อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

เครปข้าวเหนียวมะม่วง ขนมหวานหน้าตาดีที่ต้องฟาดให้เรียบ



เครปข้าวเหนียวมะม่วง

เครปข้าวเหนียวมะม่วง เมนูสุดฟินไปกับแป้งเครปสีเขียวบาง ๆ เหนียว ๆ ซุกซ่อนข้าวเหนียวกับมะม่วงสุกไว้ด้านใน ราดซอสกะทิหอมวานิลลานิด ๆ หน่อย ๆ อร่อยลืมอ้วน

ในเมื่อข้าวเหนียวมะม่วงไปดัดแปลงให้เป็นเมนูขนมอะไรก็เข้าท่า ล่าสุดเห็นเป็นไอศกรีมข้าวเหนียวมะม่วง แฟนคลับกระปุกดอทคอมอย่าได้พลาด เราจะชวนมาทำเครปข้าวเหนียวมะม่วง สูตรนี้มาจาก นิตยสารแม่บ้าน ที่จับเอาแป้งเครปแผ่นบาง ๆ มาหลอมรวมกับขนมไทย ๆ เลอค่าอย่าง ข้าวเหนียวมะม่วง อะไรมันจะเข้ากันปานนั้น

ส่วนผสม

 แป้งเค้ก 80 กรัม

นมสด 250 กรัม

เนยสดชนิดเค็ม 50 กรัม

ไข่ไก่ 2 ฟอง

กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

น้ำใบเตย 2 ช้อนโต๊ะ

สีผสมอาหารสีเขียว เล็กน้อย

มะม่วงสุกหั่นชิ้นสี่เหลี่ยม 100 กรัม

ข้าวเหนียวมูน 150 กรัม

เนยสดชนิดเค็ม สำหรับทากระทะ

กระทะเทฟลอน

วิธีทำ

เครปข้าวเหนียวมะม่วง

 ร่อนแป้งเค้กลงในอ่างผสม พักไว้

เครปข้าวเหนียวมะม่วง

นำนมสดและเนยสด ใส่หม้อยกขึ้นตั้งไฟ คนจนเนยสดละลายและส่วนผสมร้อนยกลง พักไว้ให้คลายความร้อน

เครปข้าวเหนียวมะม่วง

ตีไข่ไก่ด้วยตะกร้อมือพอแตก

เครปข้าวเหนียวมะม่วง

ค่อย ๆ เทส่วนผสมนมในข้อที่ 2 ลงไปผสม คนพอเข้ากัน

เครปข้าวเหนียวมะม่วง

ใส่กลิ่นวานิลลา น้ำใบเตย และสีผสมอาหารสีเขียว คนให้เข้ากันอีกครั้ง

เครปข้าวเหนียวมะม่วง

ใส่แป้งเค้กลงไปผสมคนให้เข้ากัน กรองด้วยกระชอนแล้วพักไว้ประมาณ 15 นาที

เครปข้าวเหนียวมะม่วง

ตั้งกระทะเทฟลอนโดยใช้ไฟอ่อน ทาเนยสดบาง ๆ พอทั่ว

เครปข้าวเหนียวมะม่วง

พอกระทะร้อนตักส่วนผสมแป้งเครปใส่ลงในกระทะ

เครปข้าวเหนียวมะม่วง

กลอกแป้งให้เป็นแผ่นกลมบาง ๆ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 6 นิ้ว  ทอดจนแป้งสุก ตักขึ้น เตรียมไว้

เครปข้าวเหนียวมะม่วง

วางแป้งเครปลงบนภาชนะเรียบ ตักมะม่วงสุกและข้าวเหนียวมูนวางลงตรงกลาง

เครปข้าวเหนียวมะม่วง

ห่อแป้งให้เป็นรูปสี่เหลี่ยม จัดใส่จานราดด้วยซอสกะทิวานิลลา จัดเสิร์ฟ

ส่วนผสม ซอสกะทิวานิลลา

 แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ

เกลือป่นหยาบ 1/2 ช้อนชา

หัวกะทิ 250 กรัม

วานิลลาขูดเนื้อ 1/2 ฝัก

วิธีทำ

 1. ใส่แป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย และเกลือป่นลงในภาชนะ คนพอเข้ากัน

