อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

เมนูจากน่องไก่ ศูนย์รวมอาหารจากไก่อร่อยไม่จำเจ



เมนูจากน่องไก่ร้อน ๆ พร้อมเสิร์ฟสูตรอาหารหลากหลาย ยิ่งกินยิ่งฟิน อร่อยไม่หยุดปาก

          เมนูน่องไก่ง่าย ๆ ครองใจทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะส่วนของเนื้อน่องไก่เล็ก หรือน่องไก่ติดสะโพก นุ่มฉ่ำ ไม่แห้งกระด้าง เคี้ยวเพลิน นอกจากเอามาทำเมนูน่องไก่ตุ๋น หรือน่องไก่อบแล้ว ยังเอามาทำเมนูจากไก่อื่น ๆ ได้อีกด้วย กระปุกดอทคอมขอเสนอ 10 เมนูน่องไก่ เช่น น่องไก่ทอดน้ำปลา น่องไก่วิงส์แซ่บ น่องไก่ทอดหาดใหญ่ น่องไก่ทอดเกาหลี และเมนูน่องไก่อื่น ๆ อีกเพียบ กินเปล่า ๆ ก็อร่อย หรือกินกับข้าวเหนียว ข้าวสวย หรือก๋วยเตี๋ยวก็ตามชอบเลยจ้า

น่องไก่
น่องไก่ทอดน้ำปลา

          ไก่ทอดน้ำปลาทั่วไปใช้ปีกไก่ทอดจนแห้ง แต่สำหรับใครที่ชอบเนื้อไก่เน้น ๆ หนังหนานุ่มกรอบ ลองเปลี่ยนแนวมาทำเมนูน่องไก่ทอดน้ำปลากันเลยจ้า ขอแนะนำสูตรจาก คุณบูตะ กะ กิมจิ สูตรทำง่าย นำน่องไก่ไปหมักกับน้ำปลา ทอดเสร็จหนังกรอบเนื้อฉ่ำ ยิ่งถ้าใช้น่องไก่ใหญ่รับรองฟินเว่อร์

ส่วนผสม น่องไก่ทอดน้ำปลา

          • น่องไก่ 1/2 กิโลกรัม
          • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำมันพืชสำหรับทอด

วิธีทำน่องไก่ทอดน้ำปลา


          • 1. นำน่องไก่ใส่ชามผสม ใส่น้ำปลาลงไปเคล้าผสมให้เข้ากันจนทั่ว หมักทิ้งไว้ประมาณ 3 ชั่วโมง

          • 2. ตั้งกระทะใช้ไฟแรง ใส่น้ำมันพืชลงไป รอจนน้ำมันร้อนจัด จากนั้นนำน่องไก่ลงทอดจนสุกเหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ สูตรไก่ทอดน้ำปลา เมนูง่าย ๆ แต่อร่อย
++++++++++++++++++++
น่องไก่
น่องไก่ทอดซอสเทอริยากิ

          สำหรับคุณแม่ที่กำลังมองหาเมนูน่องไก่ทอดสำหรับคุณลูก ขอแนะนำเมนูน่องไก่ทอดซอสเทอริยากิ สูตรจาก คุณเนินน้ำ จับน่องไก่เล็กหมักกับเกลือและพริกไทย นำไปชุบแป้งบาง ๆ ทอดจนสุก คลุกกับซอสเทอริยากิหวานกลมกล่อม เห็นแล้วหิวเลยเนอะ

ส่วนผสม ไก่ทอดซอสเทอริยากิ


          • น่องไก่เล็ก
          • เกลือป่น
          • พริกไทยป่น
          • แป้งสาลีอเนกประสงค์ (หรือแป้งทอดกรอบ)
          • ซอสเทอริยากิ
          • งาขาวคั่ว
          • น้ำมันพืชสำหรับทอด

ส่วนผสม ซอสเทอริยากิ (ปริมาณ 3/4 ถ้วย)

          • ซีอิ๊วญี่ปุ่น 1/2 ถ้วย
          • สาเก 1/2 ถ้วย
          • มิริน 1/2 ถ้วย
          • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
          • ขิงแก่หั่นแว่น 2-3 ชิ้น

วิธีทำซอสเทอริยากิ

          • 1. ใส่ซีอิ๊วญี่ปุ่น สาเก มิริน น้ำตาลทราย และขิงแก่ลงในหม้อ คนผสมให้ด้วยกัน

          • 2. นำขึ้นตั้งไฟอ่อนเคี่ยวประมาณ 5 นาที พักไว้ให้เย็นสนิท

วิธีทำน่องไก่ทอดเทอริยากิ

          • 1. ล้างทำความสะอาดน่องไก่ พักให้สะเด็ดน้ำ

          • 2. โรยเกลือป่นและพริกไทยป่นลงไปบนน่องไก่ นวดพักไว้สักครู่ จากนั้นนำน่องไก่ลงชุบแป้งทอดกรอบหรือแป้งสาลีอเนกประสงค์บาง ๆ

          • 3. ทอดน่องไก่ในน้ำมันร้อน ๆ ใช้ไฟปานกลางจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน

          • 4. นำซอสเทอริยากิขึ้นตั้งไฟให้เดือดข้น ใส่งาขาวคั่ว ตามด้วยน่องไก่ทอด คลุกเคล้าให้ทั่วกัน จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ไก่ทอดซอสเทอริยากิ สูตรไก่ทอดสไตล์ญี่ปุ่นชวนหิว

++++++++++++++++++++
น่องไก่
น่องไก่ชุบแป้งทอด

          ข้าวเหนียวเหลือจากส้มตำเมื่อตอนเที่ยงอย่าเพิ่งทิ้งนะคะ เก็บไว้กินกับเมนูน่องไก่ชุบแป้งทอดกันเถอะ ใครสนใจขอแนะนำสูตรจาก เฟซบุ๊ก Icook Bykucook สูตรนี้จับน่องไก่ไปหมักกับเกลือและใบมะกรูด ก่อนทอดก็นำไปชุบน้ำแป้งชุบทอดปรุงรส น้ำจิ้มไม่ต้อง ทานกับข้าวเหนียวก็ฟินระเบิดแล้วจ้า

ส่วนผสม น่องไก่ชุบแป้งทอด

          • น่องไก่ 500 กรัม
          • เกลือป่น 1/8 ช้อนชา
          • ใบมะกรูดฉีก
          • น้ำเย็นจัด 100 มิลลิลิตร (น้ำเปล่าใส่น้ำแข็ง)
          • แป้งชุบทอด 1/2 ถุง
          • น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
          • ผงปรุงรสไก่ 1/2 ช้อนชา
          • ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนชา
          • น้ำมันพืช (สำหรับทอดไก่)

วิธีทำน่องไก่ชุบแป้งทอด

          • 1. นำน่องไก่ไปล้างให้สะอาดแล้วสะเด็ดน้ำให้แห้ง จากนั้นใส่เกลือและใบมะกรูดฉีกลงไปคลุกให้ทั่ว หมักทิ้งไว้สักครู่

          • 2. ค่อย ๆ เทน้ำเย็นจัดลงในแป้งชุบทอด คนผสมให้ละลายเข้ากัน (แป้งชุบทอดที่ดีต้องไม่ใสไปและไม่ข้นมากเกินไป)

