อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ

เฮสนั่น ! นักตบสาวไทย เฉือนชนะจีน 3-2 เซต ศึกวอลเลย์บอลชิงแชมป์เอเชีย 2017



วอลเลย์บอล

วอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทยฟอร์มยังร้อนแรงต่อเนื่อง เอาชนะจีน 3-2 เซต ในศึกเอสเอ็มเอ็ม วอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 19

เหล่านักตบสาวไทยยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรง สำหรับการแข่งขัน เอสเอ็มเอ็ม วอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์เอเชีย ครั้งที่ 19 (SMM Asian Senior Women's Volleyball Championship) โดยในรอบแรก ไทยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถเอาชนะ มัลดีฟส์ อิหร่าน และไต้หวัน มาได้อย่างสบาย ๆ จนผ่านมาถึงรอบ 2 ซึ่งไทยอยู่ในกลุ่มเอฟ ร่วมกับ ไต้หวัน จีน และญี่ปุ่น
โดยในวันนี้ 13 สิงหาคม 2560 นักตบสาวไทยจะลงสนามอีกครั้งในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มรอบ 2 พบกับจีน เวลา 14.00 น. 

เปิดด้วยเซตแรก สู้กันอย่างสูสี ไล่บี้กันมาอย่างไม่ลดละ แต่สุดท้ายนักตบสาวไทยก็เอาชนะไปได้ด้วยคะแนน 25-22 จากนั้นในเซตที่ 2 ทีมตบสาวไทย ยังโชว์ฟอร์มได้ดี แต่ก็ถูกจีนตีตื้นขึ้นมา ก่อนตีเสมอได้เป็น 1-1 เซต ด้วยคะแนน 25-22 ส่วนเซตที่สาม สาวไทยสามารถเอาชนะด้วยคะแนน 25-16 ทำให้ขึ้นนำ 2-1 เซต
วอลเลย์บอล
วอลเลย์บอล
มาถึงเซตที่สี่ยังคงสู้กันอย่างดุเดือด ก่อนที่จีนจะพลิกขึ้นมาเอาชนะด้วยคะแนน 25-23 ตีเสมอที่ 2-2 เซต

สุดท้ายเซตที่ห้า ถือเป็นเซตตัดสินที่สาวไทยจะพลาดไม่ได้อีกแล้ว โดยเล่นกันเพียง 15 แต้ม ซึ่งเปิดเกมมาอย่างสูสีอีกแล้ว ก่อนที่ไทยจะเอาชนะจีนไปด้วยคะแนน 15-12 ปิดท้ายที่ 3-2 เซต
วอลเลย์บอล




 

Create Date : 13 สิงหาคม 2560    
Last Update : 13 สิงหาคม 2560 17:56:00 น.
Counter : 1122 Pageviews.  

9 ที่เที่ยวชลบุรีเด็ด ๆ ชวนไปหลงเสน่ห์ที่น้อยคนจะรู้จัก



ที่เที่ยวชลบุรี

ที่เที่ยวชลบุรี ที่นักท่องเที่ยวน้อยคนจะรู้จัก สัมผัสแหล่งท่องเที่ยวชลบุรีที่ดีนอกเหนือจากทะเล เต็มอิ่มกับแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสวย ๆ และศาสนสถานสำคัญ ที่เราอยากแนะนำให้คุณได้รู้จัก

          "วันหยุดนี้ไปเที่ยวชลบุรีกัน" หลายคนเมื่อได้ยินประโยคนี้แอบทำหน้าเอียนกันเป็นแถว ๆ เพราะในใจคิดว่าไปชลบุรี ก็ต้องวนไปเที่ยวแต่ที่เดิม ๆ แน่นอน ไม่เที่ยวทะเล ก็ทานอาหารทะเล แต่เดี๋ยวก่อน ! วางความคิดพวกนี้ลงก่อน เพราะจริง ๆ แล้วชลบุรียังมีที่เที่ยวที่น่าสนใจและยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวอยู่อีกเพียบ วันนี้เราจะพาไปสัมผัสกับที่เที่ยวชลบุรี กันในอีกแง่มุมหนึ่ง รับรองความประทับใจแบบเต็มสิบอย่างแน่นอน
1. น้ำตกอ่างช้างน้ำ


ที่เที่ยวชลบุรี
ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอบ้านบึง มีลักษณะเป็นน้ำตกขนาดเล็ก ประกอบด้วยทั้งหมด 9 ชั้น แวดล้อมด้วยธรรมชาติป่าเขาที่สมบูรณ์ โดยนักท่องเที่ยวจะพบเจอกับสิ่งมีชีวิตที่หลากหลาย อย่างสัตว์จำพวกผีเสื้อและแมลงชนิดต่าง ๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงระบบนิเวศที่สมบูรณ์ เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวที่เหมาะกับการพาครอบครัวมาเที่ยวพักผ่อน แถมการเดินทางก็สะดวก อีกทั้งปลอดภัย เพราะอยู่ในความดูแลของหน่วยพิทักษ์ป่าอ่างช้างน้ำ

2. น้ำตกชันตาเถร

ที่เที่ยวชลบุรี

ที่เที่ยวชลบุรี

ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลบางพระ อำเภอศรีราชา นับเป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ที่มีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาเล่นน้ำคลายร้อน ประกอบด้วยชั้นน้ำตกทั้งหมด 6 ชั้น ได้แก่ ชั้นเนินตาเถร แอ่งตาเถร หุบตาเถร ชันตาเถร สี่หลั่น และชั้นเดี่ยว โดยตลอดเส้นทางเดินของน้ำตก จะมีเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาเขียว-เขาชมภู่ คอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยอย่างเต็มที่

3. ทุ่งปอเทืองบ้านไร่ชายเขา

ที่เที่ยวชลบุรี
ที่เที่ยวชลบุรี

ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลหนองรี และกำลังออกดอกเหลืองอร่ามเต็มพื้นที่กว่า 10 ไร่ เป็นที่ถูกตาต้องใจนักท่องเที่ยวให้แวะเวียนเข้ามาถ่ายรูปกันไม่ขาดสาย แถมยังมีมุมถ่ายรูปสวย ๆ ให้เลือกถ่ายอีกเพียบ โดยปอเทืองจะบานนับจากนี้ไปอีกเป็นระยะเวลาประมาณหนึ่งถึงสองสัปดาห์ (จนถึงช่วงกลางเดือนสิงหาคม 2560) โดยเสียค่าเข้าชมคนละ 20 บาท งานนี้ใครอยากถ่ายรูปคู่กับดอกไม้สวย ๆ เห็นทีว่าต้องรีบกันหน่อยแล้ว

