เราคิดเองมากกว่า
4. ตัวละครทุกตัวในหนังเรื่องมีความสัมพันธ์แบบ love-hate (คนรัก / ครอบครัว / พี่น้อง / คนไข้-หมอ) ซึ่งคิดว่าหนังทำตรงนี้ได้กลมกล่อมดี
5. ชอบสีหน้าของ Emmanuelle Devos มากๆ รู้สึกว่าหน้าของเธอมันมีอารมณ์ความเสียดเย้ย หรือขำปนเศร้า (อะไรเทือกๆ นั้น) ตลอดเวลา
- ตลกดีที่มีฉาก Vincent Lindon กวนหนวดด้วย เลยคุยกันเล่นๆ ว่า บางที Those Who Remain อาจจะเป็น prequel ของหนังเรื่อง The Moustache (2005, Emmanuel Carrere) ที่ Vincent Lindon + Emmanuelle Devos เล่นคู่กัน
จบงานฝรั่งเศส
โปรแกรมหน้า หนังสั้นมาราธอน และ ลาฟ ดิแอซ
Create Date : 13 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 13 กรกฎาคม 2552 14:56:29 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1750 Pageviews. |
|
|
|
|
|