เผยเรื่องราว ร้านสะดวกซื้อ แพ้วิถีชาวบ้าน บางสาขาทรุดหนักเตรียม...ปิดตัว
แห่แชร์เรื่องราวร้านสะดวกซื้อ แพ้วิถีชีวิตชาวบ้าน หลังสาขาที่ อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน เตรียมปิดตัวเพราะไม่เป็นที่นิยม วันที่ 31 พฤษภาคม 2560 โลกออนไลน์แห่แชร์เรื่องราวของร้านสะดวกซื้อชื่อดัง พ่ายแพ้ให้กับวิถีชาวบ้าน ที่ อ.ทุ่งหัวช้าง จ.ลำพูน และกำลังจะปิดตัวลงหลังไม่เป็นที่นิยมจับจ่ายใช้สอยของผู้คนในพื้นที่ เรื่องราวดังกล่าวถูกแชร์จาก cmprice.com ใจความว่า ร้านสะดวกซื้อดังกล่าวถูกเปิดที่ อ.ทุ่งหัวช้าง เมื่อ 4-5 ปีก่อน เพราะในพื้นที่มีชาวบ้านเยอะ แต่ปรากฏว่าเมื่อเปิดกลับไม่ได้รับความนิยมจากคนในพื้นที่ เพราะผู้คนส่วนใหญ่ไม่ได้มีเงินมาก ทำอาชีพเกษตรกรรม หาเช้ากินค่ำ หากินกับแบบดั้งเดิมง่าย ๆ ใช้จ่ายตลาดแค่วันละ 50-100 บาท และจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันทำให้ยิ่งต้องประหยัดขึ้นอีก ทำให้ร้านดังกล่าวเตรียมจะปิดตัวลงในพื้นที่ดังกล่าว ในปี 2560 นี้ ทั้งนี้หลังเรื่องดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ได้มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นมากมาย ส่วนหนึ่งชื่นชมและยกย่องชาวบ้านที่ยังคงใช้วิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น และอยู่กันแบบพอเพียงจนทำให้ร้านดังกล่าวต้องปิดตัว แต่บางส่วนก็มองว่า เหตุที่ร้านสะดวกซื้อไม่เป็นที่นิยม เพราะชาวบ้านไม่ค่อยมีรายได้ ทำให้อาจไม่มีทางเลือกในการบริโภคมากเท่าที่ควร
Create Date : 31 พฤษภาคม 2560 | | |
Last Update : 31 พฤษภาคม 2560 14:00:07 น. |
Counter : 1115 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
10 ที่เที่ยวกาญจนบุรี คัดเน้นๆ เฉพาะที่ฮิตและบรรยากาศดี
10 ที่เที่ยวกาญจนบุรี คัดมาเน้น ๆ ที่เที่ยวสุดฮิตและบรรยากาศดี สำหรับใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยวห้ามพลาด มีที่ไหนบ้างไปดูกันเลย จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเมืองที่มีธรรมชาติสวยงาม โอบล้อมไปด้วยภูเขาสูงใหญ่ มีแม่น้ำที่สำคัญอย่างแม่น้ำแคว เมืองแห่งนี้จึงมีความเย็นสบาย น่าท่องเที่ยวตลอดทั้งปี มีน้ำตกสวย ๆ ให้ไปคลายร้อนเพียบ แต่วันนี้เราขอคัด 10 ที่เที่ยวกาญจนบุรีเด็ด ๆ ที่ไม่ใช่น้ำตกมาฝากกันบ้าง เผื่อใครกำลังมองหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ กาญจนบุรีก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว สถานที่ท่องเที่ยวกาญจนบุรี แบบชิล ๆ เมืองที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ซึ่งมีอะไรให้เราไปค้นหาอีกมากมาย ถ้าอยากหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ บอกเลยต้องไม่พลาด 10 ที่เที่ยวเด็ด ๆ ในกาญจนบุรีเหล่านี้ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเมืองที่มีธรรมชาติสวยงาม