2. ใส่หัวกะทิและกลิ่นวานิลลาลงคนผสมพอเข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟ คนจนส่วนผสมสุกมีลักษณะข้นเป็นซอส ยกลงกรองด้วยกระชอน พักไว้ให้เย็นสนิท เตรียมไว้ราดเครปที่ทำเสร็จแล้ว

        ว้าว ! ไม่ไหวจะเคลียร์จ้า ถ้าลองได้มีเครปข้าวเหนียวมะม่วงหน้าตาดี๊ดีแบบนี้มาวางตรงหน้า เรื่องลดความอ้วนคงต้องผลัดไว้ทีหลังแล้วจ้า แบบนี้ต้องฟาดให้เรียบ !
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก

ฉบับที่ 549 เดือนกุมภาพันธ์ 2558




 

Create Date : 29 สิงหาคม 2560    
Last Update : 29 สิงหาคม 2560 15:35:38 น.
Counter : 2118 Pageviews.  

สมุนไพรบำรุงผิว 7 สูตรฟื้นฟูและบำรุงให้ผิวหน้าขาวใสเปล่งประกายออร่า !



สมุนไพรบํารุงผิว

โบกมือลาผิวหน้าเก่าที่หมองคล้ำไปได้เลย วันนี้กระปุกดอทคอมได้รวบรวม 7 สูตรสมุนไพรบำรุงผิวเพื่อดูแลผิวหน้าจากปัญหาผิวต่าง ๆ มาฝากคุณสาว ๆ กันแล้ว รับรองว่าทำแล้วผิวหน้าจะกลับมาเปล่งประกายความขาวใสดูมีออร่าอย่างแน่นอนค่ะ !

          คุณสาว ๆ คงไม่อยากที่จะเสียเงินไปกับทรีตเมนต์ราคาแพง หรือไม่อยากเสี่ยงใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ทำให้เกิดอาการแพ้ใช่ไหมคะ ? เพราะฉะนั้นต้องไม่พลาด 7 สูตรผิวขาวด้วยสมุนไพรที่กระปุกดอทคอมนำมาฝาก ทั้งหลากหลายไปด้วยสรรพคุณสุดเริด ! ทั้งช่วยดูแล กระชับผิว ฟื้นฟูและบำรุงผิวหน้า ที่สำคัญราคาไม่แพง ทำเองได้ที่บ้าน และสามารถเนรมิตผิวหน้าของคุณสาว ๆ ให้กลับมาขาวกระจ่างใสดูมีออร่าอีกครั้งได้ไม่ยากเลยค่ะ
สมุนไพรบํารุงผิว
1. น้ำแตงกวา ช่วยลดเลือนรอยตีนกาทำให้ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์

          คุณสาว ๆ ที่กำลังกลุ้มใจกับริ้วรอยตีนกาที่ทำให้ดูแก่กว่าวัย ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ แค่ใช้แตงกวาในตู้เย็นเป็นตัวช่วย ง่าย ๆ เพียงนำแตงกวามาคว้านเอาไส้และเมล็ดออก จากนั้นตำเนื้อให้ละเอียดเพื่อคั้นเอาน้ำที่ได้มาทาผิวบริเวณที่เกิดริ้วรอยลึก ซึ่งในแตงกวามีปริมาณน้ำมากกว่า 95% จึงมีสรรพคุณช่วยรักษาและเติมเต็มความชุ่มชื่นให้ผิวแห้งกร้านกลับมานุ่มชุ่มชื่นดูอ่อนเยาว์กว่าที่เคย
สมุนไพรบํารุงผิว
2. น้ำแครอท ปกป้องผิวจากการถูกแสงแดดทำร้าย

