Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 
24 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
ธรรมะจากพระหัก



สวัสดีครับพี่ๆน้องๆลูกหลานหลวงปู่ทุกท่าน
พอดีเมื่อวานผมไปเที่ยวงานโอท็อปที่เมืองทองมา ได้บูชาพระเคลือบสังคโลกปางเปิดโลกมาองค์หนึ่ง
และบังเอิญได้ธรรมะง่ายๆจากองค์พระมาด้วย ก็เลยเอามาเล่าสู่กันฟังเพลินๆครับ

เรื่องของเรื่องก็คือ พอบูชาพระมาเสร็จ ห่อหนังสือพิมพ์อย่างหนา แต่พอเอากลับมาบ้าน แกะห่อดูแทบลมใส่
พระขาหักซะงั้น หลวงพ่อขาหักครึ่งหลุดออกมาจากพระบาทกลายเป็น 2 ท่อน
โอ้... บูชามาตั้งเกือบ 2 พัน กะว่าจะเอาไว้บูชาบนหิ้ง หลวงพ่อขาหักซะแล้ว
แวบแรก... ใจเสียไปสารพัด อุตส่าห์ซื้อมาตั้งแพง ไม่น่าทำหักเลย น่าจะระวังให้มากกว่านี้
เอ...แล้วหลวงพ่อขาหักแล้ว จะเอาตั้งบนหิ้งยังไง จะซ่อมได้รึเปล่า จะเอาไปไหว้ได้ไม๊ คิดสงสัยไปเรื่อย...

แต่สักพัก... มองดูองค์พระที่แตก เห็นข้างในองค์พระกลวงโบ๋ ไม่มีไส้ใน
เลยเข้าใจว่าที่ท่านแตกง่ายเพราะองค์พระไม่ได้ตัน เนื้อกระเบื้องเลยบาง เลยแตกง่าย
องค์พระไม่มีแกนเหล็กดามไว้เป็นไส้ใน องค์พระเลยล้มง่ายแตกจากกันง่าย โอ...มันเป็นอย่างนี้เอง

สักพักต่อมา... อืม... เราไหว้พระ นับถือพระกันที่ไหน
ที่พระพุทธรูปสวยงาม หรือธรรมะคำสอนอันงดงามขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คิดแล้วก็มองไปที่องค์พระที่แตกออกจากกันเป็น 2 เสี่ยงอีกครั้ง ข้างในไส้กลวงโบ๋...

โอ้... โชคดีจริงเรา บูชาพระมาองค์เดียว ได้ถึง 3 องค์ !!!
1. องค์พระส่วนบนก็ยังสมบูรณ์ดี เราก็เอาไปพิงฝาบูชาได้
(หาอะไรมาตั้งปิดขาไว้หน่อย ก็ไม่เห็นเท้าท่านที่แตกแล้ว)

2. ส่วนพระบาทที่แตกออกมา เราก็เอามาบูชาเป็นรอยพระบาทได้นี่นา อืม...เดินตามรอยบาทพระศาสดา

3. ได้ธรรมะดีๆจากพระที่แตก จากรอยกลวงโบ๋ที่อยู่ข้างใน ได้ธรรมะไว้บูชาในใจอีก 1 องค์

ชีวิตคนเรา ไม่ว่าเราจะดูแลรักษามันดีแค่ไหน จะกินข้าวมื้อละกี่หมื่น มันก็ยังหิว
จะทำศัลยกรรมดึงหน้าครั้งละกี่แสน มันก็ยังแก่ จะหาหมอรักษาโรคต่างๆซักกี่ล้าน มันก็ยังป่วย
จะทุ่มเงินซักกี่หมื่นล้าน มันก็ยังตาย จะยาจกหรือมหาเศรษฐี ลูกน้องหรือเจ้านาย ชายหรือหญิง
ใครๆก็ตาม มีเกิดแล้ว ก็ย่อมแก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งสิ้น ดูแลรักษามันยังไงก็ตายแน่ๆ ตายอย่างไม่มีทางเลี่ยง

แวบแรก... ใจเสียไปสารพัด อุตส่าห์ซื้อมาตั้งแพง ไม่น่าทำหักเลย น่าจะระวังให้มากกว่านี้
เอ...แล้วหลวงพ่อขาหักแล้ว จะเอาตั้งบนหิ้งยังไง จะซ่อมได้รึเปล่า จะเอาไปไหว้ได้ไม๊ คิดสงสัยไปเรื่อย...