4. หัตถกรรมถิ่นไทย

แหล่งท่องเที่ยวเชิงปฏิบัติธรรม ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลตะเคียนเตี้ย อำเภอบางละมุง จัดสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้ร่วมปฏิบัติธรรมเพื่อความเป็นสิริมงคล ภายในแบ่งออกเป็นโซนต่าง ๆ เช่น ถ้ำจระเข้, เทวาลัยพระพิฆเนศวร, ถ้ำศูนย์ศิลปาชีพ, ซุ้มผ้าไหม และซุ้มเจ้ากรุงบาดาล เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งปฏิบัติธรรมสำหรับผู้ที่สนใจใฝ่ธรรมะ ให้ได้ศึกษาหาความรู้และฝึกสมาธิอีกด้วย

5. อ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร

ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลเกาะจันทร์ อำเภอเกาะจันทร์ เป็นหนึ่งในโครงการอ่างเก็บน้ำในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำสำหรับการเพาะปลูก อุปโภคและบริโภค นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเดินทางมายังบริเวณจุดชมวิว เพื่อเก็บภาพบรรยากาศสวยงามของเขื่อนในมุมกว้าง หรือไม่เราก็จะเห็นนักท่องเที่ยวบางส่วนเลือกที่จะปั่นจักรยานชิล ๆ หรือไม่ก็นั่งตกปลา เพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ ถือได้ว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัว

6. วัดพระพุทธบาทเขานางนม

ที่เที่ยวชลบุรี

ที่เที่ยวชลบุรี
ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลท่าบุญมี อำเภอเกาะจันทร์ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางมานมัสการรอยพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งประดิษฐานอยู่บนยอดเขานางนม นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาท โดยขึ้นบันไดประมาณ 10-20 นาที ทั้งนี้บนยอดเขายังเป็นจุดชมวิว ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถมองเห็นวิวอ่างเก็บน้ำคลองหลวง รัชชโลทร ได้อีกด้วย

7. หาดวงศ์อมาตย์

เป็นชายหาดตั้งอยู่ติดกับหาดพัทยาเหนือ ต่างตรงที่บรรยากาศที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า ด้วยเพราะหาดวงศ์อมาตย์ไม่มีถนนเลียบชายหาด ไม่มีแนวเตียงผ้าใบ ไม่มีร้านขายของริมหาด นักท่องเที่ยวที่นี่จึงไม่ค่อยพลุกพล่าน จึงเหมาะกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการความเป็นส่วนตัว เหมาะอย่างมากสำหรับการมาเที่ยวพักผ่อนในช่วงวันหยุดหรือเทศกาลต่าง ๆ

8. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาชีโอน

ที่เที่ยวชลบุรี

ที่เที่ยวชลบุรี

ตั้งอยู่บริเวณป่าเขาชีโอน จากอดีตเป็นพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม และได้รับการพัฒนากลายเป็นพื้นที่ป่าที่สมบูรณ์ รวมถึงเป็นแหล่งวิจัยและเพาะพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อปล่อยสัตว์กลับคืนสู่ป่า จนสามารถขยายพันธุ์ได้เองตามธรรมชาติ ปัจจุบันเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ามาศึกษาธรรมชาติและพฤติกรรมของสัตว์ป่า ทั้งนี้จะมีเจ้าหน้าที่คอยทำหน้าที่อำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขาชีโอน โทรศัพท์ 038 311 234

9. Parody Art Museum Pattaya

ที่เที่ยวชลบุรี

ที่เที่ยวชลบุรี

พิพิธภัณฑ์กลางคืนซึ่งมีเนื้อหาเป็นการล้อเลียนงานศิลปะแห่งแรกของโลก โดยการนำเอาภาพวาดในยุคเก่าที่มีชื่อเสียง มาผสมผสานเข้ากับงานยุคใหม่ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินเยี่ยมชมการจัดแสดงงานในสวน ที่ล้อมรอบด้วยธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีในส่วนของอาคารที่ไว้จัดแสดงภาพงานแนวคลาสสิกและโมเดิร์นอาร์ต บอกเลยว่าที่นี่เหมาะเป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวในช่วงวันหยุดพักผ่อนแบบสบาย ๆ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 033 047 103 หรือ เฟซบุ๊ก Parody Art Museum Pattaya - พาโรดี้ อาร์ท มิวเซียมและ เว็บไซต์ parodyartmuseum.com

โอ้โห ! ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าชลบุรีจะมีที่เที่ยวดี ๆ ซ่อนอยู่อีกเพียบเลย ต่อไปนี้ใครมาเที่ยวชลบุรีแล้วจะมาเที่ยวแต่ทะเล เห็นทีว่างานนี้เหมือนจะมาเที่ยวชลบุรีไม่ครบสูตร วันหยุดที่จะถึงนี้จูงมือเพื่อน คนรัก และครอบครัว มาเที่ยวชลบุรีกันอีกสักรอบ รับรองว่าได้รับความสุขและความสนุกกลับบ้านไปเต็ม ๆ

หมายเหตุ : ข้อมูลอาจมีการเปลี่ยนแปลงกรุณาตรวจสอบอีกครั้ง ข้อมูล ณ วันที่ 8 สิงหาคม 2560

ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
เฟซบุ๊ก Sarayuth Bunrueng, เฟซบุ๊ก Weerayuth Chonburi‎, เฟซบุ๊ก ตำนานพระรถเมรี, เฟซบุ๊ก ลุงเอ๋พาเที่ยว, เฟซบุ๊ก Parody Art Museum Pattaya - พาโรดี้ อาร์ท มิวเซียม, เว็บไซต์ parodyartmuseum.com, thai.tourismthailand.org




 

Create Date : 12 สิงหาคม 2560    
Last Update : 12 สิงหาคม 2560 8:24:10 น.
Counter : 2254 Pageviews.  