โอบล้อมไปด้วยภูเขาสูงใหญ่ มีแม่น้ำที่สำคัญอย่างแม่น้ำแคว เมืองแห่งนี้จึงมีความเย็นสบาย น่าท่องเที่ยวตลอดทั้งปี มีน้ำตกสวย ๆ ให้ไปคลายร้อนเพียบ แต่วันนี้เราขอคัด 10 ที่เที่ยวกาญจนบุรีเด็ด ๆ ที่ไม่ใช่น้ำตกมาฝากกันบ้าง เผื่อใครกำลังมองหาที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ กาญจนบุรีก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่ดีไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว 1. เหมืองแร่สมศักดิ์ บ้านป้าเกล็น
หากใครที่ชอบธรรมชาติและความเงียบสงบ มุ่งตรงไปได้เลยที่เหมืองแร่สมศักดิ์ หรือที่รู้จักกันดีในนาม บ้านป้าเกล็น รีสอร์ท ตำบลปิล๊อก อำเภอทองผาภูมิ จากเหมืองแร่เก่าร้างได้กลายมาเป็นที่พักสุดน่ารักกลางป่าเขาสีเขียวขจีสุดเย็นฉ่ำ ที่มีทั้งธรรมชาติที่สวยงามและความอบอุ่นจากเจ้าของบ้านอย่างป้าเกล็น ซึ่งนอกจากนักท่องเที่ยวจะได้พักผ่อนกับธรรมชาติอย่างเต็มที่แล้ว ยังจะได้ชิมลิ้มรสขนมเค้กอร่อย ๆ จากสูตรดั้งเดิมของป้าเกล็นอีกด้วย ใครอยากสัมผัสกับบรรยากาศเย็นสบายของภูเขา และกินเค้กสุดอร่อย สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เหมืองแร่สมศักดิ์ บ้านป้าเกล็นโทรศัพท์ 08 9161 1212 2. สะพานมอญ สังขละบุรี สัญลักษณ์ที่สำคัญแห่งเมืองสังขละบุรีที่ทุกคนจะต้องนึกถึงก็คือ "สะพานมอญ" ซึ่งเป็นสะพานไม้ที่ทอดยาวพาดผ่านข้ามลำน้ำซองกาเรีย เพื่อให้ชาวไทยและชาวมอญไปมาหาสู่กันได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งในช่วงเช้าของทุกวัน กิจกรรมที่เราจะเห็นจนชินตาบนสะพานไม้แห่งนี้ก็คือ ชาวบ้านจะมารอใส่บาตรกันอย่างอบอุ่น ไม่ว่าฤดูกาลไหน วิวทิวทัศน์บนสะพานมอญก็จะสวยงดงามเสมอ ยิ่งในช่วงหน้าหนาวบริเวณนี้จะเต็มไปด้วยไอหมอกสีขาวและอากาศที่หนาวเย็นฉ่ำ บรรยากาศโดยรอบจะเงียบสงบ มีแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงอย่างเมืองบาดาล วัดวังก์วิเวการาม (ใหม่) ให้ได้ไปเที่ยวชม จึงทำให้ไม่ว่าใครได้มาสัมผัสที่นี่ต่างก็ต้องตกหลุมรัก3. สุสานทหารพันธมิตรดอนรัก ภาพจาก mai111 / shutterstock.com
สุสานทหารพันธมิตรดอนรัก เป็นสถานที่ที่ทำให้เราได้รำลึกถึงประวัติศาสตร์ของจังหวัดกาญจนบุรีได้อย่างดีเยี่ยม เพราะนี่คือสุสานของเชลยศึกสัมพันธมิตร ที่เสียชีวิตระหว่างการก่อสร้างทางรถไฟในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมถนนแสงชูโต อำเภอเมืองกาญจนบุรี บริเวณโดยรอบสุสานร่มรื่น สะอาดตา เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียวและสวนดอกไม้สีสันสดใส มีบรรยากาศเงียบสงบ สามารถไปเดินเล่นพักผ่อน และเรียนรู้เรื่องราวประวัติศาสตร์ได้จากที่นี่ 4. เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนศรีนครินทร์ ตั้งอยู่ที่อำเภอศรีสวัสดิ์ มีพื้นที่อ่างเก็บน้ำกว้างขวางมากกว่า 419 ตารางกิโลเมตร ซึ่งนอกจากจะเป็นเขื่อนที่ผลิตกระแสไฟฟ้า และให้ประโยชน์ด้านการประมงแล้ว