          คุณสาว ๆ ที่ไม่อยากผิวหมองคล้ำเพราะผิวถูกแสงแดดทำร้าย แนะนำให้ดื่มน้ำแครอทเป็นประจำนะคะ  เพราะในแครอทมีสารเบต้าแคโรทีน เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นวิตามินเอ ช่วยป้องกันผิวจากรังสียูวีสาเหตุที่ทำให้ผิวหมองคล้ำ เกิดริ้วรอยและตีนกา และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยให้ผิวพรรณสดใสดูมีชีวิตชีวา วิธีทำน้ำแครอทก็ไม่ยากเลยค่ะ เพียงนำเนื้อแครอทที่ปอกเปลือกล้างสะอาดและหั่นเรียบร้อยแล้วปริมาณ 5 ช้อนโต๊ะมาปั่นรวมกับน้ำมะนาวคั้นสด 2 ช้อนโต๊ะ, น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ, น้ำต้มสุก 1 ½ ถ้วย และเกลือ  ½ ช้อนชา จากนั้นคั้นเอากากออกก็จะได้น้ำแครอทสูตรปกป้องและฟื้นฟูผิวจากการถูกแสงแดดทำร้ายได้แล้วล่ะ
สมุนไพรบํารุงผิว
3. ชาดอกคาโมมายล์ เสริมสร้างความแข็งแรงให้เซลล์ผิว

          ชาดอกคาโมมายล์ มีสรรพคุณช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความชุ่มชื่นให้กับเซลล์ผิว และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดเลือนริ้วรอยและปรับสภาพผิวหยาบกร้านให้กลับมาเนียนนุ่มแลดูอ่อนเยาว์ อีกทั้งยังช่วยปกป้องผิวจากเชื้อแบคทีเรีย เพียงคุณสาว ๆ ดื่มชาดอกคาโมมายล์ที่ชงจากดอกคาโมมายล์อบแห้ง  5 กรัมในน้ำร้อน แล้วเติมความหวานด้วยน้ำผึ้ง ชงดื่มเป็นประจำจะช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวให้แข็งแรง ผิวนุ่มชุ่มชื่นและเรียบเนียนน่าสัมผัส

สมุนไพรบํารุงผิว

4. ตะไคร้ กระชับรูขุมขนช่วยให้ผิวหน้าดูเรียบเนียน

          บอกลาปัญหารูขุมขนกว้างไปได้เลยค่ะ ด้วยน้ำมันตะไคร้ที่มีสรรพคุณช่วยกระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอย อีกทั้งยังช่วยขจัดแบคทีเรียให้หลุดออกไปจากใบหน้าได้อย่างง่ายดาย คุณสาว ๆ สามารถทำน้ำมันตะไคร้ใช้เองที่บ้านได้ โดยการนำก้านตะไคร้  1 ก้านมาหั่นแล้วตำให้แหลก จากนั้นนำน้ำมันรำข้าว 1 ถ้วยมานึ่งให้ร้อนโดยใช้หม้อไอน้ำสองชั้น เทตะไคร้ที่ตำแหลกแล้วใส่ลงไป นึ่งทิ้งไว้  60 นาที แล้วนำมาทิ้งไว้ให้เย็น จากนั้นกรองเอาเศษตะไคร้ออกแล้วกรอกใส่ขวด แล้วนำน้ำมันตะไคร้ประมาณ 1-2 หยดมาผสมกับโยเกิร์ตและน้ำผึ้งมาสก์หน้าทิ้งไว้ 15 นาทีแล้วล้างออก เพียงเท่านี้ผิวหน้าของคุณสาว ๆ ก็จะกระชับเนียนนุ่มมากกว่าที่เคยแล้วค่ะ


สมุนไพรบํารุงผิว

5. ว่านหางจระเข้ ช่วยสมานแผลเป็นเผยผิวขาวใสไร้จุดด่างดำ

          หากคุณสาว ๆ อยากมีใบหน้าและผิวกายใสวิ้งเปล่งประกายความสดใส ไร้สิว จุดด่างดำและแผลเป็น ขอแนะนำให้นำเจลว่านหางจระเข้สด  ½ ถ้วย, น้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ มาผสมให้เข้ากันใช้ขัดผิวหน้าและลำตัว สูตรนี้จะช่วยทำความสะอาดผิวได้ล้ำลึก ลดเลือนแผลเป็น ผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดออกไป เผยผิวใหม่ที่สดใสกว่าเดิม

