###### รีวิว Sapporo Petit Donut และ มาการอง Antoinette สิงคโปร์ ######



สวัสดีค่าา







หลังจากรีวิวทริปสิงคโปร์ไปแล้วดังนี้








สำหรับวันนี้จะรีวิวของกินเล่น ณ สิงคโปร์กันบ้างนะคะ เผื่อใครไปแล้วอยากหาอะไรมากกว่าการ์เร็ตต์ป๊อปคอร์น (ฮา) โดยเอนทรี่นี้ก็จะมีสองอย่างด้วยกันที่จะมารีวิวนะคะ นั่นก็คือ Sapporo Petit Donut และ มาการองของร้าน Antoinette สิงคโปร์ค่ะ ซึ่งสองร้านนี้ไม่ได้อยู่ห้างเดียวกันนะฮับ แต่ก็ไม่ได้ไกลกันมากค่ะ และยังคงเป็นหนึ่งในเอนทรี่ทลายไหดองของเราหละนะคะ แหะๆ เพราะที่ไปหม่ำนี่ก็นานเป็นปีแล้วค่ะ เง่ออออออ (รูปบางรูปจะถ่ายด้วยไอโฟนสี่เอสนะคะ คิดดูว่านานแค่ไหน บางรูปก็ OMD ค่ะ เอาเป็นว่ารูปไหนสภาพดูเหียกๆ ก็ไอโฟนแหละค่ะ แหะๆ)


กล่าวคือ Sapporo Petit Donut จะอยู่หน้าซุปเปอร์ของห้างทากาชิยาม่าเลยค่ะ ตามภาพเลยนะคะ








ตัวเลือกของโดนัทที่มีให้ ก็ตามภาพเลยค่ะ มีทั้งส้มและมะนาว (รู้สึกว่าจะเป็นรสออกใหม่ ณ ตอนนั้น) ครีมชีส มันฝรั่งหวานโอกินาว่า โดยราคาก็จะอยู่ที่ 8 ชิ้น สี่เหรียญกว่าๆ (ก็ร้อยกว่าบาทอะค่ะ) แล้วก็ไล่เสต็ปตามภาพเลยนะคะ












วันนั้นก็ซื้อมาลองหม่ำแบบแปดชิ้นหละค่ะ แหะๆ

ซึ่งตัวลักษณะของโดนัทก็จะมีรูปร่างต่างๆ กันนะคะ ตัวแป้งโดนัทก็..ไม่ได้โดดเด่นอะไร

ตัวไส้ จำได้ว่าไส้ครีมชีส หรือส้มมะนาวเนี่ยหละค่ะที่อร่อย นอกนั้นก็..เฉยๆ ค่ะ 

แต่ถ้าใครอยากได้ขนมเป็นรูปเมอไลอ้อนที่ไม่ใช่ช็อกโกแลต จะซื้อเจ้านี่ไปฝากก็ได้นะคะ

แต่รสชาติ..ธรรมดาค่ะ 









ต่อไปจะเป็นของที่เราเชียร์ค่ะ อิอิ

สำหรับมาการอง ปกติถ้าในไทยเราจะชอบของดาราเทวีน่ะนะคะ

เพราะตัวเนื้อสัมผัสมันโอเคมาก กรอบนอก ในก็นุ่มแน่นกำลังดี ไม่ร่วนโปร่งเกินไป ไม่แน่นเกินไป หลายไส้ก็อร่อย และกลิ่นหลายตัวก็หอมค่ะ

และเราก็ไปประทับใจมาการองอีกครั้งกับเจ้านี้ค่ะ แม้จะได้กินแค่ชิ้นเดียว (เพราะแพงมาก ฮา) แต่ประทับใจมาก ยังคิดเลยว่า..น่าจะซื้อมามากกว่านี้ค่ะ เสียดายอย่างแรง 

ที่ตั้งจะอยู่ที่ห้างที่อยู๋ติดกับโรงแรมแมนดารินออร์ชาร์ดเลยค่ะ (ค่ะ..ยังไม่ได้ทำรีวิวรร.นี้และอีกหลายรร.ที่ต่างประเทศค่ะ แงๆ) รู้สึกว่าจะชื่อ Mandarin Gallery นะคะ แต่จำไม่ได้จริงๆ ว่าอยู่ชั้นไหน แต่ไม่ใช่กราวด์ฟลอร์แน่นอนค่ะ ลองเอาชื่อร้านไปสอบถามคนที่ห้างละกันนะคะ (ตอนนั้นเราก็ทำงี้แหละ แหะๆ) 

ที่จริงร้านนี้ไม่ได้แค่เป็นร้านขายเพสตรี้หรือขนมต่างๆ นะคะ แต่เป็นร้านอาหารด้วย แต่เนื่องด้วยเรามีเวลาจำกัดน่ะค่ะ เลยไม่ได้ลองกินอย่างอื่นเน้อ






My Pleasureeeeeeeeee (กรุณาทำเสียงเหมือนกอลั่ม)

ราคา...ชิ้นละ 2.80 เหรียญค่ะ ก็ชิ้นละแปดสิบบาทเอ๊งงงง Smiley








สารภาพค่ะว่าจำไม่ได้แล้วว่าเลือกรสชาติอะไรมาง่ะ แต่หน้าตาประมาณนี้นะคะ







สำหรับรสชาตินะคะ อย่างที่บอกว่า เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่กินแล้วประทับใจค่ะ

รสชาติไม่หวานมาก (สำหรับรสนี้นะคะ) ตัวผิวสัมผัสกรอบแน่นกำลังดี อร่อยค่ะ นึกแล้วก็อยากกินอีก








โดยสรุปนะคะ สำหรับตัวเปอติ๊ดโดนัท เราเฉยๆ นะคะ ส่วนมาการองของเจ้านี้เราว่าโอเคเลยค่ะ คิดว่าถ้าไปสิงคโปร์รอบหน้าจะลองไปกินอย่างอื่นและมาการองรสอื่นเพิ่มหละ แฮ่...



ปฏิทินธรรม




วันศุกร์ที่ 1 มกราคม 2559 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่)

1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต (เดือนนี้งานทอดกฐินด้วยค่ะ)
ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37
เวลา 06.30-10.30 น.


ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่
//www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447



วันอาทิตย์ที่ 3 มกราคม 2559

1. งานไถ่ชีวิตโคกระบือ ทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน
ณ. วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพฯ
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.614964165213890.1073741836.335629013147408/540852169291757/





วันเสาร์ที่ 2 มกราคม 2559

1. ตักบาตรพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น วัดพุทธบูชา (ทุกวันเสาร์แรกของเดือน)




วันศุกร์ถึงจันทร์ที่ 8 - 11 มกราคม 2559

1. เชิญศิษยานุศิษย์ ร่วมงานสวดลักขี บวชชีหมื่นคน ฉลอง 8 รอบ 96 ปี พระธรรมมงคลญาณ (หลวงพ่อวิริยังค์ สิรินฺธโร)
ณ วัดธรรมมงคลเถาบุญญนนท์วิหาร กทม
https://www.facebook.com/dhammongkol/photos/a.935308836485635.1073741884.898956400120879/1231885460161303/?type=3&theater




วันเสาร์ที่ 9 มกราคม 2559

1. ทำบุญทอดผ้าป่าสามัคคี 15 วัด ต้อนรับปีใหม่

ณ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ กม 10 ถนนรามอินทรา เขตคันนายาว กรุงเทพฯ
https://www.facebook.com/bogboon/photos/a.335848433125466.75888.335629013147408/1014540071922962/?type=3&theater




วันอาทิตย์ที่ 10 มกราคม 2559 

1. เรียนเชิญร่วมหล่อรูปเหมือนหลวงปู่เขียน ที่โรงหล่อพระยงค์เจริญการช่าง เวลาประมาณ 12.30 น.

https://www.facebook.com/Vacharadham/posts/942330692483376



วันอาทิตย์ที่ 10 และ 24 มกราคม 2559 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน)

1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14
กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น.

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่
https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts




วันพฤหัสที่ 14 -17 มกราคม 2559

1. งานปฏิบัติธรรมอาจาริยบูชา ประจำปี 2559 ณ วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี

https://www.facebook.com/watpah/photos/a.171604383005330.1073741829.171500479682387/524205424411889/?type=3&theater


วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม 2559

1. ทอดผ้าป่าสร้างวัดป่าฐานสโมบูชา วัดเพื่อดูแลพระภิกษุอาพาธ ตามดำริของพ่อแม่ครูอาจารย์ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง เวลา 13.00 น.

ณ ศาลาหลวงพ่อทรงธรรม วัดอโศการาม จ.สมุทรปราการ
https://www.facebook.com/watasokaram.org/photos/a.368766819863212.83919.368757619864132/980256925380862/?type=3&theater


2. ฟังเทศน์และปฏิบัติธรรม โดย พระภาวนาเขมคุณ วิ. (หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี) อบรมปฏิบัติธรรม 

ที่บ้านจิตสบาย ตั้งแต่เวลา 15.00 น. - 16.30 น. 

ณ ศาลาไตรสิกขา บ้านจิตสบาย พุทธมณฑลสาย 2

การเดินทาง
1. เข้าทางด้านถนนกาญจนภิเษก จุดสังเกตหลัก คือ สมาคมชาวปักษ์ใต้ (ตรงข้ามเนติบัณฑิตฯ)
2. มาจากถนนบรมราชชนนี เลี้ยวเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 2
เข้าสู่ถนนสุขาภิบาลบางระมาด (ห่างจากถนนพุทธมณฑลสาย 2 ประมาณ 150 เมตร)
3. มาจากถนนเพชรเกษม เลี้ยวเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 2
เข้าสู่ถนนสุขาภิบาลบางระมาด (ห่างจากถนนพุทธมณฑลสาย 2 ประมาณ 150 เมตร)

รถประจำทางที่ผ่าน  สาย 123, ปอ.พ.79

www.jitsabuy.com



วันพุธที่ 20-24 มกราคม 2559

1. มุทิตาสักการะอายุวัฒนะครบ 68 ปี พระครูกิตติอุดมญาณ ( หลวงปู่ไม อินทสิริ )

ณ วัดป่าเขาภูหลวง อ.วังน้ำ เขียว จ. นครราชสีมา
https://www.facebook.com/sitluangpormai/photos/a.274785615909640.79461.182216791833190/945069428881252/?type=3&theater



วันเสาร์ที่ 23 มกราคม 2559 (จัดทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน)

1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร สดับธรรม พระเถระวัดป่ากรรมฐาน เมตตารับบาตร โดย


เว็บไซต์บ้านอารีย์
//www.baanaree.net




วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม 2559
1. ครบรอบ "ชาตกาล 110 ปี " พระสุทธิธรรมรังสีคัมภีรเมธาจารย์ (ท่านพ่อลี ธมฺมธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดอโศการาม
ร่วมสร้างสำนักนักปฏิบัติธรรมอุดมทรัพย์ (สาขาวัดอโศการาม) บนพื้นที่ดินของวัด
ณ วิหารวิสุทธิธรรมรังสี วัดอโศการาม

https://www.facebook.com/1504442856498896/photos/a.1504455789830936.1073741827.1504442856498896/1673220412954472/?type=3&theater














ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ

1,469,696+3000226=4469922/11989/1044




 

Create Date : 19 มกราคม 2559    
Last Update : 19 มกราคม 2559 8:38:51 น.
Counter : 8449 Pageviews.  

* + * + * + * + * รีวิวมาเก๊าตอนที่แปด - พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านไทปา * + * + * + * + *





สวัสดีค่ะ


หลังจากพาทุกท่านไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ของมาเก๊าดังนี้


ป้อมปราการเกีย (คลิกเพื่ออ่าน)

วัดเจ้าแม่กวนอิม (คลิกเพื่ออ่าน)

พิพิธภัณฑ์กรังด์ปรีซ์และพิพิธภัณฑ์ไวน์(คลิกเพื่ออ่าน)

หม่ำที่ Restaurante Platao (คลิกเพื่ออ่าน)

ทาร์ตไข่ท่านลอร์ดและโบสถ์โคโลอาน (คลิกเพื่ออ่าน)

ดูโชว์ที่คาสิโน City of Dreams (คลิกเพื่ออ่าน)

และถนนสายอาหาร ณ ไทปา โจ๊กปู และไอศกรีม (คลิกเพื่ออ่าน)






วันนี้จะพาไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านไทปากันนะคะ ความเดิมจากตอนที่แล้ว หลังจากกินไอศกรีมตรงร้านที่อยู่ใกล้ๆ กับศาลาซึ่งเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของถนนสายอาหารนี้แล้ว ให้ศาลาอยู่ทางซ้ายมือนะคะก็จะเห็นบันไดข้างๆ ร้านค้าเล็กๆ ทางขวามือตามลูกศรนะคะ เดินขึ้นไปเลยค่ะ




