          • 3. เมื่อส่วนผสมแป้งละลายเข้ากันดีแล้วใส่น้ำมันหอย ผงปรุงรสไก่ และซอสปรุงรสลงไปผสมให้เข้ากัน เตรียมไว้

          • 4. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะใช้ไฟแรงสุด พอน้ำมันร้อนจัดแล้วให้ลดเป็นไฟอ่อน จากนั้นนำน่องไก่ที่หมักไว้ลงไปชุบกับแป้งให้ทั่วแล้วค่อย ๆ นำลงทอดจนสุกเหลืองกรอบ (วิธีนี้จะช่วยให้แป้งข้างนอกกรอบและมีรสชาติเพิ่มมากขึ้น) ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน ซับด้วยกระดาษอเนกประสงค์ พร้อมเสิร์ฟ

          + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ไก่ชุบแป้งทอด เมนูสุดง่ายพร้อมเทคนิคทอดไก่ให้กรอบนาน

++++++++++++++++++++
น่องไก่
 ก๋วยเตี๋ยวน่องไก่

          เมนูก๋วยเตี๋ยวน่องไก่เจ้าประจำขายดิบขายดีจนต้องรับบัตรคิว ถ้าหากขี้เกียจไปยืนรอมาทำเองดีกว่าค่ะ ขอแนะนำสูตรจาก เฟซบุ๊ก กินดี อยู่ดี By เนรัญชลา สูตรนี้มาพร้อมวิธีการทำมะระต้ม ไก่ตุ๋น และน้ำซุป จัดชามโตกินมื้อเที่ยงนี้เลยเพื่อน

ส่วนผสม น่องไก่ตุ๋น

          • รากผักชี 5 รากใหญ่
          • พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
          • กระเทียมไทย 2 หัว (แกะเป็นกลีบ)
          • น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
          • โป๊ยกั๊ก 4 ดอก
          • อบเชย (ขนาดยาว 4 นิ้ว) 4 แท่ง
          • ใบกระวาน 2 ใบ
          • ข่า (หั่นแว่น) 4 แว่น
          • น่องไก่ 8 น่อง
          • เหล้าจีน 2 ช้อนโต๊ะ (หากไม่มีก็ใช้เหล้าแม่โขงแทน)
          • น้ำเปล่า 1 ลิตร
          • เครื่องเทศสำหรับตุ๋น 1 ชุด
          • เห็ดหอมแห้ง (แช่น้ำจนนิ่ม) 15 ดอก
          • น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำตาลมะพร้าว 100 กรัม
          • ซีอิ๊วขาว (สูตร 5) 4 ช้อนโต๊ะ
          • ซอสปรุงรส (แม็กกี้) 3 ช้อนโต๊ะ
          • ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม มะระต้ม


          • มะระจีน 1 ลูก
          • น้ำ (สำหรับต้ม)
          • เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสม น้ำซุป


          • น้ำเปล่า 8 ลิตร
          • น้ำที่เหลือจากตุ๋นไก่
          • หอมใหญ่ (ปอกเปลือก) 2 หัว
          • รากผักชี 5 รากใหญ่
          • น้ำกระเทียมดอง 1/2 ถ้วยตวง
          • กระเทียมดอง 3 หัว
          • เครื่องเทศสำหรับตุ๋น 1 ชุด
          • น้ำตาลมะพร้าว 70 กรัม
          • เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
          • ซอสปรุงรส (แม็กกี้) 12 ช้อนโต๊ะ
          • ซีอิ๊วขาว (สูตร 5) 12 ช้อนโต๊ะ
          • ซีอิ๊วดำ 1 ช้อนโต๊ะ
          • โครงไก่ 2 โครง

เครื่องก๋วยเตี๋ยวอื่น ๆ

          • ผักกาดหอม
          • ถั่วงอกลวก
          • เส้นก๋วยเตี๋ยว (ชนิดใดก็ได้ตามชอบ แต่วันนี้เลือกใช้เส้นบะหมี่ไข่ค่ะ)
          • ต้นหอมซอย
          • ผักชีซอย
          • ตังฉ่าย
          • กระเทียมเจียว
          • พริกไทยป่น

วิธีทำมะระต้ม


          • 1. นำมะระมาผ่าครึ่งตามยาว นำเอาไส้ออกให้หมด จากนั้นนำแต่ละซีกมาผ่าครึ่งตามยาวอีกครั้ง จากนั้นหั่นขวางให้เป็นชิ้นสี่เหลี่ยม นำไปล้างให้สะอาด

          • 2. นำน้ำใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟให้เดือด เติมเกลือป่นลงไป พอน้ำเดือดพล่านจึงนำมะระลงต้มด้วยไฟกลาง ๆ แค่พอมะระสุกช้อนขึ้นจากหม้อ นำลงไปล้างในน้ำเย็นเพื่อลดอุณหภูมิ สะเด็ดน้ำ พักไว้

วิธีทำน่องไก่ตุ๋น


          • 1. โขลกรากผักชีรวมกับพริกไทยเม็ดและกระเทียมให้ละเอียด จากนั้นนำไปผัดกับน้ำมันพืชด้วยไฟอ่อน ใส่โป๊ยกั๊ก อบเชย ใบกระวาน และข่าลงไปคั่วเข้าด้วยกันจนหอม

          • 2. ใส่น่องไก่ลงไปผัดเข้าด้วยกัน ใส่เหล้าจีนลงไปผัดคลุกเคล้าแค่พอหนังไก่ตึง ๆ เติมน้ำเปล่าลงไป 1 ลิตร ใส่เครื่องเทศสำหรับตุ๋นลงไป 1 ชุด ตามด้วยเห็ดหอมและน้ำมันงา

          • 3. ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส และเติมสีสันด้วยซีอิ๊วดำ ต้มด้วยไฟแรง พอเดือดแล้วหรี่ไฟลงให้เหลือไฟอ่อน ปิดฝาตุ๋นจนน่องไก่เปื่อยนุ่มได้ที่ตามต้องการ ยกลงจากเตา ตักเอาแต่เฉพาะน่องไก่แยกพักไว้ ส่วนที่เหลือเราก็จะนำไปต้มผสมกับน้ำซุปค่ะ

วิธีทำน้ำซุป

          • 1. เทน้ำเปล่า 8 ลิตรลงในหม้อใบใหญ่ จากนั้นจึงนำส่วนผสมน้ำที่เหลือจากการตุ๋นน่องไก่เมื่อครู่เทใส่ลงไป นำขึ้นตั้งไฟแรง

          • 2. ใส่หอมใหญ่ รากผักชี น้ำกระเทียมดอง กระเทียมดอง เครื่องเทศสำหรับตุ๋น 1 ชุด ปรุงรสด้วยน้ำตาลมะพร้าว เกลือป่น ซอสปรุงรส ซีอิ๊วขาว และซีอิ๊วดำ ปิดฝาหม้อต้มให้เดือด