สูตรพานาคอตต้า เมนูขนมหวานเนื้อเนียนอร่อยได้ตามสไตล์



พานาคอตต้า

 แจกสูตรขนมหวานเย็นฉ่ำที่ใครก็อยากหม่ำมาเสิร์ฟกับสูตรพานาคอตต้า เนื้อนุ่มเด้งดึ๋งกับความอร่อยหลากสไตล์ ทำง่าย ๆ ฟินทุกคำ ถ้าไม่เชื่อลองเลย

     เอ่ยถึงพานาคอตต้า ของหวานสไตล์อิตาเลียนหลายคนคิดว่าทำยาก หรือถ้าซื้อกินก็ราคาแพงมาก ! ขอบอกว่าง่ายกว่าที่คิดเยอะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำเมนูพานาคอตต้า ยกตัวอย่างเช่น พานาคอตต้ามะม่วง พานาคอตต้าสตรอว์เบอร์รี พานาคอตต้าช็อกโกแลต และเมนูพานาคอตต้าอื่น ๆ อีกเพียบ เลือกที่ชอบแล้วเข้าครัวกัน
พานาคอตต้า
 พานาคอตต้าสตรอว์เบอร์รี

     สาว ๆ ที่กำลังมองหาเมนูพานาคอตต้าสำหรับกินยามบ่าย ขอนำเสนอพานาคอตต้าสตรอว์เบอร์รี สูตรจาก คุณเนินน้ำ สีคัลเลอร์ฟูลรสเปรี้ยวอมหวาน กินง่ายไม่เลี่ยน

ส่วนผสม พานาคอตต้าสตรอว์เบอร์รี

     • เจลาตินชนิดแผ่น 4 แผ่น (ขนาด 4.5x2.5 นิ้ว)
     • วิปปิ้งครีม 1+1/2 ถ้วย
     • นมสด 1/2 ถ้วย
     • น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย
     • ฝักวานิลลา 1 ฝัก
     • สตรอว์เบอร์รี และใบสะระแหน่สำหรับตกแต่ง

ส่วนผสม ซอสเยลลี่สตรอว์เบอร์รี

     • สตรอว์เบอร์รีเพียวเร่ 1/2 ถ้วย (ทำมาจากสตรอว์เบอร์รีแช่แข็งปั่นจนเหลว)
     • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
     • เจลาติน 2 แผ่น
     • น้ำมะนาว ตามชอบ

วิธีทำพานาคอตต้าสตรอว์เบอร์รี

     1. แช่เจลาตินในน้ำเย็นจัด นานประมาณ 5-10 นาที จนนุ่ม
     2. ใส่วิปปิ้งครีมและนมสดลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง พอนมเริ่มร้อน ใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลายหมด ใส่แผ่นเจลาตินที่นุ่มแล้วลงไป (ก่อนใส่เจลาตินให้บีบน้ำออกพอหมาด) คนผสมจนเจลาตินละลายเป็นเนื้อเดียวกับครีม (ถ้าละลายไม่หมดจะทำให้เนื้อพานาคอตต้าไม่เนียนนุ่ม) ปิดไฟ ใส่เมล็ดวานิลลา
     3. ทำซอสเยลลี่สตรอว์เบอร์รี โดยนำสตรอว์เบอร์รีเพียวเร่ ใส่ลงในหม้อตั้งไฟพอร้อน ใส่น้ำตาลทรายลงไปคนให้ละลาย ใส่น้ำมะนาว และเจลาตินที่แช่น้ำจนนุ่มแล้ว ลงไปในหม้อ คนผสมให้เข้ากัน พักไว้จนหายร้อน
     4. ตักพานาคอตต้าไว้ด้านล่าง นำเข้าแช่ช่องแช่แข็งประมาณ 30 นาที เมื่อเซตตัวแล้วจึงนำออกมาใส่เยลลี่สตรอว์เบอร์รี แล้วนำเข้าแช่ตู้เย็นอีกครั้ง เมื่อเซตตัวดีแล้วตกแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รี และใบสะระแหน่

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ พานาคอตต้าสตรอว์เบอร์รี ขนมหวานสีสันสดใส

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+
พานาคอตต้า
พานาคอตต้ามะพร้าว

     พานาคอตต้าใส่นมสดกินบ่อยจนเอียนแล้ว ลองเปลี่ยนสไตล์เป็นพานาคอตต้ามะพร้าว ใส่กะทิแทนนมสด รสชาติหอมหวานมัน ท็อปด้วยซอสถั่วคาราเมล

ส่วนผสม พานาคอตต้ามะพร้าว

     • น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย + 3 ช้อนชา
     • ผงเจลาติน 2 ช้อนชา
     • น้ำมันพืช สำหรับทาถ้วย
     • กะทิ 400 กรัม
     • เฮฟวี่ครีม 1 ถ้วย
     • น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
     • เกลือป่น

ส่วนผสม ซอสถั่วคาราเมล

     • น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย
     • น้ำเย็น 3-4 ช้อนชา
     • ถั่วลิสงอบเกลือบดหยาบ

วิธีทำพานาคอตต้ามะพร้าว

     1. ใส่น้ำเปล่าลงในถ้วย ใส่ผงเจลาตินลงไป คนผสมจนเข้ากัน พักทิ้งไว้ 2 นาที
     2. ทาน้ำมันพืชลงในถ้วย 8 ใบ เตรียมไว้
     3. ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่กะทิ เฮฟวี่ครีม น้ำตาลทราย และเกลือป่น คนผสมจนร้อน ไม่ต้องเดือด ใส่ส่วนผสมเจลาตินลงไป คนผสมจนละลายเข้ากัน
     4. เทใส่ถ้วยที่เตรียมไว้ คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร นำไปแช่เย็นอย่างต่ำ 4 ชั่วโมงหรือ 12 ชั่วโมงจนเซตตัว
     5. ทำซอสถั่วคาราเมล โดยตั้งกระทะใช้ความร้อนปานกลาง ใส่น้ำตาลทรายกับน้ำเปล่า เคี่ยวประมาณ 5-10 นาทีหรือจนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลคาราเมล ปิดไฟ ใส่ถั่วลงไปคนผสมอย่างรวดเร็ว เทลงบนถาดฟอยล์ พักไว้ให้เย็น
     6. จัดเสิร์ฟ โดยใช้มีดแซะรอบ ๆ พานาคอตต้า จัดลงในจานเสิร์ฟ โรยซอสถั่วคาราเมลลงไป

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ leitesculinaria.com

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

พานาคอตต้า
ภาพจาก theprettyblog.com

4. พานาคอตต้าเสาวรสโยเกิร์ต

     เสาวรสกินเพียว ๆ เปรี้ยวเข็ดฟัน ลองเอามาแปลงร่างทำเป็นเมนูพานาคอตต้าเสาวรสโยเกิร์ต ขนมหวานหอมกลิ่นเสาวรส ทำให้คนพิเศษกันเลยจ้า

ส่วนผสม พานาคอตต้าเสาวรส

     • ผงเจลาติน 10 กรัม
     • น้ำเย็น 1/2 ถ้วย
     • เนื้อเสาวรส 1/2 ถ้วย
     • น้ำตาลทราย 100 กรัม
     • กรีกโยเกิร์ต 3 ถ้วย

วิธีทำพานาคอตต้าเสาวรส

     1. คนผสมผงเจลาตินกับน้ำเย็น พักทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาที
     2. ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่เนื้อเสาวรสกับน้ำตาลทรายลงไป คนผสมจนน้ำตาลละลาย ลดเป็นไฟต่ำ ใส่ส่วนผสมเจลาตินลงไป คนผสมจนเจลาตินละลาย อย่าให้เดือด
     3. เทลงกรองในตะแกรง ใส่กรีกโยเกิร์ตลงไปคนผสมให้เข้ากัน เทลงในถ้วยเสิร์ฟ นำไปแช่เย็นประมาณ 1 ชั่วโมงหรือจนเซตตัว 

