Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 
12 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
กรรมที่ตามราวีท่านนายพล



เรื่องราวต่อไปนี้เป็นประสบการณ์จริงของ พล.อ.ท.บุญทรง สุภานันท์ ซึ่งเดิมเป็นลูกชาวนายากจน
แต่ด้วยปัญญาและความเพียร จึงเรียนจบปริญญาโทถึงสองสาขาจากมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ
และมียศศักดิ์เป็นถึงพลอากาศโท ผ่านการศึกษาอบรม ดูงานสัมมนา ประชุมในต่างประเทศ
(เช่น สหรัฐฯ เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น) มาแล้วหลายสิบครั้ง

พล.อ.ท. บุญทรง สุภานันท์ เล่าถึงความเจ็บป่วยครั้งสำคัญในชีวิต ซึ่งเป็นเหตุให้ตัดสินใจบวชเอาเมื่อแก่ชรา
ความว่า ดูเอาเถอะ ทำไมถึงต้องมีเวรกรรมตามราวีเอาตอนแก่ ต้องเจ็บป่วยตรงอวัยวะที่สำคัญที่สุดคือ หัวใจ
กล่าวคือ เมื่อวันที่ ๑๗ สิงหาคม ๒๕๔๑ (อายุ ๗๑ ปี) ผมต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจที่โรงพยาบาลภูมิพล
การผ่าตัดกินเวลา ๗ ชั่วโมงครึ่ง ผมถูกแหวะหน้าอกเพื่อควักเอาหัวใจออกมา
แล้วถูกผ่าที่หัวใจเพื่อตัดเนื้องอก ๔ ชิ้นในห้องซ้ายบนออก ในเนื้อที่แคบๆ เช่นนั้น

เหตุไฉนจึงมีเนื้องอกเบียดเสียดแออัดอยู่ถึง ๔ ชิ้น โอกาสที่จะมีเนื้องอกเช่นนี้ ในล้านคนจะมีเพียง ๒ คนเท่านั้น

หลังการผ่าตัด ขณะนอนอยู่บนเตียงคนไข้ ภาพในอดีตสมัยที่ผมอายุ ๑๓-๑๔ ปี ได้ปรากฏขึ้น
นกปรอดตัวงามมีลูกกระสุนฝังอยู่ในหน้าอก ผมผ่าอกนกเอาลูกกระสุนออกมาอวดเพื่อนด้วยความคึกคะนอง
แถมยังย่างนก แบ่งชิ้นส่วนที่กรอบอร่อยให้เพื่อนลองลิ้ม ภูมิอกภูมิใจในฝีมืออันแม่นยำของตน
หารู้ไม่ว่ากรรมที่ทำกับนกมันจะติดจรวดตามทันได้ในชาตินี้
จึงถูกแหกอกและควักหัวใจออกมาตัดเนื้อส่วนเกินออกไป

ก่อนหน้านี้ คือเมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๔๑ ที่โรงพยาบาลเดียวกันนี้ ผมก็ถูกผ่าเอาลำไส้ออกไปครึ่งหนึ่ง
รวมทั้งเนื้อร้ายในช่องท้องออกไปเกือบ ๑ กก. เป็นการผ่าตัดใหญ่ กินเวลา ๘ ชั่วโมงครึ่ง
เมื่อถูกผ่าเอาเนื้อร้ายออกนั้น ผมยังไม่เฉลียวใจ
แต่ในการผ่าตัดครั้งหลังนี้ ผมแน่ใจแล้วว่าเป็นเรื่องของเวรกรรมที่ตามมาสนอง
เพราะภาพนกปรอดตัวนั้นปรากฏขึ้นชัดเจนมาก นี้แหละหนา ผลแห่งกรรมที่ทำไว้เอง ไม่ต้องไปโทษผู้อื่นเลย