ที่นี่ยังมีทิวทัศน์ที่สวยงาม โอบล้อมไปด้วยภูเขาสูงใหญ่ บรรยากาศเงียบสงบ อากาศเย็นสบาย นักท่องเที่ยวจึงนิยมที่จะมาพักผ่อนหย่อนใจกันที่นี่ ยิ่งในปัจจุบันมีรีสอร์ทสวยหรู พร้อมกับเครื่องเล่นในน้ำสุดสนุกตั้งอยู่ในเขื่อน จึงยิ่งทำให้เขื่อนศรีนครินทร์ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อน ที่นี่จะเหมาะต่อการเล่นน้ำคลายร้อนมาก ๆ5. อุทยานแห่งชาติลำคลองงู
อุทยานแห่งชาติลำคลองงู เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ห้ามพลาดของจังหวัดกาญจนบุรี โดยเฉพาะใครที่ชอบกิจกรรมแบบผจญภัย ต้องมาสัมผัสที่นี่กันสักครั้ง เพราะภายในอุทยานแห่งชาติลำคลองงูเป็นที่ตั้งของถ้ำสุดอลังการ มีทั้งถ้ำที่มีเสาหินปูนสูงที่สุดในโลกซึ่งสูง 62.5 เมตร อย่างถ้ำเสาหิน ถ้ำที่มีม่านหินย้อยอันสวยงามสุดตระการตาอย่างถ้ำนกนางแอ่น เป็นต้น เส้นทางศึกษาธรรมชาติทั้งหมดจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่อุทยานนำทาง เพราะป่ามีบริเวณกว้างใหญ่ และบางจุดยังอันตรายเกินกว่าที่คนทั่วไปจะสามารถเข้าเที่ยวชมได้ด้วยตนเอง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงู โทรศัพท์ 08 4913 23816. ถ้ำกระแซ ถ้ำกระแซ เป็นถ้ำขนาดเล็ก ตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผา เหนือคุ้งแม่น้ำแควน้อย ในตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค ซึ่งติดกับทางรถไฟสายมรณะ โดยเป็นเส้นทางรถไฟจากกรุงเทพฯ-น้ำตกไทรโยค โดยจุดนี้จะเป็นจุดที่อันตรายที่สุดของเส้นทางรถไฟสายนี้ เพราะเป็นรางรถไฟสะพานไม้ที่สร้างขึ้นมาเลียบริมหน้าผา บริเวณถ้ำกระแซจึงเป็นจุดชมวิวรถไฟที่วิ่งเลียบริมผาคู่ขนานกับแม่น้ำแควน้อยเบื้องล่างได้อย่างงดงามที่สุด ภายในถ้ำกระแซจะมีพระพุทธรูปให้ได้ไหว้ขอพร อดีตเชื่อกันว่าที่นี่เคยเป็นที่พักของเชลยศึกเมื่อครั้งสร้างเส้นทางรถไฟสายนี้7. เหมืองปิล๊อก หมู่บ้านอีต่อง ภาพจาก SeeWorld88 / shutterstock.com
ตำบลปิล๊อก เป็นตำบลเล็ก ๆ ที่อยู่ไกลโพ้นสุดขอบภูเขาของเขตชายแดนไทยฝั่งตะวันตก ครั้งหนึ่งที่นี่เคยรุ่งเรืองจากธุรกิจเหมืองแร่อย่างสุดขีด แต่เมื่อเกิดวิกฤตเกี่ยวกับราคาแร่ พร้อมทั้งมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ก้าวเข้ามา เหมืองแร่มากมายในตำบลปิล๊อกก็ต้องปิดตัวลง และกลายเป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบ ซึ่งโอบล้อมไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม หมู่บ้านอีต่องจึงเป็นศูนย์กลางของตำบลเล็ก ๆ แห่งนี้ที่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ไปรษณีย์ ตลาดขายของสด ร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่พัก และยังเป็นจุดเริ่มต้นในการเดินป่าขึ้นสู่เขาช้างเผือกอีกด้วย บริเวณใกล้เคียงหมู่บ้านอีต่องจะมีที่เที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ เนินช้างศึก