อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

ตลาดโบราณนครเนื่องเขต ฉะเชิงเทรา เดินชิลชมคลองย้อนบรรยากาศวันวาน



ตลาดโบราณนครเนื่องเขต

ตลาดโบราณนครเนื่องเขต ฉะเชิงเทรา ตลาดโบราณเก่าแก่อายุร่วมร้อยปี พร้อมชมแสงสีบรรยากาศตอนค่ำของตลาดนัดกลางคืนริมคลอง พร้อมของกินอร่อย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศชิล ๆ ในห้วงวันวานสมัยอดีต

ตลาดโบราณนครเนื่องเขต ตลาดน่าเที่ยวในตำบลเนื่องเขต อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา ว่ากันว่าเสน่ห์ของตลาดแห่งนี้อยู่ที่บรรยากาศกลิ่นอายความคลาสสิก ทั้งอาคารบ้านเรือน ห้องแถว ร้านค้าเก่าแก่ รวมถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านสองฟากฝั่งคลอง ที่ยังคงอยู่ไม่เลือนหายไปตามเวลา และตอนนี้ตลาดโบราณนครเนื่องเขตยังมีตลาดนัดกลางคืนริมคลอง เอาไว้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกของคนที่ชอบเดินเที่ยวตลาดยามเย็น ชมบรรยากาศแสงสีริมคลอง รับรองเลยว่าสีสันไม่แพ้ช่วงกลางวันเลยทีเดียว

ตลาดโบราณนครเนื่องเขต

ตลาดโบราณนครเนื่องเขต

          ตลาดโบราณนครเนื่องเขต เป็นตลาดเก่าแก่ริมสองฟากฝั่งคลองนครเนื่องเขตที่มีมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่ไม่ว่านักท่องเที่ยวคนไหนก็สัมผัสได้เมื่อมาเที่ยวที่ตลาดแห่งนี้ เห็นจะเป็นการได้รำลึกถึงอดีต สัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้าน ชมบ้านเรือนไม้โบราณ ซึ่งล้วนแล้วแต่ไร้การปรุงแต่งจากโลกสมัยใหม่

ตลาดโบราณนครเนื่องเขต

ตลาดโบราณนครเนื่องเขต

ตลาดโบราณนครเนื่องเขต

ตลาดโบราณนครเนื่องเขต

ตลาดโบราณนครเนื่องเขต

          พลาดไม่ได้กับการเดินแวะชิมอาหารอร่อย ๆ มากมาย เช่น ก๋วยเตี๋ยวหมู ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ขนมโบราณ ขนมจีน (ที่มาพร้อมน้ำยาหลากหลายรส) เราจะได้เห็นเหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ขายพายเรือเทียบท่าเอาของมาขาย โดยนักท่องเที่ยวสามารถนั่งซื้อนั่งทานกันตรงริมน้ำ สลับกับการชมบรรยากาศตลาดได้แบบชิล ๆ

ตลาดโบราณนครเนื่องเขต

ตลาดโบราณนครเนื่องเขต

ตลาดโบราณนครเนื่องเขต

          ปกติแล้วนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเดินทางมาเที่ยวตลาดโบราณนครเนื่องเขตในช่วงกลางวัน แต่ช่วงนี้ทางตลาดได้จัดกิจกรรมตลาดนัดกลางคืนริมคลอง หรือ "เนื่องเขต Night Market" ขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศการเที่ยวตลาดที่ต่างออกไปจากเดิม โดยเฉพาะบรรยากาศของแสงสีจากไฟนีออนที่ประดับตกแต่งริมคลอง ทำให้น่าเดินชิลกว่าเดิมอีกเท่าตัว ที่สำคัญมีร้านค้าที่ออกมาตั้งร้านขายของกินอร่อย ๆ มากกว่าเดิมอีกเพียบเลยทีเดียว

          สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชื่นชมบรรยากาศตลาดโบราณยามค่ำ สามารถแวะเวียนมากันได้ โดยปกติตลาดโบราณเนื่องนครเขตในช่วงกลางวันจะเปิดทำการทุกวันศุกร์-เสาร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 08.00-17.00 น.

สำหรับตลาดนัดกลางคืนริมคลอง ปัจจุบันเป็นกิจกรรมนำร่อง เบื้องต้นเปิดเสาร์เว้นเสาร์ ต่อจากตลาดช่วงเช้าเรื่อยไปจนถึง 21.00 น. ซึ่งถ้าได้รับกระแสตอบรับที่ดี ก็จะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เดินถาวร ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ในบรรยากาศสบาย ๆ มาเดินชิลชมคลองที่นี่ รับรองว่าไม่ผิดหวัง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 081 930 8695

การเดินทางมายังตลาดโบราณนครเนื่องเขต

เดินทางจากกรุงเทพฯ ทางเส้นสุวินทวงศ์ จะอยู่ประมาณหลักกิโลเมตรที่ประมาณ 65 ฝั่งที่จะเข้าตัวเมืองฉะเชิงเทรา ก่อนถึงจะมีสะพาน พอข้ามสะพานจะเจอทางเข้าตลาดอยู่ทางซ้ายมือ

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เฟซบุ๊ก ตลาดโบราณนครเนื่องเขต




 

Create Date : 31 กรกฎาคม 2560    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2560 7:29:53 น.
Counter : 1839 Pageviews.  

10 สูตรสมูทตี้ข้าวโอ๊ต เครื่องดื่มสุดคูลเอาใจสายเฮลธ์ตี้



กระดกหมดแก้ว กับสูตรสมูทตี้ข้าวโอ๊ต เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เนื้อเนียนละมุน มีประโยชน์จากธัญพืช ผัก และผลไม้ แค่แก้วเดียวก็ดีต่อใจแล้ว

          วันหยุดแวะมาเติมความสดชื่นให้ชีวิตกับสูตรสมูทตี้เพื่อสุขภาพกันเถอะ อุปกรณ์มีแค่เครื่องปั่นน้ำผลไม้เท่านั้น กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำสมูทตี้ข้าวโอ๊ต แต่ละแก้วอัดแน่นด้วยกากใย คุณค่าเพียบขนาดนี้ไม่ลองไม่ได้แล้ว

10 สูตรสมูทตี้ข้าวโอ๊ต
1. สมูทตี้ข้าวโอ๊ตกล้วยหอม (Banana Oat Breakfast Smoothie)

     จากที่เคยทำสมูทตี้กล้วยหอมหรือกล้วยหอมปั่นมาหลายครั้ง ลองเติมข้าวโอ๊ตเส้นใยสูงหน่อยดีไหม ขอนำเสนอสมูทตี้ข้าวโอ๊ตกล้วยหอม สูตรนี้ใส่นมอัลมอนด์และโยเกิร์ตเพิ่มโปรตีน เติมความหวานจากเมเปิลไซรัป

ส่วนผสม สมูทตี้ข้าวโอ๊ตกล้วยหอม

     • กรีกโยเกิร์ต 1/2 ถ้วย
     • กล้วยหอมสุก (แช่แข็ง) 1 ลูก
     • นมอัลมอนด์ 1/4 ถ้วย
     • ข้าวโอ๊ต 1/3 ถ้วย
     • เมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ
     • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา
     • เกลือป่น
     • เมเปิลไซรัป 1-2 ช้อนชา

