อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ
ใช้แป้งทาจุดซ่อนเร้น เสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่จริงหรือ ?



แป้งฝุ่น
ประเด็นแป้งฝุ่นกับมะเร็งมีข้อถกเถียงกันมายาวนาน โดยเฉพาะหากใช้แป้งเด็กทาบริเวณจุดซ่อนเร้น ความเสี่ยงโรคมะเร็งรังไข่อาจถามหา ข้อมูลนี้ชัวร์ไหม เรามีคำตอบมาให้แล้ว

          เห็นข่าวหญิงป่วยมะเร็งรังไข่เพราะใช้แป้งเด็กทาจุดซ่อนเร้นมานานกว่า 10 ปี และชนะคดีเรียกค่าชดเชยจากบริษัทแป้งยี่ห้อดังได้เป็นหมื่นล้าน ทำเอาเราตกใจกับเนื้อหาของข่าวอยู่ไม่น้อยค่ะ เพราะก็แอบมีข้อสงสัยว่า การใช้แป้งเด็กทาจุดซ่อนเร้นจะเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งรังไข่ได้จริงหรือไม่ เอาเป็นว่าวันนี้เรามาเช็กข้อเท็จจริงให้กระจ่างไปพร้อมกันเลยดีกว่า

โดยต้องอธิบายให้เข้าใจตรงกันก่อนว่า แป้งฝุ่นโรยตัวและแป้งฝุ่นผัดหน้ามีส่วนประกอบหลักคือทัลค์ (Talc) หรือทัลคัม (Talcum) ซึ่งเป็นสารอนินทรีย์ มีชื่อทางเคมีคือไฮดรัส แมกนีเซียมซิลิเกต ซึ่งเป็นธาตุธรรมชาติที่มีคุณสมบัติทนความร้อน ดูดซับความชื้น ทำให้ผิวสัมผัสแห้ง เนียน ลื่น
แป้งฝุ่น
 ดังนั้นสารทัลค์จึงนิยมนำไปใช้ในหลายอุตสาหกรรมการผลิต ทั้งในกระบวนการผลิตสี สารหล่อลื่น เซรามิกกันไฟ แก้ว ผลิตภัณฑ์ขัดล้างทำความสะอาด กระดาษ ยาง ยา และเครื่องสำอาง ซึ่งในการใช้ทัลค์ผลิตเครื่องสำอางทุกชนิดนั้น จะต้องเป็นทัลค์ที่มีความบริสุทธิ์สูง ผ่านการบดและคัดแยกขนาด 0.3-75 ไมโครเมตร ไม่มีอนุภาคแข็ง ไม่มีสิ่งแปลกปลอมที่มองเห็นได้ ที่สำคัญต้องไม่พบแร่ใยหิน (Asbestos) ที่อาจเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิตทัลค์จากแหล่งหินตามธรรมชาติ เพราะจริง ๆ แล้วจากการศึกษาทำให้เราทราบว่า ทัลค์เองไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อสัตว์ทดลอง ไม่มีฤทธิ์ก่อการกลายพันธุ์ และไม่ใช่สารก่อมะเร็ง ทว่าตัวแร่ใยหินที่ปนเปื้อนมาในทัลค์นี่แหละที่เป็นสารก่อมะเร็ง
 ด้วยเหตุนี้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และกระทรวงสาธารณสุขจึงเฝ้าระวังความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์แป้งและเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของทัลค์อย่างใกล้ชิด โดยตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขก็ได้กำหนดให้แร่ใยหินเป็นวัตถุที่ห้ามใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง ซึ่งจากการตรวจสอบตัวอย่าง 40 ตัวอย่าง เมื่อปี พ.ศ. 2552-2553 และตรวจสอบ 73 ตัวอย่างในปี พ.ศ. 2557-2558 ทั้งหมดไม่พบการปนเปื้อนแร่ใยหินในแป้งฝุ่นโรยตัวแต่อย่างใด ดังนั้นประชาชนจึงสามารถใช้แป้งฝุ่นได้โดยไม่ต้องกลัวอันตราย ทว่าก็ควรใช้แป้งฝุ่นอย่างถูกวิธีด้วย ซึ่งเราจะกล่าวถึงวิธีใช้แป้งฝุ่นอย่างปลอดภัยในช่วงต่อไปค่ะ

แป้งฝุ่น

แป้งฝุ่นก่อมะเร็งจริงหรือ ?