ทำไมทุกคนถึงมีความทุกข์นะ แก่ก็ทุกข์ ป่วยก็ทุกข์ ตายก็ทุกข์ ทั้งๆที่รู้อยู่ว่า ทุกข์ไปแค่ไหนก็ยังต้องแก่
เศร้าไปแค่ไหนก็ยังต้องป่วย เสียใจไปแค่ไหนก็ยังต้องตาย
ทุกข์แล้วไม่เห็นช่วยให้เลิก แก่ เลิกเจ็บ เลิกตายได้ มีแต่จะเร่งให้มัน แก่ เจ็บ ตาย เร็วขึ้น

ไม่น่าแก่เลยเรา เศร้า... ทุกข์ไปแล้ว มันก็แก่อยู่ดี
รู้งี้คอยระวังรักษาไว้ไม่ให้มันแก่ดีกว่า... ระวังรักษายังไง มันก็แก่อยู่ดี
ไม่น่าป่วยเลยเรา โศก... ทุกข์ไปแล้ว มันก็ป่วยอยู่ดี
รู้งี้คอยระวังรักษาไม่ให้มันป่วยดีกว่า... ระวังรักษายังไง มันก็ป่วยอยู่ดี
ไม่น่าตายเลยเรา เสียใจ... ทุกข์ไปแล้ว มันก็ตายอยู่ดี
รู้งี้คอยระวังรักษาไม่ให้มันตายดีกว่า... ระวังรักษายังไง มันก็ตายอยู่ดี

ทุกคนรู้อยู่ว่า ทุกข์ยังไงก็พ้นแก่ เจ็บ ตายไปไม่ได้ แล้วทุกข์กันไปทำไม...?
อ้อ... เพราะเราแค่รู้ แต่ไม่ได้ทำใจรู้ ไม่ได้โน้มใจรู้ตามความจริงนั้น
ถ้าเราโน้มใจเข้าไปรู้ความจริงนั้น โอ้... ก็ร่างกายมันก็เป็นของมันอย่างนี้เอง ก็มันไม่เคยมีแก่นแกน
มีความเที่ยงแท้อะไรภายในที่จะยึดมันเอาไว้ให้อยู่คงเป็นอมตะได้เลย ข้างในมันกลวงโบ๋
ลองไล่ลงไปตั้งแต่หนังภายนอกสิ มีชิ้นไหนในร่างกายมันเที่ยงแท้มั่นคงบ้าง ไม่มีเลย กลวงโบ๋หมด
หนังก็เหี่ยว กระดูกก็ผุ หัวใจก็พัง ตับไตไส้พุง เน่าเหม็นอยู่ตลอดเวลา
แก่ลงทุกวินาที ป่วยและเสื่อมลงทุกวินาที ตายทุกวินาที เมื่อตายหมดทั้งร่างกาย เอาไปเผาแล้ว
เหลืออะไรเป็นแก่นแกนมั่นคงบ้าง ไม่มีเลย ตายแล้ว ดินก็กลบสู่ดิน น้ำก็ระเหยไปสู่น้ำ ลมก็พัดไปตามลม
ไฟก็มอดดับไปตามไฟ ว่างเปล่าล้วนๆ

แม้จิตวิญญาณที่หลายคนว่าเป็นแก่นแท้แห่งร่างกาย พอตายไปแล้ว ก็ลืมหมด
ฉันเป็นใคร ฉันเคยเป็นใคร ไปเกิดใหม่ ใช้กรรมใหม่ไปตามเรื่องตามราว
เผลอๆมาเกิดเป็นคนใหม่ เห็นรูปตัวเองเมื่อชาติที่แล้ว ยังไม่รู้ว่าเป็นตัวเองเลย
นี่ล่ะแก่นแกนที่แท้จริง ไม่มีเลย อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาล้วนๆ
เมื่อมันไม่เที่ยง มันก็เลยเป็นทุกข์ทนอยู่ไม่ได้ ต้องแตกสลาย แก่ เจ็บ ตายไป เมื่อสลายไปหมด มันก็ว่างเปล่า
ไม่มีตัวตน เป็นอนัตตา ว่างเปล่าจากตัวตน นี่มันเรื่องธรรมดาตามธรรมชาติ
ก็ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้ตามธรรมชาติ จะไปรัก ไปชอบ ไปโกรธ ไปเกลียด ไปสุข ไปทุกข์กับมันยังไง
มันก็ แก่ เจ็บ ตาย ไปตามเรื่องของมันอยู่ดี แล้วไปทุกข์กับมันทำไม ทุกข์ก็ตาย ไม่ทุกข์ก็ตาย
แล้วจะทุกข์ให้ขาดทุนชีวิต ให้หม่นหมองจิตใจทำไม

สักพักต่อมา... อืม... เราไหว้พระ นับถือพระกันที่ไหน
ที่พระพุทธรูปสวยงาม หรือธรรมะคำสอนอันงดงามขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คิดแล้วก็มองไปที่องค์พระที่แตกออกจากกันเป็น 2 เสี่ยงอีกครั้ง ข้างในไส้กลวงโบ๋...
แล้วเราจะไปยึดมั่นถือมั่นกับกายภายนอก กับจิตภายใน ซึ่งล้วนไม่มีอะไรเที่ยงแท้ทำไม