วิธีทำสมูทตี้ข้าวโอ๊ตกล้วยหอม

     • ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องปั่น ปั่นจนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว พร้อมดื่ม

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ Banana Oat Breakfast Smoothie / runningwithspoons.com

++++++++++++++

10 สูตรสมูทตี้ข้าวโอ๊ต
ภาพจาก flavorthemoments.com

2. สมูทตี้ข้าวโอ๊ตบลูเบอร์รีกล้วยหอม (Blueberry Banana Oat Smoothie)

     สืบเนื่องจากสมูทตี้ข้าวโอ๊ตกล้วยหอมรสชาติออกหวาน ๆ ไปหน่อย เลยขอเพิ่มบลูเบอร์รีให้มีรสออกเปรี้ยวหน่อยดีกว่า นั่นคือ สมูทตี้ข้าวโอ๊ตบลูเบอร์รีกล้วยหอม เติมนมอัลมอนด์กลิ่นหอม ๆ ก่อนเสิร์ฟท็อปด้วยบลูเบอร์รีหน่อย ดื่มอร่อยไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ

ส่วนผสม สมูทตี้ข้าวโอ๊ตบลูเบอร์รีกล้วยหอม

     • ข้าวโอ๊ต 1/4 ถ้วย
     • บลูเบอร์รีแช่แข็ง 1+1/2 ถ้วย
     • กล้วยหอมสุกแช่แข็ง (หั่นชิ้น) 1 ลูก
     • เมเปิลไซรัป 1-2 ช้อนโต๊ะ
     • นมอัลมอนด์ หรือนมสด 1+1/2 ถ้วย

วิธีทำสมูทตี้ข้าวโอ๊ตบลูเบอร์รีกล้วยหอม

     1. ใส่ข้าวโอ๊ตลงในเครื่องปั่น ปั่นพอหยาบ
     2. ใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมดลงไปเครื่องปั่นจนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว พร้อมดื่ม

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ Blueberry Banana Oat Smoothie / flavorthemoments.com

++++++++++++++

10 สูตรสมูทตี้ข้าวโอ๊ต
ภาพจาก fivehearthome.com

3. สมูทตี้ข้าวโอ๊ตสตรอว์เบอร์รีชอร์ตเค้ก (Strawberry Shortcake Smoothie)

     อูย… แค่เห็นสีชมพูของสมูทตี้ข้าวโอ๊ตแก้วนี้ก็แอบกลืนน้ำลายรั่ว ๆ ก็แหม… สีสันหวานแหววถูกใจอย่างแรง ใครสนใจอยากลองทำสมูทตี้ข้าวโอ๊ตสตรอว์เบอร์รีชอร์ตเค้ก ถ้าชอบรสเปรี้ยวก็ใส่สตรอว์เบอร์รีมากหน่อย มามะไปซื้อส่วนผสมพร้อมกันเลย

ส่วนผสม สมูทตี้ข้าวโอ๊ตสตรอว์เบอร์รีชอร์ตเค้ก

     • ข้าวโอ๊ต 1/2 ถ้วย
     • สตรอว์เบอร์รีแช่แข็ง 1+1/2 ถ้วย
     • โยเกิร์ต รสวานิลลา 1 ถ้วย
     • นมสด 1/2 ถ้วย
     • น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
     • กลิ่นวานิลลา 1/4 ช้อนชา
     • กลิ่นอัลมอนด์ 1/8 ช้อนชา
     • ผงอบเชย 1/4 ช้อนชา

วิธีทำสมูทตี้ข้าวโอ๊ตสตรอว์เบอร์รีชอร์ตเค้ก

     1. ใส่ข้าวโอ๊ตลงในเครื่องปั่น ปั่นพอหยาบ
     2. ใส่ส่วนผสมที่เหลือทั้งหมดลงไปปั่นจนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว พร้อมดื่ม

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ Strawberry Shortcake Smoothie / fivehearthome.com

++++++++++++++

10 สูตรสมูทตี้ข้าวโอ๊ต
ภาพจาก runningwithspoons.com

4. สมูทตี้ข้าวโอ๊ตคุกกี้ (Oatmeal Cookie Dough Smoothie)

     เอาใจคุณหนูกันด้วยสมูทตี้ข้าวโอ๊ตคุกกี้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพกลิ่นหอม ใส่เนยถั่วและเมล็ดเจีย ท็อปด้วยช็อกโกแลตชิพ

ส่วนผสม สมูทตี้ข้าวโอ๊ตคุกกี้

     • กล้วยหอมแช่แข็ง 1 ลูก
     • ข้าวโอ๊ต 1/4 ถ้วย
     • เมล็ดเจีย 1 ช้อนชา
     • ผงโปรตีนวานิลลา 1/2-1 สกูป
     • ผงอบเชย 1/2 ช้อนชา
     • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
     • เนยถั่วอัลมอนด์ 1 ช้อนโต๊ะ
     • นมอัลมอนด์ รสวานิลลา 1/2 ถ้วย
     • ช็อกโกแลตชิพ (สำหรับแต่ง)

วิธีทำสมูทตี้ข้าวโอ๊ตคุกกี้

     • ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไปในเครื่องปั่น ปั่นจนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว แต่งด้วยช็อกโกแลตชิพ พร้อมดื่ม

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ Oatmeal Cookie Dough Smoothie / runningwithspoons.com

++++++++++++++

10 สูตรสมูทตี้ข้าวโอ๊ต
ภาพจาก thekitchenpaper.com

5. สมูทตี้ข้าวโอ๊ตกล้วยหอมเนยถั่ว (Peanut Butter-Banana Oatmeal Smoothie)

     ตอนเช้ามารองท้องกันด้วยสมูทตี้ข้าวโอ๊ตกล้วยหอมเนยถั่ว ขั้นตอนง่ายมากแค่จับส่วนผสมทุกอย่างลงไปปั่นจนเนียนกริ๊บ แค่แก้วเดียวก็อิ่มแล้ว

ส่วนผสม สมูทตี้ข้าวโอ๊ตกล้วยหอมเนยถั่ว

     • เนยถั่ว 1/4 ถ้วย
     • โยเกิร์ตวานิลลา 1/2 ถ้วย
     • นมสด 1/2 ถ้วย
     • โอ๊ตมีล (Oatmeal)1/3 ถ้วย
     • ผงอบเชย 1/2 ช้อนชา
     • กล้วยหอมแช่แข็ง 1 ลูก
     • น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำสมูทตี้ข้าวโอ๊ตกล้วยหอมเนยถั่ว

     • ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไปในเครื่องปั่น ปั่นจนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว พร้อมดื่ม

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ Peanut Butter-Banana Oatmeal Smoothie / thekitchenpaper.com

++++++++++++++

10 สูตรสมูทตี้ข้าวโอ๊ต
ภาพจาก thebusybaker.ca

6. สมูทตี้ข้าวโอ๊ตกล้วยหอมเบอร์รี (Berry Banana Oat Smoothie)

     ใครชอบกินผลไม้ตระกูลเบอร์รีเป็นทุนเดิม อยากให้ลองทำสมูทตี้ข้าวโอ๊ตกล้วยหอมเบอร์รีสักแก้ว รสหวานตามธรรมชาติ อมเปรี้ยวหน่อย ๆ ถ้าดื่มตอนบ่ายแก้ง่วงได้แน่นอน