ก็จะเจอถนนแบบนี้ ให้เดินขึ้นไปตามถนนทางขวามือนะคะ



















ก็จะเจอโบสถ์แม่พระคาเมล (Our Lady of Carmel Church) อย่างนี้ทางขวามือค่ะ




















มองไปทาง 11 นาฬิกา (ถ้าให้โบสถ์อยู่ 3 นาฬิกา) ก็จะเจอบันไดทางลงไปยังพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านไทปาแล้วค่ะ




















กำลังเดินลงไปก็เห็นเค้ากำลังถ่ายรูปแต่งงานกันอยู่เลยค่ะ หุๆ
(หน้าพิพิธภัณฑ์นี้เค้าบอกว่าเป็นถนนสายโรแมนติกกันค่ะ)




















ลงมาด้านล่าง หันหลังให้บันไดที่เดินมาเมื่อกี๊ ทางซ้ายมือจะเห็นอาคารเรียงรายกันอยู่แบบนี้ 5 หลังนะคะ



















ส่วนทางขวามือ ป้อมเล็กๆ นี่คือที่ขายตั๋วเข้าชมค่ะ (บันไดเขียวๆ นี่คือที่เดินลงมาจากโบสถ์แหละค่ะ)




















ราคาค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ที่นี่คนละ 5 เหรียญค่ะ (เปิด 10.00-18.00 น. ปิดวันจันทร์ วันอังคารเข้าชมฟรี)



















บ้านหลังแรกเรียกว่า Mancanese House แสดงความเป็นอยู่ข้าราชการโปรตุเกสที่เข้ามาปกครองมาเก๊าค่ะ (บ้านหลังเล็กๆ ไม่ใหญ่มากนักนะคะ แต่จัดบ้านสวยดี)


โซนด้านล่างนี่น่าจะเป็นห้องกินข้าวกับห้องรับแขกค่ะ























มีห้องทำงาน (ซึ่งมีทั้งชั้นหนังสือและเปียโนอยู่ด้วย)



















บนโต๊ะทำงานมีหีบเล็กๆ อยู่ด้วยค่ะ ไม่แน่ใจว่าเป็นที่ใส่อะไรนะคะ



















และห้องครัวค่ะ (มีเตารีดด้วย สงสัยจังว่ามาอยู่ในห้องครัวทำไม หรือเป็นเพราะต้องใช้ถ่านจากเตาทำอาหาร ก็เลยเอาเตารีดมาไว้ในครัวซะเลย?)


















ห้องน้ำที่นี่ค่ะ ชักโครกยังเป็นแบบถังอยู่สูงมากๆ อยู่เลย (ห้องน้ำนี่ถ้าจำไม่ผิดอยู่ชั้นบนแล้วค่ะ)

เอิ่ม...ว่าแต่ เค้าเอาโต๊ะมาทำอะไรในห้องน้ำเหรอคะ? หรือเอาไว้วางอาหาร เย้ยยยย




















แล้วก็ห้องนอนค่ะ มีทั้งห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่ค่ะ



















ส่วนภาพนี้จำไม่ได้แล้วว่าถ่ายมานี่เป็นของบ้านหลังแรกหรือหลังที่สอง

ดูปีแล้วก็..บ้านอายุเกือบร้อยปีแล้วนะคะนี่



















อาคารหลังที่สอง เป็นการแสดงประวัติและความเป็นอยู่บางส่วนของมาเก๊าค่ะ
มีชั้นเดียวนะคะ ไม่มีอะไรมากนัก แหะๆ























อาคารหลังที่สามเป็นอาคารแสดงพวกเครื่องแต่งกายของชาวโปรตุเกสค่ะ




























ส่วนอาคารหลังที่สี่เป็นงานแสดงภาพถ่ายของคุณ Ma Chi Son นะคะ ซึ่งเข้าชมได้ฟรีค่ะ (ส่วนใหญ่จะเป็นภาพดอกไม้นะคะ)


วันนั้นอาคารหลังที่ห้าปิดค่ะ เลยไม่รู้ว่าเป็นอาคารอะไรนะคะ


























หลังจากนั้นเราก็เดินกลับมาเกือบทางเดิมค่ะ


กล่าวคือ แทนที่จะเดินเลาะข้างโบสถ์ฯ เราก็เลี้ยวขวาไปข้างๆ อาคารเสาโรมันเพื่อไปเข้าห้องน้ำแทน ซึ่งตรงทางเดินลงห้องน้ำนี่เอง เราสามารถเดินลงต่อไปยังถนนข้างล่างได้ พอเจอถนนปุ๊บ ก็เลี้ยวซ้าย เดินไปเรื่อยๆ ก็จะไปเจอทางเข้าถนนสายอาหารทางเข้าที่สอง (ที่มีศาลา) ค่ะ ซึ่งตรงเยื้องๆ กับทางเข้าตรงนี้ จะมีป้ายรถเมล์ด้วย รถเมล์ที่มาจอดตรงฝั่งนี้ก็มีดังนี้นะคะ








11 (เดินรถสองทาง)


A-Ma Temple / Maritime Museum <--> Av.Alm.Ribeiro (Central) <--> H.Lisboa <--> Taipa <--> Jockey Club



15 (เดินรถสองทาง)


Ocean Garden <--> Jockey Club <--> COTAI Frontier Post <--> Hac Sa Beach <--> Ha Ho



22 (เดินรถสองทาง)


Iao Hon <--> Av. Cons. F. Almeida <--> R.Campo <--> H.Lisboa <--> Taipa <--> Jockey Club



28A (เดินรถสองทาง)


Ferry Terminal <--> Grand Prix&Wine Museums <--> H.Beverly Plaza <--> Military Club <--> Nam Van <--> H.Lisboa / H.Sintra <-->Taipa <--> H. New Century <--> - Hotel Taipa – Carmo Swimming Pool <--> Taipa Village/R.Cunha <--> Macau Stadium <--> Jockey Club <--> H.Taipa <--> H.New Century <--> H.Lisboa <--> H.Fortuna <--> Holiday Inn <--> Grand Prix&Wine Museums <--> Ferry Terminal



30 (เดินรถสองทาง)


Barrier Gate <-->Iao Hon <--> Tong Va <--> Taipa <--> Jockey Club <--> H.New Century



33 (เดินรถทางเดียว)


Fai Chi Kei --> Canidrome --> Ponte 16 --> H.Lisboa/H.Sintra --> Taipa --> H.New Century --> Carmo Swimming Pool --> Taipa Village/R.Cunha --> Macau Stadium --> Jockey Club --> H.New Century --> Av.Alm. Ribeiro (Central) --> Ponte 16 --> Red Market --> Canidrome --> Fai Chi Kei