สมุนไพรบํารุงผิว

6. ขมิ้นชัน มาสก์หน้าช่วยลดความหมองคล้ำและลดเลือนรอยดำรอบดวงตา

          สูตรนี้เหมาะสำหรับคุณสาว ๆ ที่อยากมีใบหน้าขาวกระจ่างใส โบกมือลาใบหน้าหมองคล้ำและขอบตาดำเป็นหมีแพนด้า ด้วยสูตรมาสก์หน้าขมิ้นชัน โดยใช้ส่วนผสมขมิ้นชัน 1 ช้อนชาและน้ำผึ้ง 1 ช้อนชาคนให้เข้ากัน จากนั้นค่อย ๆ เทโยเกิร์ต 1 ช้อนชาลงไป คนผสมให้เข้ากันอีกครั้ง แล้วนำมาทาทิ้งไว้บนใบหน้า รอบดวงตาและลำคอ ทิ้งไว้นาน 20 นาทีแล้วล้างออกด้วยน้ำเย็น สูตรนี้นอกจากจะช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกเผยผิวขาวมีสุขภาพดีแล้ว ยังช่วยลดการอักเสบของสิวได้ดีอีกด้วยค่ะ

สมุนไพรบํารุงผิว

7. ชาเขียว บำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื่นมีสุขภาพดีและมีชีวิตชีวา

          คุณสาว ๆ ทราบไหมคะว่าในชาเขียวเต็มไปด้วยโพลีฟีนนอล (Pholyphenols) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยฟื้นฟูเซลล์ผิวใหม่ ลดเลือนฝ้าและจุดด่างดำบนใบหน้า นอกจากนี้ สกินโทนเนอร์ธรรมชาติที่สกัดจากชาเขียว ยังช่วยขจัดสิ่งสกปรกในรูขุมขนให้หลุดออกไปและช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื่นอีกด้วยค่ะ ซึ่งสาว ๆ สามารถทำสกินโทนเนอร์ชาเขียวที่บ้านเองได้โดยการชงชาเขียว 2 ถ้วยทิ้งไว้ให้เย็น เติมน้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบลงไป 2-3 หยด จากนั้นก็เทส่วนผสมที่ได้ใส่ลงในขวดสเปรย์ ใช้ฉีดพ่นลงบนใบหน้า 2 ครั้งต่อวัน เท่านี้ก็จะช่วยบำรุงผิวหน้าให้ชุ่มชื่นสดใสดูมีชีวิตชีวาได้แล้วค่ะ

ไม่จำเป็นต้องซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีราคาแพงให้สิ้นเปลืองอีกต่อไป เห็นไหมคะว่าคุณสาว ๆ สามารถประยุกต์ใช้สมุนไพรที่อยู่ใกล้ตัวมาช่วยดูแลและบำรุงผิวหน้าของตัวเองให้ขาวกระจ่างใส ดูมีออร่าและมีสุขภาพดีได้ไม่ยากเลย



ข้อมูลจาก : herbs-for-health.com, top10homeremedies.com, food.ndtv.com, stylecraze.com, chagrinvalleysoapandsalve.com, pioneerthinking.com, leaf.tv




 

Create Date : 29 สิงหาคม 2560    
Last Update : 29 สิงหาคม 2560 15:33:11 น.
Counter : 1657 Pageviews.  

เผย 3 รพ. เอกชน ออกจากระบบประกันสังคม ให้ผู้ประกันตนกว่า 1.6 แสนคน เลือกที่ใหม่



 เผย 3 รพ. เอกชน ออกจากระบบประกันสังคม ให้ผู้ประกันตนกว่า 1.6 แสนคนเลือกที่ใหม่ ให้ดำเนินการภายใน 31 ตุลาคม 60 หากไม่เลือก ทางสำนักงานประกันสังคมจะเลือกให้

