So Sad Bad Day
ดึกแล้วนะ มาคุยกันหน่อยสำหรับค่ำคืนวันแรงงาน 1 พ.ค. ช่วงนี้วุ่นวายกับภารกิจหลักคือการสอนและการตรวจงานท้ายๆ เทอมอยู่พอสมควร บางส่วนก็หาเรื่องเพิ่มเติมให้ชีวิต เช่น ทำงานวิจัย ทำโครงการ (หาเรื่องใส่ตัวทั้งนั้น) เมื่อเช้าไปนำเสนอโครงการให้อธิการบดีฟัง ท่านก็เรียกชื่อเล่นเรา (รู้จักได้ไง) แล้วเรียกไม่พอ มีคำนำหน้าว่า "ไอ้..." ด้วย เราก็งง เดี๋ยวนะ สนิทกันตอนไหนคะ นี่เรียกเพราะความเอ็นดู หรือว่าเรียกเพราะความเกลียดชัง 555 เราก็นำเสนอแบบรวดเร็ว ไม่ได้ตั้งใจจะให้ผ่านหรอก ในใจไม่อยากให้ผ่านเพราะคิดว่าจะอยู่ทำให้ไม่ทันแล้วล่ะ มโนว่าจะได้ลาออก สรุปว่าให้ผ่านเฉย โดยที่ไม่ถามอะไรเลย มีแต่บอกว่า รีบทำเลยนะ ให้เสร็จภายใน 1-2 เดือนนี้ เพราะจะเอาไปใช้แล้ว ใจเราก็เซ็งเล็กน้อย จะทำทันเหรอ??? เรามีธุระเยอะนะ (มโนอีกแล้ว) แล้วยังไม่พอ ผู้ช่วยอธิการฯ บอกว่าทำหนังโฆษณาแบบนี้ให้ม.ด้วยสิ เราเลยว่า "เอาอันนี้ก่อนมั้ยคะ ไม่รู้จะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า" 555 ตลกไปก่อนล่ะช่วงเช้า พอตกบ่าย มีโทรศัพท์มา บอกว่าเอกสารที่เราสมัครงานไปน่ะ ไม่ครบ ใบรับรองการทำงานที่นี่ เขาไม่ต้องการ แต่เขาต้องการใบรับรองการทำงานจากบริษัทเก่าที่เราเคยทำงาน ซึ่งเป็นประสบการณ์วิชาชีพ 5 ปีที่ระบุไว้ในประกาศ เราก็อึ้งดิ จะให้เราไปหาจากไหนวะ มันผ่านมาแล้วสิบปี บางบริษัทก็ปิดไปแล้ว บางบริษัทฝ่ายบุคคลก็ล้มหายตายจากไปหมดแล้ว ใครจะรับรองให้วะ อาจจะมีที่ฝ่ายบุคคลที่นี่ หากเราไปขอ เขาก็รู้ว่าเราจะเอาไปสมัครงานใหม่เป็นแน่แท้ ชีวิตเราก็คงไม่เหลือดี เรารีบไลน์บอกแม่กับพี่ๆ อยากให้แม่อ่านและตอบมากที่สุด แต่แม่ก็ยังไม่อ่าน เราปรึกษาเพื่อนที่เคยทำงานด้านบุคคลของบริษัทเอกชนฝรั่ง มันก็แนะนำดีนะ เราก็โอเค ลองดู โทรกลับไปยังฝ่ายบุคคลคนเดิมว่าเราไม่สามารถหาได้ และขอเป็นผลงานแทนได้มั้ย เขาบอกย้ำกลับมาว่า "ไม่ได้ค่ะ เราค่อนข้างเป๊ะเรื่องเอกสาร ต้องใช้เอกสารตามที่ประกาศเท่านั้น ถ้ามีประกาศรับสมัครใหม่ ก็ลองใหม่นะคะ" สิ้นสุดการสนทนา พร้อมกับน้ำตาคลอหน่วยของข้าพเจ้า อย่างกับถูกคนรักปฏิเสธความสัมพันธ์ว่า "เราเลิกกันเหอะ เพราะเราไม่คู่ควรกัน" บัดซบจริง เหมือนอกหักครั้งที่ร้อย!! ระหว่างนั้นเราเครียดเลย สิวขึ้นพร้อมกันทันที เราเขียนเมลไปหาผู้บริหารของที่เราสมัครซึ่งก่อนหน้านี้เขาเป็นคนส่งลิงค์สมัครงานให้เรา เราแจ้งว่าเราได้สมัครงานแล้ว แต่ถูกปฏิเสธ ด้วยเหตุผลดังกล่าว เราหน้าด้านขอโอกาสเขาตรงๆ แต่ถ้าไม่พิจารณาก็ไม่เป็นไร จากนั้นแม่เราตอบไลน์กลับมา บอกว่าหยุด ไม่ต้องทำอะไรแล้ว ไม่ต้องคุย หรือขออะไรกับใครทั้งนั้น ถ้าเขาอยากได้เรา ให้เขาติดต่อมาเอง เราอ่านแล้วน้ำตาจะไหล คราวนี้ไม่ใช่เสียใจ แต่นับถือใจแม่ เด็ดเดี่ยวเดียวดายกลางท้องเลกว่าเราเสียอีก ไอ้ที่คิดว่าแม่คงโอดครวญหรือให้เราง้อเขา ไม่เลย แม่ไม่แยแสสักนิดเดียว หยิ่งมาก ศักดิ์ศรีสุดๆ เราบอกว่าเราฝันสลายวันดอกฝ้ายบานไปแล้ว เคยฝันว่าจะได้นั่งเย็บผ้าที่บ้าน ได้ซื้อมอเตอร์ไซค์สักคัน อดแล้ว จะร้องไห้แล้วด้วยความเสียใจ แม่บอกว่าไม่ต้องเสียใจ เดี๋ยวแม่ซื้อจักรให้ ดู๊ดูแม่เรา ปลอบใจลูก ไม่อยากให้ลูกเสียใจ ทั้งที่แม่ฝันมากกว่าเราอีก แม่บอกว่าให้ตั้งใจทำงานต่อไป จะได้เป็นคณบดี เราว่าเราคงได้เป็นอธิการบดีมากกว่า 555 ที่หนักกว่านั้น แม่ยังแอบแค้นฝังหุ่น บอกว่าทวงเงินค่าสมัครคืนด้วย ถ้าเอกสารเราไม่ครบก็แสดงว่าเราสมัครไม่ได้ ก็ต้องคืนเงิน 300 บาทมา เออ เราลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีค่าธรรมเนียมการสมัครด้วย เสียค่าโง่ให้เขาตรวจเอกสารไม่กี่แผ่นแล้วบอกว่าไม่ผ่านตั้ง 300 บาทแน่ะ ตอนเย็นแทบจะกินข้าวกินปลาไม่ลง (กินเค้กแทน) อยากจะให้พายุฝนฟ้ากระหน่ำฟ้าผ่าเราตายไปซะจริงๆ แม้ว่าแม่จะสรุปจบให้เสร็จสรรพแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังตะขิดตะขวงใจอยู่ ว่าเราคุณสมบัติไม่ผ่าน เพราะไม่มีใบผ่านงานเมื่อสิบปีที่แล้วเหรอวะ 5555 ขำในโชคชะตาตัวเอง ที่กูเขียนใบสมัคร 6 หน้าไม่ได้มีผลอะไรเลยใช่มั้ย จะดูแต่อดีต ไม่เน้นปัจจุบัน เราก็คิดว่ามีแต่ม.เราเท่านั้นที่งี่เง่ากับคุณสมบัติบางข้อ แต่เจ้านี้ยิ่งกว่าแถมหนักกว่าด้วยซ้ำ ตอนค่ำเพื่อนเก่าโทรมาไถ่ถาม เราก็เล่าให้ฟัง ว่าเราจะอยู่ได้ยังไง ออกฤทธิ์ออกเดชไว้เยอะเลยอ่ะ เพื่อนหัวเราะแล้วว่า "เพราะคิดว่าจะได้ลาออกใช่มั้ย" "ใช่ดิ" เรายอมรับ เพื่อนจึงแนะนำว่า "ก็กลับไปทำดีกับเขาใหม่ เพราะไม่ได้ออกแล้ว" โอ้...ไม่นะ ฉันมาไกล มาไกลเหลือเกิน...
แต่เราก็ได้บทเรียนสำหรับวันนี้อยู่ว่า เพื่อนที่รักและดีกับเราจริงๆ ก็คือเพื่อนที่คอยไถ่ถาม แสดงห่วงใย และเข้าใจความรู้สึกเราในยามที่เราเป็นทุกข์ แม้จะอยู่ห่างกันแค่ไหนก็ตาม ส่วนคนที่ปลอบใจและเป็นกำลังใจที่ยอดเยี่ยมที่สุดก็คือ แม่ แค่พูดว่า "ลูกไม่ต้องเสียใจ" ก็เพียงพอแล้ว
กว่าจะเขียนเสร็จ วันที่ 2 พอดี...
VIDEO
Create Date : 02 พฤษภาคม 2558
3 comments
Last Update : 2 พฤษภาคม 2558 0:23:42 น.
Counter : 1556 Pageviews.