ส่วนผสม สมูทตี้ข้าวโอ๊ตกล้วยหอมเบอร์รี

     • กล้วยหอม 1 ลูก
     • ข้าวโอ๊ต 1/4 ถ้วย
     • เบอร์รี 2 ถ้วย
     • นมมะพร้าว 450 มิลลิลิตร (หรือน้ำมะพร้าว นมถั่วเหลือง นมอัลมอนด์)

วิธีทำสมูทตี้ข้าวโอ๊ตกล้วยหอมเบอร์รี

     • ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไปในเครื่องปั่น ปั่นจนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว พร้อมดื่ม

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ Berry Banana Oat Smoothie / thebusybaker.ca

++++++++++++++

10 สูตรสมูทตี้ข้าวโอ๊ต
ภาพจาก leahsplate.com

7. สมูทตี้ข้าวโอ๊ตโปรตีน (Vanilla Oat Protein Smoothie)

     จากที่เคยชงผงโปรตีนกับน้ำเปล่าหรือนมสด ลองเปลี่ยนมาใส่สมูทตี้ข้าวโอ๊ตกันดีไหม ใครสนใจมาจดสูตรสมูทตี้ข้าวโอ๊ตโปรตีนกันเลย ใช้ผงโปรตีนรสวานิลลาปั่นกับข้าวโอ๊ต เติมนมอัลมอนด์กับเนยถั่ว สุดท้ายใส่กล้วยหอม 

ส่วนผสม สมูทตี้ข้าวโอ๊ตโปรตีน

     • นมอัลมอนด์ 1 ถ้วย
     • เนยถั่วอัลมอนด์ 1 ช้อนโต๊ะ
     • กล้วยหอมแช่แข็ง 1 ลูก
     • ผงโปรตีนวานิลลา 2 ช้อนโต๊ะ
     • ข้าวโอ๊ต 1/4 ถ้วย
     • ผงอบเชย 1/2 ช้อนชา
     • เกลือ

วิธีทำสมูทตี้ข้าวโอ๊ตโปรตีน

     • ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไปในเครื่องปั่น ปั่นจนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว พร้อมดื่ม

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ Vanilla Oat Protein Smoothie / leahsplate.com

++++++++++++++

10 สูตรสมูทตี้ข้าวโอ๊ต
ภาพจาก fivehearthome.com

8. สมูทตี้ข้าวโอ๊ตฟักทอง (Pumpkin Pie Smoothies)

     ฟักทองนึ่งที่เหลือ ๆ จับมาบดแล้วทำสมูทตี้ข้าวโอ๊ตฟักทองกันเถอะ หรือใครจะใช้ฟักทองกระป๋องก็ได้ จับไปปั่นกับข้าวโอ๊ต โยเกิร์ต และนมสด เติมกลิ่นวานิลลาไปหน่อย ถ้าชอบรสออกหวานนิด ๆ ก็เติมน้ำผึ้ง

ส่วนผสม สมูทตี้ข้าวโอ๊ตฟักทอง

     • ข้าวโอ๊ต 1/2 ถ้วย
     • ฟักทองบด (15 ออนซ์) 1 กระป๋อง (ที่ไม่ใช่สำหรับทำไส้พายฟักทอง)
     • โยเกิร์ตวานิลลา 1 ถ้วย
     • นมสด 1 ถ้วย
     • น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
     • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
     • ผงอบเชย 2 ช้อนชา
     • ผงลูกจันทน์เทศ 1/4 ช้อนชา

วิธีทำสมูทตี้ข้าวโอ๊ตฟักทอง

     1. ปูกระดาษรองอบที่ถาดอบ ตักฟักทองบดประมาณ 22-24 ช้อนโต๊ะ หยอดลงไปจนทั่วถาดอบ เสร็จแล้วเอาไปแช่แข็ง ประมาณ 1 ชั่วโมงหรือจนเซตตัว
     2. ใส่ข้าวโอ๊ตลงในเครื่องปั่น ปั่นจนละเอียด เติมฟักทองแช่แข็ง และส่วนผสมอื่น ๆ ลงไปปั่นจนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว พร้อมดื่ม

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ Pumpkin Pie Smoothies / fivehearthome.com

++++++++++++++

10 สูตรสมูทตี้ข้าวโอ๊ต
ภาพจาก thelemonbowl.com

9. สมูทตี้ข้าวโอ๊ตอะโวคาโดบลูเบอร์รี (Avocado Blueberry Baby Smoothie)

     เอาใจคนพิเศษด้วยการทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพสักแก้วกันดีไหม ขอนำเสนอสมูทตี้ข้าวโอ๊ตอะโวคาโดบลูเบอร์รี เครื่องดื่มสีม่วงจากบลูเบอร์รี ใส่อะโวคาโดเพิ่มความมัน เติมความหวานจากกล้วยหอม สุดท้ายใส่เมล็ดแฟลกซ์

ส่วนผสม สมูทตี้ข้าวโอ๊ตอะโวคาโดบลูเบอร์รี

     • อะโวคาโด 1/4 ลูก
     • บลูเบอร์รี 1/4 ถ้วย
     • กล้วยหอม 1/2 ลูก
     • โอ๊ตมีล 1/4 ถ้วย
     • โยเกิร์ต 1/4 ถ้วย
     • เมล็ดแฟลกซ์ 1 ช้อนชา
     • น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย
     • น้ำแข็ง 2-3 ก้อน

วิธีทำสมูทตี้ข้าวโอ๊ตอะโวคาโดบลูเบอร์รี

     • ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงไปในเครื่องปั่น ปั่นจนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว พร้อมดื่ม

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ Avocado Blueberry Baby Smoothie / thelemonbowl.com

++++++++++++++

10 สูตรสมูทตี้ข้าวโอ๊ต
ภาพจาก verybreakfast.com

10. สมูทตี้ข้าวโอ๊ตแอปเปิล (Apple and Oat Smoothie)

     เคี้ยวแอปเปิลจนเมื่อยปากก็จับมาทำสมูทตี้ข้าวโอ๊ตแอปเปิลเลยสิ เอาไปปั่นจนเนียนละเอียด แถมเพิ่มคุณค่าจากโกจิเบอร์รีด้วย

ส่วนผสม สมูทตี้ข้าวโอ๊ตแอปเปิล

     • แอปเปิล 1 ลูก
     • กล้วยหอม 1 ลูก
     • ข้าวโอ๊ต 2 ช้อนโต๊ะ
     • เมล็ดเจีย 1 ช้อนโต๊ะ
     • โกจิเบอร์รีอบแห้ง (เก๋ากี้) 1 ช้อนชา
     • ผงอบเชย 1 ช้อนชา
     • นมสด 250 มิลลิลิตร

วิธีทำสมูทตี้ข้าวโอ๊ตแอปเปิล

     1. ล้างแอปเปิลแล้วหั่นชิ้น ใส่ลงในเครื่องปั่น เติมนม 1/3 ส่วนลงไปปั่นจนเนียนละเอียด
     2. ใส่กล้วยหอม ข้าวโอ๊ต เมล็ดเจีย โกจิเบอร์รี ผงอบเชย และนมสดที่เหลือลงไป ปั่นจนเนียนละเอียด เทใส่แก้ว พร้อมดื่ม

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ Apple and Oat Smoothie / verybreakfast.com

ใครที่สนใจทำสมูทตี้ข้าวโอ๊ตเหมือนกันบ้าง ชอบสูตรไหนจดไว้เลยค่ะ ถ้าแดดหุบเมื่อไรก็ไปจ่ายตลาดกัน พอส่วนผสมพร้อมปั่นแป๊บเดียวก็ได้ดื่มแล้ว เอ้า… ชนแก้ว




 

Create Date : 31 กรกฎาคม 2560    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2560 7:27:38 น.
Counter : 4965 Pageviews.  