34 (เดินรถทางเดียว)


Marginal Canal das Hortas --> Barrier Gate --> Iao Hon --> Areia Preta --> Taipa --> Taipa Village/R.Cunha --> Macau Stadium --> Jockey Club --> Ocean Garden --> Jockey Club --> H.Grandview --> H.Taipa --> Areia Preta --> Mong Ha Pavilion --> Iao Hon --> Barrier Gate --> Marginal Canal das Hortas

















จากทางเข้าที่สอง - ที่มีศาลากับกำแพงมังกร (ให้ทางเข้าอยู่ขวามือ) ก็เดินต่อไปเรื่อยๆๆ ก็จะเจอร้านเบอร์เกอร์หมูเจ้าดังแล้วค่ะ ชื่อร้าน Café Tai Lei Loi Kei นะคะ


เห็นคนแล้วน่ากลัวสุดๆ เหอๆ




















ดูคิวคน รอซะก่อนค่ะ (ตอนแรกว่าจะซื้อเป็นเบรกบ่าย เห็นคนแล้วขอลาค่ะ ไม่ไหวค่ะ)

จะขายเบอร์เกอร์หมูทุก 15.00 น.เป็นต้นไปค่ะ



















จากนั้นก็ข้ามไปที่แม็คโดนัลด์ที่เดิมค่ะ เพื่อไปขึ้นรถ COD ฟรีกลับนะคะ

รถจะจอดอยู่ใกล้ๆ กับแมคโดนัลด์เลยค่ะ (ตรงซอยที่จะเดินมาสนามกีฬาหนะแหละค่ะ)




จากนั้นพอถึง COD ก็นั่งรถฟรีต่อมายัง Venetian (ป้ายก็ใกล้ๆ ป้ายที่รับ-ส่งหมู่บ้านไทปาที่อยู่ด้านหน้าซิตี้ออฟดรีมนี่แหละค่ะ) ซึ่งเวเนเชี่ยนอยู่ฝั่งตรงข้ามกันกับ COD แหละค่ะ เห็นบางคนบอกว่าเดินได้ แต่เราขี้เกียจ เลยอาศัยนั่งรถฟรีเอา แหะๆ




สำหรับเวเนเชี่ยน ขอยกยอดไปรีวิวบล็อกหน้านะคะ จะได้ไม่โหลดรูปนานกันเนาะ (แต่เวเนเชี่ยน เราก็ไม่ได้ถ่ายรูปเยอะหรอกค่ะ แบบว่า แบตเตอรี่หมดพอดี เดี๋ยวยังไงจะเอารูปตอนไปครั้งก่อนหน้านี้มาแปะรวมด้วยแล้วกันค่ะ)













สรุปสำหรับที่พิพิธภัณฑ์หมู่บ้านไทปานะคะ


ส่วนตัวของเราเอง รู้สึกว่าเฉยๆ อะค่ะ ตัวพิพิธภัณฑ์ที่เราไปที่ฮ่องกงน่าประทับใจกว่ามากมาย ซึ่งจากหนังสือท่องเที่ยวเอง ก็บอกว่าพิพิธภัณฑ์ที่น่าไปของมาเก๊าจริงๆ จะเป็นพิพิธภัณฑ์มาเก๊า ตรงใกล้่ๆ ซากโบสถ์เซนต์ปอลนะคะ ซึ่งเราไ่ม่ได้เข้า เพราะเวลาไม่ทันง่ะ แหะๆ


แต่เมื่อเทียบกับค่าเข้าคือ 5 เหรียญ (ประมาณยี่สิบกว่าบาท) ก็ถือว่าไม่แพงหรอกค่ะ เพราะโดยตัวเนื้อหาก็ไม่ได้มีอะไรมากนักค่ะ แต่ถ้าท่านใดคิดจะไปโบสถ์แม่พระคาเมล ไปถนนสายอาหารอยู่แล้ว และมีเวลาพอ อยากหาที่ฆ่าเวลา ที่นี่ก็พอไปได้อยู่ค่ะ












ขอบคุณทุกท่านที่แวะมานะคะ

667301/4809/456




 

Create Date : 16 มิถุนายน 2553    
Last Update : 17 มิถุนายน 2553 12:27:08 น.
Counter : 6019 Pageviews.  

* + * + * + * + * รีวิวมาเก๊าตอนที่เจ็ด - ถนนสายอาหาร ณ ไทปา โจ๊กปู และไอศกรีม * + * + * + * + *





สวัสดีค่ะ


หลังจากพาทุกท่านไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ของมาเก๊าดังนี้


ป้อมปราการเกีย (คลิกเพื่ออ่าน)

วัดเจ้าแม่กวนอิม (คลิกเพื่ออ่าน)

พิพิธภัณฑ์กรังด์ปรีซ์และพิพิธภัณฑ์ไวน์(คลิกเพื่ออ่าน)

หม่ำที่ Restaurante Platao (คลิกเพื่ออ่าน)

ทาร์ตไข่ท่านลอร์ดและโบสถ์โคโลอาน (คลิกเพื่ออ่าน)

และดูโชว์ที่คาสิโน City of Dreams (คลิกเพื่ออ่าน)









ความเดิมจากตอนที่แล้ว หลังจากดูโชว์ที่ City of Dreams เรียบร้อยแล้ว จาก นั้นเราจะไปถนนสายอาหารที่หมู่บ้านไทปาค่ะ (คือ..คู่เรานี่ เรื่องกินเรื่องเล็ก แต่เรื่องไม่ได้กินเรื่องใหญ่ค่ะ แหะๆ ) เพราะว่าเริ่มต้องการอาหารกลางวันกันแล้ว ก็ไปรอรถที่หน้า COD ซึ่งเขามีรถชัตเติ้ลบัสบริการไปหมู่บ้านไทปาฟรีนะคะ (ออกประตูมาแล้วเลี้ยวซ้ายค่ะ) ซึ่งก็มีหลายป้ายค่ะ เราก็ไปรอที่ป้าย Taipa City



















ส่วนอีกป้ายรู้สึกว่าจะไปส่งที่ Venetian นะคะ




















รอประมาณ 10 นาทีรถฟรีก็มาค่ะ ก็ขึ้นรถไป ผ่าน Galaxy ที่กำลังสร้างอยู่ (สร้างเสร็จว่าจะไปเก็บตกมาเก๊าอีกรอบค่ะ เพราะมีบางร้านยังไม่ได้กิน มีบางที่ยังไม่ได้ไป ไปรอบนี้คงจะข้ามไปจูไห่แหละค่ะ)





