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ theprettyblog.com

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

พานาคอตต้า
ภาพจาก chewtown.com

5. พานาคอตต้าเสาวรสและมินต์


     พานาคอตต้าเสาวรสกินยากเกินไป ใส่ใบมินต์เพิ่มกลิ่นหอมหน่อยดีไหม ขอนำเสนอพานาคอตต้าเสาวรสและมินต์ ขนมอร่อย ๆ เสิร์ฟในเปลือกเสาวรสดูน่ารักดีจัง

ส่วนผสม พานาคอตต้าเสาวรสและมินต์

     • เนื้อเสาวรส 100 กรัม (เก็บเปลือกเอาไว้ทำเป็นถ้วย)
     • ครีมสด 300 มิลลิลิตร
     • นมสด 250 มิลลิลิตร
     • น้ำตาลทราย 100 กรัม
     • ใบมินต์ 6 ใบ
     • เจลาติน 2 แผ่น
     • น้ำเย็น (สำหรับแช่เจลาติน)
     • เนื้อเสาวรสสำหรับแต่ง

วิธีทำพานาคอตต้าเสาวรสและมินต์

     1. ใส่เนื้อเสาวรสลงในกระทะใช้ไฟปานกลาง รอจนเดือดนำออกมากรองเอาแต่เนื้อ
     2. ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่ครีม นมสด น้ำตาลทราย และใบมินต์ รอจนเดือด พักไว้
     3. เทน้ำเย็นแช่แผ่นเจลาติน ประมาณ 5 นาทีหรือจนนิ่ม เทใส่ส่วนผสมครีม และใส่ส่วนผสมเสาวรสลงไป คนผสมจนเข้ากัน เทส่วนผสมกรองผ่านตะแกรง
     4. เทลงในเปลือกเสาวรสที่เตรียมไว้ คลุมด้วยพลาสติกถนอมอาหาร นำไปแช่เย็นประมาณ 6 ชั่วโมงหรือจนเซตตัว ก่อนเสิร์ฟท็อปด้วยเนื้อเสาวรส

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ chewtown.com

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

พานาคอตต้า
ภาพจาก thecrumbycupcake.com

6. พานาคอตต้ามอคค่า


     ใครชอบกินกาแฟขอนำเสนอนี่เลยพานาคอตต้ามอคค่า เนื้อพานาคอตต้าหอมกลิ่นกาแฟ เพิ่มความหวานเข้มจากช็อกโกแลต หน้าตาดูดีน่าหม่ำ

ส่วนผสม ครีมช็อกโกแลต

     • เฮฟวี่ครีม 1+1/4 ถ้วย
     • ดาร์กช็อกโกแลตสับ 1/2 ถ้วย
     • น้ำผึ้ง 1+1/2 ถ้วย
     • ผงโกโก้ 1/3 ถ้วย
     • เหล้าคาลัวร์ 2 ช้อนชา (เหล้าหวานกลิ่นกาแฟ)

ส่วนผสม เอสเปรสโซพานาคอตตา

     • นมสด 1/2 ถ้วย
     • ผงเจลาติน 2 ช้อนชา
     • เฮฟวี่ครีม 1+1/4 ถ้วย
     • ผงเอสเปรสโซ 1+1/2 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำตาลทรายแดง 1/2 ถ้วย
     • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา

ส่วนผสม ช็อกโกแลตกานาช

     • เฮฟวี่ครีม 1/2 ถ้วย
     • ดาร์กช็อกโกแลตสับ 1/2 ถ้วย

ส่วนผสม ครีมมาสคาร์โปน

     • เฮฟวี่ครีม 1/2 ถ้วย
     • มาสคาร์โปนชีส 1/4 ถ้วย
     • น้ำตาลไอซิ่ง 2 ช้อนโต๊ะ
     • กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
     • เมล็ดกาแฟ

วิธีทำพานาคอตต้ามอคค่า

     1. ทำครีมช็อกโกแลต โดยใส่เฮฟวี่ครีม ดาร์กช็อกโกแลต และน้ำผึ้งลงในกระทะใช้ไฟปานกลาง คนผสมจนเนื้อเนียน ใส่ผงโกโก้และคาลัวร์ลงไป คนผสมจนเข้ากัน เทลงไปให้สวยงาม (ในสูตรเอียงแก้วแล้วค่อยเทลงไป) นำไปแช่เย็น ประมาณ 2-3 ชั่วโมงหรือจนเซตตัว
     2. ทำเอสเปรสโซพานาคอตตา โดยแบ่งนมสด 1/4 ถ้วย ใส่ลงในชามเล็ก และใส่น้ำร้อนลงในชามใหญ่ เทผงเจลาตินลงไป เติมนมสดที่เหลือลงไป คนผสมจนเจลาตินละลาย
     3. ตั้งกระทะใช้ความร้อนต่ำ ใส่นมสดที่แบ่งไว้ลงไป ตามด้วยเฮฟวี่ครีม ผงกาแฟ และน้ำตาล รอจนเดือด เคี่ยวต่ออีก 5 นาที ปิดไฟ ใส่กลิ่นวานิลลากับส่วนผสมเจลาตินลงไป คนผสมจนเข้ากัน พักทิ้งไว้จนเย็น เทใส่บนส่วนผสมครีมช็อกโกแลต นำไปแช่เย็นประมาณ 4 ชั่วโมงหรือจนเซตตัว
     4. ทำช็อกโกแลตกานาช โดยนำเฮฟวี่ครีมกับดาร์กช็อกโกแลตไปตุ๋นจนละลายเป็นเนื้อเดียวกัน หรือนำไปเข้าไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที แล้วนำออกมาคนผสมจนเข้ากัน เทใส่แก้วพานาคอตตาที่เซตตัวแล้ว
     5. ทำครีมมาสคาร์โปน โดยตีผสมส่วนผสมทุกอย่างจนตั้งยอด ตักหยอดลงไปด้านบนของถ้วยพานาคอตตา แต่งด้วยเมล็ดกาแฟ พร้อมเสิร์ฟ

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ thecrumbycupcake.com

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+


ภาพจาก poornimastastytreats

7. พานาคอตต้าช็อกโกแลต

     พานาคอตต้าสีขาวเห็นบ่อยก็เบื่อ ลองเปลี่ยนไอเดียทำพานาคอตต้าช็อกโกแลต เนื้อสีน้ำตาลเข้มจากช็อกโกแลต ใครชอบรสหวานใส่น้ำตาลเพิ่มก็ได้นะคะ

