คำแนะนำเพื่อทำใจสำหรับคนเคยถูกข่มขืน
ถาม เคยถูกข่มขืน โดนทำร้ายทั้งร่างกายและเอาทรัพย์สินไป ไม่สามารถลืมได้แม้ผ่านมานานช่วงหนึ่งแล้ว ขอคำแนะนำดีๆที่จะทำให้สบายใจหน่อยได้ไหมคะ?
หลังๆ ผมมักได้รับคำถามที่ยากจะตอบให้รู้สึกดี เพราะคำปลอบมักไม่ได้ผลสำหรับคนที่ประสบพบเจอ กับเหตุการณ์เลวร้ายจริงๆ โดยเฉพาะกับเพศหญิงซึ่งควรได้รับการทะนุถนอม แต่ขณะเดียวกันก็เป็นฝ่ายถูกกระทำได้ง่าย โดยคนอายยาก เตือนยาก เปลี่ยนสันดานยากจำนวนหนึ่ง
ในกรณีของคุณที่กล่าวว่าเหตุการณ์ผ่านมานานช่วงหนึ่งแล้ว ทำให้เข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องที่เกิดหนเดียวทีเดียว และคุณไม่คิดต่อความยาวสาวความยืดทางคดีความ จะแก้แค้นทางกฎหมายหรือกฎหมู่ ซึ่งก็นับว่าน่าเห็นใจมากครับ ไม่ว่าจะตอบโต้อย่างไร ฝ่ายหญิงดูจะต้องถูกกระทำให้อับอายหนักขึ้นเสมอ ทั้งแง่ของการตรวจร่างกาย และทั้งแง่ของคำให้การบรรยายรายละเอียดต่อพนักงานสอบสวน
และเรื่องแย่ๆ แบบนี้ การปลอบกันด้วยหลักกรรมวิบาก อาจยิ่งทำให้รู้สึกย่ำแย่หนักขึ้น เพราะเอาภาพเหตุการณ์จริงในอดีตชาติมาฉายกันไม่ได้ว่า ใครเคยทำอะไรมากันบ้าง ฉะนั้นจึงควรเรียนรู้หลักวิธีการ ‘ทำใจ’ กันอย่างตรงไปตรงมา น่าจะดีที่สุดครับ
เวลานึกย้อนไปถึงอดีตที่เลวร้ายแล้ว โกรธแค้นเขาแน่นอก พอคิดสาปแช่งเขาให้หนำใจสุดฤทธิ์สุดเดช จะแผดเสียงอยู่ในรถหรือผรุสวาทอยู่ในใจก็ตาม ลองสังเกตว่ามีอะไรดีบ้าง นับเริ่มจากทำความรู้สึกไปที่แก้วตาตัวเอง ทำความรู้สึกไปที่แก้วเสียงหรือกระแสความคิดตัวเอง เห็นให้ชัดว่า ‘อกุศลธรรม’ ปรุงแต่งเราให้มืดได้ประมาณนี้
ที่ตรงนั้นขอให้ตระหนักดีๆ ว่านี่แหละที่เรียกว่าการทำร้ายตัวเอง โดนคนอื่นทำร้ายไม่พอ มาขังตัวเอง ทำร้ายตัวเองในคุกมืดต่ออีก ยิ่งคิดถึงเขาในทางมืด ยิ่งสาปแช่งเขาให้หมกไหม้ ตัวเราเองกลับถูกความมืดครอบและเดือดร้อนก่อนใคร ถ้าขาดใจตายไปด้วยดวงจิตที่ยังมืดบอดและร้อนรุ่มเหมือนอย่างนี้ ก็ยากที่จะไปดีกับใครได้
และถ้าต้องไปร้าย ก็แปลว่าคุณไม่ยุติธรรมกับตัวเองเลยครับ ที่ได้รับความเจ็บปวดจากน้ำมือคนอื่นแล้วยังส่งตัวเองลงต่ำ ซ้ำเติมเข้าให้อีก คนอื่นทำได้แค่ให้ร่างกายคุณเกิดแผล แต่มีคุณคนเดียวที่ทำให้จิตวิญญาณตัวเองบาดเจ็บเกินเยียวยา!