จากนั้นไม่ถึง 5 นาที รถก็จะมาจอดตรงข้างๆ สนามกีฬาตรงนี้นะคะ

สนามกีฬา+สนามหญ้าอยู่ทางซ้ายมือ เราก็เดินตรงไปอย่างเดียวค่ะ



















หันกลับไปถ่ายรูปรถที่มาส่งหน่อย จะเห็นจอตรงด้านหน้าบนๆ นะคะ
ตรงนั้นจะมีบอกว่ารถคันนี้บริการไปไหนน่ะค่ะ




















เดินมาจนกระทั่งเจอแม็คโดนัลด์ทางขวามืออย่างนี้นะคะ ที่จริงจะเดินผ่านหน้าแม็คไปทางขวามือไปตรงอาคารนี้แล้วเลี้ยวซ้ายไปก็ได้ค่ะ จะไปผ่านหน้าร้านเบอร์เกอร์หมูเจ้าดังน่ะนะคะ





















แต่ตำรวจดันบอกให้เราไปทางซ้าย เราก็เลยไปทางซ้ายค่ะก็เลยไปเข้าที่ทางเข้าที่ 1 ของแผนที่นี้ (ถ้าไปตามทางขวามือ ผ่านหน้าอาคาร จะไปเจอทางเข้าที่สองค่ะ)


ส่วนพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านไทปาที่คุณสามีชี้นี่ จะไปหลังจากกินอะไรเรียบร้อยแล้วน่ะค่ะ




















เดินไปทางที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบอกเรื่อยๆ ก็จะเจอศาลแบบนี้นะคะ
(หรือว่าวัด Pak Tai นี่แหละค่ะ แหะๆ)




















พอเจออาคารสีฟ้าๆ แบบนี้พร้อมตู้ไปรษณีย์ยักษ์หน้าซอย ก็ซอยนี้หละค่ะ ถนนสายอาหาร





















รูปนี้ถ่ายให้เห็นบรรยากาศภายในซอย (ถนน) สายอาหารนี้นะคะ



















เป้าหมายวันนี้ ตอนแรกว่าจะกินอีกร้าน แต่พอเสนอว่ามีร้านอะไรบ้าง
คุณชายเธอก็ตัดสินใจฉับเลยว่า กินร้านนี้ Seng Choeng




















ที่คุณชายเลือกร้านนี้ก็เพราะ..ใช่ค่ะ ร้านนี้มีปู ของโปรดของคุณท่านนั่นเอง ร้านนี้ดังเรื่องโจ๊กปูค่ะ เวลาสั่งไปเค้าจะให้ชามใหญ่ยักษ์ (กินสองคนโคตรอิ่มแล้วกัน) กับถ้วยแบ่งอย่างนี้มาให้ค่ะ





โจ๊กปูชามนี้ราคา 100 เหรียญนะคะ (ประมาณสี่ร้อยกว่าบาทค่ะ)
















แต่นอกจากโจ๊กแล้วก็มีอาหารอย่างอื่นด้วย ซึ่งต้องหาผักสั่งมาเพราะคุณชายอยากกินค่ะ อาศัยจิ้มรูปในเมนูสั่งเอา (เพราะไก่หลานชอย (คะน้าน้ำมันหอย) ที่นี่ไม่มี) แหะๆ เดี๋ยวมาลุ้นกันค่ะว่าได้อะไรมา หุๆ























โจ๊กปูนี่สั่งทุกโต๊ะจริงๆ ค่ะ





















ร้านนี้นี่ก็มีสองคูหานะคะ เท่าที่เห็นก็มีลูกค้าเวียนกันเข้า-ออกตลอดเลยค่ะ



















แท้ แถ่..จานผักได้บล็อกโคลี่กับปลาหมึกพร้อมกะปิเอาไว้จิ้มถ้วยหนึ่งค่ะ



















พอเราอิ่มแล้วคุณซะมียังไม่อิ่ม ก็เลยเดินไปที่ตู้ไปรษณีย์ กะว่าจะซื้อสแตมป์เอาไว้ติดโปสการ์ด ก็ไปศึกษาเรียบร้อย ส่งข้ามประเทศอยู่ที่ 4 เหรียญ ซึ่งเราต้องกดเลือกจำนวนเงินก่อน จากนั้นก็หยอดตังค์แล้วเค้าจะให้สแตมป์มาค่ะ





















แต่พอศึกษาเรียบร้อย ปรากฏว่า...ตู้เสีย เอ่อ..อะไรกันฟระ


เลยต้องไปหาซื้อทีหลังค่ะ อ้อๆ สำหรับที่หยอดก็จะอยู่อีกฝั่งของตู้นะคะ มีทั้งหมด 4 ช่อง ส่งมาไทยคงช่องข้างล่างหละค่ะ แต่ซ้ายกับขวาต่างกันยังไงนี่ไม่แน่ใจ (ตอนแรกคิดว่าช่องซ้ายสำหรับ supersize แต่ว่า..ช่องมันไม่ได้มีขนาดที่ต่างกันเลยไม่แน่ใจแล้วค่ะ แหะๆ)



เพิ่มเติมข้อมูลจากคุณ Whister ณ เวปเอชไฟลท์นะคะ




สำหรับไปรษณีย์


ช่องบน ซ้ายเป็น Local ส่งในประเทศ ขวาเป็น For Sue / Complain ค่ะ (แปลจากจีนนะคะ แต่ไม่มันใจว่าส่งคอนเพลนใครได้บ้าง) ช่องล่าง ซ้ายเป็น Surface ก็น่าจะเป็นส่งไป China หรือประเทศใกล้เคียง ขวา เป็น Air mail ค่ะ

ฉะนั้น ส่งมา Thailand ... ขวา ล่าง เลยค่ะ















กลับมาที่ร้านอาหารนะคะ

เราต้องเอาบิลที่เค้าเสียบไว้ที่โต๊ะไปที่เคาน์เตอร์หน้าร้านเพื่อชำระเงิน ค่ะ




















วันนั้นก็หมดไป 152 เหรียญค่ะ (ประมาณ 654 บาท)



















จากนั้นเราก็เดินหน้าต่อไป (ถ้าตามแผนที่ก็ไปยังปากทางเข้าที่ 2 อะค่ะ) จนสุดทางก็จะเจอศาลานี้ (ถ้าจำไม่ผิด ที่อ่านข้อมูลมาเป็นสัญลักษณ์ของตลาดเก่านะคะ) แล้วก็มีกำแพงมังกรด้วยค่ะ (เป็นจุดสังเกตอย่างหนึ่งนะคะ) ซึ่งตรงใกล้ๆ ศาลานี้ก็มีห้องน้ำด้วยค่ะ สะอาดพอใช้ได้อยู่





