ส่วนผสม พานาคอตต้าช็อกโกแลต

     • นมสด 3/4 ถ้วย
     • ฝักวานิลลา 1 ฝัก
     • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
     • ผงเจลาติน 2 ช้อนชา
     • น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับแช่เจลาติน)
     • ดาร์กช็อกโกแลต 130 กรัม
     • ครีม 2+1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำพานาคอตต้าช็อกโกแลต

     1. ใส่น้ำลงไปแช่กับผงเจลาติน คนผสมจนเข้ากัน พักทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
     2. ใส่นมลงในหม้อใช้ไฟปานกลาง ใส่ฝักวานิลลากับเมล็ดวานิลลาลงไป ตามด้วยส่วนผสมเจลาตินกับเกลือ คนผสมจนเกลือละลาย ปิดไฟ ตักฝักวานิลลาออก
     3. นำดาร์กช็อกโกแลตไปตุ๋น คนผสมจนเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่ส่วนผสมนมสดร้อนลงไป คนผสมจนเข้ากัน ใส่ครีมลงไป คนผสมจนเข้ากันอีกครั้ง พักทิ้งไว้จนเย็น เทใส่ลงในถ้วยเสิร์ฟ นำแช่เย็นประมาณ 4 ชั่วโมง หรือจนเซตตัว

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ poornimastastytreats

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

พานาคอตต้า
ภาพจาก millennielle.com

8. พานาคอตต้าชาเขียว

     ผงชาเขียวนอกจากเอามาชงเครื่องดื่มชาเขียวแล้วยังเอามาทำขนมได้ด้วยนะคะ นี่เลยลองแบ่งเอามาทำพานาคอตต้าชาเขียว เนื้อสีเขียวหอมกลิ่นชาอ่อน ๆ กินกับผลไม้สดรสเปรี้ยวก็เข้ากันดีจ้า

ส่วนผสม พานาคอตต้าชาเขียว

     • ผงชาเขียว 1 ช้อนโต๊ะ
     • น้ำร้อน 1/4 ถ้วย
     • กะทิ หรือนมมะพร้าว 400 มิลลิลิตร
     • น้ำผึ้ง
     • ผงเจลาติน 1 ห่อ
     • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
     • ใบมินต์
     • ราสป์เบอร์รี
     • วิปครีม

วิธีทำพานาคอตต้าชาเขียว

     1. ใส่ผงชาเขียวลงไปละลายในน้ำร้อน คนผสมจนเข้ากัน
     2. ใส่กะทิลงในกระทะใช้ไฟปานกลาง เติมกลิ่นวานิลลากับน้ำผึ้ง รอจนเดือด ปิดไฟ ใส่น้ำชาเขียวและส่วนผสมเจลาตินลงไป คนผสมจนเข้ากัน
     3. เทใส่ลงในถ้วย นำแช่เย็นประมาณ 4 ชั่วโมง แต่งด้วยวิปครีม ราสป์เบอร์รี และใบมินต์

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ millennielle.com

+-+-+-+-+-+-+-+-+-+

พานาคอตต้า
ภาพจาก loveandoliveoil.com

9. พานาคอตต้าเลมอน


     ยามบ่ายอยากกินขนมหวานคลายง่วงขอนำเสนอพานาคอตต้าเลมอน เนื้อพานาคอตต้าตัดรสเปรี้ยวจากเยลลี่เลมอน ทำเยอะ ๆ แบ่งกินได้ทั้งครอบครัวเลยค่ะ

ส่วนผสม พานาคอตต้า

     • ผงเจลาติน 2 ช้อนชา
     • น้ำเย็น 1/4 ถ้วย
     • นมสด 1 ถ้วย
     • ครีม 3/4 ถ้วย
     • น้ำตาลทราย 1/3 ถ้วย
     • กลิ่นวานิลลา 1/2 ช้อนชา

ส่วนผสม เยลลี่เลมอน

     • ผงเจลาติน 1+1/2 ช้อนชา
     • น้ำเย็น 1/4 ถ้วย
     • น้ำเลมอน 1/3 ถ้วย
     • เนื้อเสาวรส 2 ช้อนโต๊ะ
     • โซดา (Club Soda) 1 กระป๋อง (ขนาด 12 ออนซ์)
     • น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
     • เชอร์รีสด 8 ลูก

วิธีทำพานาคอตต้าเลมอน

     1. ใส่น้ำเย็นผสมกับผงเจลาติน คนจนเข้ากัน พักทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
     2. วางถ้วยประมาณ 8 แก้วลงในพิมพ์มัฟฟิน เอียงประมาณ 45 องศา เตรียมไว้
     3. ตั้งกระทะใช้ความร้อนปานกลาง คนผสมนมสด ครีม และน้ำตาลทราย พอนมเริ่มอุ่นและน้ำตาลละลาย ปิดไฟ
     4. นำส่วนผสมเจลาตินเข้าไมโครเวฟประมาณ 5-8 วินาที นำออกมาคนผสมจนเข้ากัน เทใส่ลงในส่วนผสมนมอุ่น คนผสมจนเข้ากัน เทใส่ลงในแก้วที่เตรียมไว้ นำไปแช่เย็นประมาณ 6 ชั่วโมงหรือข้ามคืน
     5. ทำส่วนผสมเยลลี่เลมอน โดยคนผสมเจลาตินกับน้ำเย็นเข้าด้วยกัน พักทิ้งไว้ประมาณ 5 นาที
     6. ตั้งกระทะใช้ไฟปานกลาง ใส่น้ำเลมอน เนื้อเสาวรส โซดา 3/4 ถ้วย และน้ำตาลทราย คนผสมจนน้ำตาลละลายและส่วนผสมอุ่น ปิดไฟ
     7. นำส่วนผสมเจลาตินเข้าไมโครเวฟประมาณ 5-8 วินาที ใส่ส่วนผสมเลมอนอุ่นลงไป พักทิ้งไว้ประมาณ 45 นาทีถึง 1 ชั่วโมง หรือจนอุ่น
     8. นำถ้วยพานาคอตต้าที่แช่เย็นไว้ออกมา เทส่วนผสมเยลลี่เลมอนใส่ลงไป นำเข้าแช่เย็นประมาณ 1.30-2 ชั่วโมง หรือจนเซตตัว
     9. ก่อนเสิร์ฟแต่งด้วยเชอร์รี

     + ดูวิธีทำเพิ่มเติมได้ที่ loveandoliveoil.com

ว้าว ! ต่อไปนี้ไม่ต้องไปหาซื้อพานาคอตต้าแล้วล่ะ มาทำเองง่ายกว่าเยอะ จะทำเป็นพานาคอตต้าชาเขียวก็ได้ หรือพานาคอตต้าช็อกโกแลตก็ดี เพื่อน ๆ ชอบสูตรไหนก็ไปซื้อส่วนผสมกันเลยจ้า




 

Create Date : 12 สิงหาคม 2560    
Last Update : 12 สิงหาคม 2560 8:21:44 น.
Counter : 4641 Pageviews.  