เส้นเลือดใหญ่ในทรวงอกแตก อันตรายแค่ไหน เกิดจากอะไรได้บ้าง



เส้นเลือดใหญ่ในทรวงอกแตก

เส้นเลือดใหญ่ในทรวงอกแตก โรคที่พบได้น้อยมากระดับ 5 ใน 1 ล้านคน แต่ถึงกระนั้นก็มีกรณีให้เห็นมาแล้ว และอาการยังรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

          จากกรณีเด็กชะอำเส้นเลือดแตก (อ่านข่าว: เปิดเอกสารขั้นตอนรักษา น้องนิว แพทย์ยันทำเต็มที่ เผยโรคนี้พบได้ 5 ใน 1 ล้านคน) และเสียชีวิตในโรงพยาบาล ซึ่งก็คือน้องนิว อายุ 15 ปี ที่มีอาการปวดท้องหนักมากและเข้ารับการรักษา แต่ในที่สุดน้องก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยแพทย์ได้ชี้แจงว่าน้องนิวมีอาการเส้นเลือดใหญ่ในทรวงอกแตก โดยโรคนี้พบได้น้อยมาก 5 ใน 1,000,000 คนแต่ถึงกระนั้นก็เป็นโรคที่มีความรุนแรงและเฉียบพลัน ฉะนั้นเรามาดูกันค่ะว่าโรคนี้คือโรคอะไร อันตรายมากแค่ไหน และเกิดจากอะไรได้บ้าง
เส้นเลือดใหญ่ในทรวงอกแตก
เส้นเลือดใหญ่ในทรวงอกแตก คืออะไร

          จริง ๆ แล้วโรคนี้คือ โรคหลอดเลือดแดงในช่องอกโป่งพอง (Thoracic Aortic Aneurysm) เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภายในชั้นผนังหลอดเลือด โดยความเป็นไปของโรคคือผนังหลอดเลือดแดงจะบางลง และยิ่งเกิดภาวะหลอดเลือดแดงโป่งพองเท่าไร ผนังหลอดเลือดก็จะบางมากขึ้น เสี่ยงต่อภาวะหลอดเลือดแดงแตกในที่สุด

เส้นเลือดใหญ่ในทรวงอกแตก เกิดจากอะไรได้บ้าง

          การที่เส้นเลือดแดงใหญ่ในร่างกายจะแตกได้ มักจะเกิดอาการโป่งพองหรือปริแตกด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะพบอาการเส้นเลือดใหญ่โป่งพองในผู้ที่มีความผิดปกติทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น โรคมาร์แฟน ซินโดรม ซึ่งเป็นโรคที่มีความผิดปกติหลายระบบทั้งทางรูปลักษณ์ภายนอก รวมไปถึงความผิดปกติของหลอดเลือดด้วย หรือมักจะพบในผู้สูงอายุ วัย 40-70 ปี เนื่องจากหลอดเลือดเสื่อมสภาพ นอกจากนี้ยังพบได้ในกลุ่มของผู้ที่สูบบุหรี่ ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยโรคปอดเรื้อรังอีกด้วย

เส้นเลือดใหญ่ในทรวงอกแตก

เส้นเลือดในทรวงอกแตก อาการเป็นอย่างไร

          โรคนี้มักไม่แสดงอาการ แต่ส่วนใหญ่จะตรวจเจอโรคนี้ได้จากการตรวจอย่างอื่น โดยเฉพาะหากผู้ป่วยได้ทำการ X-ray ทรวงอก หรือทำการ CT Scan แต่หากเป็นกรณีที่ไม่เคยตรวจเลย ผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองในช่องอกมักจะมีอาการแน่นหน้าอก อันเกิดจากการกดเบียดหลอดเลือดต่ออวัยวะข้างเคียง เช่น หลอดเลือดกดเบียดหลอดลม ก็จะมีอาการหายใจลำบาก ถ้ากดเบียดหลอดอาหาร ก็จะมีอาการกลืนลำบาก หรือถ้าหลอดเลือดกดเบียดเส้นประสาทที่เลี้ยงกล่องเสียง ผู้ป่วยก็จะมีอาการเสียงแหบ หรือหากหลอดเลือดแดงใหญ่ไปกดเบียดท่อเลือดดำ (Superior Vena Cava) ซึ่งเป็นเส้นเลือดที่นำเลือดกลับจากหัว อก คอ และแขน เข้าสู่หัวใจ ผู้ป่วยก็จะมีอาการหน้าบวม แขนบวมขึ้นมาได้

ทว่าหากมีอาการแน่นหน้าอก ปวดหลัง หน้ามืด หมดสติ หรือไอเป็นเลือด กรณีนี้อาจบ่งชี้ว่ามีการปริแตกของหลอดเลือดแดงใหญ่ ส่วนผู้ป่วยที่มีหลอดเลือดแดงใหญ่ในช่องท้องโป่งพอง เคสนี้อาจคลำพบก้อนเต้นในช่องท้อง หรือมีอาการปวดท้อง ปวดหลัง ซึ่งหากพบว่ามีอาการดังกล่าว ควรไปพบแพทย์โดยด่วน

เส้นเลือดใหญ่ในทรวงอกแตก

เส้นเลือดในทรวงอกแตก รักษาอย่างไร

ในกรณีที่พบโรคหลอดเลือดแดงในช่องอกโป่งพองตั้งแต่แรก ๆ แพทย์อาจเริ่มจากให้ผู้ป่วยควบคุมความดันโลหิต งดสูบบุหรี่ หลีกเลี่ยงการเบ่งถ่าย เนื่องจากการความเสี่ยงของโรคนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของหลอดเลือดแดงใหญ่ที่เป็นด้วย หากมีหลอดเลือดขนาดโต โป่งพองมาก โอกาสที่หลอดเลือดจะแตกก็ง่าย และภาวะความดันสูง รวมถึงปัจจัยดังกล่าวก็อาจกระตุ้นให้หลอดเลือดแตกได้ง่ายขึ้น

          นอกจากนี้ยังสามารถรักษาโรคหลอดเลือดแดงในช่องอกโป่งพองด้วยการผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะเลือกรักษาด้วยการผ่าตัดในกรณีที่หลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองมาก มีการปริแตก หรือกรณีที่หลอดเลือดแดงใหญ่โตเร็วผิดปกติ ทั้งนี้การรักษาด้วยการผ่าตัด มีอยู่ 2 แนวทางด้วยกัน ดังนี้

1. การผ่าตัดใหญ่แบบเปิด

          ถือเป็นการผ่าตัดที่เป็นมาตรฐาน โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดผ่านทางช่องทรวงอกหรือช่องท้อง ขึ้นกับตำแหน่งพยาธิสภาพของหลอดเลือด แล้วใส่หลอดเทียมทดแทน