          วันที่ 28 สิงหาคม 2560 นายสุรเดช วลีอิทธิกุล เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ในปี 2561 มีสถานพยาบาลที่จะไม่เข้าร่วมโครงการประกันสังคม จำนวน 3 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลยันฮี, โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ และโรงพยาบาลศรีระยอง จังหวัดระยอง
โดยโรงพยาบาลยันฮี ให้เหตุผลว่า ต้องการที่จะทำการรักษาเฉพาะด้านตามนโยบายของโรงพยาบาล จึงไม่เข้าร่วมโครงการประกันสังคม ขณะที่โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ รัตนาธิเบศร์ ระบุว่า มีโรงพยาบาลในสังกัดที่เข้าร่วมโครงการ อยู่ห่างออกไปเพียง 300 เมตร จึงไม่อยากแย่งผู้ป่วยกันเอง ด้านโรงพยาบาลศรีระยอง ยอมรับว่า ผู้ประกันตนที่เข้ารับบริการที่โรงพยาบาล มีจำนวนน้อย ประกอบกับมีโรงพยาบาลรัฐและเอกชนใกล้เคียงที่เข้าร่วมโครงการ จึงไม่เข้าร่วมโครงการประกันสังคมแล้ว

          นายสุรเดช กล่าวว่า ตามข้อมูลของสำนักงานประกันสังคม พบว่า ทั้ง 3 โรงพยาบาล มีผู้ประกันตน ทั้งหมดกว่า 160,000 ราย โดยขณะนี้ สำนักงานประกันสังคมได้มีมาตรการรองรับโดยการจัดหาสถานพยาบาลทดแทนให้กับผู้ประกันตน โดยแจ้งให้กับผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 เลือกสถานพยาบาลภายในวันที่ 31 ตุลาคม 2560

          อย่างไรก็ดี นายสุรเดช ระบุว่า หากผู้ประกันตนไม่ดำเนินการเลือกสถานพยาบาล ทางสำนักงานประกันสังคมจะจัดสถานพยาบาลให้กับผู้ประกันตนแทน ทั้งนี้ ยอมรับว่าโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ที่เข้าร่วมโครงการ เกิดภาวะขาดทุน เป็นผลมาจากการที่มีผู้ประกันตนจำนวนมากและเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ในขณะนี้สำนักงานประกันสังคมได้เข้าไปปรับปรุง ซึ่งมีผลเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เพื่อที่จะสามารถรองรับผู้ประกันตนที่เข้าใช้บริการและช่วยเหลือโรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่แห่งนี้ ให้พ้นจากภาวะขาดทุนไปได้ การปรับปรุงทำให้โรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมโครงการได้รับผลดีไปด้วย

ภาพและข้อมูลจาก
fm91bkk.com




 

Create Date : 29 สิงหาคม 2560    
Last Update : 29 สิงหาคม 2560 15:27:53 น.
Counter : 1151 Pageviews.  

ขนมถังแตก กระทะเทฟลอน ทำขนมโบราณแต่วิธีการสมัยใหม่



ขนมถังแตก กระทะเทฟลอน

อยากกินขนมถังแตก ทำไมต้องรอให้มีงานวัด ? จัดไปเลยง่าย ๆ แค่มีกระทะเทฟลอนก็ทำขนมโบราณตั้งแต่วัยเด็กกินเองได้

          เวลาไปเดินงานวัดทีไรก็มักจะต้องเจอรถขายขนมถังแตก ขนมรังผึ้ง ขนมเบื้อง ถือว่าเป็นขนมที่ต้องอยู่คู่งานวัดงานประจำปีเลยนะเนี่ย แต่ขนมถังแตกไม่ใช่ว่าใคร ๆ ก็ทำได้ เพราะต้องใช้เตาหลุมสีดำ ๆ ที่ออกแบบมาเฉพาะตัว แล้วถ้าอยากจะกินขึ้นมาสักทีก็ต้องรอให้มีงานวัดใกล้บ้าน หรือใครโชคดีหน่อยก็มีร้านขายขนมถังแตกอยู่ละแวกบ้าน แต่วันนี้กระปุกดอทคอมจะชวนมาทำ ขนมถังแตกด้วยกระทะเทฟลอนกินเองที่บ้าน สนไหม ? เป็นสูตรมาจาก เฟซบุ๊ก พาทำ พาทาน อะไรจะง่ายดายขนาดนี้