เพียงแค่ ๔ เดือน ถูกผ่าตัดใหญ่ถึง ๒ ครั้ง เห็นทีผมจะต้องบวชเพื่อชดใช้เวรกรรมสักพักหนึ่งดีกว่า
เพราะถ้าถูกผ่าตัดอีกครั้งผมคงไม่ไหวแน่

ขณะที่อยู่ในสมณเพศ (๑-๑๗ เม.ย. ๒๕๔๒ ณ วัดโสมนัสวิหาร)
ที่ขมับซ้ายของศีรษะอันโล้นเลี่ยนของพระพล.อ.ท.บุญทรงมีรอยแผลผ่าตัดขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายตัว "ก"
เห็นได้ชัด เมื่อเพื่อนพระภิกษุถามถึงรอยแผลนั้น พระพล.อ.ท. บุญทรงก็เล่าว่า
สมัยที่ผมเป็นนาวาอากาศเอก (ประมาณ พ.ศ. ๒๕๑๘-๑๙) บ่ายวันหนึ่ง จำได้ว่าเป็นวันศุกร์
ขณะที่กำลังเล่นกอล์ฟอยู่ที่สนามกอล์ฟของกองทัพอากาศ อยู่ๆ ผมก็ต้องล้มลงทั้งยืน
เพราะถูกลูกกอล์ฟที่เหาะมาอย่างรวดเร็ว (ด้วยแรงคน ส่วนทิศทางคงจะถูกควบคุมด้วยแรงกรรม)
กระแทกเข้าที่เหนือขมับซ้ายอย่างจังจนศีรษะและเส้นเลือดในสมองแตก
เลือดไหลออกมาราวกับท่อน้ำประปาแตก ผมถูกนำตัวส่ง รพ. ภูมิพลอย่างรีบด่วน
และได้รับการผ่าตัดสมองทันที เริ่มตั้งแต่ ๕ โมงเย็นจนถึง ๕ ทุ่ม ๖ ชั่วโมงเต็ม
ที่นพ.คำพร ชาญวิเศษ (พ.ศ. ๒๕๔๒ เป็นนาวาอากาศเอกพิเศษ) ทุ่มเทอย่างสุดความสามารถจึงยื้อยุดชีวิตผม
จากพญามัจจุราชได้ นับเป็นเคราะห์ดีในเคราะห์ร้าย เพราะถ้าไปถึงโรงพยาบาลช้าอีกเพียงชั่วโมงเดียว
หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมองอย่าง นพ. คำพรไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาล ผมคงตายแน่

ผมเชื่อมั่นว่า เคราะห์ร้ายครั้งนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นผลของบาปกรรมที่ผมทำไว้ กล่าวคือ
ในวัยเดียวกับที่ผมยิงเจ้านกปรอดตัวนั้น วันหนึ่ง ไก่ตัวหนึ่งที่ผมเลี้ยงไว้ในบ้าน กำลังเดินอยู่ดีๆ
ก็ถูกผมตีที่หัวด้วยตะลุมพุกจนตายคาที่ เพราะผมเกิดหมั่นไส้มันขึ้นมาอย่างฉับพลันโดยไร้สาเหตุ
ไก่ตายไปโดยไม่ทันรู้ตัว (และลงหม้อแกงไป) ส่วนผมก็ถูกน็อกโดยไม่ทันรู้ตัว แต่ยังโชคดีที่ไม่ต้องลงโลง

บัดนี้ผมได้บวชเรียน รู้จักบาปบุญคุณโทษ และรู้สึกเข็ดหลาบแล้ว เพราะถูกผ่าตัดจนแทบจะทั่วทั้งตัว
ต่อไปผมจะไม่ขอทำบาปอีก ที่เล่ามานี้ก็เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจว่า บาปกรรมนั้นมีจริง

(จากคำบอกเล่าของพล.อ.ท. บุญทรง สุภานันท์ )