เป็นเนินที่สามารถมองเห็นฝั่งเมียนมาได้, น้ำตกจ๊อกกระดิ่น น้ำตกขนาดกลางที่ซ่อนตัวอยู่กลางป่า และยังมีน้ำสีฟ้าสวยใสราวกับกระจกอีกด้วย, จุดชมวิวช่องทางมิตรภาพไทย-เมียนมา จุดที่สามารถเดินไปเที่ยวชมฝั่งพม่าได้ เป็นต้น สิ่งหนึ่งที่ห้ามพลาดเมื่อมาถึงที่นี่ก็คือการกินปูทะเล เพราะจะมีชาวบ้านจากทางฝั่งเมียนมาไปจับปูทะเลจากทะเลอันดามันขึ้นมาขายให้สด ๆ ในราคาย่อมเยา8. วัดถ้ำเสือ ภาพจาก SIHASAKPRACHUM / shutterstock.com
วัดถ้ำเสือ ตั้งอยู่ที่ตำบลม่วงชุม อำเภอท่าม่วง เป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ด้วยมีพระพุทธรูปปางประทานพรที่ใหญ่ที่สุดของจังหวัดกาญจนบุรีประดิษฐานอยู่ อีกทั้งยังตั้งอยู่บนเนินเขา ที่รายล้อมด้วยทุ่งนาสีเขียวขจี บรรยากาศร่มเย็น สดชื่น โดยหลวงพ่อชินประทานพร พระพุทธรูปปางประทานพรที่ประดับด้วยกระเบื้องโมเสกสีทอง จะตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเขา มีพระอุโบสถอัฏมุขอยู่ทางด้านขวา ซึ่งมีการออกแบบอย่างละเอียดอ่อน สวยงามวิจิตรบรรจง นักท่องเที่ยวจะต้องเดินขึ้นบันไดจำนวน 157 ขั้น เพื่อไปกราบไหว้หลวงพ่อ หรือจะเลือกใช้บริการรถรางไฟฟ้าในราคา 10 บาท เพื่อขึ้นไปยังด้านบนก็ได้เช่นกัน9. น้ำพุร้อนหินดาด น้ำพุร้อนหินดาด ตั้งอยู่ที่ตำบลหินดาด อำเภอเมืองกาญจนบุรี เป็นบ่อน้ำพุร้อนกลางป่า มีอุณหภูมิประมาณ 45-55 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่พอเหมาะต่อการลงไปแช่เพื่อคลายความเมื่อยล้าของร่างกาย โดยน้ำพุร้อนจะผุดขึ้นมาจากใต้ผิวดิน แล้วไหลลงสู่บ่อปูนซีเมนต์ ทางเจ้าหน้าที่จะมีการเปลี่ยนน้ำทุก ๆ วันอังคารและวันศุกร์ เพื่อให้น้ำในบ่อมีความสะอาด โดยบริเวณรอบ ๆ บ่อแช่ตัวจะมีต้นไม้ร่มรื่น รวมทั้งยังมีบริการนวดตัว นวดเท้า สำหรับคนที่ไม่ได้ลงแช่น้ำอีกด้วย 10. ตลาดน้ำกองถ่ายภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ค่ายสุรสีห์ ตลาดน้ำกองถ่ายภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ตั้งอยู่ภายในค่ายสุรสีห์ ตำบลลาดหญ้า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับสถานที่จริงในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว ซึ่งมีบรรยากาศย้อนยุค มีบ้านเรือนไทย พร้อมทั้งกิจกรรมแต่งชุดโบราณ เพื่อถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึก อีกทั้งยังได้เลือกซื้อของกินโบราณที่ขายในตลาดน้ำ และบริเวณโดยรอบ ได้ทั้งอิ่มเอิบกับบรรยากาศสุดชิลของเมืองเก่าและอิ่มอร่อยกับอาหารไทย ๆ ก็ถือว่าคุ้มค่าสุด ๆ ที่นี่เปิดให้เข้าชมทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-18.00 น. สอบถามรายละเอียดได้ที่ตลาดน้ำกองถ่ายภาพยนตร์ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ค่ายสุรสีห์ โทรศัพท์ 0 3451 0428ขอขอบคุณข้อมูลจาก, เฟซบุ๊ก Somsak Mining, snr.egat.com, เฟซบุ๊ก อุทยานเเห่งชาติลำคลองงู จังหวัดกาญจนบุรี