ส่วนผสม แป้งขนมถังแตก

​​      ◇​ ​แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
​​      ◇​ ​แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1/2 ถ้วย
​​      ◇​ ​ยีสต์ 1/2 ช้อนชา
​​      ◇​ ​น้ำสะอาด 1 1/2 ถ้วยตวง
​​      ◇​ ​เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
​​      ◇​ ​น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
​​      ◇​ ​ผงฟู 1/4 ช้อนชา
​​      ◇​ ​น้ำมันพืช หรือเนยสด (สำหรับทากระทะ)

ส่วนผสม ไส้ขนม

​​      ◇​ ​น้ำตาลทราย
​​      ◇​ ​เกลือป่น
​​      ◇​ ​งาขาว
​​      ◇​ ​งาดำคั่ว
​​      ◇​ ​มะพร้าวอ่อน หรือมะพร้าวทึนทึกขูด

ขนมถังแตก กระทะเทฟลอน

วิธีทำ

          1. ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งสาลีอเนกประสงค์ ยีสต์ และน้ำตาลทรายในอ่างผสม คนให้เข้ากัน ทำหลุมแป้งแล้วเทน้ำใส่ลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากันจนน้ำตาลทรายละลายดีและแป้งไม่จับเป็นเม็ด จากนั้นเทแป้งลงในภาชนะที่มีฝาปิดแล้วปิดฝา หรือปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหาร แล้วหมักแป้งไว้ประมาณ 30 นาที (แล้วแต่อุณหภูมิห้อง)
          2. พอหมักแป้งครบเวลาแล้ว ใส่เบกกิ้งโซดาและผงฟูลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากันอีกครั้งจนเป็นฟองขึ้นมา พักไว้
          3. ผสมน้ำตาลทราย เกลือป่น งาขาวและงาดำคั่วเข้าด้วยกัน เตรียมไว้สำหรับใส่เป็นไส้ขนม
          4. นำกระทะขึ้นตั้งไฟปานกลางค่อนไปทางอ่อน ทาน้ำมันพืชหรือเนยบาง ๆ จากนั้นตักส่วนผสมแป้งลงไปแล้วปิดฝา
          5. เมื่อแป้งสุกแล้ว เปิดฝา ใส่มะพร้าวขูด และส่วนผสมไส้ขนมลงไป (ใครชอบหวานมากหวานน้อยใส่ตามชอบเลยค่ะ) จากนั้นก็พับขนมครึ่งหนึ่ง จัดเสิร์ฟ

หมายเหตุ : การใส่น้ำทรายตาลลงไปในขนมเวลาร้อน อาจจะทำให้น้ำตาลละลายได้ ถ้าใครไม่ชอบน้ำตาลละลายให้หยดตัวขนมก่อนรอตัวขนมเย็นแล้วค่อยใส่มะพร้าวและใส่งาคั่ว น้ำตาลทราย และเกลือลงไปค่ะ

  ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า สมัยนี้แค่มีกระทะเทฟลอนใบเดียวก็สามารถทำอาหาร ทำขนมไทยหลายอย่่างเลย แต่ตอนนี้ขอตัวไปผสมแป้งทำถังแตกก่อนนะคะ แล้วเจอกัน !!!

ขอขอบคุณภาพประกอบจาก




 

Create Date : 28 สิงหาคม 2560    
Last Update : 28 สิงหาคม 2560 16:25:38 น.
Counter : 2487 Pageviews.  

ใช้แป้งทาจุดซ่อนเร้น เสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่จริงหรือ ?



แป้งฝุ่น

ประเด็นแป้งฝุ่นกับมะเร็งมีข้อถกเถียงกันมายาวนาน โดยเฉพาะหากใช้แป้งเด็กทาบริเวณจุดซ่อนเร้น ความเสี่ยงโรคมะเร็งรังไข่อาจถามหา ข้อมูลนี้ชัวร์ไหม เรามีคำตอบมาให้แล้ว