10 สัญญาณเช็กอาการไขมันพอกตับ พร้อมเคล็ดลับป้องกันไขมันเกาะตับ



ไขมันพอกตับ

ภาวะไขมันพอกตับ ที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน ลองมาเช็กอาการที่พอจะสังเกตได้ว่าเรามีไขมันเกาะตับ พร้อมวิธีป้องกันไขมันพอกตับด้วยตัวเอง

ตับเป็นอวัยวะที่สำคัญและมีบทบาทสูงมากในการรักษาชีวิตให้เป็นปกติ กล่าวคือตับจะคอยทำหน้าที่คัดกรองสารต่าง ๆ ในร่างกาย และปรับสภาพให้เหมาะสมสำหรับการใช้งานในแต่ละอวัยวะ รวมทั้งเป็นแหล่งเก็บสะสมพลังงานสำรองของร่างกายด้วย ซึ่งหากอวัยวะเช่นตับมีความผิดปกติไป ก็แน่นอนค่ะว่าคงส่งผลร้ายต่อร่างกายเราแน่ ๆ

อย่างภาวะไขมันพอกตับนี่ก็เช่นกัน ซึ่งปัจจุบันพบได้บ่อยในเกือบจะทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะในคนอ้วน เป็นเบาหวาน และความดันโลหิตสูง คนที่ดื่มสุราเป็นประจำ ผู้ที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบบี ซี หรือจากภูมิแพ้ กลุ่มคนที่ได้รับยาบางอย่าง เช่น ยาสเตียรอยด์ ยาต้านการอักเสบ หรือยาลดไขมันในเลือด เป็นต้น รวมไปถึงในกลุ่มคนที่ขาดสารอาหารก็มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดไขมันพอกตับ เนื่องจากตับถูกยับยั้งการทำงานเพราะยาที่กินบ้าง หรือในกลุ่มคนที่ขาดอาหารหรือดื่มสุรา ไขมันจากเนื้อเยื่อก็จะถ่ายโอนมาเก็บไว้ที่ตับเพื่อใช้เป็นพลังงาน ซึ่งหากตับแปรรูปไขมันที่ถูกส่งมาไม่ทัน ก็จะเกิดการสะสมไขมันขึ้นมาในตับ กลายเป็นภาวะไขมันพอกตับในที่สุด

อ่านมาถึงตรงนี้ก็ชักเสียวสันหลังอยู่หน่อย ๆ ว่าเราอาจจะตกอยู่ในกลุ่มเสี่ยงมีไขมันพอกตับ งั้นมาเช็กกันค่ะว่า ไขมันเกาะตับ อาการเป็นอย่างไรบ้าง
ไขมันพอกตับ
ไขมันพอกตับ อาการเป็นอย่างไร

ภาวะไขมันเกาะตับร้ายมาก ๆ ค่ะ ที่ต้องบอกว่าร้ายเพราะอาการของภาวะนี้ไม่ค่อยแสดงออกอย่างชัดเจน มีการดำเนินโรคยาวนานเป็นสิบปี จะตรวจพบว่ามีไขมันพอกตับก็ต่อเมื่อไปตรวจสุขภาพ เจาะเลือดแล้วพบค่าเอนไซม์ตับผิดปกติไป ทว่าถึงกระนั้นผู้ป่วยภาวะไขมันพอกตับอาจมีอาการไม่จำเพาะดังต่อไปนี้ให้พอเอะใจได้อยู่บ้าง

1. อ่อนเพลียง่าย

2. เบื่ออาหาร

3. ปวดแน่นบริเวณใต้ชายโครงขวา

4. ท้องอืด ท้องเฟ้อ

5. ท้องผูกหรือท้องเสียเป็นประจำ

6. คลื่นไส้ อาเจียน

7. น้ำหนักตัวลดอย่างรวดเร็ว

8. สีผิวบริเวณท้ายทอย รักแร้ และข้อพับดำคล้ำ หรือมีสีผิวไม่สม่ำเสมอ

9. ตัวเหลือง ตาเหลือง คล้ายอาการดีซ่าน

10. ในรายที่มีไขมันพอกตับเนื่องจากฤทธิ์ของสุรา อาจสังเกตตัวเองได้ว่าหลังจากดื่มสุราไปสักพัก จะเกิดอาการไม่สบายกาย เช่น ปวดท้องบริเวณใต้ชายโครงขวาหนักมาก คลื่นไส้ อาเจียน อึดอัด แน่นท้อง ซึ่งหากเกิดอาการแบบนี้ทุกครั้งที่ดื่มแอลกอฮอล์ ก็พอจะเดาได้ว่าอาจเสี่ยงภาวะไขันพอกตับเกือบจะ 100%

อย่างไรก็ดี เราสามารถป้องกันภาวะไขนพอกตับได้ด้วยตัวเราเองนะคะ โดยวิธีดังต่อไปนี้เลย

วิธีป้องกันไขมันพอกตับ

1. รับประทานอาหารทุกมื้อ ไม่อดมื้อใดมื้อหนึ่ง โดยเน้นหลัก หนักเช้า เบาเที่ยง เลี่ยงเย็น คือกินมื้อเย็นให้น้อยกว่ามื้ออื่น ๆ

2. ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่อ้วนจนเกินไป

ไขมันพอกตับ

3. หากอ้วนควรลดน้ำหนักอย่างถูกวิธี โดยลดน้ำหนักลงประมาณ 1-2 กิโลกรัมต่อเดือน

4. พยายามหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น น้ำหวาน น้ำอัดลม น้ำผลไม้บรรจุกล่อง

5. ลดการบริโภคไขมันอิ่มตัว เช่น ไขมันจากสัตว์ เนย กะทิ น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม

6. ลดพฤติกรรมกินจุบกินจิบ โดยเฉพาะพวกขนมขบเคี้ยว

7. หลีกเลี่ยงการกินอาหารเค็มจัด มันจัด เปรี้ยวจัด หรือหวานจัด แต่ควรกินอาหารรสชาติกลาง ๆ

8. กินผัก-ผลไม้ให้มากขึ้น

ไขมันพอกตับ

9. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวัละ 30 นาที

10. พยายามไม่ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด รวมทั้งบุหรี่ด้วย