ระหว่างรอคุณสามีร้านตรงหัวมุมใกล้ๆ ที่นั่งพักรอของศาลา

ก็เห็นคนจีนมุงกันเต็มเลยอ้ะ มันคืออะไรๆๆ






















อ้อๆ ที่แท้มันก็คือร้านไอศกรีมนั่นเองค่ะ เห็นส่วนใหญ่เค้าซื้อรสทุเรียนกันนะคะ



















แต่เราซื้อรสมะพร้าวกับมะม่วงมา (มะม่วงรสชาติเหมือนมะม่วงน้ำดอกไม้อะค่ะ)

ราคาถ้วยละ 12 เหรียญ ( 52 บาท) พอกินได้ค่ะ ไม่ได้โดดเด่นอะไรนะคะ





















สรุปสำหรับที่ถนนสายอาหารนะคะ



ถ้าท่านใดที่ชอบกิน และสามารถไปที่นี่ได้ในวันเสาร์อาทิตย์ (ข่าวว่า ถ้าเป็นวันธรรมดา จะค่อนข้างเงียบเหงาสุดๆ อะค่ะ) ก็น่าจะไปค่ะ เพราะมีร้านอาหารต่างๆ หลายๆ ร้านเลยทีเดียว ตามแผนที่นี้นะคะ




สำหรับร้านโจ๊กปู ถ้าท่านใดชอบทานโจ๊ก และทานปู ก็น่าจะเป็นร้านหนึ่งที่ไม่ควรพลาดค่ะ เพราะปูก็สด เนื้อโจ๊กเนียนใช้ได้ แต่ถ้าไม่ได้อยู่ในข่ายชอบทั้งสองอย่าง ก็อาจจะเลือกไปกินร้านอื่นได้นะคะ

ส่วนตัวไอศกรีม เราเฉยๆ ทั้งสองรสชาติค่ะ ไม่ได้ประทับใจอะไรมาก ไม่ได้เป็นของที่ห้ามพลาดนะคะ แต่จะลองไปชิมดูก็ได้ค่ะ เพราะเห็นชาวต่างชาติส่วนใหญ่ซื้อรสทุเรียนกินกันท่าทางน่าอร่อยเชียว แหะๆ


ก็หวังว่าคงพอเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่จะไปที่นี่นะคะ














ขอบคุณที่แวะมาค่ะ

666487/4806/455




 

Create Date : 14 มิถุนายน 2553    
Last Update : 14 มิถุนายน 2553 17:36:12 น.
Counter : 14013 Pageviews.  

* + * + * + * + * รีวิวมาเก๊าตอนที่หก - City of Dream คาสิโนและโชว์ฟรี * + * + * + * + *





สวัสดีค่ะ



หลังจากพาทุกท่านไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ของมาเก๊าดังนี้

ป้อมปราการเกีย (คลิกเพื่ออ่าน)

วัดเจ้าแม่กวนอิม (คลิกเพื่ออ่าน)

พิพิธภัณฑ์กรังด์ปรีซ์และพิพิธภัณฑ์ไวน์(คลิกเพื่ออ่าน)

หม่ำที่ Restaurante Platao (คลิกเพื่ออ่าน)

ทาร์ตไข่ท่านลอร์ดและโบสถ์โคโลอาน (คลิกเพื่ออ่าน)




วันนี้จะพาไปเที่ยวอีกเกาะของมาเก๊า นั่นก็คือเกาะไทปา แต่จะเป็นตรงบริเวณที่ถมเพิ่มเติมระหว่างเกาะไทปาและเกาะโคโลอาน ที่เขาเรียกกันว่าบริเวณ โคไท (โคโลอาน+ไทปา) กันนะคะ


ที่นี่ก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและคาสิโนแห่งใหม่อีกแห่งหนึ่งค่ะ เรียกว่า City of Dream นั่นเองงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ซึ่งที่นี่ก็เป็นคาสิโน และมีโชว์ที่สามารถชมได้ฟรี (แต่ต้องไปรับบัตรก่อนนะคะ ซึ่งจะได้กล่าวถึงรายละเอียดต่อไป)


ความเดิมจากตอนที่แล้ว จากเกาะโคโลอาน หลังจากอกหักที่ไม่ได้กิน Nga Tim แล้วเราก็นั่งสาย 26 เหมือนเดิม (คนละ 5 เหรียญ) มาลงที่ท่าเรือโคไทมั้งคะ ถ้าจำไม่ผิดนะ มานั่งรถฟรีของ COD ที่จอดที่ท่าเรือค่ะ




















ภายในรถก็ประมาณนี้นะคะ


















จากนั้นก็วิ่งผ่านเวเนเชียนทางซ้ายมือไปค่ะ






















แล้วรถก็จะมาจอดหน้าซีตึ้ออฟดรีมเลย เข้าไปจะเจอโถงซึ่งตรงผนังมีจอสีฟ้าๆ นี่อยู่ เป็นจอที่จะมีนางเงือกมาแหวกว่ายให้ถ่ายรูปกันนะคะ (เราว่าโคมไฟตรงโถงนี่น่ากลัวมากกว่าสวยนะ แหะๆ)























จากนั้นหันหน้าเข้าจอนางเงือก เดินเลี้ยวซ้ายไป ไปตามทางเรื่อยๆ (ถามพนักงานไปด้วยค่ะ) ไปทางที่จะไป The Bubble น่ะนะคะ ก็จะเจอเจ้าหน้าที่สองคนกำลังเล่นเกมฆ่าเวลา รอเวลารอบแรก (รู้สึกจะ 12.00 น.)