Create Date : 30 พฤษภาคม 2560 | | |
Last Update : 30 พฤษภาคม 2560 11:08:13 น. |
Counter : 3394 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
สลัดหมูย่างกะทิ เมนูลดน้ำหนักแบบไทยอร่อยแซ่บ
กินแต่สลัดผักจนไร้เรี่ยวแรง เพิ่มพลังด้วยสลัดหมูย่างกะทิดีกว่า ใส่เนื้อหมูย่างสุดนุ่ม พร้อมกับน้ำสลัดเผ็ดแซ่บ ดีต่อร่างกายและใจจริง ๆ เมนูสลัด อาหารลดน้ำหนักอันดับต้น ๆ ที่นึกถึง แต่จะให้กินแต่สลัดผักทุกมื้อคงหมดเรี่ยวแรง ลองเพิ่มโปรตีนจากเนื้อสัตว์เข้าไปคงเหมาะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำสลัดหมูย่างกะทิแบบไทย สูตรจาก นิตยสารแม่บ้าน จับเนื้อหมูหมักกับกะทิและเครื่องปรุง เอาไปย่างจนสุก โปะบนผักสลัดตามชอบ ราดน้ำสลัดสุดแซ่บแบบไทยส่วนผสม หมูย่างกะทิ
เนื้อสันคอหมู 50 กรัม หัวกะทิ 2 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรส 1+1/2 ช้อนชา ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทราย 1+1/2 ช้อนชา พริกไทยป่น 1/4 ช้อนชาผักสดต่าง ๆ
สลัดคอส 30 กรัม ก้านคะน้าหั่นชิ้น 1 ถ้วย แตงกวาญี่ปุ่นหั่นแว่น 1 ถ้วย แครอทซอย 1/2 ถ้วย ผักชีซอย 2 ต้น ใบสะระแหน่ 15 ใบ น้ำเย็นใส่น้ำแข็ง ส่วนผสม น้ำสลัด
กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ พริกขี้หนูสับ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1+1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 2+1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะส่วนผสมอื่น ๆ
ข้าวคั่วป่น 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืชเล็กน้อยวิธีทำสลัดหมูย่างกะทิแบบไทย
1. ใส่ส่วนผสมหมูย่างกะทิลงในภาชนะ นวดให้เข้ากัน ปิดด้วยแผ่นฟิล์มถนอมอาหาร นำเข้าแช่เย็นประมาณ 2 ชั่วโมง 2. ล้างทำความสะอาดผักสด นำไปแช่ในน้ำเย็นใส่น้ำแข็ง เตรียมไว้ 3. นำกระทะเทฟลอนขึ้นตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย นำคอหมูลงย่างจนสุก ตักขึ้นพักไว้ให้เย็น หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ เตรียมไว้ 4. ทำน้ำสลัด โดยผสมน้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำตาลปี๊บ คนจนส่วนผสมละลายดี ใส่กระเทียมกับพริกขี้หนู คนให้เข้ากัน 5. นำผักสดใส่ตะแกรง พักไว้ให้สะเด็ดน้ำ จัดใส่จาน เรียงหมูย่างที่หั่นไว้ด้านบน โรยข้าวคั่วป่นพอทั่ว จัดเสิร์ฟพร้อมน้ำสลัด พอกันทีเมนูสลัดผักเพียว ๆ ลองมาทำสลัดหมูย่างกะทิกินสลับบ้างดีกว่า ใส่ผักสลัดตามชอบ มาพร้อมน้ำสลัดสูตรเผ็ด โรยข้าวคั่วเพิ่มรสชาติ จัดสักจานมื้อเย็นเลยจ้าขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจากเรื่อง : เชฟตั้ม, ภาพ : ชุลีภรณ์
Create Date : 30 พฤษภาคม 2560 | | |
Last Update : 30 พฤษภาคม 2560 11:05:40 น. |
Counter : 1434 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
มะเร็งหลังโพรงจมูก หายใจติดขัด คล้ายเป็นหวัดแต่อาจเป็นมะเร็ง !
