อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

9 ทฤษฎีความรักของชีวิตคู่ ลืม ๆ ไปบ้างก็ดี



love

 เราต่างก็เคยได้ยินทฤษฎีเกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่ให้มีความสุขกันมากมาย ซึ่งอาจจะเขียนหรือบอกเล่าโดยคนที่มีประสบการณ์มาก่อน เช่น พี่น้อง พ่อแม่ เพื่อน หรือคนอื่น ๆ เป็นต้น เชื่อว่าก็คงมีประโยชน์กับคู่แต่งงานใหม่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่บางครั้งทฤษฎีบางเรื่องก็เก่าเกินไปที่จะนำมาปรับใช้กับชีวิตคู่ของคุณ

โดยเฉพาะ 9 ทฤษฎีชีวิตคู่ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งคงจะส่งผลดีกับชีวิตคู่ของพวกคุณมากกว่า หากคุณลืมทฤษฎีเหล่านี้ไปบ้าง
1. การทะเลาะมักจะนำไปสู่การหย่าร้าง

สิ่งแรกที่อยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกันก็คือการหย่าร้างมาจากปัญหาที่คน 2 คน ไม่สามารถแก้ไขปัญหานั้นได้ ไม่ได้เกิดจากการทะเลาะกันอย่างที่หลายคนเข้าใจ และการทะเลาะกันบางครั้งก็นำไปสู่ความสัมพันธ์ที่มั่นคงแข็งแรงยิ่งขึ้นด้วย เพราะไม่มีใครบนโลกนี้ที่จะมีความชอบเหมือนกันไปหมดเสียทุกอย่าง และหลังการทะเลาะก็มักจะมีการปรับความเข้าใจกัน ฉะนั้นคุณไม่จำเป็นต้องกลัวเลยว่าการทะเลาะจะนำไปสู่การหย่าร้างอย่างที่คิด

2. ห้ามนอนแยกเตียงหลังแต่งงาน

การที่คู่รักนอนแยกเตียงเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่หลาย ๆ คนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่สมควรทำ ทั้งที่จริงแล้วมันเป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับความพอใจของทั้ง 2 ฝ่าย คุณสามารถนอนแยกเตียงกันได้หลังแต่งงาน ในขณะที่ความสัมพันธ์ก็ยังเป็นเหมือนเดิมอยู่ นอกจากนี้ยังเป็นวิธีที่ช่วยลดปัญหาการนอนด้วย โดยเฉพาะคนที่มีคนรักที่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอน อย่างเช่น การกรน กัดฟัน หรือหายใจแรง เป็นต้น

3. ว่างเมื่อไหร่ต้องหาเวลาอยู่ด้วยกันตลอด

ก่อนที่จะแต่งงานต่างคนต่างก็มีพื้นที่ส่วนตัวและสังคมของตัวเอง ฉะนั้น ถึงแม้ทฤษฎีส่วนใหญ่จะแนะนำให้คู่รักใช้เวลาอยู่ด้วยกันในช่วงเวลาว่างหรือวันหยุด แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องทำตามทฤษฎีเหล่านั้นเสมอไป และความรักของคุณจะดียิ่งกว่าหากต่างคนต่างมีชีวิตเป็นของตัวเองบ้างในบางครั้ง อย่างเช่น ออกไปสังสรรค์กับเพื่อน กินข้าวกับครอบครัว หรือทำสิ่งที่ชอบคนเดียว จะได้มีเวลาให้คิดถึงกันอย่างไรล่ะ

4. ห้ามเข้านอนในขณะที่ยังโกรธ

หลายทฤษฎียังบอกด้วยว่าห้ามเข้านอนในขณะที่คุณยังรู้สึกโกรธเคืองอยู่ เพราะจะพาลให้นอนไม่หลับกันทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งในความเป็นจริงคงไม่มีใครสามารถระงับความโกรธที่ยังคุกรุ่นให้ดับลงได้จน ถึงเวลานอนหรอก อีกทั้งหลายต่อหลายครั้งที่พบว่าการกดอารมณ์โกรธก่อนเข้านอนยังทำให้นอนหลับยากขึ้นด้วย ฉะนั้นก็ปล่อยอารมณ์ไปตามธรรมชาติแล้วเข้านอนดีกว่า ไม่แน่ว่าช่วงเวลาที่คุณนอนอาจจะคิดอะไรได้มากขึ้นก็ได้


5. แชร์ทุกสิ่งที่คุณชอบกับคนรัก

ต่างคนต่างก็มีความชอบที่แตกต่างกัน ดังนั้นถึงแม้ว่าคุณจะแต่งงานไปแล้วก็ไม่จำเป็นต้องบังคับให้อีกฝ่ายชอบเหมือนคุณ หรือพยายามชอบตามอีกฝ่ายก็ได้ และไม่ต้องกลัวว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้พวกคุณห่างเหินกัน เพราะยังมีเรื่องราวอีกมากมายให้คุณกับคนรักแชร์ประสบการณ์และใช้เวลาร่วมกัน อย่างเช่น เรื่องงาน ครอบครัว หรือเพื่อน ๆ

6. ต้องทำให้ชีวิตคู่ดูตื่นเต้นตลอดเวลา

บ่อยครั้งแค่ไหนที่เราได้ยินประโยคแบบนี้ ทั้งที่จริงแล้วคุณไม่จำเป็นต้องหากิจกรรมหรืออะไรก็ตามมาทำให้ชีวิตของคุณเต็มไปด้วยความน่าตื่นเต้นหรือน่าสนใจ เพื่อรักษาชีวิตคู่เลย เพราะสิ่งสำคัญของชีวิตการแต่งงานก็คือการอยู่ด้วยกันแล้วต่างฝ่ายต่างรู้สึกสบายใจ ได้ใช้เวลาร่วมกัน อาจจะเซอร์ไพรส์คนรักบ้างตามโอกาสต่าง ๆ แต่ไม่จำเป็นต้องบ่อยนักก็ได้

7. ซื่อสัตย์กับคนรักทุกเรื่อง

จริงอยู่ที่การเป็นคนรักกันควรจะซื่อสัตย์ต่อกันทุกเรื่อง แต่บางเรื่องที่เห็นว่าหากทำหรือพูดออกไปมีโอกาสทำให้คุณสองคนผิดใจกันมากกว่า ก็ควรจะเปลี่ยนเพื่อความสบายใจของคนรักบ้างก็ได้ อย่างเช่น คนรักของคุณเพิ่งตัดผมมาใหม่ และดูท่าทางเขาจะมั่นใจเหลือเกินว่าเป็นทรงที่เหมาะสมกับเขา ทั้ง ๆ ที่คุณกลับเห็นตรงกันข้าม ในกรณีนี้ก็คงลำบากใจที่จะพูดตรง ๆ เพราะอาจทำให้เขาเสียความมั่นใจไปเลย ดังนั้น อาจจะชมบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือหลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องนี้เลยก็ได้

8. ห้ามมีเพื่อนต่างเพศ

หลังแต่งงานคุณก็ยังมีเพื่อนต่างเพศได้เหมือนเดิม เพราะเพื่อนอย่างไรก็ยังเป็นเพื่อน ที่สำคัญคงไม่มีใครกล้าคิดเกินเลยกับคนที่แต่งงานแล้ว แต่ในกรณีที่คนรักของคุณเป็นคนขี้หึง ก็ควรจะพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจให้ตรงกัน คุณกับเพื่อนจะได้คบหากันได้อย่างสบายใจเหมือนเดิม

9. ชีวิตคู่จบทันทีหากไม่มีความรู้สึกตื่นเต้นต่อกันแล้ว

หลังจากที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันไปสักระยะ แล้วความรู้สึกตื่นเต้นจากช่วงที่คบกันแรก ๆ หายไปก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะเป็นเรื่องธรรมดาของคนที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันอยู่แล้ว อีกทั้งจะกลัวไปทำไมหากความรักความผูกพันของพวกคุณยังอยู่ ซึ่งเป็น 2 สิ่งสำคัญที่ช่วยประคองชีวิตคู่ของคุณให้อยู่ร่วมกันไปได้ตลอดมากกว่าความรู้สึกตื่นเต้นเสียอีก

ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าทฤษฎีความรักทั้งหมดนี้เป็นเรื่องผิด เพียงแค่จะบอกว่าคุณไม่จำเป็นต้องทำตามที่ทฤษฎีบอกไว้ทั้งหมดก็ได้ บางข้อลืม ๆ มันไปบ้างก็น่าจะดีกว่า คุณกับคนรักจะได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันอย่างมีความสุขโดยไม่มีสิ่งใดมาบังคับ หรือทำให้พวกคุณรู้สึกอึดอัดอย่างที่ผ่าน ๆ มา ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะต้องเลิกกันเพราะทำตามทฤษฎีมากไปก็ได้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
allwomenstalk.com และ huffingtonpost.com




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2560    
Last Update : 21 สิงหาคม 2560 19:28:28 น.
Counter : 997 Pageviews.  