คนรอคิวกันเต็มแล้วค่ะ




















จากเวทีตรงเมื่อกี๊ เดินเลยเข้าไปอีกนิดเดียวก็จะเจอเคาน์เตอร์ให้รับบัตรเข้าชมโชว์ที่ city of dream อย่างนี้นะคะ




















สำหรับเวลาในการโชว์ก็ตามนี้เลยค่ะ สำหรับโชว์ Dragon’s Treasure (มีพี่ที่เค้าชอบเรื่องฮวงจุ้ยบอกว่า ถ้าใครคิดจะเล่นกาสิโน อย่าดูนะคะ เพราะเค้าทำโชว์ไว้ทำลายโชคค่ะ แต่เราไม่ได้เล่นอยู่แล้ว (เล่นนิดหน่อย เพราะคุณสามีอยากรู้ว่าประมาณไหน) ก็เลยเข้าไปดูกันได้)


ช่วง 12.00-18.00 น. จะมีโชว์ทุกๆ 30 นาทีค่ะ แต่ตั้งแต่ 19.00-22.00 น. จะมีทุกๆ ชั่วโมง



















เราไปติดต่อที่เคาน์เตอร์เค้าจะขอพาสปอร์ตด้วยนะคะ ได้เล่มละใบค่ะก็ได้บัตรหน้าตาอย่างนี้มาค่ะ




















ส่วนนี่ก็คือประตูทางเข้าชมโชว์ค่ะ แต่ไม่ใช่เดินดุ่ยๆ เข้าไปได้นะคะ
เราต้องไปเข้าแถวตรงที่เค้าเอาสายมากั้นๆ ทางขวามือหน้าเวทีเมื่อกี๊ซะก่อน



















เนื่องจากเรามีเวลาประมาณ 45 นาที (เราไปถึงซิตี้ออฟดรีมตอน 11.45 น.ค่ะ) ก็เลยไปเล่นกาสิโนกันนิดหน่อย เล่นแต่สล็อตค่ะ เอาตังค์ไปให้เค้าเล็กน้อย 555+


ภายในกาสิโนห้ามถ่ายรูปก็เลยไม่มีรูปมาให้นะคะ




















จากนั้นพอใกล้เวลาก็กลับมาที่เดิมค่ะ ไปเข้าคิวก็ยื่นบัตรให้เจ้าหน้าที่เค้าแง้บๆ แล้วก็เดินไปอยู่ในที่กั้นค่ะ



















พอได้เวลาก็ต้องเดินเข้าไป หลังประตูจะเป็นอุโมงค์สีฟ้าๆ อย่างนี้ค่ะ




















เข้าไปก็จะเป็นลักษณะโดมโค้งๆ นะคะ สักพักข้างบนก็ค่อยๆ มีโคมไฟเลื่อนลงมาด้วยค่ะ

ก็มีทำเป็นรูปแมงกะพรุนด้วย (ทำเหมือนเราอยู่ใต้ทะเล ประมาณนั้น)
























แล้วก็เป็นดาวตก มีรูปเสือออกมาขู่คำรามต้อนรับปีเสือค่ะ





















แสง สี เสียงอลังการใช้ได้ค่ะ (ยิ่งดูฟรี ยิ่งโอเคใหญ่เลย อิอิ)























จากนั้นก็จะมีการจำลองโลกใต้ทะเล มีนางเงือก มีปลาตัวเล็กๆ ที่ค่อยๆ ไปปลุกมังกรแต่ละตัวออกมา (ขออภัยที่บางภาพสั่นไหวนะคะ เพราะเป็นภาพเคลื่อนไหว และเราใช้ชัตเตอร์ต่ำ ไม่ใช้แฟลชน่ะค่ะ ตัววีดีโอก็ไม่ได้ถ่ายมา เพราะถนอมแบตเตอรี่ เนื่องจากก้อนหนึ่งชาร์จอยู่ (เมื่อคืนชาร์จไม่เข้า) ส่วนอีกก้อนนี่ก็ใกล้จะหมด (ตัวแบตสำรองที่ซื้อจากสิงคโปร์หายไปตอนไปปักกิ่งค่ะ เซ็งมากมาย))




























ออกมาจากที่ดูโชว์ ทางขวามือจะเป็นที่ขายของที่ระลึกค่ะ ตอนที่เราไปลด 40% พอดี (เมื่อซื้อสองชิ้น) จะเป็นของที่ระลึกของ COD (City of Dreams) เลย






















ก็เลยซื้อหมวก (สำหรับตัวเอง) กับเสื้อให้คุณชายค่ะ (เป็นมังกรหนึ่งในห้าตัวน่ะค่ะ) หมดไป 135.6 MOP ที่นี่ดีมากๆ ค่ะ พอให้เหรียญฮ่องกงไป เค้าตีเรทแลกเปลี่ยนให้ ก็เลยได้เงินคืนมาเท่านี้ค่ะ






















น้องคนขายคนนี้น่ารักดี อัธยาศัยดีค่ะ แม้จะยังไม่คล่องนักแต่ก็โอเค เลยถ่ายรูปน้องเค้ามา แหะๆ



















ใน COD จะมีคนคอยแจกแผ่นๆ เล็กๆ ซึ่งมีเอาไปแลกของตรงเคาน์เตอร์ทางเข้ากาสิโนด้วยนะคะ (อันนี้ถ่ายเสร็จแล้วเพิ่งนึกออกว่าเค้าห้ามถ่าย แหะๆ) แต่ว่า..รอคิวนานมาก รอไม่ไหว เลยจรลีก่อนดีกว่า เหอๆ


















สรุปสำหรับที่นี่นะคะ


ก็ถือว่าเป็นที่ที่ควรไปเที่ยวควบคู่กับ The Venetian หละค่ะ (เพราะอยู่ตรงกันข้ามกันเลย) ซึ่งก็มีรถฟรีบริการให้ไประหว่างสองที่นี้ได้ตลอดนะคะ โชว์ก็ถือว่าใช้ได้ ยิ่งดูฟรีด้วยแล้ว ก็น่าจะไปค่ะ ซึ่งจากที่เคยอ่านรีวิว มีคนบอกว่า บางทีจะมีเจ้าหน้าที่แจกบัตร priority pass สามารถที่จะยื่นบัตรนี้พร้อมพาสปอร์ตเพื่อขอบัตรได้เลยโดยไม่ต้องรออีก 2 ชั่วโมงถึงจะได้ดูโชว์ด้วย (แต่อย่างตอนเราไป คนไม่เยอะ ก็รอแค่ 45 นาทีเหมือนกันค่ะ)

แต่ข้อเสียคือ การดูโชว์นั้น จะต้องยืนเท่านั้น ซึ่งอาจจะไม่เหมาะกับผู้สูงอายุนักนะคะ (โชว์ประมาณ 15 นาทีค่ะ) แล้วก็ลักษณะของโชว์จะเป็นโดมทรงกลม แล้วบางทีตัวละครก็มีการเคลื่อนไหว ต้องเอี้ยวตัวไป-มาเพื่อดูอยู่พอสมควร ทำให้บางท่านอาจจะเวียนหัวได้ แหะๆ













ขอบคุณทุกท่านที่แวะมานะคะ

664772/4799/454




 

Create Date : 10 มิถุนายน 2553    
Last Update : 10 มิถุนายน 2553 21:55:35 น.
Counter : 12367 Pageviews.  