มะเร็งหลังโพรงจมูก (Nasopharynx cancer) ภัยเงียบที่ควรระวัง เพราะเกิดขึ้นกับอวัยวะภายในยากแก่การมองเห็น แต่อย่างน้อยลองสำรวจอาการตัวเองในเบื้องต้นว่าเราเสี่ยงเป็นมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะคนที่คัดจมูกบ่อย มีน้ำมูกปนเลือด และคนชอบกินของหมักดอง
มะเร็งเป็นเนื้อร้ายที่ซอกซอนในร่างกายเราได้เกือบทุกอณู อย่างมะเร็งหลังโพรงจมูกที่เรากำลังจะเตือนกันวันนี้ ก็เป็นโรคมะเร็งชนิดที่ตรวจพบได้ค่อนข้างยาก เนื่องจากเกิดในอวัยวะชั้นในของร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยไม่ค่อยรู้ตัวว่ากำลังเป็นโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกอยู่ และกว่าจะมาพบหมออาการมะเร็งก็ลุกลามขั้นลึก ๆ แล้ว ดังนั้นกระปุกดอทคอมจึงอยากให้คนที่ชอบกินของหมักดอง แหนม ปลาเค็ม ไส้กรอกอีสาน หรือบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง แล้วก็มีอาการคัดจมูก มีน้ำมูกปนเลือด หรือเหมือนคนเป็นหวัดเรื้อรัง ลองมาเช็กอาการกันหน่อยค่ะ ว่าเราเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกหรือเปล่า มะเร็งหลังโพรงจมูก (Nasopharynx cancer) เป็นมายังไง โรคมะเร็งหลังโพรงจมูก (Nasopharynx cancer) เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนเอเชีย โดยเฉพาะในประเทศจีน ฮ่องกง และไต้หวัน รวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างบ้านเราด้วย โดยโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกมักจะพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิงประมาณ 2 เท่า ซึ่งผู้ป่วยส่วนมากจะอยู่ในกลุ่มอายุ 2 ช่วงด้วยกัน คือ ช่วงอายุ 15-25 ปี และ 50-60 ปี มะเร็งหลังโพรงจมูก สาเหตุคืออะไร สาเหตุของโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกได้แก่1. พันธุกรรม เนื่องจากโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกมีความชุกสูงเฉพาะในเขตภูมิศาสตร์ เช่น ประเทศจีนตอนใต้ และพื้นที่ที่มีชาวจีนอพยพไปอยู่ เช่น ฮ่องกง ไต้หวัน ทำให้มีการสันนิษฐานว่า พันธุกรรมอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกได้2. อาหารการกิน สารก่อมะเร็งไนโตรซามีน (Nitrosamine) เป็นสาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็งหลังโพรงจมูก โดยหากสูดดมสารนี้เข้าไปสัมผัสกับเยื่อบุหลังโพรงจมูก อาจก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของ DNA ของเซลล์เยื่อบุผิว จนเกิดการกลายพันธุ์ของเซลล์ได้ ซึ่งเราจะพบสารก่อมะเร็งชนิดนี้ปนเปื้อนอยู่ในอาหารหมักดอง เช่น ปลาเค็ม เนื้อเค็ม แหนม ไส้กรอกอีสาน หรือแม้แต่อาหารปิ้งย่างต่าง ๆ ก็มี3. เชื้อไวรัส จากการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยมะเร็งหลังโพรงจมูกจะมีสารภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเอปสไตน์บาร์ (Epstein-Barr virus - EBV) ในปริมาณที่สูงกว่าประชากรทั่วไปที่มีสุขภาพดี จึงสันนิษฐานว่าเชื้อไวรัสตัวนี้เป็นสาเหตุของโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกด้วย4. สิ่งแวดล้อม ปัจจัยทางแวดล้อม เช่น ฝุ่นละออง ควันไฟจากการเผาไม้หรือหญ้า สารเคมีต่าง ๆ รวมไปถึงควันจากมวนบุหรี่ อาจมีผลต่อการเกิดมะเร็งหลังโพรงจมูกได้เช่นกัน5. สุขภาพช่องปากที่ไม่ดี และภาวะอักเสบเรื้อรังของโพรงจมูก สุขอนามัยทางช่องปากที่ไม่ได้รับการดูแลอย่างที่ควร รวมไปถึงการอักเสบเรื้อรังของโพรงที่อยู่หลังจมูก ก็เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกได้นะคะ มะเร็งหลังโพรงจมูก อาการเป็นอย่างไร อาการแสดงของโรคมะเร็งหลังโพรงจมูก สามารถแบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่ม ดังนี้1. อาการทางจมูก มีอาการระคายเคืองหลังโพรงจมูก มีน้ำมูกปนเลือด มีเลือดออกทางจมูกบ่อย ๆ แน่นจมูกหายใจไม่ค่อยสะดวก หรือคัดจมูกมีน้ำมูกไหลลงคอเรื้อรัง หรือเสียงเปลี่ยนไป ซึ่งอาการเหล่านี้อาจทำให้ผู้ป่วยหลายรายต้องเข้ารับการรักษาแบบเดียวกับโรคโพรงจมูกอักเสบ หรือไซนัสอักเสบเรื้อรังมาก่อน2. อาการทางหู การได้ยินบกพร่อง มีเสียงดังในหู รู้สึกปวดหู หรือมีของเหลวไหลออกจากหู อันเนื่องมาจากการทำงานผิดปกติของท่อเชื่อมหูชั้นกลาง เพราะการลุกลามของมะเร็ง เป็นผลให้ความกดอากาศในหูชั้นกลางลดลง ก่อให้เกิดอาการหูอื้อ และอาการนี้จะมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ 3. ก้อนที่คอ เป็นอาการที่สังเกตได้ค่อนข้างชัดของโรคนี้ โดยเฉพาะอาการของโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกระยะที่ลุกลามไปถึงต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอ ซึ่งจะตรวจพบก้อนที่คอเพียงก้อนเดียว หรือหลายก้อนแบบติดกัน ห่างกันก็ได้ ทว่าเคสที่พบบ่อยมักจะเจอก้อนที่คอเพียงก้อนเดียว มีลักษณะแข็ง ไม่เจ็บ และเคลื่อนไหวไป-มาได้4. อาการทางระบบประสาท ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดศีรษะ มองเห็นภาพซ้อน ชาที่ใบหน้า เจ็บเสียวที่แก้มข้างเดียวกับตำแหน่งที่เป็นมะเร็ง และในรายที่อาการลุกลามมาก ผู้ป่วยอาจเป็นอัมพาตที่กล้ามเนื้อใบหน้า เวียนศีรษะ เสียงแหบ กลืนลำบาก หรือสำลักอาหาร รวมทั้งมีการรับกลิ่นและรสเปลี่ยนไปได้5. อาการอื่น ๆ เช่น น้ำหนักลด เบื่ออาหาร มีไข้ต่ำ ๆ และอาจมีอาการอ้าปากไม่ขึ้น สำลักน้ำขึ้นจมูก เป็นต้น ซึ่งเป็นอาการที่เกิดจากการลุกลามของเซลล์มะเร็งไปยังอวัยวะตำแหน่งอื่น หากสังเกตว่าตัวเองมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะคลำเจอก้อนที่คอ ร่วมกับรู้ตัวว่ามีพฤติกรรมสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งหลังโพรงจมูก ก็ควรรีบเข้าไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยและซักประวัติเพิ่มเติม ทั้งนี้ก็เพื่อการรักษาที่รวดเร็วในกรณีที่มีเซลล์มะเร็งซ่อนตัวอยู่นะคะ มะเร็งหลังโพรงจมูก รักษาหายไหม โรคมะเร็งหลังโพรงจมูกสามารถรักษาให้หายขาดได้ ในกรณีที่ตรวจพบรอยโรคในระยะเริ่มแรก นั่นหมายความว่า ยิ่งรู้ตัวว่าป่วยเร็วเท่าไร โอกาสในการรักษาโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกให้หายขาดก็ยิ่งมีความหวังมากเท่านั้น ซึ่งแนวทางการรักษาโรคมะเร็งหลังโพรงจมูก มีดังนี้1. การฉายรังสี เนื่องจากการบริเวณหลังโพรงจมูกเป็นตำแหน่งที่ยากต่อการผ่าตัด ดังนั้นการรักษาหลัก ๆ จึงเป็นการฉายรังสี โดยการฉายรังสีเพื่อรักษาผู้ป่วยโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกระยะที่ 1 พบผลการรักษาที่น่าพอใจ เพราะช่วยควบคุมโรคเฉพาะที่ได้กว่า 90% นั่นหมายความว่ามีโอกาสตัดเซลล์มะเร็งทิ้งไปได้เกือบทั้งหมด2. การฉายรังสีร่วมกับเคมีบำบัด สำหรับกลุ่มผู้ป่วยโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกในระยะที่ 2 ขึ้นไป แพทย์อาจต้องใช้ยาเคมีบำบัดร่วมกับการฉายรังสีควบคู่กันเพื่อประสิทธิภาพการรักษาที่ดีขึ้น3. การผ่าตัด ในกรณีที่สามารถควบคุมเซลล์มะเร็งหลังโพรงจมูกได้แล้ว แต่ยังคงมีก้อนที่คออยู่ หรือในเคสที่ผู้ป่วยมีมะเร็งเกิดซ้ำหรือหลงเหลือเซลล์มะเร็งในบริเวณที่จำกัด