2. การผ่าตัดด้วยวิธีการสอดใส่หลอดเลือดเทียมชนิดหุ้มด้วยขดลวด

          แพทย์จะสอดหลอดเลือดเทียมชนิดหุ้มด้วยขดลวดผ่านทางหลอดเลือดแดงที่ขาหนีบ เพื่อสอดหลอดเลือดเทียมเข้าไปใส่แทนที่หลอดเลือดแดงใหญ่ที่โป่งพองในช่องอกหรือช่องท้อง โดยวิธีนี้เป็นทางเลือกใหม่ สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงต่อการผ่าตัดใหญ่ เพราะการผ่าตัดวิธีนี้จะมีแผลผ่าตัดขนาดเล็ก ลดอัตราความเสี่ยงและการให้เลือด ซึ่งผลการรักษาในระยะสั้นและระยะกลางยังมีประสิทธิภาพดี แต่ยังคงต้องติดตามผลการรักษาในระยะยาวต่อไป

อย่างไรก็ดี วิธีการรักษาด้วยการผ่าตัดจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ผู้ทำการผ่าตัด โดยแพทย์จะคำนึงถึงตำแหน่งที่เกิดหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง และสภาพร่างกายของผู้ป่วย เพราะนี่เป็นการผ่าตัดใหญ่ และส่วนมากผู้ป่วยก็จะสูงอายุ จึงอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนในระบบต่าง ๆ ได้ เช่น ระบบหัวใจ ปอด สมอง ไต ซึ่งบางครั้งอาจรุนแรงถึงชีวิต

เส้นเลือดในทรวงอกแตก อันตรายแค่ไหน

          จากสถิติแล้ว หากผู้ป่วยโรคนี้ไม่ได้รับการรักษา กล่าวคือไม่รู้ตัวว่ามีหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองมาก่อน โอกาสในการมีชีวิตรอดจะอยู่ที่ 5 ปีโดยประมาณ แต่หากหลอดเลือดแดงใหญ่แตกเมื่อไร อัตราการเสียชีวิตจะมากกว่า 50-90% เลยทีเดียว เพราะหากหลอดเลือดแตก อาการจะกำเริบรุนแรงและเฉียบพลันมาก จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ถูกต้องในเวลา 3-5 นาที

ด้วยความที่โรคนี้ไม่มีสัญญาณเตือนที่ชัดเจน ดังนั้นหากเกิดอาการผิดปกติ เช่น แน่นหน้าอก ไอเป็นเลือด ปวดหลังมาก ปวดท้องหนักมาก ต้องรีบไปโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ประเมินอาการและความรุนแรงของโรคโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งให้ข้อมูลอาการป่วยอย่างชัดเจน ซึ่งก็จะช่วยให้การวางแผนการรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและทันท่วงที
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล




 

Create Date : 31 กรกฎาคม 2560    
Last Update : 31 กรกฎาคม 2560 7:23:31 น.
Counter : 2035 Pageviews.  

สูตรทำขนมสีรุ้ง เติมความหวานมุ้งมิ้งโดนใจชวนแชร์ต่อ



ขนมฟรุ้งฟริ้งใคร ๆ ก็ทำได้ ขอเชิญพบกับหลากเมนูขนมสีรุ้ง มีทั้งขนมไทยและเบเกอรี่ให้เลือกสรร หน้าตาน่ารักไม่ซ้ำที่ไหน ของดีแบบนี้ต้องแชร์วนไป

     สำหรับใครที่เบื่อหน้าตาขนมไทยหรือเบเกอรี่สีสันจืดชืด ลองเปลี่ยนสไตล์มาทำขนมสีรุ้ง หลากสีสันกระตุ้นต่อมหิวกันเถอะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำขนมสีรุ้ง เช่น แพนเค้กสีรุ้ง เค้กสายรุ้ง และเมนูขนมสายรุ้งอื่น ๆ อีกเพียบ จะทำกินเองหรือทำเป็นของขวัญวันเกิดคนพิเศษก็ได้นะคะ

9 สูตรทำขนมสีรุ้ง
ขนมเปี๊ยะสายรุ้งไส้ถั่วกวน

     ขนมเปี๊ยสายรุ้งไส้มันม่วงก็ลองทำไปแล้ว คราวนี้ลองเปลี่ยนมาทำขนมเปี๊ยะสายรุ้งไส้ถั่วกวน สูตรจาก ครัวตุ๊กตา (ภาค 1) และ ครัวตุ๊กตา (ภาค 2) สูตรนี้อบควันเทียนเพิ่มความหอม สามารถเพิ่มหรือลดความหวานของไส้ถั่วกวนตามชอบ

ส่วนผสม ไส้ถั่วกวน

     • ถั่วเขียวเราะเปลือก 500 กรัม
     • น้ำตาลทราย 500 กรัม
     • น้ำมันพืช 1 ถ้วย
     • เกลือ 1 ช้อนชา
     • ไข่เค็ม
     • เทียนสำหรับอบขนม

ส่วนผสม แป้งชั้นนอก

     • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 520 กรัม
     • น้ำตาลทราย 80 กรัม
     • เนยขาว 200 กรัม
     • น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
     • สีผสมอาหารตามชอบ

ส่วนผสม แป้งชั้นใน

     • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 420 กรัม
     • เนยขาว 95 กรัม
     • สีผสมอาหาร 8 สี

วิธีทำไส้ถั่วกวน

     1. นำถั่วเขียวเราะเปลือกมาล้างทำความสะอาดหลาย ๆ น้ำจนน้ำใส แล้วแช่ถั่วในน้ำไว้อย่างน้อย 5 ชั่วโมง หรือข้ามคืน จากนั้นนำถั่วไปปั่น พร้อมกับใส่น้ำมันและน้ำตาลส่วนหนึ่ง ส่วนน้ำตาลที่เหลือก็มาใส่ตอนกวน
     2. เทถั่วที่ปั่นใส่ลงกระทะเทฟลอนแล้วใส่น้ำตาลที่เหลือลงไป กวนทุกอย่างด้วยไฟกลางจนถั่วเหนียว ไม่ติดกระทะ พักทิ้งไว้ให้เย็นแล้วก็นำมาปั้นเป็นลูกกลมเล็กหรือใหญ่แล้วแต่ชอบ ในสูตรปั้นประมาณลูกละ 20-25 กรัม
     3. ผ่าไข่เค็มแดงเป็นชิ้นเล็ก จะผ่าแบบ 4 ชิ้น หรือ 8 ชิ้นตามชอบ ถ้าชอบไข่เค็มด้วยก็นำไข่เค็มมาวางตรงกลางถั่วแล้วก็ปั้นเป็นลูกกลม ในสูตรได้ประมาณ 80 ลูก นำไส้ไปอบควันเทียน วิธีการก็หาภาชนะหรือหม้อมีฝาปิดสนิท แล้วเอาเทียนใส่ถ้วยมาวางตรงกลาง แล้วเรียงไส้รอบ ๆ เทียน จุดเทียน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 1 นาทีแล้วค่อยดับไฟ จะมีควันหอม ๆ ออกมา รีบปิดฝาให้สนิท ปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืน

วิธีทำแป้งชั้นนอก

     1. ร่อนแป้งใส่ในอ่างผสม และนำน้ำตาลทรายมาผสมในน้ำเปล่าคนให้ละลาย
     2. นำเนยขาวมาขยำนวดกับแป้งให้เข้ากัน ใส่น้ำมันพืชหรือเนยนวดจนเข้ากัน หรือใครจะใช้เครื่องนวดก็ได้
     3. ค่อย ๆ ใส่น้ำเปล่าที่ผสมน้ำตาลแล้วลงไป แล้วก็นวดต่อประมาณ 3-5 นาทีจนเนียนนุ่มมือ ไม่ติดภาชนะ และไม่ติดมือ คลุมด้วยพลาสติก แล้วทิ้งไว้นอกตู้เย็น 30 นาที

วิธีทำแป้งชั้นใน

     1. ร่อนแป้งใส่อ่างผสม ใส่เนยขาวแล้วก็นวดจนแป้งไม่ติดภาชนะ และไม่ติดมือ แป้งจะนิ่มมือ และเหลวกว่าแป้งชั้นนอก
     2. แบ่งแป้งชั้นในออกมาเป็น 8 ก้อนเท่ากัน ใส่สีแต่ละก้อนให้ได้แป้งตามสีที่ต้องการ แนะนำให้ใส่ถุงมือ สีจะได้ไม่ติดมือ ทำจนครบสีที่ต้องการ (แป้งนี่ถ้าทำไม่หมดวันนี้ นำไปแช่ตู้เย็นได้ ห่อให้เรียบร้อย ตอนจะนำมาปั้นก็พักให้นิ่มตัวลงแล้วก็ปั้นได้เหมือนเดิม)

วิธีทำขนมเปี๊ยะสายรุ้งไส้ถั่วกวน

     1. แป้งชั้นนอก แบ่งเป็นก้อนเล็ก ประมาณก้อนละ 30 กรัม และแป้งชั้นใน แบ่งแป้งเป็นก้อนเล็ก ประมาณก้อนละ 8 กรัม
     2. ห่อแป้งชั้นนอกและแป้งชั้นใน โดยนำแป้งชั้นนอก 1 ก้อน (30 กรัม) และเลือกแป้งชั้นในมา 3 ก้อน จำนวน 3 สี แล้วแต่ชอบ นำแป้งชั้นนอกสีขาวมาแผ่ ใช้ไม้คลึงให้แบนพอห่อแป้งชั้นในได้ ไม่ต้องบางมาก จากนั้นนำแป้งชั้นในสามลูกสามสีมาวางเรียงกัน ม้วนห่อให้มิด ปิดหัวและท้าย แล้วคลึงนิดหน่อย ทำแบบนี้จนหมดแป้งที่มี
     3. นำแป้งที่ห่อด้วยแป้งชั้นในแล้วมาวางเป็นแนวยาว แล้วใช้ไม้คลึงแป้งให้แบน เลื่อนขึ้นลง ทำแบบเบามือ ไม่ต้องให้แบนมาก ม้วนให้เรียบร้อย แล้วต่อไปจะคลึงแป้ง ครั้งที่ 2 กัน โดยจับแป้งก้อนเดิมมาวางเป็นแนวยาว คลึงครั้งที่ 2 เสร็จแล้วก็ม้วนกลับจนหมด
     4. ตัดแบ่งแป้งเป็นสามชิ้นหรือสี่ชิ้นก็ได้ ก่อนคลึงให้สังเกตที่ตัวชั้นแป้งที่เป็นสายรุ้ง เอาด้านแป้งสายรุ้งที่เป็นชั้นสวยอยู่ด้านล่าง แล้วค่อยคลึงให้แบน เป็นรูปกลม นำไส้ถั่วที่ปั้นเอาไว้แล้วมาวางตรงกลาง ค่อย ๆ ห่อแป้งด้านล่างมาปิดไส้ให้มิด จัดตกแต่งให้ได้รูปกลมหรือแบนตามต้องการ นำขนมเปี๊ยะที่ขึ้นรูปแล้วนำมาวางใส่ถาดเตรียมอบ จะนำถ้วยกระดาษมารอง หรือจะวางบนกระดาษไขสำหรับอบในถาดใหญ่ก็ได้
     5. นำถาดใส่เตาอบ เปิดเตาที่อุณหภูมิ 350 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ 180 องศาเซลเซียส วอร์มเตาไปอีก 10 นาทีก่อนจะนำจากนั้นนำขนมเปี๊ยะไปอบประมาณ 20 นาทีหรือจนสุก

วิธีอบควันเทียน

     1. นำถ้วยเล็ก ๆ มารองเทียนอบ เพราะจะมีขี้เถ้าดำออกมาเวลาดับเทียน นำเทียนมาลนไฟตรงก้นนิดหนึ่ง แล้วให้ตัวเทียนติดกับถ้วยเล็กจะได้ไม่ล้ม จากนั้นนำมาใส่วางตรงก้นภาชนะ หรือหม้อ
     2. หาภาชนะ หรือหม้อที่มีฝาปิดสนิท ควันเทียนจะได้ไม่ลอยออกไปมาก นำขนมเปี๊ยะมาวางเรียงรอบเทียนให้เรียบร้อย แล้วทำการจุดไฟเทียน รอให้เทียนจุดไฟสัก 1 นาที ให้เทียนละลายนิดหนึ่ง จะได้ควันเทียนออกมามาก
     3. จากนั้นให้เป่าเทียนให้ดับ คราวนี้จะเห็นควันเทียนออกมาแล้วให้รีบปิดฝาให้สนิท อบควันเทียนไว้ 1 คืน ในวันรุ่งขึ้นก็นำขนมมาใส่กล่องเก็บ หรือใส่ภาชนะ ไม่เข้าตู้เย็นก็อยู่ได้หลายวัน วันแรกขนมเปี๊ยะจะยังกรอบอยู่ หลังจากอบควันเทียนแล้ว วันที่ 2 -3 ขนมจะนุ่มนิ่มมากเลย

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ขนมเปี๊ยะสายรุ้งไส้ถั่วกวน สูตรอบควันเทียนหอมอร่อยทำขายได้

+++++++++++++++++++
9 สูตรทำขนมสีรุ้ง
 แพนเค้กสีรุ้ง

     ตอนเช้าแบบนี้กินอาหารคาวไม่ค่อยลง ก็ลองมาทำของหวาอย่างแพนเค้กสีรุ้งดูสิ จับแป้งผสมสีต่าง ๆ เอาไปทอดจนสุก จัดแป้งสีวางเรียงสลับกันสวย ๆ ราดน้ำผึ้งรสหอมหวาน กินกับเนยสดยิ่งฟิน

ส่วนผสม แพนเค้กสีรุ้ง

     • แป้งแพนเค้กสำเร็จรูป 2 ถ้วย
     • นมสด 1 ถ้วย
     • ไข่ไก่ 2 ฟอง
     • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
     • สีผสมอาหาร 6 สีตามชอบ

วิธีทำแพนเค้กสีรุ้ง

     1. ตั้งกระทะใช้ความร้อนปานกลางค่อนข้างสูง ฉีดสเปรย์น้ำมันมะกอกลงไปจนทั่ว
     2. คนผสมแป้งแพนเค้ก ไข่ไก่ และกลิ่นวานิลลาจนเข้ากัน แบ่งใส่ถ้วย 6 ถ้วย หยดสีผสมอาหารลงไป คนผสมจนได้สีตามชอบ
     3. หยอดแป้งลงไปทอดจนสุกทั้งสองด้าน ทำจนครบทุกสีและแป้งหมด นำแป้งแต่ละสีมาวางเรียงซ้อนกัน ก่อนเสิร์ฟราดน้ำผึ้ง