เมนูปลาย่าง มื้อเย็นไม่อ้วนเนื้อนุ่มกลิ่นหอมโปรตีนสูง



13 เมนูปลาย่าง

กลิ่นอะไรทำไมหอมจังน้อ ? อ้อ… กลิ่นหอมของเมนูปลาย่างนั่นเอง เนื้อนุ่มย่อยง่าย อิ่มสบายท้อง แถมได้โปรตีนดีต่อร่างกาย จัดสักตัวเถอะเย็นนี้

     ใครกำลังมองหาอาหารเย็นเมนูปลา เหมือนกันบ้างคะ ตอนนี้เริ่มเอียนเมนูปลาทอดกับเมนูปลานึ่งแล้ว คงจะดีถ้ามีเมนูปลาง่าย ๆ มาทำสับเปลี่ยนจะได้เจริญอาหารเนอะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำปลาย่าง เช่น ปลาย่างเกลือ ปลาย่างสมุนไพร ปลาย่างซีอิ๊ว และเมนูปลาย่างแบบอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกเพียบ เอาล่ะ… ไปจุดเตาถ่านหรือเปิดเตาแก๊สย่างปลากันเถอะ
13 เมนูปลาย่าง
1. ปลาทับทิมย่างเกลือ

     เมื่อตอนเย็นไปตลาดเพราะอยากกินปลาทับทิมย่างเกลือ แต่กลับเจอแต่ปลานิลย่างเกลือทั้งนั้น เลยตัดสินใจซื้อวัตถุดิบมาทำกินเอง พบกับปลาทับทิมย่างเกลือ สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน จับปลายัดเครื่องสมุนไพรแล้วพอกเกลือและแป้งเอาไปย่างจนสุก เสิร์ฟกับน้ำจิ้มปลาเผาและเครื่องเคียง

ส่วนผสม ปลาทับทิมย่างเกลือ (สำหรับ 3 ที่)

     • ปลาทับทิม 1 ตัว
     • เกลือป่นหยาบ 200 กรัม
     • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ
     • ข่าหั่นแว่น 3 แว่น
     • ตะไคร้ บุบพอแตก 4 ต้น
     • ใบมะกรูด 5-7 ใบ

ส่วนผสม เครื่องเคียง

     • ไข่ไก่ต้ม 3 ฟอง
     • ผักกาดขาวแกะเป็นใบ ๆ ต้มสุก 1 หัว
     • กะหล่ำปลีต้มสุก 1/2 หัว
     • แครอทหั่นเป็นแท่ง ต้มสุก 1/2 หัว
     • ถั่วฝักยาวหั่นท่อน ต้มสุก 12 ฝัก
     • มะเขือเปราะ ต้มสุก 3-4 ลูก

ส่วนผสม น้ำพริกแจ่ว

     • พริกขี้หนูแดง 15 เม็ด
     • หอมแดง 7 หัว
     • มะเขือเทศสีดา 5 ลูก
     • กระเทียมกลีบใหญ่ 6 กลีบ
     • น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำปลา 1 ช้อนชา
     • น้ำปลาร้าต้มสุก 1/2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนโต๊ะ
     • เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา

วิธีทำน้ำพริกแจ่ว

     1. คั่วพริกขี้หนู หอมแดง มะเขือเทศสีดา และกระเทียมในกระทะให้เกรียมเล็กน้อย ตักขึ้นพักให้เย็น นำไปปั่นให้ละเอียด
     2. เติมน้ำปลาร้าต้มสุก น้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และเกลือป่นลงในโถปั่น ปั่นให้เข้ากัน ตักน้ำพริกใส่ถ้วย เตรียมไว้

วิธีทำปลาทับทิมย่างเกลือ

     1. ผ่าท้องปลาทับทิม ควักไส้ออก ใส่ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด เข้าไปในท้องปลา
     2. ผสมเกลือป่นกับแป้งสาลีให้เข้ากันแล้วไปพอกตัวปลา พักไว้ 15-20 นาที เพื่อให้เกลือและแป้งติดบนตัวปลา
     3. นำปลาทับทิมไปย่างบนเตาถ่านให้สุกทีละด้าน (ห้ามกลับไปกลับมาเพราะเกลือจะหลุด) ย่างประมาณ 25-23 นาทีจนสุกทั้ง 2 ด้าน จัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง และน้ำพริกแจ่ว

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ปลาทับทิมย่างเกลือ น้ำพริกแจ่ว ผักต้ม เมนูอร่อย แคลอรีต่ำ