มาถึงประเด็นแป้งฝุ่นกับมะเร็งกันบ้าง หากถามว่าแป้งฝุ่นสามารถเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งรังไข่หรือมะเร็งปอดได้จริงหรือไม่นั้น ทางอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้อธิบายไว้ว่า ทัลค์หรือไฮดรัส แมกนีเซียมซิลิเกต เป็นสารอนินทรีย์ที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ ดังนั้นหากนำไปทาจุดซ่อนเร้น แล้วเกิดการสะสมของทัลค์ในอวัยวะข้างในไปเรื่อย ๆ ก็อาจก่อให้เกิดการอักเสบ ระคายเคือง และในต่างประเทศก็มีรายงานว่าแป้งฝุ่นอาจเป็นเหตุให้เสี่ยงต่อมะเร็งรังไข่ได้

          อย่างไรก็ตาม โรคมะเร็งรังไข่เป็นโรคที่ยังหาสาเหตุได้ไม่แน่ชัด และสามารถเกิดได้จากหลายปัจจัยด้วยกัน ดังนั้นหากไม่อยากเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งรังไข่ สาว ๆ ก็ควรหลีกเลี่ยงการทาแป้งฝุ่นในบริเวณจุดซ่อนเร้นจะดีกว่านะคะ

          ส่วนประเด็นเรื่องแป้งฝุ่นกับมะเร็งปอดนั้น อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เตือนถึงการใช้แป้งฝุ่นโรยตัวเด็กโดยตรง ซึ่งอาจทำให้ละอองแป้งที่เป็นสารทัลค์เข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของเด็ก แล้วไปสะสมอยู่ในปอด ก่อให้เกิดอาการปอดอักเสบ ติดเชื้อ และเด็กบางคนอาจถึงแก่ชีวิตได้

ดังนั้นจึงอาจจะกล่าวได้ว่า แม้จะยังไม่มีผลการศึกษาที่แน่ชัดว่าแป้งฝุ่นเกี่ยวข้องกับการก่อโรคมะเร็งรังไข่และมะเร็งปอดได้ ทว่าด้วยความที่ร่างกายเราไม่สามารถย่อยสลายสารทัลค์ได้ ดังนั้นก็พยายามอย่าให้แป้งฝุ่นหลุดรอดเข้าไปยังอวัยวะภายในของร่างกาย โดยเฉพาะระบบทางเดินหายใจและอวัยวะสืบพันธุ์ เพราะอาจก่อให้เกิดการสะสมและก่อความระคายเคือง รวมไปถึงปัญหาทางสุขภาพอื่น ๆ ได้ ฉะนั้นเพื่อการใช้แป้งฝุ่นที่ปลอดภัยต่อสุขภาพ เรามาดูวิธีใช้แป้งฝุ่นอย่างถูกต้องกันค่ะ


วิธีใช้แป้งฝุ่นอย่างถูกต้อง

          1. ควรเทใส่มือในปริมาณน้อย ๆ และลูบไล้ที่มือก่อนทาบาง ๆ บนตัว
          2. ไม่ควรโรยแป้งที่ตัวโดยตรง
          3. สตรีไม่ควรโรยแป้งบริเวณจุดซ่อนเร้น

อย่างที่บอกนะคะว่าแป้งฝุ่นที่วางจำหน่ายในบ้านเราผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วว่าปลอดภัย ไม่มีสารก่อมะเร็งอย่างแร่ใยหินปนเปื้อนอยู่ แต่ทั้งนี้เราเองก็ควรใช้แป้งฝุ่นให้ถูกวิธีเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพที่ดีของเราเอง

          หรือหากใครอยากมั่นใจในความปลอดภัยมากไปกว่านั้น ปัจจุบันก็มีการผลิตแป้งที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น แป้งข้าวโพด ซึ่งเป็นสารอินทรีย์ที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ รวมทั้งแป้งข้าวเจ้าบริสุทธิ์ (Rice Starch) ที่นักวิทยาศาสตร์ของไทยได้ค้นคว้าวิจัยและผลิตขึ้นมาได้สำเร็จ ภายใต้ชื่อแบรนด์ "ไรซ์แคร์" จึงมั่นใจได้ว่า แป้งชนิดนี้จะปลอดภัย ไม่เกิดการสะสมที่ปอด ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ไม่สะสมใต้ร่มผ้า จึงลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดมะเร็งรังไข่ นอกจากนี้ยังปกป้องลูกน้อยจากผื่นคันได้ด้วย เพราะแป้งข้าวเจ้าบริสุทธิ์มีคุณสมบัติป้องกันความเปียกชื้นและการดูดซับไขมันสูงกว่าทัลคัมนั่นเอง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ช่องแห่งการเรียนรู้
เฟซบุ๊ก Fda Thai
สำนักข่าวไทย



Create Date : 28 สิงหาคม 2560
Last Update : 28 สิงหาคม 2560 16:23:13 น. 1 comments
Counter : 1244 Pageviews.

 
สวัสดีจ้ะ เราแวะมาทักทายนะ sinota ซิโนต้า Ulthera สลายไขมัน SculpSure เซลลูไลท์ ฝ้า กระ Derma Light เลเซอร์กำจัดขน กำจัดขนถาวร รูขุมขนกว้าง ทองคำ ไฮยาลูโรนิค Hyaluronic คีเลชั่น Chelation Hifu Pore Hair Removal Laser freckle dark spot cellulite SculpSure Ultherapy กำจัดไขมัน ร้อยไหม adenaa ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ สักคิ้วถาวร สักคิ้ว 6 มิติ ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 4286561 วันที่: 22 ธันวาคม 2560 เวลา:17:29:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.