Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 
27 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
พระควรเกี่ยวข้องกับมาตุคามอย่างไร

พระอานนท์พุทธอนุชากราบทูลถามข้อหนึ่งว่า "ข้าพระองค์ (ภิกษุทั้งปวง)

จะพึงปฏิบัติตนต่อสตรีอย่างไร"
พระองค์ตรัสว่า "ไม่เห็นเป็นดีที่สุด อานนท์"
"ถ้าจำต้องเห็นล่ะ พึงปฏิบัติอย่างไร พระเจ้าข้า"
"ไม่เจรจาด้วย"
"ถ้าจำเป็นจะต้องเจรจา จะพึงปฏิบัติอย่างไร พระเจ้าข้า"
"ถึงตั้งสติไว้ อานนท์"

พระอานนท์นั้นได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่รอบคอบที่สุดรูปหนึ่ง พระพุทธเจ้าทรงยกย่องว่าท่านเป็น
เอตทัคคะ(มีความเป็นเลิศ) หลายด้าน เช่น เป็นพหูสูต เป็นผู้มีสติรอบคอบ
เป็นผู้มีธิติ (ความเพียร) เป็นผู้มีคติ (มีวิธีจำพุทธวจนะอย่างเยี่ยม)

ครั้งหนึ่งพระเจ้าปเสนทิโกศลนิมนต์พระสงฆ์ไปฉันภัตตาหารเป็นประจำในวัง พระก็ไปฉัน
ติดต่อกันมา แต่ต่อมาภายหลังพระเจ้าแผ่นดินทรงมีภารกิจอย่างอื่นมากมาย
ทรงลืมสั่งให้ตระเตรียมภัตตาหารภวายพระ พระสงฆ์อื่นๆโดนเข้าครั้งสองครั้งก็ไม่ไปอีก
คงมีแต่พระอานนท์รูปเดียวไปอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งพระเจ้าปเสนทิโกศลรำลึกขึ้นได้
และทรงขอโทษพระอานนท์ พระเจ้าปเสนทิโกศลกราบทูลเรื่องนี้ให้พระพุทธเจ้าทรงทราบ
พระพุทธองค์ตรัสว่า "อานนท์เธอเป็น "การณวสิก"
(การณวสิก = เป็นคนมองการณ์ไกล, เป็นคนหนักในเหตุในผล)

ในเมื่อท่านเป็นคนมีสติรอบคอบ มองการณ์ไกล ท่านจึงพยายามทูลถามแนวปฏิบัติต่างๆ
จากพระพุทธองค์เท่าที่มีเวลาให้ เพราะอีกไม่นานก็จะไม่มีโอกาสแล้ว
ข้อซักถามหลายต่อหลายเรื่องท่านมิได้ถามเพื่อตัวท่านเอง
หากถามเพื่อพระสงฆ์และพุทธบริษัททุกหมู่เหล่า ดังคำถามเกี่ยวกับสตรีนี้
ก็ถามเพื่อเป็นแนวปฏิบัติสำหรับพระสงฆ์ทั้งปวง พระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่ควรเห็น
แต่ถ้าต้องเห็น ก็ไม่ควรเจรจา ถ้าจำเป็นต้องเจรจาก็ให้เจรจาด้วยสติ

นี้มิได้หมายความว่าเป็นการ "ดูหมิ่น" สตรี ดังที่บางคนอาจเข้าใจ
ต้องเข้าใจว่า "พรหมจรรย์" คือการงดเว้นเมถุนธรรม บุรุษที่ประพฤติพรหมจรรย์ก็ต้อง
ระวังมิให้เกี่ยวข้องกับสตรี สตรีที่ประพฤติพรหมจรรย์ก็ต้องระวังมิให้เกี่ยวข้องกับบุรุษ
"เกี่ยวข้อง" ในที่นี้หมายถึง ไม่พึงคลุกคลีจนเกินพอดี เกินงาม เพราะอะไร?
เพราะจะทำให้พรหมจรรย์มัวหมองไป และอาจทำให้เสียพรหมจรรย์ในที่สุด
เป็นธรรมดาอยู่แล้วมิใช่หรือ "ผาณิตผิชิดมด ฤาจะอดกระไรไหว"
บุรุษกับสตรีใกล้ชิดกันบ่อยและนานเข้า ไม่ว่าใครท้ายที่สุดก็ "ไฟฟ้าชอร์ต" เข้าจนได้

เมื่อบวชเข้ามา ตั้งใจประพฤติพรหมจรรย์แล้ว ไม่ว่าหญิงหรือบุรุษ
ก็พึงปลีกตนห่างเพศตรงข้ามให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถ้ามีเหตุจะเจรจาด้วยก็ให้มีสติ

ประเภทที่บวชมาแล้วยินดีคลุกคลีกับสีกา ไปไหนมาไหนมีคาราวานสตรีล้วน
ทั้งสาวแก่แม่ม่ายไฮโซฯ ขี้เหงาล้อมหน้าล้อมหลังนั้น มิใช่ปฏิปทาของสาวกพระพุทธเจ้า
เขาเรียกว่าปฏิปทาของ "ฉัพพัคคีย์"(อลัชชี ๖ คน) วิญญูชนเห็นก็พยากรณ์ได้ทันทีว่า
ปฏิปทาอย่างนี้ไปไม่รอด ในที่สุดก็จะวิบัติฉิบหาย "ตกหล่น" จากพระศาสนา เรียกว่า
"เน่าตั้งแต่ยังไม่ตาย"

โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก



Create Date : 27 มกราคม 2552
Last Update : 27 มกราคม 2552 23:07:23 น. 2 comments
Counter : 1665 Pageviews.

 
ถูกต้องที่สุดเรยท่าน


โดย: หัวหน้าสูงสุดแห่งปีศาจสุรา วันที่: 28 มกราคม 2552 เวลา:7:47:10 น.  

 
แต่สมัยนี้แม้จะไม่คล่องแวะกับสตรีเพศ แค่คล่องแวะกับบุรุษเพศเดียวกันก็น่าสงสัยเหมือนกันนะคะ


โดย: Tassanee วันที่: 8 เมษายน 2552 เวลา:23:09:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.