++++++++++++++
13 เมนูปลาย่าง
2. ปลาซาบะย่างเกลือ

     เอาใจคออาหารญี่ปุ่นด้วยการชวนทำปลาซาบะย่างเกลือ สูตรจาก อาหารง่าย ๆ สไตล์ Rita จับปลาไปอบด้วยเตาอบเล็ก โรยเกลือเพิ่มความเค็ม แกล้มกับหัวไช้เท้าขูด ใครจะดัดแปลงเป็นปลาซาบะย่างซีอิ๊วหรือปลาซาบะย่างเทอริยากิก็อร่อยนะคะ

ส่วนผสม ปลาซาบะย่างเกลือ

     • ปลาซาบะ 1 ตัว
     • เกลือ เล็กน้อย
     • เลมอน หรือมะนาว 1 ซีก
     • หัวไช้เท้าขูด 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำปลาซาบะย่างเกลือ

     1. นำปลาซาบะมาแล่แล้วล้างเลือดกับเมือกออกให้หมด จากนั้นซับด้วยทิชชูให้แห้ง
     2. ปูฟอยล์บนถาดรองอบ วางเนื้อปลาซาบะให้หนังอยู่ด้านล่าง นำเข้าเตาอบ (ติ๊ง) เป็นเวลา 10 นาที
     3. พอครบ 10 นาทีให้นำปลาซาบะออกมาโรยเกลือแล้วพลิกเอาด้านหนังขึ้น จากนั้นก็โรยเกลืออีกด้าน นำกลับเข้าอบอีก 10-15 นาที
     4. เมื่ออบเสร็จแล้วนำมาจัดใส่จาน แต่งด้วยหัวไช้เท้าขูดกับเลมอน พร้อมเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ปลาซาบะย่างเกลือ เมนูประหยัดทำง่าย ๆ ด้วยเตาอบเล็ก

++++++++++++++
13 เมนูปลาย่าง
3. ปลาช่อนย่างเกลือ

     สำหรับคนชอบเมนูปลาเผาแบบบ้าน ๆ ราคาประหยัด ขอนำเสนอปลาช่อนย่างเกลือ หรือปลาช่อนเผาเกลือ มาพร้อมวิธีทำน้ำจิ้มปลาเผารสแซ่บ เพิ่มความอิ่มด้วยเครื่องเคียงแบบจัดเต็ม

ส่วนผสม ปลาช่อนย่างเกลือ

     • ปลาช่อน 1 ตัว
     • ข่าหั่นแว่น 3 แว่น
     • ตะไคร้ทุบ 4 ต้น
     • ใบมะกรูด 5 ใบ
     • เกลือป่นหยาบ 200 กรัม
     • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม น้ำพริกแจ่ว

     • พริกขี้หนูแดง 15 เม็ด
     • หอมแดง 7 หัว
     • มะเขือเทศสีดา 5 ลูก
     • กระเทียมกลีบใหญ่ 6 กลีบ
     • น้ำปลาร้าต้มสุก 1/2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำมะขามเปียก 2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำปลา 1 ช้อนชา
     • น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนโต๊ะ
     • เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา

ส่วนผสม เครื่องเคียง

     • ไข่ไก่ต้ม 3 ฟอง
     • ผักกาดขาวต้มสุก 1 หัว
     • กะหล่ำปลีต้มสุก 1/2 หัว
     • แครอทต้มสุก 1/2 หัว
     • ถั่วฝักยาวลวกสุก 12 ฝัก

วิธีทำน้ำพริกแจ่ว

1. คั่วพริกขี้หนู หอมแดง มะเขือเทศ และกระเทียมให้หอม พักไว้จนเย็น
2. นำเครื่องที่คั่วไว้ไปปั่นกับน้ำปลาร้าต้มสุก น้ำมะขามเปียก น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และเกลือป่นลงไป ปั่นให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วย

วิธีทำปลาช่อนย่างเกลือ

     1. ผ่าท้องปลาช่อน ควักไส้ออก ใส่ข่า ตะไคร้ และใบมะกรูด เข้าไปในท้องปลา
     2. ผสมเกลือป่นกับแป้งสาลีให้เข้ากันแล้วไปพอกตัวปลา พักไว้ 15-20 นาที เพื่อให้เกลือและแป้งติดบนตัวปลา
     3. นำปลาช่อนไปย่างบนเตาถ่านให้สุกทีละด้าน (ห้ามกลับไปกลับมาเพราะเกลือจะหลุด) ย่างประมาณ 25-30 นาที หรือจนสุกทั้ง 2 ด้าน จัดใส่จานเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง และน้ำพริกแจ่ว

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ปลาช่อนย่างเกลือ เมนูปลาเผาชุดใหญ่พร้อมผักต้มและน้ำจิ้ม