          • 3. พอเดือดแล้วจึงใส่โครงไก่ลงไป (หากจะให้ดีโครงไก่ควรถลกหนังและตัดตูดออก) จากนั้นลดไฟลงให้เหลือไฟอ่อน ปิดฝาต้มจนกระทั่งน้ำซุปรสชาติได้ที่

          • 4. ใส่มะระที่ต้มเตรียมไว้ลงไป ต้มจนมะระลอยขึ้นก็ช้อนมะระแยกไว้ (มะระจะได้ไม่เละจนเกินไป) ***หากมีน้ำมันไก่หรือฟองลอยบนน้ำซุปก็ให้พยายามช้อนออกเท่าที่จะทำได้นะคะ น้ำซุปจะได้ใส และไม่มันเลี่ยนค่ะ***

วิธีทำเสิร์ฟก๋วยเตี๋ยวน่องไก่


          • 1. รองก้นชามด้วยผักกาดหอม ถั่วงอกลวก

          • 2. ใส่เส้นบะหมี่ลวกคลุกน้ำมันกระเทียมเจียว

          • 3. ตามด้วยน่องไก่ตุ๋นและมะระต้ม

          • 4. ตักน้ำซุปและเห็ดหอมใส่ลงไป

          • 5. โรยหน้าด้วยต้นหอม ผักชีซอย ตังฉ่าย กระเทียมเจียว และพริกไทยป่น




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2560    
Last Update : 23 สิงหาคม 2560 8:33:53 น.
Counter : 3331 Pageviews.  

ถั่วฝักยาว ประโยชน์ไม่ธรรมดา สรรพคุณทางยาไม่น้อยหน้าใคร !



ถั่วฝักยาว

ถั่วฝักยาว ผักธรรมดา ๆ ที่เรามักนำไปประกอบอาหารหรือทานเป็นเครื่องเคียงจะมีประโยชน์มากมายสักแค่ไหน ถ้าอยากรู้ ต้องอ่าน !  

สำหรับใครที่สงสัยว่าถั่วฝักยาวนั้นมีประโยชน์แค่นำมาประกอบอาหารหรือเปล่า วันนี้เรามีคำตอบที่จะทำให้ทุกคนต้องตะลึงมาฝาก เพราะผักธรรมดา ๆ อย่างถั่วฝักยาวที่เราทานกันบ่อย ๆ นั้น มีสรรพคุณเยอะ ประโยชน์แยะ ถึงขนาดป้องกันโรคมะเร็งได้เลยทีเดียว แต่ก่อนจะไปดูสรรพคุณและประโยชน์ที่มากมายของถั่วฝักยาว เรามาทำความรู้จักถั่วฝักยาวให้มากขึ้นกันก่อนค่ะ
ทำความรู้จักกับ “ถั่วฝักยาว”

ถั่วฝักยาว ภาษาอังกฤษคือ yardlong bean มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Vigna unguiculata subsp. เป็นพืชล้มลุกตระกูลเดียวกับพวกถั่วต่าง ๆ อย่าง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง ถั่วแปบ คืออยู่ในวงศ์ Fubaceae มีลักษณะพิเศษที่ทำให้แตกต่างจากถั่วชนิดอื่นอย่างชัดเจน ด้วยฝักสีเขียวที่ยาวสะดุดตา โดยคนไทยเรานิยมนำไปประกอบอาหารหลากหลายประเภท ทั้ง ผัด แกง ตำแทนมะละกอ และใช้เป็นส่วนผสมของอาหารอื่น ๆ แต่ที่นิยมที่สุดคือนำมากินสด ๆ หรือเป็นเครื่องเคียงคู่กับน้ำพริกและอาหารรสจัด เพราะถั่วฝักยาวจะช่วยลดความเข้มข้นของอาหารลงได้

ถั่วฝักยาว

ภาพจาก pixabay

ถั่วฝักยาวมีคุณค่าทางโภชนาการอาหารอะไรบ้าง ?

คุณค่าทางโภชนาการอาหารของถั่วฝักยาว 100 กรัม มีดังนี้

          - พลังงาน 47 กิโลแคลอรี
          - คาร์โบไฮเดรต 8.35 กรัม
          - โปรตีน 2.8 กรัม
          - ไขมัน 0.4 กรัม
          - วิตามินเอ 865 ไอยู
          - วิตามินบี 1(ไทอามีน) 0.107 มิลลิกรัม
          - วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) 0.110 มิลลิกรัม
          - วิตามินบี 3 (ไนอะซิน) 0.410 มิลลิกรัม
          - วิตามินบี 5 (แพนโทเทนิก) 0.055 มิลลิกรัม
          - วิตามินบี 6 (ไพริดอกซิน) 0.024 มิลลิกรัม
          - วิตามินบี 9 (โฟเลต) 62 ไมโครกรัม
          - วิตามินซี 18.8 มิลลิกรัม
          - โซเดียม  4 มิลลิกรัม
          - โพแทสเซียม 240 มิลลิกรัม
          - แคลเซียม 50 มิลลิกรัม
          - ทองแดง 0.048 ไมโครกรัม
          - เหล็ก 0.47 มิลลิกรัม
          - แมกนีเซียม 44 มิลลิกรัม
          - แมงกานีส 0.205 มิลลิกรัม
          - ฟอสฟอรัส 59 มิลลิกรัม
          - ซีลีเนียม 1.5 ไมโครกรัม
          - สังกะสี 0.37 มิลลิกรัม
ถั่วฝักยาว

ถั่วฝักยาว มีลักษณะทางพฤกษศาสตร์แบบไหน ?

          ต้น : ถั่วฝักยาวเป็นพืชล้มลุก เลื้อยไปตามไม้ค้ำ มีข้อปล้อง กิ่ง ก้าน และรากที่ไม่ลึกมาก ทั้งรากแก้วและรากแขนง
ใบ : ใบของถั่วฝักยาว เป็นใบประกอบที่มีใบย่อยประมาณ 3 ใบ สลับกันอยู่บนต้น มีขนาดเล็ก รูปไข่ ปลายแหลม สีเขียว โดยที่โคนใบจะมีหูใบเส้นเล็ก ๆ อยู่2 เส้น
ผล : ผลของถั่วฝักยาว จะออกเป็นฝักสีเขียว ผิวขรุขระ ยาวประมาณ 20-60 เซนติเมตร ซึ่งเป็นส่วนที่เราทำมาประกอบอาหารกันนั่นเอง
เมล็ด : เมล็ดถั่วฝักยาวจะมีลักษณะคล้ายไต กลมเล็กน้อย และมีหลายสี เช่น ขาว ดำ น้ำตาล และสีสลับ
ดอก :  ดอกของถั่วฝักยาวออกเป็นช่อ มีดอกย่อยประมาณ 2-3 ดอก โดยจะบานตอนเช้า และหุบตอนบ่าย

ถั่วฝักยาว กับสรรพคุณทางยาดี ๆ

ราก : รักษาโรคหนองในและโรคบิด ทำให้เจริญอาหาร และช่วยบำรุงม้ามได้
ฝักสด : ระงับอาการปวด หรือตำคั้นเอาน้ำมาดื่มแก้ท้องอืดแน่น เรอเปรี้ยว เนื่องจากกินมากไป
เปลือกฝัก : ลดอาการปวดบวม และช่วยรักษาแผลที่เต้านม
ใบ : ใช้ต้มน้ำกิน แก้ปัสสาวะพิการ รักษาหนองใน และปัสสาวะเป็นหนองได้
เมล็ด : แก้กระหายน้ำ อาการอาเจียน โรคบิด ปัสสาวะกะปริบกะปรอย และตกขาว อีกทั้งยังช่วยบำรุงม้ามและไตด้วย

ถั่วฝักยาว

ถั่วฝักยาวกับประโยชน์มหาศาล

1. นำมาประกอบอาหาร


แน่นอนว่าประโยชน์อันดับหนึ่งของถั่วฝักยาวก็คือนำมาทำเป็นอาหาร เช่น ตำ ผัด แกง ทำของหวาน และลวกเป็นเครื่องเคียง เพราะเป็นผักที่ฉ่ำน้ำ กรอบ มีรสหวานมัน และไม่เหม็นเขียว ยิ่งถ้าทานคู่กับอาหารรสจัดจะช่วยลดความเข้มข้นของอาหารนั้น ๆ ให้กลมกล่อมพอดีได้ นอกจากนี้ ยังมีการนำถั่วฝักยาวไปบรรจุกระป๋องหรือแช่แข็งเพื่อส่งออกไปขายยังต่างประเทศ และนำไปใช้เป็นพืชสมุนไพรรักษาโรคต่าง ๆ ได้อีกด้วย

2. ดูแลผิวพรรณ

          ในถั่วฝักยาวมีวิตามินซีเป็นส่วนประกอบอยู่ค่อนข้างมาก และอย่างที่เรารู้กันดีว่าวิตามินซีเป็นสารสำคัญที่ช่วยดูแลผิว ทั้งลดริ้วรอย รอยแดง ยืดอายุผิว และช่วยบำรุงไม่ให้ผิวแห้ง อีกทั้งยังเป็นสารที่สำคัญต่อผิวหนัง หลอดเลือด และเส้นเอ็นในร่างกายเรา แถมถ้าเรากินอาหารที่มีวิตามินซีสูงบ่อย ๆ สามารถช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคมะเร็งผิวหนังได้ด้วยนะ

3. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน

ใคร ๆ ก็อยากมีภูมิคุ้มกันสูงเพื่อจะได้ป้องกันการเจ็บไข้ได้ป่วยใช่ไหมคะ งั้นเราขอแนะนำถั่วฝักยาวเป็นทางเลือกในการช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน เพราะการทานถั่วฝักยาวจะไปช่วยเสริมการทำงานของฮีโมโกลบิน ทำให้มีออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ในร่างกายได้ทั่วถึง ส่งผลให้เราไม่อ่อนเพลีย แถมในถั่วฝักยาวยังมีวิตามินซีที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย ป้องกันโรคหวัด

ถั่วฝักยาว

4. ช่วยให้นอนหลับสนิท

          ถ้าร่างกายเราขาดแมกนีเซียม อาจทำให้เรามีอาการผิดปกติเกี่ยวกับการนอนได้ เพราะแมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุจำเป็นที่ช่วยบรรเทาความเครียดและทำให้สมองผ่อนคลาย หากขาดไปก็ทำให้เราวิตกกังวล เครียด จนนอนไม่หลับได้ง่าย ฉะนั้นการทานถั่วฝักยาวซึ่งมีแมกนีเซียมสูง จึงช่วยให้สมองผ่อนคลายมากขึ้น และเครียดน้อยลง ซึ่งทำให้เรานอนหลับได้สนิทขึ้นค่ะ

5. บำรุงสายตา

วิตามินเอและวิตามินบี 1 สามารถบำรุงสายตา ป้องกันไม่ให้ประสาทตาเสื่อม ป้องกันโรคเกี่ยวกับดวงตา เช่น โรคต้อกระจก ต้อหิน และยังช่วยให้สายตาเรามองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น ซึ่งถ้าใครที่ยังไม่มีปัญหาสายตา เราขอแนะนำให้กินถั่วฝักยาวหรืออาหารที่มีวิตามินเอและวิตามินบี 1 เยอะ ๆ เพื่อช่วยบำรุงสายตาและป้องกันโรคเกี่ยวกับตาไว้ก่อนเลย หรือถ้าใครที่มีปัญหาเกี่ยวกับสายตาแล้ว ก็สามารถทานถั่วฝักยาว เพื่อช่วยบำรุงให้สายตากลับมาเป็นปกติได้นะคะ

6. ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง

          เพราะว่าในถั่วฝักยาวมีแคลเซียม ธาตุเหล็ก และฟอสฟอรัสอยู่เยอะ เมื่อธาตุทั้งสามทำงานรวมกันก็ช่วยทำให้เส้นผม ฟัน และกระดูกของเราแข็งแรงขึ้นได้ ลดความเสี่ยงเป็นโรคกระดูกพรุนสบาย ๆ เลยค่ะ

7. ป้องกันเบาหวาน

ถั่วฝักยาวมีคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลที่ดีต่อสุขภาพ แถมยังมีไฟเบอร์เยอะ ซึ่งช่วยให้น้ำตาลย่อยช้าลง จึงสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดี และช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้

ถั่วฝักยาว

8.  บำรุงครรภ์


          มีการศึกษาพบว่าการทานอาหารที่ประกอบไปด้วยโฟเลต หรือวิตามินบี 9 เยอะ ๆ สามารถลดความเสี่ยงภาวะหลอดประสาทไม่ปิด (neural tube defect, NTD) ได้ถึง 26% เลยทีเดียว ซึ่งภาวะหลอดประสาทไม่ปิดนี้เป็นอันตรายกับลูกในท้องมากเลยนะคะ  เพราะอาจทำให้เด็กพิการตั้งแต่กำเนิด ดั้งนั้นคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือมีแผนจะตั้งครรภ์ควรรับประทานถั่วฝักยาวและอาหารที่มีโฟเลตบ่อย ๆ เพื่อช่วยให้ลูกน้อยลดความเสี่ยงโรคนี้และให้ได้รับสารอาหารอื่น ๆ เพื่อช่วยบำรุงครรภ์ค่ะ

9. ลดความเสี่ยงเป็นเกาต์

อาการเท้าบวมของโรคเกาต์นั้นมีสาเหตุมาจากการสะสมของกรดยูริคในข้อเท้าที่มากเกินไป ซึ่งจริง ๆ แล้วเราสามารถลดกรดยูริคและลดความเสี่ยงโรคเกาต์ได้ง่าย ๆ เพียงแค่ทานวิตามินซีให้มากขึ้น อ้างอิงจากการศึกษาที่พบว่าผู้ที่ทานวิตามินซีประมาณ 1,000-1,499 มิลลิกรัมเป็นประจำ สามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคเกาต์ได้ถึง 31% ฉะนั้นแค่เราทานผักผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ๆ อย่างเช่น ถั่วฝักยาวก็สามารถป้องกันโรคเกาต์ได้ง่าย ๆ แล้ว

10. มีสารต้านอนุมูลอิสระ

          ในเมื่อถั่วฝักยาวเป็นผักที่มีวิตามินซีสูง จึงมีสารต้านอนุมูลอิสระมากไปด้วยค่ะ เพราะวิตามินซีก็คือสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่ง ซึ่งจะช่วยปกป้องเซลล์ร่างกายไม่ให้ถูกสารพิษ สารเคมี อนุมูลอิสระมาทำลาย  พร้อมกับช่วยลดอาการอักเสบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในร่างกาย

11. บำรุงหัวใจให้แข็งแรง

ประโยชน์ดี ๆ ของถั่วฝักยาวยังไม่หมดค่ะ เพราะนอกจากสิ่งดี ๆ ข้างบนแล้ว ถั่วฝักยาวยังสามารถลดปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจได้ด้วย เพราะในถั่วฝักยาวอุดมไปสารอาหารมากมายที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และลดความเสี่ยงหลอดเลือดอุดตัน และบำรุงหัวใจให้แข็งแรง ห่างไกลโรคหัวใจแบบสบาย ๆ เลย

12. นำมาทำเป็นอาหารสัตว์

          นอกเหนือจากประโยชน์ต่าง ๆ ข้างบนแล้ว ถั่วฝักยาวยังนำมาทำเป็นปุ๋ยพืช เพื่อบำรุงดินและควบคุมวัชพืช แถมยังนำเมล็ด ยอด และลำต้นมาทำเป็นอาหารสัตว์ได้ด้วย เพราะถั่วฝักยาวเป็นแหล่งที่มีโปรตีนสูงนั่นเองค่ะ   

กินถั่วฝักยาว อ้วนไหม ช่วยลดน้ำหนักได้หรือเปล่า ?

ไม่ต้องกังวลไปเลยค่ะ เพราะถั่วฝักยาวเป็นผักที่มีโปรตีนเยอะแต่ไขมันน้อย แถมยังมีแคลเซียมสูง ฟอสฟอรัสสูง ไฟเบอร์ก็สูงอีกต่างหาก จึงช่วยดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ได้ดี ทำให้เราอิ่มเร็ว อิ่มนาน และเผาผลาญได้ง่ายขึ้น พร้อมกับช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีเยี่ยม ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงบอกได้ว่า การทานถั่วฝักยาวในปริมาณที่เหมาะสมนอกจากจะไม่ทำอ้วนแล้ว ยังช่วยให้เราลดน้ำหนักได้สบาย ๆ อีกนะ

ข้อควรระวังในการทานถั่วฝักยาว

          ถึงจะมีประโยชน์มากมายอย่างไร แต่หากทานถั่วฝักยาวแบบสด ๆ ดิบ ๆ หรือทานมากไปก็อาจทำให้ท้องอืดได้ เพราะในถั่วฝักยาวดิบจะมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และมีเทนอยู่มาก ซึ่งแก๊สพวกนี้ทำให้เกิดกรดเกินในกระเพาะอาหาร จนมีอาการท้องอืด แถมการทานถั่วฝักยาวดิบ ๆ ยังทำให้เราได้รับสารไกลโคโปรตีนเข้าไปเต็ม ๆ  ซึ่งสารตัวนี้สามารถทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียน และเวียนหัวได้ ส่วนใครที่เคี้ยวถั่วฝักยาวไม่ละเอียดแล้วกลืน ก็ต้องระวังว่าถั่วฝักยาวอาจจะไปอุดตันในกระเพาะอาหารและลำไส้ เพราะเป็นผักดิบที่ค่อนข้างเหนียวและแข็งค่ะ

เห็นแล้วใช่ไหมคะ ว่าถั่วฝักยาวที่เราทานนั้นอุดมสมบูรณ์ไปด้วยสารอาหาร แถมให้ประโยชน์ครบถ้วน ถือเป็นผักที่ไม่ธรรมดาอีกหนึ่งชนิดเลย แต่อย่างไรก็อย่าลืมระมัดระวังในการทานถั่วฝักยาว โดยไม่ทานถั่วฝักยาวแบบดิบ ๆ และควรทานในปริมาณที่เหมาะสมด้วยนะคะ ไม่เช่นนั้นถั่วฝักยาวอาจให้ได้โทษแทนประโยชน์ได้


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

สมุนไพรดอทคอม
ฐานข้อมูลพรรณไม้ องค์การสวนพฤกษศาสตร์
Healthvbenefits times
Nutrition and you




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2560    
Last Update : 23 สิงหาคม 2560 8:25:26 น.
Counter : 1967 Pageviews.  

เปิดตำนาน Slurpee เครื่องดื่มชนิดนี้เกิดจากความบังเอิญ !



Slurpee

เผยจุดกำเนิดของสเลอปี้ (Slurpee) เครื่องดื่มปั่นเป็นเกล็ดแสนอร่อยที่เรากินเป็นประจำซึ่งมาจากความพัง แต่กลายมาเป็นเครื่องดื่มที่ปังไปทั่วโลกได้ยังไง เรามาเผยตำนานสเลอปี้ให้แล้ว

     ตำนานอาหารและเครื่องดื่มหลายอย่างถูกลืมเลือนไปอย่างน่าเสียดาย แต่อย่างน้อยเราเชื่อว่าต้องมีสักแวบที่เราเคยนึกสงสัยขึ้นมาว่าใครเป็นคนต้นคิดเมนูโปรดของเรา หรือคนไหนกันนะที่คิดทำเครื่องดื่มสุดอร่อยชนิดนี้ขึ้นมา อย่างสเลอปี้ (Slurpee) เครื่องดื่มปั่นเป็นเกล็ดเล็ก ๆ ดื่มแล้วเย็นซ่าชื่นใจนี้ก็เช่นกัน ที่หลายคนอาจนึกสงสัยขึ้นมาว่าใครเป็นคนคิดผลิตขึ้นมา และความอร่อยนี้มีมาตั้งแต่สมัยไหน เอาเป็นว่าวันนี้เราจะพาทุกคนย้อนเวลากลับไปอ่านเรื่องราวซึ่งเป็นต้นกำเนิดของสเลอปี้แก้วโปรดกันค่ะ
Slurpee
สเลอปี้เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปลาย ๆ ปี ค.ศ. 1950 โดยฝีมือของ โอมาร์ เนดลิค เจ้าของร้าน Dairy Queen แฟรนไชส์ร้านไอศกรีมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในรัฐแคนซัส สหรัฐอเมริกา แต่ด้วยความที่เป็นช็อปร้านขายอาหารเล็ก ๆ ต้นทุนต่ำ เครื่องกดน้ำอัดลมที่ร้านจึงมักจะป่วยบ่อย ๆ กดน้ำไม่ออกบ้าง ใช้ได้บ้าง แต่ส่วนมากจะพังเป็นส่วนใหญ่ หนักเข้าโอมาร์เลยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการนำน้ำอัดลมไปแช่ในช่องแช่แข็งเพื่อหวังให้น้ำอัดลมเย็นพอจะขายให้ลูกค้าได้

แต่นั่นกลับทำให้เขาต้องเซอร์ไพร์สค่ะ เพราะน้ำอัดลมในช่องแช่แข็งไม่เพียงแต่เย็นจัดเท่านั้น แต่ยังมีความเป็นวุ้น ๆ เกล็ด ๆ ขายให้ลูกค้าคนไหนไปก็ติดใจกันเป็นแถว เลยกลายเป็นว่าที่ร้านไม่จำเป็นต้องพึ่งตู้กดน้ำอีกต่อไป แต่โอมาร์ต้องกลับมาคิดว่าจะทำตู้แช่น้ำอัดลมยังไงให้กลายเป็นเกล็ดไว ๆ เพราะในตอนนั้นน้ำอัดลมร้านของโอมาร์ขายดีหนักมากจริง ๆ

     ในตอนนั้นทุกวันหลังจากปิดร้าน โอมาร์ เลยทดลองผลิตตู้แช่แข็งของเขาไปเรื่อย ๆ โดยในช่วงแรกเขาได้นำเอาส่วนของแอร์รถยนต์มาทำเป็นตู้แช่ และลองผสมน้ำผลไม้ น้ำเปล่า และคาร์บอนไดออกไซด์เข้าด้วยกัน แล้วก็ทิ้งไว้อย่างนั้นให้ส่วนผสมทุกอย่างกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง ซึ่งในตอนนั้นน้ำปั่นของเขาก็ขายดีนะคะ และโอมาร์ก็ตั้งชื่อเครื่องดื่มชนิดนี้ว่า ICEE
Slurpee
แต่เมื่อกิจการ ICEE ดีขึ้นเรื่อย ๆ โอมาร์เลยต้องสั่งทำเครื่องปั่น ICEE ขึ้นมาเพิ่ม ซึ่งก็ได้วิศวกรจากเมืองดัลลัสออกแบบเครื่องผลิต ICEE ขึ้นมาให้ใหม่ เครื่องปั่น ICEE เลยดูดีขึ้น และเริ่มขายแฟรนไชส์เครื่องปั่น ICEE ให้ร้านสะดวกซื้อ 2-3 แห่งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1960 กระทั่งในปี ค.ศ. 1965 ความอร่อยของ Knedlik’s icees ก็ขยายแฟรนไชส์ไปแล้วประมาณ 100 ร้านค้าทั่วสหรัฐอเมริกาเลย

และเมื่อเครื่องดื่ม ICEE ฮิตไปทั้งประเทศอย่างนี้ ก็แน่นอนว่าบริษัท 7-Eleven ก็มาติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ ICEE ไป โดยมีเงื่อนไขว่าเขาจะเปลี่ยนชื่อเครื่องดื่มซะใหม่เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์ใน 7-Eleven เพียงแห่งเดียว สุดท้ายโอมาร์จึงตัดสินใจขายลิขสิทธิ์เครื่องดื่ม ICEE ให้ร้านสะดวกซื้อชื่อก้องโลกไปในปี ค.ศ. 1965 นั่นเอง
Slurpee
คราวนี้เรามาว่ากันต่อเรื่องที่มาของชื่อสเลอปี้บ้าง โดยหลังจากซื้อลิขสิทธิ์ ICEE มาแล้ว ตอนนั้นทาง 7-Eleven ก็คิดหนักกันอยู่เป็นปีค่ะว่าจะเรียกเครื่องดื่มชนิดนี้ว่าอะไรดี กระทั่ง บ็อบ สแตนฟอร์ด ผู้จัดการฝ่ายโฆษณาของ 7-Eleven ณ ตอนนั้น ปิ๊งชื่อ สเลอปี้ (Slurpee) ขึ้นมาได้ โดยไอเดียก็มาจากเสียงดูดเกล็ดน้ำแข็งขึ้นมาจากหลอดนั่นเอง สรุปว่า สเลอปี้ก็ได้ถือกำเนิดใน 7-Eleven เมื่อเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 1966 เป็นต้นมา โห...นี่ก็มีอายุกว่า 51 ปีแล้วสิเนี่ย !
Slurpee
ส่วน โอมาร์ เนดลิค ผู้ผลิตเครื่องดื่มเกล็ดหิมะในตำนานก็ได้เสียชีวิตไปเมื่อปี ค.ศ. 1989 โดยประวัติหลังจากที่เขาขาย ICEE ให้ 7-Eleven ไปก็ไม่ปรากฏชัดเจนว่าเขาไปทำอาชีพอะไรต่อนะคะ แต่อย่างไรก็ดีเราก็อยากขอบคุณไอเดียแก้ปัญหาเฉพาะหน้าของเขาจริง ๆ ที่ทำให้เรามีสเลอปี้อร่อย ๆ กินจนถึงทุกวันนี้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
todayifoundout, mentalfloss, Reader’s digest




 

Create Date : 23 สิงหาคม 2560    
Last Update : 23 สิงหาคม 2560 8:17:19 น.
Counter : 1421 Pageviews.  

เมนูข้าวผัดรสเจ็บ สีจัดจ้านเครื่องแน่นไม่จำเจ



ข้าวผัดรสเจ็บ

4. ข้าวผัดเต้าเจี้ยวหมูสับ

     อย่างที่คุ้นเคยว่าเรามักเอาเต้าเจี้ยวมาผัดกับผักบุ้งหรือไม่ก็ทำหมูผัดเต้าเจี้ยว แต่รู้ไหมนอกจากเอามาทำกับข้าวแล้วยังเอามาผัดกับข้าวได้ด้วยนะคะ ขอนำเสนอเมนูข้าวผัดเต้าเจี้ยวหมูสับ สูตรจาก อาหารง่าย ๆ สไตล์ Rita รับรองอร่อยไม่แพ้ข้าวผัดหมูเลยค่ะ แถมเพิ่มกลิ่นหอมจากใบโหระพาด้วย

ส่วนผสม ข้าวผัดเต้าเจี้ยวหมูสับ

     • กระเทียมบุบ 2-3 กลีบ
     • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
     • ก้านคะน้า 50 กรัม
     • หมูสับ 100 กรัม
     • เต้าเจี้ยว 2 ช้อนโต๊ะ
     • ซอสปรุงรส 1+1/2 ช้อนชา
     • น้ำตาลทราย 1/4 ช้อนชา
     • พริกขี้หนูแห้ง ตามชอบ
     • ข้าวสวย 200 กรัม
     • ใบโหระพา 1 กำมือ

  หมายเหตุ : เต้าเจี้ยวแต่ละยี่ห้อมีรสชาติไม่เหมือนกัน ลองใส่น้อย ๆ ดูก่อน ถ้าใส่ข้าวลงไปผัดแล้วรสยังไม่ได้ที่ค่อยเติมเต้าเจี้ยวเพิ่มทีหลังได้

วิธีทำข้าวผัดเต้าเจี้ยวหมูสับ

     1. นำกระเทียมบุบ น้ำมันพืช และก้านคะน้าลงไปผัดในกระทะ ใส่หมูสับลงไปผัดให้เข้ากัน
     2. ปรุงรสด้วยเต้าเจี้ยว ซอสปรุงรส น้ำตาลทราย และพริกขี้หนูแห้ง แล้วผัดให้เข้ากัน
     3. ใส่ข้าวสวยลงไปผัดให้เข้ากับเครื่อง จากนั้นใส่ใบโหระพาลงไปผัดให้เข้ากัน ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับไข่ดาวหรือไข่เจียว โรยต้นหอม

เคล็ดลับการทำข้าวผัดเม็ดร่วนสวย

     • ใช้ข้าวหอมมะลิแช่เย็น หลังจากนำออกมาจากตู้เย็นให้บี้เมล็ดข้าวให้แตกออกจากกัน
ถ้าไม่มีเวลานำข้าวไปแช่ในตู้เย็น ให้ตอกไข่ใส่ข้าวที่จะผัด เวลาผัดจะทำให้ข้าวเรียงเมล็ดสวย แม้จะใช้แค่เตาไฟฟ้าก็ตาม

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ข้าวผัดเต้าเจี้ยวหมูสับ เมนูจานด่วน พร้อมเคล็ดลับผัดข้าวอร่อยขั้นเทพ

+++++++++++++++++++
ข้าวผัดรสเจ็บ
6. ข้าวผัดมันกุ้ง

     จากที่เคยทำเมนูข้าวผัดกุ้งสีสันจืดชืด ลองใส่มันกุ้งให้ดูสวยงามและหอมมันบ้างดีกว่า รสชาติจัดจ้าน กินกับไข่เค็มและผักสลัด ไม่ต้องปรุงเพิ่มแค่นี้ก็อร่อยแล้ว

ส่วนผสม ข้าวผัดมันกุ้ง

     • กระเทียมสับ
     • กุ้งสด (ปอกเปลือก ผ่าหลัง ดึงเส้นดำออก)
     • น้ำพริกมันกุ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
     • ไข่ไก่ 1 ฟอง
     • ข้าวสวยหุงสุก (แช่เย็นหรือข้าวเก่า) 1 ถ้วย
     • น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
     • ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนชา
     • น้ำปลา 2 ช้อนชา
     • น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
     • น้ำมันพืช (สำหรับผัด)

วิธีทำข้าวผัดมันกุ้ง

     1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟปานกลางแล้วใส่กระเทียมลงไปผัดจนหอม
     2. ใส่กุ้งสดลงไปผัดจนเกือบสุก ใส่น้ำพริกมันกุ้งลงไปผัดให้พอเข้ากันและมีกลิ่นหอม
     3. ตอกไข่ไก่ใส่ลงไปแล้วยีให้แตกกระจายทั่วกระทะ พอไข่เริ่มสุกแล้ว ใส่ข้าวสวยหุงสุกลงไปผัดให้เข้ากัน
     4. ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย ซีอิ๊วขาว น้ำปลา และน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากันอีกครั้ง ตักใส่จาน แต่งด้วยไข่เค็ม แตงกวา มะเขือเทศ และผักสลัดให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ข้าวผัดมันกุ้ง อาหารจานเดียวจานเด็ดหอมอร่อย พลาดไม่ได้

+++++++++++++++++++
ข้าวผัดรสเจ็บ
7. ข้าวผัดโคชูจัง

     ใครชอบกินอาหารเกาหลีต้องชอบเมนูข้าวผัดจานนี้แน่นอน สูตรจาก คุณเนินน้ำ อาหารบ้าน ๆ ที่บ้านเนินน้ำ ใส่พริกโคชูจังผัดกับข้าว เติมโปรตีนจากหมูกระเทียม โปะไข่ดาวน้ำ แกล้มกับผักลวกหรือผักสลัด

ส่วนผสม ข้าวผัดโคชูจัง

     • กระเทียมสับ
     • พริกโคชูจัง
     • ข้าวสวย
     • เนื้อหมูหมัก
     • ซอสปรุงรส
     • น้ำตาลทราย
     • พริกไทยป่น
     • แตงกวาหรือผักลวก
     • ไข่ไก่ 1 ฟอง
     • น้ำเปล่า
     • น้ำมันพืชสำหรับผัด

วิธีทำข้าวผัดโคชูจัง

     1. ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย แบ่งกระเทียมลงไปเจียวให้เหลืองหอม ใส่พริกโคชูจังและข้าวสวยลงไปผัดให้เข้ากัน ตักใส่จานเตรียมไว้
     2. ทำหมูกระเทียม โดยตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย ใส่กระเทียมสับลงไปเจียวให้เหลืองหอม ใส่เนื้อหมูหมักลงไปผัดให้สุก (หมูหมักสูตรไหนก็ได้ที่ชอบค่ะ) ปรุงรสด้วยซอสปรุงรส น้ำตาลทราย และพริกไทยป่นเล็กน้อยผัดให้เข้ากัน ตักใส่จานข้าวที่เตรียมไว้
     3. ทำไข่ดาวน้ำ โดยตอกไข่ไก่ใส่ถ้วยที่เข้าไมโครเวฟได้ ใส่น้ำเปล่าเล็กน้อย ปิดปากถ้วยด้วยพลาสติกถนอมอาหาร นำเข้าไมโครเวฟประมาณ 15 วินาที แล้วแต่ว่าต้องการไข่แดงสุกประมาณไหน นำไข่ดาวออกจากถ้วย วางใส่จานข้าวผัดที่เตรียมไว้ เสิร์ฟพร้อมบรอกโคลีลวกพอสุก

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ ข้าวผัดโคชูจัง กับหมูทอดกระเทียม ข้าวผัดเกาหลีสไตล์ไทยทำง่ายอร่อยด้วย

+++++++++++++++++++




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2560    
Last Update : 21 สิงหาคม 2560 19:36:18 น.
Counter : 1333 Pageviews.  

เป็นสิวหายยาก อาจเป็นสัญญาณของ 5 โรคนี้



สิวบอกโรค

เป็นสิวที่คาง ที่แก้ม ที่หน้าผากบ่อย ๆ และค่อนข้างจะรักษายาก ทั้งที่เราก็ล่วงเลยวัยรุ่นช่วงที่ฮอร์โมนพุ่งพล่านมานานแล้ว สิวเหล่านี้ทำไมยังขึ้นบนใบหน้าอยู่อีก เชื่อไหมคะว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ

สิวเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเจอค่ะ โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นที่ฮอร์โมนในร่างกายจะเกิดการเปลี่ยนแปลง สิววัยรุ่นจึงมักจะขึ้นบริเวณทีโซน (T Zone) และมีอาการหน้ามันมากกว่าเดิมด้วย ทว่าหากโตจนทำงานแล้ว อายุ 25 ปีขึ้นไป สิวก็ยังมาทักทายไม่ยอมหายหน้าไปไหน นี่อาจเป็นสัญญาณบอกว่าร่างกายเรามีความผิดปกติเกิดขึ้นก็เป็นได้ โดยเฉพาะการที่มีสิวขึ้นร่วมกับอาการผิดปกติอื่น ๆ ดังนั้นลองมาเช็กกันค่ะว่าสิวบนใบหน้าของเรา จะบอกใบ้ปัญหาสุขภาพใดได้บ้าง
สิวบอกโรค
1. อาการ PMS

          สาว ๆ วัยที่ยังมีประจำเดือน มักจะต้องหงุดหงิดกับสิวที่ขึ้นบริเวณปลายคาง ซึ่งการเป็นสิวที่คางสามารถบ่งบอกถึงสภาวะฮอร์โมนร่างกายเราได้ว่า กำลังมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอยู่นะ และอีกไม่ช้าไม่นานประจำเดือนก็จะมาค่ะ แถมบางคนยังหงุดหงิดกับสิวไม่พอ แต่มีอาการหงุดหงิดกับทุกสิ่งที่ขวางหน้า ซึ่งก็เป็นหนึ่งในอาการ PMS นั่นเอง

สิวบอกโรค

2. โรคถุงน้ำในรังไข่ (ซีสต์ในรังไข่)


โรคถุงน้ำในรังไข่ เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนในร่างกาย และค่อนข้างน่ากังวลเพราะอาการของโรคถุงน้ำในรังไข่ไม่ค่อยจะชัดเจนสักเท่าไรค่ะ หลายคนเลยคิดว่าเป็นอาการป่วยทั่วไป เลยไม่เอะใจว่ามีโรคถุงน้ำในรังไข่ซ่อนอยู่ในร่างกาย แต่หากสาวคนไหนเป็นสิวหายยาก โดยสิวมักจะขึ้นบริเวณขากรรไกร มีผิวมัน ประจำเดือนมาไม่ปกติ อ้วนขึ้น กินจุขึ้น ขนดกขึ้น แถมรูขุมขนก็กว้าง และยังมีอาการผมร่วง นอนไม่หลับ ซึมเศร้าก็บ่อย ให้สงสัยไว้ก่อนเลยว่า อาการผิดปกติเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณของโรคถุงน้ำในรังไข่หรือโรคซีสต์ในรังไข่


สิวบอกโรค

3. โรครูขุมขนอักเสบจากเชื้อรา (Malassezia folliculitis)


          โรครูขุมขนอักเสบจากเชื้อรา หรือที่เข้าใจกันว่าสิวเชื้อรา ส่วนใหญ่มักจะเกิดผื่นเล็ก ๆ บริเวณหน้าอก แผ่นหลัง คอ ไหล่ หรือใบหน้า โดยอาการจะมีผื่นเล็ก ๆ คล้ายสิวผดขึ้นก่อน ต่อมาเมื่อมีเชื้อรามาลาสซีเซียเติบโตมากผิดปกติบริเวณรูขุมขน เชื้อราเหล่านี้จะกระตุ้นให้เกิดอาการอักเสบเป็นตุ่มแดง มีอาการคัน หรือมีตุ่มหนองร่วมด้วย ซึ่งต่างจากสิวทั่วไปที่มักจะไม่มีอาการคัน

          ทั้งนี้โรครูขุมขนอักเสบจากเชื้อรา มักจะมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน หรือการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคนี้ก็ได้แก่ เชื้อราประเภทยีสต์ในกลุ่มมาลาสซีเซียนั่นเอง ซึ่งจริง ๆ แล้วเชื้อราชนิดนี้พบได้บนผิวหนังของทุกคน ทว่าในบางคนอาจมีการเจริญเติบโตของเชื้อนี้มากผิดปกติ จนเป็นเหตุให้เกิดโรคผิวหนังหลายชนิด เช่น โรคเกลื้อน โรครังแคอักเสบ รวมทั้งโรครูขุมขนอักเสบจากเชื้อรานี้ด้วย

สิวบอกโรค

4. โรคแพ้เหงื่อตัวเอง

ในกรณีที่เป็นสิวผดแบบเป็น ๆ หาย ๆ และมักจะเป็นสิวผดหรือผื่นขึ้นตอนที่เหงื่อออก เคสนี้อาจสันนิษฐานคร่าว ๆ ได้ถึงโรคแพ้เหงื่อตัวเอง ที่จัดเป็นโรคภูมิแพ้ชนิดหนึ่ง ที่มักจะเกิดกับผู้ที่มีความไวต่อสิ่งเร้ามาก โดยเฉพาะความไวอย่างผิดปกติต่อผิวหนัง ซึ่งสามารถก่อให้เกิดอาการแพ้ได้

อย่างไรก็ดี อาการของโรคแพ้เหงื่อตัวเองอาจคล้ายมีสิวผดขึ้นตามร่างกาย หรือบริเวณที่เหงื่อออกเยอะ ทว่าผื่นที่ขึ้นบนผิวหนังนั้นเป็นผื่นจากอาการแพ้ และจะมีอาการคันมาก ร่วมกับมีผิวเป็นปื้นแดง แต่หากพบว่าผื่นคันขึ้นเป็นตุ่มใส ลักษณะคล้ายสิวอักเสบ ให้รีบปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อหาสาเหตุของโรคและวิธีรักษาที่ถูกต้องต่อไปค่ะ

สิวบอกโรค

5. อาการติดคาเฟอีนหนักมาก


          เครื่องดื่มคาเฟอีนเป็นเครื่องดื่มที่วัยทำงานอย่างเรา ๆ ขาดไม่ได้เลยทีเดียว บางคนเลยเกิดอาการติดคาเฟอีนหนักมาก ดื่มกาแฟหรือชาวันละหลายแก้ว และวันไหนไม่ดื่มก็จะมีอาการปวดหัวอึน ๆ ทำงานทำการกันไม่ได้เลยทีเดียว ทว่าเจ้าเครื่องดื่มกระตุ้นร่างกายเหล่านี้ล่ะค่ะ ที่ทำให้สิวมาเยือนใบหน้าเรา เพราะคาเฟอีนจะไปกระตุ้นให้ไตทำงานหนัก ส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนในร่างกาย แถมยังกระตุ้นการทำงานของเอสโตรเจน ฮอร์โมนที่ทำให้เกิดสิวอีกด้วย ฉะนั้นหากไม่อยากเป็นสิว และไม่อยากให้คาเฟอีนมีผลกระทบต่อสุขภาพเราอีกต่อไป พยายามลดปริมาณการบริโภคคาเฟอีนลงดีกว่านะคะ

          - วิธีเลิกกาแฟ อยากบอกลาคาเฟอีน ทำตามนี้ !

อย่างไรก็ดี สิวที่ขึ้นบนใบหน้า สิวที่คาง สิวที่แก้ม หรือสิวที่หลัง ซึ่งไม่มีอาการป่วยอื่น ๆ ร่วมด้วย กรณีนี้อาจเป็นเพราะเรารักษาความสะอาดได้ไม่ดีพอ หรืออาจเป็นเพราะการใช้เครื่องสำอางแล้วล้างออกไม่สะอาด รวมไปถึงการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาฮอร์โมนเพศชาย ยาสเตียรอยด์ ยากันชัก เป็นต้น แต่ไม่ได้บ่งบอกถึงโรคใด ๆ ได้นะคะ ฉะนั้นหากไม่มีความผิดปกติในร่างกายอื่น ๆ ร่วมด้วย วิธีรักษาสิวในเบื้องต้นก็แค่รักษาสุขอนามัยของตัวเองให้ดี ดื่มน้ำเยอะ ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ และหมั่นออกกำลังกายเท่านั้นเอง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
สำนักข่าวไทย
webmd
womenshealthmag




 

Create Date : 21 สิงหาคม 2560    
Last Update : 21 สิงหาคม 2560 19:31:45 น.
Counter : 1440 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.