          เห็นข่าวหญิงป่วยมะเร็งรังไข่เพราะใช้แป้งเด็กทาจุดซ่อนเร้นมานานกว่า 10 ปี และชนะคดีเรียกค่าชดเชยจากบริษัทแป้งยี่ห้อดังได้เป็นหมื่นล้าน ทำเอาเราตกใจกับเนื้อหาของข่าวอยู่ไม่น้อยค่ะ เพราะก็แอบมีข้อสงสัยว่า การใช้แป้งเด็กทาจุดซ่อนเร้นจะเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งรังไข่ได้จริงหรือไม่ เอาเป็นว่าวันนี้เรามาเช็กข้อเท็จจริงให้กระจ่างไปพร้อมกันเลยดีกว่า

โดยต้องอธิบายให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า แป้งฝุ่นโรยตัวและแป้งฝุ่นผัดหน้ามีส่วนประกอบหลักคือทัลค์ (Talc) หรือทัลคัม (Talcum) ซึ่งเป็นสารอนินทรีย์ มีชื่อทางเคมีคือไฮดรัส แมกนีเซียมซิลิเกต ซึ่งเป็นธาตุธรรมชาติที่มีคุณสมบัติทนความร้อน ดูดซับความชื้น ทำให้ผิวสัมผัสแห้ง เนียน ลื่น
แป้งฝุ่น
 ดังนั้นสารทัลค์จึงนิยมนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรมการผลิต ทั้งในกระบวนการผลิตสี สารหล่อลื่น เซรามิกกันไฟ แก้ว ผลิตภัณฑ์ขัดล้างทำความสะอาด กระดาษ ยาง ยา และเครื่องสำอาง ซึ่งในการใช้ทัลค์ผลิตเครื่องสำอางทุกชนิดนั้น จะต้องเป็นทัลค์ที่มีความบริสุทธิ์สูง ผ่านการบดและคัดแยกขนาด 0.3-75 ไมโครเมตร ไม่มีอนุภาคแข็ง ไม่มีสิ่งแปลกปลอมที่มองเห็นได้ ที่สำคัญต้องไม่พบแร่ใยหิน (Asbestos) ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิตทัลค์จากแหล่งหินตามธรรมชาติ เพราะจริง ๆ แล้วจากการศึกษาทำให้เราทราบว่า ทัลค์เองไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อสัตว์ทดลอง ไม่มีฤทธิ์ก่อการกลายพันธุ์ และไม่ใช่สารก่อมะเร็ง ทว่าตัวแร่ใยหินที่ปนเปื้อนมาในทัลค์นี่แหละที่เป็นสารก่อมะเร็ง
 ด้วยเหตุนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และกระทรวงสาธารณสุขจึงเฝ้าระวังความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์แป้งและเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของทัลค์อย่างใกล้ชิด โดยตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขก็ได้กำหนดให้แร่ใยหินเป็นวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง ซึ่งจากการตรวจสอบตัวอย่าง 40 ตัวอย่าง เมื่อปี พ.ศ. 2552-2553 และตรวจสอบ 73 ตัวอย่างในปี พ.ศ. 2557-2558 ทั้งหมดไม่พบการปนเปื้อนแร่ใยหินในแป้งฝุ่นโรยตัวแต่อย่างใด ดังนั้นประชาชนจึงสามารถใช้แป้งฝุ่นได้โดยไม่ต้องกลัวอันตราย ทว่าก็ควรใช้แป้งฝุ่นอย่างถูกวิธีด้วย ซึ่งเราจะกล่าวถึงวิธีใช้แป้งฝุ่นอย่างปลอดภัยในช่วงต่อไปค่ะ

แป้งฝุ่น

แป้งฝุ่นก่อมะเร็งจริงหรือ ?

มาถึงประเด็นแป้งฝุ่นกับมะเร็งกันบ้าง หากถามว่าแป้งฝุ่นสามารถเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งรังไข่หรือมะเร็งปอดได้จริงหรือไม่นั้น ทางอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้อธิบายไว้ว่า ทัลค์หรือไฮดรัส แมกนีเซียมซิลิเกต เป็นสารอนินทรีย์ที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ ดังนั้นหากนำไปทาจุดซ่อนเร้น แล้วเกิดการสะสมของทัลค์ในอวัยวะข้างในไปเรื่อย ๆ ก็อาจก่อให้เกิดการอักเสบ ระคายเคือง และในต่างประเทศก็มีรายงานว่าแป้งฝุ่นอาจเป็นเหตุให้เสี่ยงต่อมะเร็งรังไข่ได้