11. หลีกเลี่ยงการใช้ยาโดยไม่จำเป็น โดยเฉพาะอาหารเสริม

ไขมันพอกตับ

12. สำหรับคนอ้วน โดยเฉพาะอ้วนลงพุง ควรรักษาระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติมากที่สุด กล่าวคือ ระดับน้ำตาลในเลือดควรน้อยกว่า 120 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร และระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ควรน้อยกว่า 160 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร

13. ตรวจเลือดเป็นประจำ อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุเกิน 35 ปี

14. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยต้องหลับให้ได้ 5-6 ชั่วโมงต่อวัน

อย่างที่บอกว่าภาวะไขมันพอกตับเป็นภัยเงียบ มักไม่แสดงอาการกระโตกกระตากให้เราได้ทราบล่วงหน้าก่อน ดังนั้นการป้องกันโรคนี้ที่ดีที่สุดคือพยายามดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้ดี หากอ้วนก็ลดน้ำหนักให้สำเร็จ เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ รวมถึงหมั่นตรวจสุขภาพประจำปีด้วยก็ดีค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก
, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ , คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, โรงพยาบาลลำปาง, webmd, healthline, mayoclinic




 

Create Date : 12 สิงหาคม 2560    
Last Update : 12 สิงหาคม 2560 8:14:36 น.
Counter : 1323 Pageviews.  

8 เคล็ดลับควรรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์



แบตเตอรี่รถยนต์

 8 เคล็ดลับควรรู้เกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์ เมื่อไรควรได้เวลาเปลี่ยนและเลือกแบตเตอรี่อย่างไรให้เหมาะสมกับรถ เรื่องง่าย ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องรอจนกว่ารถจะสตาร์ทไม่ติดเพราะแบตเตอรี่เสื่อม ซึ่งเป็นอะไรที่วุ่นวาย เสียเวลาและน่าหงุดหงิดกว่ามาก
   คงไม่ใช่เรื่องสนุกแน่ถ้ารถคันเก่งเกิดสตาร์ทไม่ติดเพราะแบตเตอรี่หมดอายุโดยที่ไม่ได้เตรียมใจไว้ล่วงหน้า และเดาได้เลยว่าชีวิตวันนั้นจะพังและวุ่นวายมากแค่ไหน ซึ่งอาจรวมถึงค่าใช้จ่ายที่ตามมาแบบคาดไม่ถึงเพียงเพราะแบตเตอรี่ลูกเดียวเท่านั้น แต่ปัญหาทุกอย่างนั้นหลีกเลี่ยงได้ด้วยเคล็ดลับในการเลือกและดูแลรักษาแบตเตอรี่รถยนต์เบื้องต้นแบบง่าย ๆ ที่จะทำให้ใช้รถได้อย่างมั่นใจ ไม่ต้องคอยวุ่นวายกับปัญหาแบตเตอรี่
แบตเตอรี่รถยนต์
1. ไม่จำเป็นต้องรอให้แบตเตอรี่เสื่อมจนสตาร์ทไม่ติด

          ควรเอาใจใส่และเปลี่ยนแบตเตอรี่ตามระยะเวลาที่กำหนดโดยไม่ต้องรอ ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าเป็นแบตเตอรี่แบบเปียก (มีช่องกลม ๆ ไว้เปิดเติมน้ำกลั่นได้เองและต้องได้รับการดูแลสม่ำเสมอ) หรือแบบกึ่งแห้ง (ส่วนใหญ่จะถูกซีลปิดไว้ไม่เห็นช่องเติมน้ำกลั่นแบบนี้ไม่ต้องการการดูแลมากนัก) มักจะมีอายุการใช้งานเฉลี่ยไม่เกิน 2-3 ปี แต่ถ้าเป็นแบตเตอรี่แบบแห้งที่มีราคาสูงมากจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าเท่าตัวหรืออาจมากกว่านั้น ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งานและการดูแลรักษา โดยทุกครั้งเมื่อเราเปลี่ยนแบตเตอรี่ร้านค้าจะทำสัญลักษณ์ไว้ที่แบตเตอรี่เพื่อระบุระยะเวลาเริ่มการรับประกัน ซึ่งสามารถเอาไว้ดูได้ด้วยว่าแบตเตอรี่จะถึงระยะเวลาที่ต้องเปลี่ยนเมื่อไร

2. ตรวจสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำ

          ถึงแม้ปัจจุบันแบตเตอรี่รถยนต์บางประเภทอาจไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลเลยตลอดอายุการใช้งาน (Maintenance Free) แต่เราแนะนำว่าถ้ามีโอกาสควรตรวจเช็กสภาพแบตเตอรี่เป็นประจำอย่างน้อยทุก ๆ สองปี โดยเฉพาะเมืองไทยที่มีสภาพอากาศร้อนแทบจะตลอดทั้งปี (แบตเตอรี่ทุกแบบกลัวร้อนทั้งสิ้นและความร้อนส่งผลให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น) ทั้งนี้หากรถเริ่มมีอาการสตาร์ทเอื่อย ๆ หรือระบบไฟทั้งหมดให้ความสว่างน้อยลงจากปกติ แบตเตอรี่อาจมีกำลังไฟน้อยควรตรวจสอบโดยด่วนว่ามาจากสาเหตุใด และถึงแม้ว่ารถยนต์จะสามารถการพ่วงแบตเตอรี่ได้แต่มักจะมีผลเสียต่อรถยนต์และยังเป็นอันตรายไม่มากก็น้อยแม้จะทำอย่างถูกวิธีก็ตาม

แบตเตอรี่รถยนต์

3. เลือกแบตเตอรี่ที่มีขนาดพอดีกับรถ

          ทุกครั้งที่เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่โดยเฉพาะเมื่อให้ร้านนำมาเปลี่ยนให้ ควรตรวจสอบหรือย้ำให้แน่ใจว่าแบตเตอรี่ใหม่นั้นมีขนาดที่ถูกต้องและสามารถวางได้พอดีกับฐานแบตเตอรี่รถของคุณ โดยดูได้จากคู่มือประจำรถหรือสอบถามจากร้านที่จำหน่ายได้โดยตรง หรือถ้ายังไม่แน่ใจให้ระบุย้ำไปเลยว่านำมาใช้กับรถยี่ห้อ-รุ่นปีอะไรเพื่อความถูกต้อง

4. เลือกความจุแบตเตอรี่ให้เหมาะสม

          ถ้าเป็นรถเดิม ๆ ตามสเปคจากโรงงานนั้นแทบจะไม่มีอะไรยุ่งยากสำหรับการเลือกเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ เราสามารถยึดตามของเดิมได้เลย (ถ้าไม่แน่ใจว่าเดิมให้เช็กจากคู่มือประจำรถ) และไม่ควรลดขนาดความจุของแบตเตอรี่ (หรือแอมป์) ลงโดยเด็ดขาด เพราะผู้ผลิตรถยนต์นั้นคำนวณแอมป์ที่เหมาะสมกับการใช้งานของรถยนต์รุ่นนั้น ๆ ไว้แล้ว อีกทั้งยังไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้มีแอมป์สูงเกินไปกว่าที่ผู้ผลิตกำหนดให้สิ้นเปลืองหากไม่ได้ติดตั้งอุปกรณ์พิเศษเพิ่มเติม เช่น เครื่องเสียงหรืออุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่น ๆ ซึ่งหากมีสามารถเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่มีขนาดแอมป์สูงขึ้นได้ (ขึ้นอยู่กับว่าจัดมาชุดใหญ่แค่ไหน) และสิ่งที่ต้องระวังคือแบตเตอรี่แอมป์สูงๆ มักจะมีขนาดใหญ่ขึ้นตามไปด้วยจึงต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าฐานของแบตเตอรี่เดิมนั้นสามารถรองรับได้ด้วยหรือไม่

5. เลือกแบตเตอรี่ที่ให้กำลังสตาร์ทเพียงพอ

          กำลังสตาร์ทที่ว่าจะถูกระบุด้วยค่า CCA (Cold-Cranking Amps) ซึ่งเป็นคนละค่ากับขนาดความจุของแบตเตอรี่ (Ah หรือแอมแปร์-ชั่วโมง) ที่ไว้จ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในรถยนต์ เพราะจะเป็นค่าที่บอกว่าแบตเตอรี่ลูกนั้นมีความสามารถในการจ่ายไฟเพื่อให้มอเตอร์สตาร์ทดึงไฟไปใช้ในการสตาร์ทเครื่องยนต์ (ซึ่งจะเป็นแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ) ได้แค่ไหน ซึ่งเครื่องยนต์แต่ละขนาดต้องการค่า CCA ไม่เท่ากัน ยิ่งเครื่องยนต์ที่มีขนาดความจุมากก็ต้องการค่า CCA มากตามไปด้วย อย่างไรก็ตามค่า CCA ของแบตเตอรี่แต่ละยี่ห้ออาจใช้มาตรฐานในการวัดต่างกันซึ่งมีทั้ง SAE, EA, IEC และ DIN ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต เพราะฉะนั้นจะดูค่า CCA เฉพาะตัวเลขอย่างเดียวอาจผิดพลาดได้และควรต้องดูทั้งหมดว่าตัวเลขที่ระบุนั้นใช้มาตรฐานใดวัด แต่ไม่ว่าจะใช้มาตรฐานใดค่า CCA ไม่ควรต่ำกว่าที่ผู้ผลิตรถยนต์กำหนดไว้

แบตเตอรี่รถยนต์

6. เลือกแบตเตอรี่ที่ผลิตใหม่เสมอ

          แบตเตอรี่ใหม่ที่ยังไม่ถูกจำหน่ายและใช้งานก็สามารถเสื่อมคุณภาพลงได้เช่นกัน ดังนั้นเพื่อให้ได้แบตเตอรี่ใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดควรเลือกแบตเตอรี่ที่ผลิตไว้ไม่เกิน 6 เดือน โดยจะมีรหัสเฉพาะระบุไว้และไม่ได้ซับซ้อนขนาด Davinci Code ซึ่งอาจใช้ตัวเลขและตัวอักษรแทน วัน/เดือน/ปี ที่ผลิต แค่อาจแตกต่างกันไปตามแต่ละยี่ห้อ เช่น อักษรแทนเดือน ตัวเลขแทนปี เป็นต้น เพราะยิ่งแบตเตอรี่ถูกเก็บไว้นานจะยิ่งมีความชื้นในตะกั่วเยอะ ชาร์จไฟยาก และถ้าลูกค้ารีบคนขายอยากขายไม่ได้ถูกชาร์จไฟให้แบตเตอรี่จนเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์ ก่อนนำมาใช้งาน ก็จะยิ่งส่งผลให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ลูกนั้นสั้นลงโดยที่เราไม่รู้ตัว

7. ควรรีไซเคิลแบตเตอรี่เก่า

          แบตเตอรี่เก่ามีค่าและนำไปรีไซเคิลได้ ร้านค้าที่จำหน่ายแบตเตอรี่มักจะรับเทิร์นแบตเตอรี่เก่าอยู่แล้วโดยส่วนใหญ่จะนำไปลดราคาแบตเตอรี่ลูกใหม่ให้เลย ดังนั้นอย่าลืมสอบถามว่าแบตเตอรี่ลูกใหม่ราคาเท่าไรและราคาดังกล่าวหักค่าเทิร์นแบตเตอรี่เก่าไปแล้วหรือยัง หากไม่แน่ใจลองสอบถามเปรียบเทียบราคาจากร้านอื่น ๆ ก่อนตัดสินใจก็ได้ถ้าสะดวก (ถ้าไม่รอจนแบตเตอรี่เสื่อมก็มีเวลาให้เลือกเยอะ)

แบตเตอรี่รถยนต์

8. เปรียบเทียบการรับประกัน

          เป็นอีกข้อที่สำคัญมาก ๆ และไม่ควรมองข้ามสำหรับการเลือกแบตเตอรี่ใหม่ก็คือเราควรตรวจสอบการรับประกันแบตเตอรี่ของทางร้านค้าที่ซื้อทุกครั้ง เพราะอาจระบุระยะเวลารับประกันต่างกัน ซึ่งโดยปกติแล้วแบตเตอรี่รถยนต์จะมีระยะเวลารับประกันตั้งแต่ 1 ปี ไปจนถึง 2 ปี แล้วแต่ยี่ห้อของแบตเตอรี่ และนอกจากระยะเวลารับประกันแล้วควรสอบถามรายละเอียดหรือเงื่อนไขการรับประกันด้วยว่าครอบคลุมหรือไม่ครอบคลุมอะไรบ้างอย่างละเอียดให้เข้าใจ เพราะจะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกันทีหลังให้เสียเวลา เสียอารมณ์หากเกิดปัญหา แต่หลัก ๆ แล้วเงื่อนไขการรับประกันของแต่ละยี่ห้อนั้นมักจะคล้ายกัน

ทั้งหมดเป็นเคล็ดลับและแนวทางในการเลือกแบตเตอรี่รถยนต์เบื้องต้นโดยไม่ต้องรอให้ปัญหาเกิดขึ้นซึ่งวุ่นวาย เสียเวลา อันตรายรวมถึงอาจมีค่าใช้จ่ายมากกว่าที่คิด และที่สำคัญของถูกและดีย่อมไม่มีในโลก

ข้อมูลจาก : consumerreports.org




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2560    
Last Update : 11 สิงหาคม 2560 8:32:28 น.
Counter : 1845 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.