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ Rainbow Pancakes / jennifermeyering.com

++++++++++++++
9 สูตรทำขนมสีรุ้ง
 มินิแพนเค้กสีรุ้ง

     และแล้วก็มาถึงขนมสายรุ้งเหมาะกับเด็ก ๆ สักทีนั่นคือ มินิแพนเค้กสีรุ้ง จุดเด่นคือ แพนเค้กชิ้นเล็กเติมสีสันหวานแหวว เอาล่ะ… ไปชวนเด็ก ๆ หยอดแป้งกันเถอะ

ส่วนผสม มินิแพนเค้กสีรุ้ง

     • ไข่ไก่ 2 ฟอง
     • นมสด 2 ถ้วย
     • น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ
     • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
     • น้ำตาลทรายป่น 4 ช้อนโต๊ะ
     • ผงฟู 2 ช้อนชา
     • เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนชา
     • เกลือป่น 1 ช้อนชา
     • กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
     • สีผสมอาหาร 6 สีตามชอบ

วิธีทำมินิแพนเค้กสีรุ้ง

     1. ตีไข่ไก่กับส่วนผสมทุกอย่างจนเข้ากัน ยกเว้นสีผสมอาหาร แบ่งใส่ถ้วย 6 ถ้วย
     2. หยดสีผสมอาหารลงไปในแต่ละถ้วย คนผสมจนเข้ากัน
     3. ตักแป้งสีหยอดในกระทะเป็นทรงกลมเล็ก ๆ ทอดจนสุกและแป้งหมดทุกสี ตักเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ Mini Rainbow Pancakes / sippycupmom.com

++++++++++++++
9 สูตรทำขนมสีรุ้ง
วาฟเฟิลสีรุ้ง

     ว้าว ! พอเห็นก็อยากลองทำวาฟเฟิลสีรุ้งตอนนี้เลย แค่จับแป้งสีต่าง ๆ หยอดลงในพิมพ์วาฟเฟิล พอสุกก็กินกับน้ำผึ้ง ซอสช็อกโกแลต หรือนมข้นหวาน นี่ถ้ามีไอศกรีมสักลูกก็แจ่ม

ส่วนผสม วาฟเฟิลสีรุ้ง

     • แป้งสาลีอเนกประสงค์ 2 ถ้วย
     • น้ำตาลทรายป่น 3/4 ถ้วย
     • ผงฟู 3+1/2 ช้อนชา
     • ไข่ไก่ 2 ฟอง
     • นมสด 1+1/2 ถ้วย
     • ริคอตต้าชีส 1/3 ถ้วย
     • เนยละลาย 1 ถ้วย
     • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
     • ผงมัทฉะ 1 ช้อนโต๊ะ
     • ราสป์เบอร์รีบด 3 ช้อนโต๊ะ
     • แบล็กเบอร์รีบด 3 ช้อนโต๊ะ
     • ผงโกโก้ 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำวาฟเฟิลสีรุ้ง

     1. ผสมแป้ง น้ำตาลทราย และผงฟู คนจนเข้ากัน เตรียมไว้
     2. ตีผสมไข่แดง นมสด ชีส เนยละลาย และกลิ่นวานิลลาจนเข้ากัน เททลงไปในส่วนผสมแป้ง คนผสมจนเข้ากัน
     3. ตีไข่ขาวจนตั้งยอดแข็ง ตักลงไปผสมกับส่วนผสมแป้ง คนผสมจนเข้ากัน แบ่งส่วนผสมแป้งออกเป็น 4 ถ้วย ใส่ผงมัทฉะ ราสป์เบอร์รีบด แบล็กเบอร์รีบด และผงโกโก้ลงไปในแต่ละถ้วย คนผสมจนเข้ากัน
     4. เปิดเตาอบวาฟเฟิลรอจนร้อน ตักส่วนผสมแป้งแต่ละสีหยอดลงไป พอสุกจัดใส่จาน ทำจนแป้งหมด จัดเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ Fruity Belgium Waffles / foodfashionparty.com

วันหยุดนี้หากิจกรรมสนุก ๆ ด้วยการชวนลูก ๆ ทำขนมสีรุ้งกันดีไหม ไม่ว่าจะเป็นขนมไทยหรือเบเกอรี่ก็ทำง่ายทั้งนั้น กระซิบหน่อย ถ้าไม่กล้ากินเพราะสวยเว่อร์วัง ก็เอามาให้เราช่วยกินได้นะ ฮา




 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2560    
Last Update : 29 กรกฎาคม 2560 8:45:14 น.
Counter : 3493 Pageviews.  

10 สัญญาณเตือนเสี่ยงฆ่าตัวตาย คนข้างกายต้องเฝ้าระวัง



โรคซึมเศร้า

สัญญาณเตือนก่อนฆ่าตัวตาย หากคนข้างกายจับสังเกตได้ ก็มีโอกาสช่วยชีวิตและเยียวยาจิตใจคนกำลังจะคิดสั้นได้มาก มาเช็กลางบอกเหตุกันค่ะ

ใครต่างก็ทราบกันดีว่าการฆ่าตัวตายไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุดของปัญหา ทว่าในผู้ป่วยโรคซึมเศร้าบางครั้งด้วยอาการ “ป่วย” ก็ผลักดันให้เขามีแนวโน้มเสี่ยงที่จะฆ่าตัวตายสูง ยืนยันจากสถิติที่ระบุว่า ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตายสำเร็จมากกว่าคนทั่วไปถึง 20 เท่า และยิ่งสภาพสังคมในปัจจุบันที่ถูกกดดันด้วยสภาพเศรษฐกิจ สภาพสังคม หรือแม้การกลั่นแกล้งกันในโลกโซเชียลอย่างที่เห็นกันบ่อย ๆ ทำให้อัตราผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเพิ่มมากขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง พร้อมกันนั้นก็ทำให้อัตราความเสี่ยงฆ่าตัวตายสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นคนข้างกายจึงเป็นกำลังสำคัญที่จะช่วยป้องกันไม่ให้สถานการณ์คิดสั้นเกิดขึ้นกับกลุ่มผู้ป่วยโรคซึมเศร้าได้ โดยสังเกตสัญญาณฆ่าตัวตายต่อไปนี้
โรคซึมเศร้า
1. ประสบปัญหาชีวิตบางอย่าง

          โดยเฉพาะคนที่เจอกับความพลิกผันหนัก ๆ หรือเหตุการณ์สะเทือนใจ เช่น ล้มละลาย สิ้นเนื้อประดาตัว สูญเสียคนรักกะทันหัน ผิดหวังกับการงาน การเรียน หรือต้องตกอยู่ในสถานะคนพิการจากอุบัติเหตุ เป็นต้น คนในกลุ่มนี้มีแนวโน้มค่อนข้างสูงที่จะรู้สึกท้อแท้กับชีวิต รู้สึกเครียดสะสม หรือไม่สามารถปรับตัวต่อการแก้ไขปัญหาในชีวิตได้ จนอาจนำไปสู่การคิดสั้นด้วยอารมณ์ชั่ววูบ