++++++++++++++
13 เมนูปลาย่าง
4. ปลากะพงย่างซอสมิโสะ 

     จากที่เคยทำปลากะพงย่างเกลือแบบไทย ๆ ลองเปลี่ยนอารมณ์มาทำเมนูปลาย่างสไตล์ญี่ปุ่น อย่างปลากะพงย่างซอสมิโสะ สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน สูตรทำง่ายแค่เอาซอสมิโซะทาเนื้อปลาแล้วเอาไปย่างจนสุก ใครจะดัดแปลงเป็นแซลมอนย่างซอสมิโซะก็เข้าท่านะคะ

ส่วนผสม ปลากะพงย่างซอสมิโซะ

     • เนื้อปลากะพง (แล่เป็นชิ้น) 300 กรัม
     • มิโซะ 80 กรัม
     • มิริน (เหล้าหวานญี่ปุ่น) 1 ช้อนโต๊ะ
     • ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 1 ฟอง
     • น้ำมันพืช (สำหรับทาตะแกรง)
     • หัวไช้เท้าขูด
     • ข้าวสวยญี่ปุ่น

วิธีทำปลากะพงย่างซอสมิโซะ

     1. นำมิโซะและมิริน เทใส่กระทะ ตั้งไฟอ่อน กวนผสมจนเข้ากัน ใส่ไข่แดงลงไป คนจนเป็นเนื้อเดียวกัน พักไว้
     2. ตั้งไฟสำหรับย่าง ทาน้ำมันพืชให้ทั่วตะแกรง ทาซอสมิโซะให้ทั่วเนื้อปลากะพง นำไปย่างด้วยไฟอ่อนจนสุก จัดเสิร์ฟพร้อมกับหัวไช้เท้าขูด และข้าวสวยญี่ปุ่น

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ปลากะพงย่างซอสมิโซะ กลิ่นหอมเย้ายวนสไตล์ญี่ปุ่น

++++++++++++++
13 เมนูปลาย่าง
5. สเต๊กปลาดอรี่ย่างซอสกระเทียมพริกไทย 

     ปลาย่างสไตล์ไทยกับปลาย่างสไตล์ญี่ปุ่นก็ทำมาหลายมื้อ คราวนี้เปลี่ยนมาทำปลาย่างสไตล์ฝรั่งบ้างดีไหม ขอนำเสนอสเต๊กปลาดอรี่ย่างซอสกระเทียมพริกไทย สูตรจาก เฟซบุ๊ก บ.บวม อร่อยเลียชามจับปลาดอรี่หมักกับเกลือและพริกไทย เสิร์ฟพร้อมผักย่าง และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ซอสกระเทียมพริกไทย

ส่วนผสม สเต๊กปลาดอรี่

     • ปลาดอรี่ 150 กรัม
     • เกลือและพริกไทยดำ (สำหรับหมักปลาดอรี่)
     • หน่อไม้ฝรั่ง
     • แครอท           
     • เห็ดเข็มทอง

ส่วนผสม ซอสกระเทียมพริกไทย

     • น้ำมันมะกอก หรือเนย 1 ช้อนโต๊ะ
     • กระเทียมจีนสับ 4-5 กลีบ
     • รากผักชี
     • พริกไทยขาว
     • เห็ดหอมหั่นแว่น 1 ดอก
     • น้ำซุป หรือน้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง
     • ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
     • ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนชา
     • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
     • เหล้าจีน 1 ช้อนชา (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)

วิธีทำสเต๊กปลาดอรี่

     1. หมักปลาดอรี่กับเกลือและพริกไทยดำ เตรียมไว้
     2. ใส่ปลาดอรี่ลงย่างในกระทะให้สุกทั้ง 2 ด้าน ด้านละประมาณ 3 นาที โดยใช้ไฟปานกลาง ตามด้วยหน่อไม้ฝรั่ง แครอท และเห็ดเข็มทอง ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย จัดใส่จาน

วิธีทำซอสกระเทียมพริกไทย

     1. โขลกรากผักชีกับพริกไทยขาวเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
     2. นำกระทะขึ้นตั้งไฟ ใส่เนยหรือน้ำมันมะกอกลงไป ตามด้วยกระเทียม รากผักชี พริกไทยขาว และเห็ดหอม ผัดจนหอม แล้วเติมน้ำซุปลงไป ลดเป็นไฟปานกลาง
     3. ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว และน้ำตาลทราย เคี่ยวให้ซอสงวดลง จากนั้นเร่งไฟแรงแล้วเติมเหล้าจีนลงไปพอให้แอลกอฮอล์ระเหยหมด ปิดไฟยกลงจากเตา นำไปราดบนสเต๊กปลาดอรี่

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สเต๊กปลาดอรี่ซอสกระเทียมพริกไทย อาหารฝรั่งง่าย ๆ ราคาถูก

++++++++++++++




 

Create Date : 20 สิงหาคม 2560    
Last Update : 20 สิงหาคม 2560 19:27:07 น.
Counter : 2309 Pageviews.  