เคสแบบนี้จะสามารถใช้การผ่าตัดทำการรักษาได้ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยแต่ละบุคคล รวมไปถึงการวินิจฉัยจากแพทย์ด้วย โดยส่วนมากแล้วผู้ป่วยมักจะมาพบแพทย์พร้อมอาการมะเร็งโพรงจมูกในระยะที่เริ่มลุกลาม ซึ่งเป็นระยะที่อาการของโรคจะปรากฏชัดเจนมากกว่าในระยะแรก ๆ แต่อย่างที่บอกไปค่ะว่า ไม่ว่าโรคใด ๆ ก็ตาม ตรวจพบได้ไวโอกาสในการรักษาให้หายก็ย่อมมากกว่า ดังนั้นหากมีความผิดปกติกับร่างกายขึ้นก็อย่าได้นิ่งนอนใจ รีบไปตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลกันดีกว่า แล้วก็อย่าลืมหมั่นรักษาสุขภาพ กินอาหารมีประโยชน์ ออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอด้วยเนอะ ขอขอบคุณข้อมูลจากสาขารังสีรักษาและมะเร็งวิทยา ฝ่ายรังสีวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
Create Date : 30 พฤษภาคม 2560 | | |
Last Update : 30 พฤษภาคม 2560 11:04:07 น. |
Counter : 2932 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
เปิดหน้า 4 ผู้ต้องหาสุดโหด ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ น้องแอ๋ม-รวบตัวได้ 2 คนแล้ว
เปิดหน้า 4 ผู้ต้องหา ก่อเหตุฆ่าหั่นศพ น้องแอ๋ม สาวคาราโอเกะ วัย 22 ปี ล่าสุดทางการเมียนมาจับตัวได้ 2 คนแล้ว เร่งทำเรื่องส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน จากกรณีเกิดเหตุฆ่าหั่นศพ น้องแอ๋ม หรือ น.ส.วริศรา กลิ่นจุ้ย สาวคาราโอเกะ วัย 22 ปี ซึ่งมีผู้พบศพเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2560 โดยศพของผู้ตายถูกหั่นเป็น 2 ท่อน นำยัดใส่ถุงดำและใส่ถังดำไปฝังไว้ในพื้นที่บ้านโนนสง่า อ.เขาสวนกวาง จ.ขอนแก่น สภาพใบหน้าถูกทำร้ายบวมช้ำ คอถูกรัดด้วยถุงดำ มีแผลถูกตัดด้วยเลื่อยบริเวณใต้ชายโครงจนขาด แขนถูกมัดเอาไว้ โดยที่แขนซ้ายถูกตัดบริเวณข้อศอก เป็นที่น่าสยดสยองอย่างมาก ความคืบหน้า วันที่ 29 พฤษภาคม 2560 ได้มีการเผยภาพ 4 ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่าน้องแอ๋ม ประกอบด้วย นายวศิน อายุ 22 ปี, น.ส.จิดารัตน์ อายุ 21 ปี, น.ส.ปรียานุช อายุ 24 ปี และ น.ส.กวิตา อายุ 25 ปี โดยออกหมายจับในข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและปิดบังซ่อนเร้นทำลายศพ มีรายงานล่าสุดว่า ทางการเมียนมาได้เข้าควบคุมตัว น.ส.ปรียานุช และ น.ส.กวิตา 2 ใน 4 ผู้ต้องหาได้แล้ว หลังจากทางการเมียนมาทราบข่าวจากทางฝั่งไทยว่าทั้งคู่หนีคดีมากบดานในประเทศตนเอง โดยบุกเข้าจับกุมได้ในร้านคาราโอเกะ อ.ท่าขี้เหล็ก ที่ทั้งคู่แฝงตัวมาขอสมัครงานเป็นสาวคาราโอเกะ แต่ตอนนี้ตำรวจยังไม่ได้รับตัวกลับมาดำเนินคดี เนื่องจากยังติดขัดในเรื่องเอกสารขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนอยู่ ขณะเดียวกันยังตรวจค้นพบยานพาหนะที่แก๊งโหดนำศพผู้ตายไปทิ้งอำพรางด้วย เป็นรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์ สีขาว 4 ประตู ทะเบียน กพ 2258 ขอนแก่น ซึ่งจะนำมาเก็บเป็นหลักฐานต่อไป
ทั้งนี้ สาเหตุของการลงมือฆาตกรรม พบว่าก่อนหน้านี้ผู้เสียชีวิตได้เคยพาเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกจับกุมกลุ่มผู้ถูกกล่าวหาในคดียาเสพติด จึงเชื่อว่าเป็นปมเหตุของการฆาตกรรมดังกล่าว
ภาพและข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก อีจัน , workpointtv.com
Create Date : 30 พฤษภาคม 2560 | | |
Last Update : 30 พฤษภาคม 2560 11:00:24 น. |
Counter : 1567 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |