ถ้าคุณมีอาการดังกล่าวข้างต้น ควรจะไปตรวจกับจักษุแพทย์ ว่าคุณเป็นโรคตาแห้งหรือไม่ โรคตาแห้งมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างไร
โรคตาแห้งทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง เพราะเมื่อใช้สายตานาน ๆ เช่น จ้องจอคอมพิวเตอร์, แท็ปเล็ต หรือเล่นโทรศัพท์ ทำให้มีอาการแสบตา ระคายเคืองตา ดูภาพไม่ชัด บางครั้งต้องกะพริบตาบ่อย ๆ โรคตาแห้ง เป็นสาเหตุทางตาที่สำคัญของ Digital Eye Strain (กลุ่มอาการจากการใช้คอมพิวเตอร์ หรือ DES)2
อาการแสบตา สู้แสงสู้ลมไม่ได้ ทำให้อยู่ในห้องที่เปิดพัดลม หรือเครื่องปรับอากาศนาน ๆ แล้วไม่สบายตา ตาแดง หรือระคายเคืองตา แสบตาเวลาขับรถ ถ้าเป็นผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ จะทำให้ระคายเคืองตาขณะใส่เลนส์ และมีโอกาสติดเชื้อที่กระจกตาได้ง่าย
โรคตาแห้งทำให้คุณภาพชีวิตลดลง โดยกลุ่มที่ตาแห้งปานกลาง มีคุณภาพชีวิตเทียบเท่ากับภาวะเจ็บหน้าอกขั้นปานกลาง (Moderate angina) ส่วนพวกที่ตาแห้งมาก ๆ อาจมีภาวะแทรกซ้อนทำให้ตาบอดได้3
น้ำตาเทียมคืออะไร มีกี่ชนิด ใช้เป็นประจำแล้วมีอันตรายหรือไม่
น้ำตาเทียมเป็นสารหล่อลื่นที่มีคุณสมบัติช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวตา ทดแทนน้ำตาตามธรรมชาติที่มีไม่เพียงพอ โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มที่มีสารกันเสีย (Preservatives) ทำให้ยามีอายุ 1 เดือนหลังเปิดใช้ และกลุ่มที่ไม่มีสารกันเสีย ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบสารละลายที่บรรจุในหลอดบรรจุขนาดเล็กที่ใช้ได้ภายใน 1 วัน
น้ำตาเทียมยังมีหลากหลายชนิดตามคุณสมบัติของสารเคมีที่เป็นส่วนประกอบ ซึ่งจะเหมาะกับภาวะตาแห้งที่มีความรุนแรงและสาเหตุที่แตกต่างกัน4
การใช้น้ำตาเทียมเป็นประจำ ไม่มีผลทำให้การหลั่งน้ำตาตามธรรมชาติลดลง แต่มีข้อจำกัดในการใช้ เช่น ถ้าเป็นชนิดที่มีสารกันเสีย ไม่ควรใช้บ่อยกว่า 4 ชั่วโมง เนื่องจากสารกันเสียอาจไปทำอันตรายผิวตา ทำให้ยิ่งใช้บ่อยยิ่งทำให้ระคายเคืองตามากขึ้น ซึ่งถ้าต้องการหยอดบ่อย ๆ ควรใช้ชนิดที่ไม่มีสารกันเสีย เนื่องจากมีความปลอดภัยแต่มักจะมีราคาแพง4
ผู้เรียบเรียงบทความ
ศาสตราจารย์ แพทย์หญิง สมสงวน อัษญคุณ
ภาควิชาจักษุวิทยา คณะแพทยศาสตร์
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่