โอ้... พระพุทธองค์ท่านพูดเรื่องจริง ทุกอย่างล้วนเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นสัจธรรมที่ทุกคนรู้
แต่ไม่มีใครโน้มใจไปตามความรู้จริงๆในสัจธรรมนั้น เห็นกันมาแต่รุ่นทวดรุ่นปู่รุ่นย่า
ว่าทุกคนแก่ เจ็บ ตาย ร้องไห้ระงมยังไง พยายามฉุดดึงเหนี่ยวรั้งยังไง มันก็ แก่ เจ็บ ตาย อยู่ดี มาทุกยุคสมัย
รู้กันมานานนับแต่มนุษย์ถือกำเนิดมา แต่ไม่มีใครโน้มใจรู้ตามความจริงนั้นเลย ไม่มีใครยอมรับความจริงนั้นเลย
ทำตัวเหมือนเด็กที่ดื้อตาใสไปเรื่อย กะว่าร้องไห้ไปเรื่อยๆ พ่อแม่จะใจอ่อนซื้อของเล่นให้
โดยไม่รู้เลยว่าพ่อแม่ตัวเองไม่มีเงินซื้อของเล่นให้ ร้องให้ตายยังไงก็ไม่ได้
แต่นี่หนักกว่าเด็ก ทุกคนรู้ว่าทุกขฺแล้วก็ต้อง แก่ เจ็บ ตาย แต่ก็ยังร้องไห้ฟูมฟายกัน
ทั้งๆที่รู้ว่าร้องไปมันก็ แก่ เจ็บ ตาย อยู่ดี รู้ทั้งรู้ก็ยังดื้อที่จะทุกข์ แปลกคนจริง...!?

จนพระพุทธองค์ ทรงพากเพียรปฏิบัติธรรม จนทรงพ้นทุกข์ด้วยพระองค์เอง
ทรงโน้มใจตามความเป็นจริงของธรรมชาติ เข้าถึงสัจธรรมจริงๆดังที่มันเป็น ยอมรับมันดังที่มันเป็น
ไม่ได้ดื้อแพ่งไปเรื่อย เหมือนเด็กไม่รู้จักโต พระองค์ทรงเจริญเติบโตทางธรรมอย่างสมบูรณ์
และได้ทรงมาสอนเด็กๆไม่รู้จักโตอย่างพวกเรา ให้เลิกดื้อกับความจริง ให้โน้มใจยอมรับความจริง
เข้าถึงความจริงอย่างที่มันเป็นจริงๆ ให้เห็นความเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่มีตัวตนอย่างแท้จริง

นี่เอง... เราจึงนับถือพระพุทธองค์ เราไม่ได้นับถือท่านเพราะท่านรูปสวย เพราะท่านเป็นลูกกษัตริย์
แต่เรานับถือที่ท่านทรงนำสัจธรรม นำธรรมะแห่งความจริงมาสอน สอนให้เราเห็นความจริง ยอมรับความจริง
และเลิกดื้อเลิกทุกข์ไปกับสิ่งที่มันไม่น่าจะมีอะไรให้ทุกข์เลย ในเมื่อมันกลวงโบ๋ มันไม่มีแก่นแท้
มันไม่มีตัวตนที่แท้จริง ไม่ว่าจะกายหรือจิต มันก็ต้อง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ไปเป็นธรรมดา
จะไปทุกข์กับมันทำไม ในเมื่อมันเป็นเรื่องธรรมชาติ

พระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันออก ตกทางตะวันตก ทำไมไม่มีใครทุกข์กับมัน?
ทุกคนตอบได้ว่า... จะบ้าเหรอ ไปทุกข์กับมันทำไม ก็มันเป็นเรื่องธรรมชาตินี่
ก็มันต้องขึ้นทางตะวันออก ตกทางตะวันตกอยู่แล้ว
เอ... แล้วทำไม ในเมื่อการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ก็เป็นเรื่องธรรมชาติเหมือนกัน แล้วถึงไปทุกข์กับมันล่ะ?

พุทธัง สรณัง คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ
ข้าพเจ้าขอถึงซึ่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่งอันสูงสุด เป็นที่ระลึกอันสูงสุด
และจะพยายามดำเนินตามกระแสที่พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ได้แสดงไว้
จะพยายามโน้มใจตนเองให้เห็นและรู้โลกนี้ตามความเป็นจริง เลิกหลอกตัวเองว่าชีวิตนี้เที่ยงแท้
เลิกดื้อที่จะจมอยู่กับกองทุกข์ ทั้งที่มันไม่มีอะไรเลยให้ทุกข์

ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกท่าน ตราบเข้าถึงนิพพานครับ


ที่มา : //www.watthummuangna.com


Create Date : 24 ธันวาคม 2552
Last Update : 24 ธันวาคม 2552 22:01:12 น. 0 comments
Counter : 938 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.