จริงหรือ ? ถ่ายรูปมองช่องมองภาพผ่านสองตา ดีกว่ามองด้วยตาข้างเดียว



เทคนิคการถ่ายภาพ

การลืมตาทั้งสองข้าง เพื่อมองภาพผ่านช่องมองภาพ หรือ View Finder จะช่วยให้คุณเห็นเหตุการณ์และสามารถถ่ายทอดเรื่องราวได้ดีกว่าการลืมตาเพียงข้างเดียวได้อย่างไรนั้น มาดูกัน
การถ่ายภาพ เป็นการบันทึกภาพความทรงจำและเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านมุมมองของแต่ละคนที่มีเทคนิคการถ่ายภาพแตกต่างกันไป บางคนถนัดมองภาพผ่านวิวไฟน์เดอร์ (View Finder) หรือ ช่องมองภาพ ด้วยตาข้างใดข้างหนึ่ง เพื่อให้โฟกัสภาพในเลนส์ได้อย่างชัดเจน หรือบางคนก็ถนัดลืมตาทั้งสองข้างเลยก็มี
เทคนิคการถ่ายภาพ
 ซึ่งความจริงแล้ว หากเราลองลืมตาทั้งสองข้างขณะมองช่องมองภาพ จะทำให้คุณได้เห็นอะไรมากกว่าการมองแค่เพียงช่องมองภาพ เพราะการมองสิ่งที่อยู่นอกเหนือจากในเฟรมนั้น ทำให้คุณได้เห็นมุมมองที่กว้างกว่าในกล้อง ทำให้ได้เห็นสภาพแวดล้อมรอบ ๆ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เดินผ่านไปผ่านมา หรืออะไรก็ตามที่อาจมาบดบังภาพได้ และยังช่วยให้คุณสามารถคาดเดาเหตุการณ์และเลือกจังหวะกดชัตเตอร์ได้ดีกว่าอีกด้วย

เทคนิคการถ่ายภาพ

   นอกจากนี้การลืมตาทั้งสองข้างเพื่อมองภาพ ยังถือเป็นการฝึกการใช้สมอง และสติในการแยกแยะประสาทการรับรู้ เพราะภาพที่ตามองช่องมองภาพ กับภาพที่ตาเห็นสิ่งแวดล้อมภายนอก อาจมีความแตกต่างกันตามลักษณะเลนส์ต่าง ๆ แถมบางครั้งการปิดตาเพียงข้างใดข้างหนึ่งเพื่อถ่ายภาพ อาจทำให้คุณรู้สึกปวดตา ปวดหัว และปวดคิ้วได้อีกด้วยครับ

          รู้อย่างนี้แล้ว พอถึงเวลาถ่ายภาพครั้งต่อไป ให้คุณลองเปิดใจและเปิดตาทั้งสองข้าง เผื่อจะได้ภาพถ่ายที่สวยงามเป็นธรรมชาติ ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวที่มีมุมมองแตกต่างไปจากเดิมก็ได้นะครับ

ข้อมูลจาก petapixel.com, fstoppers.com




 

Create Date : 20 สิงหาคม 2560    
Last Update : 20 สิงหาคม 2560 19:19:00 น.
Counter : 1409 Pageviews.  

ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข รักอย่างไรให้ใจเป็นสุข



ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข

ไบรอัน เทรซี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาบุคคลและองค์กรระดับโลก กล่าวเอาไว้ว่าการยอมรับและรักที่ไม่มีเงื่อนไข คือของขวัญที่ดีที่สุดที่คุณสามารถจะมอบให้กับคนอื่นได้ 

          ซึ่งเชื่อว่าเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนคงจะรู้กันดีอยู่แล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่จะเข้าใจจริง ๆ ว่าความรักที่ไม่มีเงื่อนไขนั้นเป็นอย่างไร เพราะถ้ายังไม่เข้าใจก็คงจะไม่สามารถที่จะรักโดยไม่มีเงื่อนไขได้ ดังนั้นเราก็เลยรวบรวม 6 เรื่องราวของความรักที่ไม่มีเงื่อนไขมาฝากกัน จะได้เข้าใจและมองเห็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไขได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น


1. ไม่มีกฎเกณฑ์หรือเงื่อนไขใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง

เมื่อใดที่คุณตกหลุมรักใครบางคนแบบไม่มีเงื่อนไข เมื่อนั้นคุณจะไม่สามารถพูดได้ว่า ฉันรักคุณเพราะ...นั่นเป็นเพราะความรักที่ไม่มีเงื่อนไขหมายถึงการที่คุณตกหลุมรักบางคนโดยปราศจากเหตุผลใด ๆ โดยเหตุที่เกิดขึ้นก็ดำเนินไปตามธรรมชาติ หลังจากที่ 2 จิตวิญญาณมีแรงดึงดูดเข้าหากัน จนทำให้เกิดความรู้สึกที่สวยงาม ซึ่งคนทั่วไปเรียกมันว่า "ความรัก"

2. ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขมักมี 2 ด้านเสมอ

ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขมักมี 2 ด้านเสมอ โดยด้านแรกเป็นความรักที่สามารถทำให้คุณเจ็บปวดได้ เพราะเมื่อคุณตกหลุมรักใครสักคนแบบไม่มีเงื่อนไข เท่ากับว่าคุณไม่สามารถคาดหวังสิ่งใดกลับมาได้เลย ดังนั้นหากอีกฝ่ายไม่ตอบรับคุณก็ต้องยอมรับความเจ็บปวดนั้นโดยดี ในทางกลับกันหากอีกฝ่ายมีความรู้สึกเหมือนกันกับคุณ และตอบรับกลับมาในวิธีเดียวกัน ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขของคุณ ก็จะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ความสัมพันธ์ของพวกคุณแข็งแรงยิ่งขึ้น

3. ยิ่งพยายามก็ยิ่งเป็นผลดีกับตัวเอง

เพราะความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ไม่ใช่ความรักหรือความหลงใหลทั่วไป ดังนั้นคุณจำเป็นต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษ โดยอาศัยความมั่นใจและความเชื่อใจเป็นตัวช่วยสำคัญ ซึ่งหากคุณมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะหัวใจของคนที่คุณรักได้ และคาดหวังว่าคนคนนั้นจะมอบความรักกลับมาเช่นกัน คุณก็ควรจะเพิ่มความมั่นใจและสร้างความเชื่อมั่นให้กับอีกฝ่ายมากขึ้น ยิ่งคุณมีความพยายามมากเท่าไร ผลตอบแทนก็จะยิ่งหอมหวานมากขึ้นเท่านั้น


4. การติดต่อสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ

การติดต่อสื่อสารเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้ความรักแบบไม่มีเงื่อนไขเดินทางสู่ความสำเร็จได้ในที่สุด โดยในการติดต่อสื่อสารที่ว่านี้ควรจะทำด้วยความซื่อตรงและชัดเจน ซึ่งเมื่อเกิดการสื่อสารที่ซื่อตรงก็จะทำให้อีกฝ่ายนั้นมีความเชื่อใจในตัวคุณมากขึ้น ในขณะเดียวกันความชัดเจนก็จะช่วยให้คุณมีความมั่นใจ และนำไปสู่การก่อเกิดความสัมพันธ์ จนกลายเป็นความสัมพันธ์ที่แข็งแรงในที่สุด

5. การยอมรับคือพื้นฐานของความรักที่ไม่มีเงื่อนไข

การยอมรับของความรักที่ไม่มีเงื่อนไขไม่ใช่แค่การยอมรับในสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นเท่านั้น แต่หมายถึงการยอมรับในความคิด ทัศนคติ และสิ่งที่คุณรู้สึกไม่ชอบใจด้วยเช่นกัน หากคุณทำได้ก็จะเข้าถึงความรักที่ไม่มีเงื่อนไขอย่างแท้จริง ส่วนการคาดหวังว่าให้อีกฝ่ายปรับเปลี่ยน หรือเปลี่ยนแปลงไปตามที่ตัวเองชอบอาจจะเป็นเพียงความรู้สึกชั่วคราวที่ไม่นานก็จางหายไป

6. รักด้วยความเต็มใจ

การตกหลุมรักใครสักคนควรจะมาจากหัวใจไม่ใช่การบังคับ โดยเมื่อคุณรู้สึกรักใครสักคนจากหัวใจของคุณ ความรู้สึกนั้นก็พัฒนาไปสู่ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขในทันที และที่สำคัญควรจะเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า ชีวิตนั้นสั้นหากจะรักก็ควรรักด้วยหัวใจ และความรักที่ไม่มีเงื่อนไขคือความรู้สึกที่สวยงาม ดังนั้นก็ใส่ความรักและใส่ใจเข้าไปให้เต็มที่จะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียใจหรือเสียดายในภายหลัง

         ความรัก...ไม่เคยทำร้ายใครนอกจากคุณจะตั้งความหวังเอาไว้สูงเกินไป แล้วพอไม่ได้ตามที่หวังก็เลยรู้สึกเสียใจเท่านั้นเอง ซึ่งความรักที่ไม่มีเงื่อนไขเช่นนี้นอกจากจะเป็นการให้ที่ไม่มีการสูญเสียแล้ว ยังเป็นความรักที่ไม่มีความเจ็บปวดหรือความรู้สึกเสียดาย เพราะเป็นความรักที่บริสุทธิ์ ไม่หวังสิ่งตอบแทนใด ซึ่งหากคุณทำได้ความรักของคุณก็จะมีแต่ความสุขตลอดไป

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
magforwomen.com และ beliefnet.com




 

Create Date : 20 สิงหาคม 2560    
Last Update : 20 สิงหาคม 2560 19:15:23 น.
Counter : 1127 Pageviews.  

แซลมอนย่างใบชะพลู ปรับสมดุลร่างกายด้วยเมนูปลาหอมอร่อย



แซลมอนย่างใบชะพลู ปรับสมดุลร่างกายหลังปาร์ตี้

ปีนี้มีวันหยุดยาวเยอะ ใครที่ชอบปาร์ตี้บ่อย ๆ คงจะต้องเตรียมเมนูอาหารเพื่อสุขภาพไว้ปรับสมดุลให้กับร่างกายกันสักหน่อย ไม่อย่างนั้นร่างกายจะพังก่อนวัยอันควรไม่รู้ด้วยนะคะ

เมื่อถึงช่วงหยุดยาวทีไร กระเพาะอาหารของหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่เข้าที่เข้าทาง บ้างก็มาจากการกินอาหารในงานปาร์ตี้มากไป ดื่มแอลกอฮอล์บ้าง กินไม่เป็นเวลาบ้าง เราก็เลยอยากนำเสนออาหารเบา ๆ ที่มีประโยชน์ช่วยในการปรับสมดุลให้ กับร่างกาย อย่างแซลมอนย่างใบชะพลู จากนิตยสาร Gourmet & Cuisine เป็นเมนูย่อยง่าย ๆ เพราะทำจากเนื้อปลาแซลมอน และหอมกลิ่นใบชะพลู กินกับน้ำจิ้ม อร่อยสุด ๆ แถมดีต่อร่างกายอีกด้วย

ส่วนผสม ปลาแซลมอนย่างใบชะพลู (สำหรับ 2 ที่)

      ★​ เนื้อปลาแซลมอน (หั่นชิ้นยาว ประมาณ 3 นิ้ว) จำนวน 200 กรัม
      ★​ ​ใบชะพลู 20 ใบ
      ★​ ​น้ำมันพืช เล็กน้อย
      ★​ ​เกลือป่น เล็กน้อย
      ★​ ​พริกไทยดำบดหยาบ เล็กน้อย

ส่วนผสม น้ำจิ้ม

      ★​ ​น้ำมะขามเปียก 3 ช้อนโต๊ะ
      ★​ ​น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
      ★​ ​เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
      ★​ ​น้ำเปล่า 1 ช้อนโต๊ะ
      ★​ ​พริกขี้หนูหั่นแว่น 2 เม็ด

วิธีทำ ปลาแซลมอนย่างใบชะพลู

          1. โรยเกลือและพริกไทยดำบนเนื้อปลาแซลมอน จากนั้นห่อด้วยใบชะพลู เสียบไม้แล้วย่างบนกระทะที่ใส่น้ำมันเล็กน้อยจนเนื้อปลาสุก
          2. เตรียมส่วนผสมน้ำจิ้มโดยผสมน้ำมะขามเปียก น้ำตาลปี๊บ เกลือ และน้ำเข้าด้วยกัน ต้มจนเดือด ปิดไฟ พักไว้ให้เย็น ใส่พริกขี้หนู ชิมรส เสิร์ฟพร้อมปลาแซลมอน

Note : ใส่เมล็ดพริกไทยสดห่อไปด้วยก็ได้ตามชอบ

   นอกจากจะมีประโยชน์ต่อร่างกาย รสชาติอร่อยแล้ว ยังทำง่ายสุด ๆ ด้วย เมนูดี ๆ แบบนี้ไม่ควรพลาดนะคะ

ขอขอบคุณข้อมูลประกอบจาก




 

Create Date : 19 สิงหาคม 2560    
Last Update : 19 สิงหาคม 2560 8:15:04 น.
Counter : 2003 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.