ประเด็นที่ควรกล่าวถึงมีดังนี้

๑. การที่ท่านนายพลถูกผ่าตัดใหญ่ถึง ๓ ครั้ง น่าจะเป็นผลจากการรังแกสัตว์ในวัยเด็ก
ถ้าไม่ใช่ก็เป็นผลแห่งบาปกรรมทำนองนี้ในชาติก่อนๆ

๒. ในวัยเด็ก ผู้เรียบเรียงเองก็เคยรังแกหรือฆ่าสัตว์เล็กไว้มาก เช่น กระทืบหรือจุดไฟเผามด
ยิงจิ้งจกด้วยหนังยาง (ที่ใช้รัดของ) จนตายหรือพิการ
จับจิ้งหรีดมาขังแล้วบังคับให้กัดกัน ตัวไหนแพ้ก็จับปั่นจนมึนแล้วให้กัดกันอีก
จนถูก (โยม) แม่ดุว่า "บ้าจิ้งหรีด" ส่วนการยิงนกตกปลามีน้อย
บัดนี้บาปกรรมที่รังแกสัตว์ (ในชาตินี้หรือชาติก่อนๆ) คงตามทัน
ผู้เรียบเรียงจึงป่วยตั้งแต่ปลายปี ๒๕๓๒ ด้วยโรคประหลาด
มีอาการอักเสบตามข้อ เส้นเอ็น และเนื้อเยื่อตามตัวเป็นประจำ มากบ้าง น้อยบ้าง
วันนี้เดินได้เป็นปกติ พรุ่งนี้อาจปวดขาจนเดินแทบไม่ไหว โรคนี้ (A.S.) หมอยังไม่ทราบสาเหตุ จึงรักษาไม่หาย
แต่ไม่ถึงตาย แค่ทำให้ทรมาน ผู้เรียบเรียงจึงเชื่อว่า นี้คือโรคเวรโรคกรรมที่ตามมาราวี

๓. เมื่อทำบาปแล้ว ไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ เชื่อในบุญบาปหรือไม่เชื่อ ย่อมได้รับผลของบาปเสมอกันหมด
ไม่มีการลดหย่อนให้เหมือนทางโลก ซึ่งศาลอาจลดโทษให้แก่จำเลยที่เป็นเด็กหรือเยาวชน
เรื่องดังกล่าวจึงเป็นบทเรียนอย่างดีแก่เด็ก (หรือผู้ใหญ่) ที่ซุกซนและใจร้ายทำบาป


โดย ธมฺมวฑฺโฒ ภิกฺขุ



Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 12 กุมภาพันธ์ 2553 21:24:41 น. 2 comments
Counter : 1621 Pageviews.

 
สิ่งที่คุณประสบเป็นวิบากกรรมจากอดีตชาติค่ะไม่ใช่ปัจจุบันชาติ การใช้กรรมไม่ติดจรวดอย่างที่ใครๆคิด กรรมถูกชดใช้ชาติต่อชาติค่ะ แต่ไม่จำเป็นต้องหมดในชาติเดียว

ถ้าคุณมีบุญสะสมอยู่ผลของวิบากจะถูกทอนให้เบาบางลงค่ะ ชดใช้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมด กี่ชาติเราไม่มีทางรู้ได้

เพราะฉะนั้นทำบุญไว้ค่ะ ทำความดี ละความชั่ว ถือศีล ทำสมาธิ แบบนี้จะทำให้ได้บุญมากค่ะ


โดย: Chulapinan วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:07:15 น.  

 
กรรมนั้นน่าจะตามทันชาตินี้ได้ ถ้าบุญเราไม่มีหนุนนำ

เราเองก็พิสูจน์แต่ปางก่อนไม่ได้ นอกจากท่านผู้มีญาน

ดิฉันก็ประสบด้วยตนเองในบางกรณีที่ทำกรรมไว้แล้วตามทัน
รวมถึงในแวดวงคนรู้จักด้วย

เห็นด้วยกับคุณChulapinan เรื่องควรทำความดีค่ะ


โดย: วิจิตรา IP: 94.219.156.251 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:2:49:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.