2. ใช้สุราหรือยาเสพติด

ถ้าพบว่าคนใกล้ตัวหรือตัวเราเองมีพฤติกรรมดื่มสุรา หรือใช้สารเสพติดทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคย หรืออาจจะเคยแต่ช่วงหลังมานี้เริ่มดื่มหนักขึ้น หรือเสพมากขึ้น นั่นอาจเป็นสัญญาณที่บอกว่าเขากำลังเครียดหนัก และไม่รู้จะแก้ปัญหาอย่างไร จึงอาจใช้เหล้าและสารเสพติดเพื่อคลายกลุ้ม

3. มีประวัติคนในครอบครัวฆ่าตัวตาย

          หากมีประวัติคนในครอบครัวฆ่าตัวตาย ก็เป็นไปได้สูงว่าสมาชิกในครอบครัวคนอื่นอาจคิดสั้นและทำร้ายตัวเองได้ ฉะนั้นต้องเฝ้าระวังให้ดีค่ะ
โรคซึมเศร้า
4. แยกตัว ไม่พูดกับใคร

บางคนอาจไม่โวยวาย ไม่ตัดพ้อ แต่กลับมีพฤติกรรมเก็บตัว ชอบอยู่คนเดียวมากขึ้น พูดจาประหยัดคำกว่าเดิม และดูไม่ค่อยอยากสุงสิงกับใครแม้กระทั่งเพื่อนและคนในครอบครัว

5. นอนไม่หลับ

          ภาวะนอนไม่หลับเป็นเวลานาน ๆ อาจเข้าข่ายอาการโรคซึมเศร้า หรือโรคเครียด ซึ่งความเครียดและความรุนแรงของโรคซึมเศร้านั้นรบกวนจนร่างกายไม่สามารถหลับพักผ่อนได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นเคสแบบนี้ก็ควรต้องเฝ้าระวังใจให้ดีเช่นกัน
โรคซึมเศร้า
6. หน้าตาเศร้าหมอง พูดจาด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล

นี่ก็จัดเป็นสัญญาณความเครียดและความไม่สบายใจที่สังเกตเห็นได้เด่นชัด โดยคนที่มีความกังวล หรืออาจมีสติสัมปชัญญะที่ไม่เต็มร้อยนัก อาจมีอาการแสดงออกด้วยน้ำเสียงที่มีความกังวลปนอยู่ หรือใบหน้าที่เศร้าหมองอย่างหนัก

7. ชอบพูดว่าอยากตาย

          ไม่ว่าจะเป็นการบ่นตัดพ้อ โพสต์โซเชียล หรือเขียนข้อความทิ้งไว้ที่ไหนในทำนองว่าอยากตาย ไม่อยากมีชีวิตอยู่ ขอไม่ตื่นอีกเลยได้ไหม ไม่มีใครรัก ชีวิตไม่มีค่า ไม่มีใครสนใจ ลาก่อน หรือพูดทำนองว่าทำอะไรก็ไม่ดีสักอย่าง รู้สึกตัวเองเป็นภาระของผู้อื่น ถ้าปรากฏข้อความแนว ๆ นี้บ่อยครั้ง ก็จัดว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่อาจฆ่าตัวตายสูง

8. มีอารมณ์แปรปรวน

อารมณ์แปรปรวนเกิดขึ้นได้กับบางคน ทว่าหากเป็นกรณีที่อารมณ์ขึ้น ๆ ลง ๆ เหวี่ยงบ่อย ซึมบ้าง รวมทั้งรู้สึกหงุดหงิดอยู่ตลอดเวลา อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งที่บอกให้ทราบว่า คนผู้นั้นอาจเป็นโรคซึมเศร้า และเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายอยู่ไม่น้อย
โรคซึมเศร้า
9. เคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อน

          ไม่ว่าจะเป็นการพยายามฆ่าตัวตายด้วยวิธีไหน หรืออาจจะแค่เคยลองหาวิธีฆ่าตัวตายมาก่อน ต้องเฝ้าระวังให้ดีเลยค่ะ เพราะอาจเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยได้

10. มีการวางแผนการฆ่าตัวตายไว้ล่วงหน้า

หากมีการจัดการงานเรียบร้อย หรือมีพูดฝากฝังอะไรกับคนรอบข้าง รวมทั้งเอาของใช้ ของสะสมของตัวเองมาแจกจ่ายคนอื่น อาจเป็นไปได้ว่าบุคคลผู้นั้นกำลังวางแผนจะลาโลกนี้ไป ให้เอะใจไว้บ้างก็ดีค่ะ

          อย่างไรก็ตาม แม้จะมีหลายสัญญาณหรือแม้แต่หนึ่งสัญญาณดังกล่าว คนรอบข้างก็ควรให้ความสนใจและเฝ้าดูความเคลื่อนไหว พร้อมทั้งรับฟังเค้าอย่างเข้าใจ ไม่ต่อว่า ไม่ท้าทายให้ทำร้ายตัวเอง หรือไล่ให้ไปตายจริง ๆ เพราะความเข้าใจ และการรับฟัง จะช่วยเยียวยาจิตใจของคนที่คิดอยากฆ่าตัวตายได้มาก หรือทางที่ดี จะพาเขาไปพบจิตแพทย์เพื่อรักษาอาการซึมเศร้าและคลายปัญหาที่มีอยู่ก็ได้นะคะ

นอกจากนี้ หากพบสัญญาณฆ่าตัวตายจากคนรอบข้างขึ้นมาจริง ๆ ทางกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข ก็มีคำแนะนำดี ๆ มาเป็นแนวทางปฏิบัติ มาดูกันค่ะว่า เมื่อพบเห็นสัญญาณฆ่าตัวตายจากคนข้างกาย เราจะทำยังไงกันดี
โรคซึมเศร้า
8 สิ่งที่ควรรีบทำ เมื่อเห็นสัญญาณเตือนเสี่ยงฆ่าตัวตายในโลกโซเชียล

1. แสดงความช่วยเหลืออย่างเต็มใจ รับฟังปัญหาของเขาอย่างตั้งใจ หรือให้คำแนะนำอย่างจริงใจ

2. ยอมรับว่าสิ่งที่เขาโพสต์นั้นเป็นปัญหาของเขาจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

3. ให้กำลังใจ คอยอยู่เคียงข้างเขา และทำให้เขาเห็นว่าปัญหานั้นสามารถแก้ไขและผ่านไปได้

4. พิมพ์ข้อความให้คำปรึกษา ปลอบใจให้เขามีสติ ค่อย ๆ คิดหาทางแก้ไขปัญหา

5. ชักชวนให้เขาออกมาทำกิจกรรมข้างนอก พยายามอย่าปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว

6. ถ้าไม่ใช่คนในครอบครัว ให้บอกญาติเขาให้ดูแลอย่างใกล้ชิด และพยายามให้เขาอยู่ห่างจากอุปกรณ์ที่เขาอาจเตรียมไว้ทำร้ายตัวเอง

7. แนะนำช่องทางการขอรับคำปรึกษา เช่น สายด่วนสุขภาพจิต 1323 หรือคลินิกให้การปรึกษา

8. ติดต่อหาแหล่งช่วยเหลือในพื้นที่เท่าที่จะทำได้ เช่น ผู้นำชุมชน โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือโรงพยาบาลที่มีจิตแพทย์


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
ประชาสัมพันธ์ กรมสุขภาพจิต
กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข
เฟซบุ๊กจิตเวช รามา ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
เฟซบุ๊กกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข




 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2560    
Last Update : 29 กรกฎาคม 2560 8:39:13 น.
Counter : 1675 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.