Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 
29 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 

หากตัดยังไม่ได้ ก็ต้องใช้ให้เป็น

โมหะ,โทสะ,โลภะ,ราคะ,ข้อคิดธรรมะ

แต่วันนี้ ขอเขียนบทความให้สำเร็จอีกเรื่องเพื่อเตือนสติ และเป็นแง่คิด
จารึกไว้ในความทรงจำกับงานเขียนสั้นๆ ที่เน้นสาระ พลิกวิกฤติในแง่มุมของกิเลสที่รุมเร้าทำให้เกิดทุกข์
ที่ควรค่าแก่การชำระทิ้งไปจากจิตใจซะอย่าให้เหลือ แล้วถ้าห่างยังตัด ก็ไม่ได้ ปล่อยวางยังไม่ลง
ก็ต้องใช้กลยุทธ์ใช้ให้เป็นแล้วกันนะครับ
มีกิเลสตัวไหนบ้างที่จะมาแนะนำคู่มือการคิดให้พ้นทุกข์ ตามกันมาเลยครับ

ราคะ เปรียบประดุจ นักโทษถูกโซ่ตรวนพันธนาการ
เจ้าตัวนี้มันมาในรูปแบบเห็นว่า สวย เห็นว่าดี เห็นว่างาม
ไม่ว่าจะเป็นวัตถุ เป็นสิ่งของ เป็นสัตว์ หรือตัวตน บุคคล เรา เขา เจ้าตัวนี้ หากใคร ไปยึดมั่นถือมั่น เป็นจีรัง ยั่งยืน
รับรอง คงไม่พ้นสุภาษิต รักดี หามจั่ว รักชั่วหามเสา เป็นแน่แท้ จั่วมันเบา ถือยังพอไหว
แต่หากยึดเป็นของเรา ห้ามใครแตะ ห้ามใครยุ่ง
แบกเสา ว่าทุกข์ ธรรมะสวัสดีว่าคงสุขกว่า แบกทุกข์เพราะยึดมั่นถือมั่นในรัก เป็นแน่นอน
รักแบบมีสาระ ก็รักในการให้ การเชื่อใจ การไว้วางใจ ซื่อสัตย์ เชื่อในหลักศีล หลักธรรม ซึ่งกันและกัน
เจ้าราคะ ร้อยรัดพันธนาการสัตว์โลกให้ทุกข์ คงจะทำร้ายเราไม่สะดวก เราก็คงอยู่เหนือกว่า
แทนที่จะเป็นทาสราคะ ก็จับราคะมาเป็นทาส บริหารมันอย่างสร้างสรรค์
แบบรักคือการให้ ให้ความสุขกับคนรอบข้าง สังคมเราก็จะน่าอยู่ขึ้นมากโข


โลภะ เปรียบประดุจ หยดน้ำลงพื้นทะเลทราย
อยากมี อยากได้ อยากเป็น เข้าใจกันแบบโลกๆ ก็ความโลภนั่นเอง
โลภแบบกิเลส อยากได้ของคนอื่น มาเป็นของตัวเอง เบียดเบียนคนอื่นให้ทุกข์ ไม่ควรทำ
แม้นแต่จะคิด หากคิดไปแล้ว ก็อย่าได้ลงมือทำ หากทำ มันจะนำทุกข์มาให้ในภายหลัง

แต่โลภอีกอย่างอนุโลมกันไปก่อนพอได้ โลภอยากทำความดี บุญทานการกุศล เห็นชีวิตนี้สั้นนัก ควรตระหนัก
อยากจะทำแต่ความดี อย่างนี้น่าจะทำ สุดท้ายเจ้าตัวโลภที่พออนุโลม ก็จะทำแบบไม่มีโลภ
เพราะเป็นนิสัย เป็นความพอใจในการสร้างคุณงามและความดีไปโดยปริยาย


โทสะ เปรียบประดุจ จมกองเพลิงนรกานต์
อันนี้หากเป็นได้ ขอแนะนำ ต้องรีบดับให้ได้ ร้อนกาย ยังพอหนีได้ แต่ร้อนใจ สหายธรรมะ จะหนีไปไหนดีครับ
หากไม่ดับต้นตอ คาถาร้อยแปดพันเก้า เอามาท่องให้ขึ้นใจ ธรรมะสวัสดี ท่องประจำได้จากพระรูปหนึ่ง
โกรธ คือโง่ โมโห คือบ้า เลิกโกรธ เลิกโมโห ก็หายโง่ หายบ้า เอาไปท่องไว้ได้ไม่หวงกัน

หากจะโกรธ ควรโกรธแบบสอนตัวเองอย่างมีสติ ว่าตัวเรานี้หนอ โกรธมันไม่ดี ยังอยากจะคบหา ให้ร้อนลุ่ม
ไม่เป็นประโยชน์ แก่ตัวเรา และทำให้คนอื่นทุกข์ร้อนไปด้วย
อย่างนี้ยังจะคบ เก็บมาเป็นเพื่อนใจเราอีกหรอ เป็นต้น
ทางพระเค้าเรียกย้อนมองสอนตัวเอง หรือโอปะนะยิโก นั่นเอง ถึงจะฉลาดพอที่จะเอาตัวรอดได้บ้าง


โมหะ เปรียบประดุจ หาทางออกเขาวงกตไม่ได้
หลงคนอื่น ยังน่ากลัว แต่หลงตัวเอง น่ากลัวกว่าอีก
ทำไมพูดเช่นนั้น หลงคนอื่น ยังทำประโยชน์เพื่อคนอื่น ให้เค้า รัก เค้า ชอบ เรา ถึงแม้จะหวังผลก็ตาม
ยังพอเป็นประโยชน์แก่คนอื่น และตัวเองอยู่บ้าง แต่คำว่า หลงตัวเอง ทำให้ตัวเองเดือดร้อน ทุกข์ร้อน
ทั้งตัวเองและคนอื่น มองคนอื่นไม่ดี มองคนอื่นต่ำกว่า เราดีกว่า เด่นกว่า เก่งกว่า
เบียดเบียนคนอื่นเพื่อเอาประโยชน์ใส่ตัวเอง หากเข้าข่ายแบบนี้ ทางเสื่อม ก็รออยู่ข้างหน้าเป็นแน่แท้
ต้องมีสติ สติคอยดูจิตใจและการกระทำของเรา ว่าเราล่วงเกิน คิดไม่ดี ทำไม่ดี กับใคร บ้างหรือเปล่า
ปรับปรุงแก้ไข คบผู้รู้ เข้าหาปราชญ์ ฉลาดไต่ถาม อาจพบเข็มทิศออกจากเขาวงกต ได้วันหนึ่งเป็นแน่นอน
สุดท้ายธรรมะปุถุชน สไตล์ธรรมะสวัสดี ขอจบบทความ หากตัดยังไม่ได้ ก็ต้องใช้ให้เป็น แต่เพียงนี้......

ธรรมะสวัสดีขออวยพรให้สหายธรรม ผู้อ่านตัดกิเลสที่กล่าวมาได้หมดจด ไม่เหลือเชื้อให้เกิดทุกข์อีกต่อไป
ได้อย่างสิ้นเชิง เจริญธรรมกันยิ่งๆขึ้นไปทุกท่านนะครับ

ที่มา นานาสาระ ธรรมะสวัสดี ฉบับที่ 3858




 

Create Date : 29 มิถุนายน 2552
0 comments
Last Update : 29 มิถุนายน 2552 22:01:07 น.
Counter : 832 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.