          อย่างไรก็ตาม โรคมะเร็งรังไข่เป็นโรคที่ยังหาสาเหตุได้ไม่แน่ชัด และสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน ดังนั้นหากไม่อยากเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งรังไข่ สาว ๆ ก็ควรหลีกเลี่ยงการทาแป้งฝุ่นในบริเวณจุดซ่อนเร้นจะดีกว่านะคะ

          ส่วนประเด็นเรื่องแป้งฝุ่นกับมะเร็งปอดนั้น อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เตือนถึงการใช้แป้งฝุ่นโรยตัวเด็กโดยตรง ซึ่งอาจทำให้ละอองแป้งที่เป็นสารทัลค์เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของเด็ก แล้วไปสะสมอยู่ในปอด ก่อให้เกิดอาการปอดอักเสบ ติดเชื้อ และเด็กบางคนอาจถึงแก่ชีวิตได้

ดังนั้นจึงอาจจะกล่าวได้ว่า แม้จะยังไม่มีผลการศึกษาที่แน่ชัดว่าแป้งฝุ่นเกี่ยวข้องกับการก่อโรคมะเร็งรังไข่และมะเร็งปอดได้ ทว่าด้วยความที่ร่างกายเราไม่สามารถย่อยสลายสารทัลค์ได้ ดังนั้นก็พยายามอย่าให้แป้งฝุ่นหลุดรอดเข้าไปยังอวัยวะภายในของร่างกาย โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจและอวัยวะสืบพันธุ์ เพราะอาจก่อให้เกิดการสะสมและก่อความระคายเคือง รวมไปถึงปัญหาทางสุขภาพอื่น ๆ ได้ ฉะนั้นเพื่อการใช้แป้งฝุ่นที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ เรามาดูวิธีใช้แป้งฝุ่นอย่างถูกต้องกันค่ะ


วิธีใช้แป้งฝุ่นอย่างถูกต้อง

          1. ควรเทใส่มือในปริมาณน้อย ๆ และลูบไล้ที่มือก่อนทาบาง ๆ บนตัว
          2. ไม่ควรโรยแป้งที่ตัวโดยตรง
          3. สตรีไม่ควรโรยแป้งบริเวณจุดซ่อนเร้น

อย่างที่บอกนะคะว่าแป้งฝุ่นที่วางจำหน่ายในบ้านเราผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่าปลอดภัย ไม่มีสารก่อมะเร็งอย่างแร่ใยหินปนเปื้อนอยู่ แต่ทั้งนี้เราเองก็ควรใช้แป้งฝุ่นให้ถูกวิธีเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพที่ดีของเราเอง

          หรือหากใครอยากมั่นใจในความปลอดภัยมากไปกว่านั้น ปัจจุบันก็มีการผลิตแป้งที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น แป้งข้าวโพด ซึ่งเป็นสารอินทรีย์ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ รวมทั้งแป้งข้าวเจ้าบริสุทธิ์ (Rice Starch) ที่นักวิทยาศาสตร์ของไทยได้ค้นคว้าวิจัยและผลิตขึ้นมาได้สำเร็จ ภายใต้ชื่อแบรนด์ "ไรซ์แคร์" จึงมั่นใจได้ว่า แป้งชนิดนี้จะปลอดภัย ไม่เกิดการสะสมที่ปอด ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ไม่สะสมใต้ร่มผ้า จึงลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดมะเร็งรังไข่ นอกจากนี้ยังปกป้องลูกน้อยจากผื่นคันได้ด้วย เพราะแป้งข้าวเจ้าบริสุทธิ์มีคุณสมบัติป้องกันความเปียกชื้นและการดูดซับไขมันสูงกว่าทัลคัมนั่นเอง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ช่องแห่งการเรียนรู้
เฟซบุ๊ก Fda Thai
สำนักข่าวไทย




 

Create Date : 28 สิงหาคม 2560    
Last Update : 28 สิงหาคม 2560 16:23:13 น.
Counter : 1244 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.