หลังจากเห็นโทษภัยของความผูกใจเจ็บชัดเจน ตรงนั้นให้ลองสลับไปนึกเมตตาตัวเอง มองตามจริงว่าวิธีเดียวที่จะเมตตาตัวเองได้ ก็คือสละความคิดอาฆาตแค้นทิ้งไปเสีย หากให้อภัยได้แม้เพียงวูบเดียว ให้ลองทำความรู้สึกเข้ามาที่นัยน์ตา ทำความรู้สึกเข้ามาที่กลางอก แล้วเห็นให้ชัดว่าแสนสบายอย่างไร มีระดับความเยือกเย็นเกิดขึ้นแค่ไหน หรือกระทั่งเกิดแสงสว่างไสวเพียงใด นั่นแหละครับ ตระหนักเข้าไปเดี๋ยวนั้นว่านี่คือจุดเริ่มต้นของใบหน้าที่เป็นสุข และอาจฉุกคิดว่าทำไมคุณต้องเป็นเจ้าของใบหน้าที่เป็นทุกข์ด้วย? ในเมื่อต้นเรื่องไม่ใช่คุณ คุณไม่ได้ทำผิดคิดร้ายกับใคร
ถ้าเจ้าคิดเจ้าแค้นประสาโลกธรรมดา ฟังดูอาจเป็นเรื่องบ้าที่ให้ยอมยกโทษกันง่ายๆ แต่ถ้าช่างคิดช่างเลือกอย่างฉลาดสรรประโยชน์มาสู่ตน การยกโทษคือทางออกเดียวให้กับความทุกข์
ความแค้นเสียดแน่นกับวันคืนที่สกปรกจะไม่จบง่ายๆ ด้วยการทำใจครั้งเดียว คุณต้องถูกเสียดแทงด้วยความทรงจำแต่หนหลังอีกเป็นร้อยเป็นพันครั้ง
และทุกครั้งที่เห็นข้อเปรียบเทียบระหว่างผูกใจเจ็บ กับให้อภัยเป็นทานในเวลาไล่ๆ กัน คุณจะเห็นตัวเองฉลาดทางจิตมากขึ้นเรื่อยๆ และจิตที่ฉลาดจะปล่อยวางภาวะไม่ดี แล้วหันมารักษาภาวะดีๆ แทนเสมอ
ธรรมชาติให้ความยุติธรรมด้วยวิธีที่เหมือนไม่ยุติธรรมนัก เราจำเป็นต้องมีธรรมะอันเป็นเครื่องยุติทุกข์หายหรือคลายลง นั่นแหละครับความยุติธรรมที่แท้จริงจากจิตของเราเอง
พวกเรากำลังก้มหน้าก้มตาดุ่มเดินบนเส้นทางวิบากอันกันดาร ถ้าไม่รู้จักกฎและการทำงานของกรรมวิบาก อย่างน้อยขอให้รู้จักกฎและการทำงานของจิตตัวเองเถิด แล้วจะพบความจริงอันเป็นที่สุด นั่นคือไม่ว่าเรื่องราวจะร้ายแรงเพียงใด ทุกข์เป็นสิ่งดับได้ และหลังจากดับจริงด้วยปัญญา สิ่งที่เหลือคือความสุขสงบอันประณีต คุณจะไม่รู้จักสุขชนิดนั้นด้วยความอาฆาตและการแก้แค้นเป็นอันขาด
โดย ดังตฤณ จากหนังสือ เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่ม ๕ ที่มา : //dungtrin.com ภาพจาก : //www.flowersop.com
Create Date : 23 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 23 มิถุนายน 2553 20:51:05 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1010 Pageviews. |
|
|
|
|
|