* + * + * + * + * รีวิวมาเก๊าตอนที่ห้า - ทาร์ตไข่ท่านลอร์ด และโบสถ์ฯ ณ โคโลอาน * + * + * + * + *





สวัสดีค่ะ


บางท่านอาจจะสงสัย ตอนสามแล้วทำไมห้าเลย ตอนสี่จะเป็นร้านอาหารอยู่ในกลุ่มบล็อกหม่ำ หม่ำ หม่ำ นะคะ เพราะงั้นจากสามก็เลยกลายเป็นห้าเลยค่ะ


วันนี้จะมารีวิวมาเก๊าต่อนะคะ ซึ่งจะเป็นการพาข้ามไปเที่ยวที่เกาะอื่นบ้าง ซึ่งมาเก๊า ถูกแบ่งออกเป็นสามเกาะใหญ่ๆ และมีสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ในแต่ละเกาะขอลิสต์ที่เที่ยวในแต่ละเกาะมาให้ดูเป็นข้อมูลคร่าวๆ ดังนี้นะคะ (อันไหนที่เค้าว่าดีและมักจะเป็นที่เที่ยวหลัีกๆ เราใส่ดอกจันไว้ให้นะคะ)

1. เกาะมาเก๊า ที่เที่ยวบนเกาะนี้ได้แก่

- ซากโบสถ์เซนต์ปอล*
- พิพิธภัณฑ์มาเก๊า* (อยู่ใกล้ซากโบสถ์ฯ แต่รอบนี้เราไม่ได้เข้าค่ะ)
- วัดอาม่า*
- วัดเจ้าแม่กวนอิม*
- เจ้าแม่กวนอิมริมทะเล*
- มาเก๊าทาวเวอร์* (ควรไปช่วงอากาศดีๆ ท้องฟ้าปลอดโปร่งเท่านั้น)
- ป้อมปราการเกีย
- พิพิธภัณฑ์กรังด์ปรีซ์และพิพิธภัณฑ์ไวน์
- ดอกบัวทองคำ
- Fisherman's Whraf
- Show น้ำพุที่ทะเลสาป / ที่ Wynn (มีโชว์ต้นไม้ทองคำด้วย)
- คาสิโนต่างๆ เช่น Lisbao Wynn etc.


2. เกาะไทปา เป็นที่ตั้งของสนามบินมาเก๊า

- Venetian*
- City of Dream (Free show)*
- Galaxy (Underconstruction)
- หมู่บ้านไทปา (ถนนสายอาหาร)* - เฉพาะคนที่ชอบกินค่ะ แหะๆ
- พิพิธภัณฑ์ไทปา


3. เกาะโคโลอาน

- ร้านทาร์ตไข่ของ Lord's Stow
- โบสถ์้เซนต์ฟรานซิสเซเวียร์
- เจ้าแม่อาม่าบนยอดเขา*


ที่จริงแล้ว ยังมีหลายสถานที่ที่ได้มรดกโลกนะคะ และน่าไปท่องเที่ยวด้วย รวมทั้งมีการท่องเที่ยวด้วยรถแบบโบราณ (แต่ค่าเช่าแพงใช้ได้เลยค่ะ แหะๆ) การเช่าัจักรยานปั่น (เหมาะจะใช้ในไทปากับโคโลอานค่ะ) ล่องเรือแถวๆ พิพิธภัณฑ์ทางทะเล (ใกล้ๆ วัดอาม่า) แต่ยังไงรบกวนหาข้อมูลเพิ่มที่เว็บการท่องเที่ยวมาเก๊าที่เคยให้ไว้ในตอนที่หนึ่งแล้วกันนะคะ







รีวิวมาเก๊าก่อนหน้านี้นะคะ


ป้อมปราการเกีย (คลิกเพื่ออ่าน)

วัดเจ้าแม่กวนอิม (คลิกเพื่ออ่าน)

พิพิธภัณฑ์กรังด์ปรีซ์และพิพิธภัณฑ์ไวน์(คลิกเพื่ออ่าน)

หม่ำที่ Restaurante Platao (คลิกเพื่ออ่าน)






มาเริ่มรีิวิวตอนนี้นะคะ จะพาไปเกาะโคโลอานค่ะ


เช้าวันนั้นหลังจากเช็คเอาท์จากโรงแรม Royal และไปเช็คอินที่โรงแรม Sofitel Ponte 16 เรียบร้อยแล้ว เราก็นั่งรถสาย 26 จากฝั่งตรงข้ามโรงแรมค่ะค่ะ (รู้สึกว่าจะมีสาย 26 กับสาย 26A นะคะที่ไปได้)


ค่ารถเมล์คนละ 5 เหรียญค่ะ รถเมล์จะเป็นคันเล็กๆ เหมือนเดิมนะคะ

















พอดีเจอคนไทยจะไปที่รูปเคารพของเจ้าแม่อาม่าด้วย ก็เลยไปด้วยกันซึ่งถ้าท่านใดจะไป หลังจากรถเมล์วิ่งออกจากเกาะมาเก๊า ข้ามไปไทปา ออกจากไทปา ข้ามไปโคโลอาน (เห็นสนามแข่ง) เจอประตูแบบนี้ก็ลงได้เลยนะคะ จะมีท่ารถตู้ให้นั่งขึ้นอยู่ค่ะ



















ซึ่งสาย 26 ที่เรานั่ง จะมาจอดข้างๆ สวนเล็กๆ ตรงนี้เลยค่ะ
(ใช้เวลาเดินทางจากหน้าโซฟิเทลมาที่นี่ประมาณ 35 นาทีค่ะ)


















สำหรับท่านใดที่พอรู้ข้อมูลมาเก๊า ก็คงจะทราบว่าเราถ่อสังขารมาที่นี่ แถวๆ นี้มีอะไรดัง

นั่นก็คือร้านทาร์ตไข่ของท่านลอร์ด ณ ร้าน Lord Stow’s Bakery นั่นเองค่ะ

ซึ่งที่โคโลอานจะมีทั้งหมด 3 ร้านนะคะ ร้านที่หนึ่งจะอยู่ตรงเยื้องๆ ป้ายรถเมล์ตามรูปนี้ค่ะ
















มองข้ามไปจากป้ายรถเมล์จะเจอร้านที่สองอยู่ที่อีกฝั่งของสวนนะคะตามรูปเลย (ที่มีลูกศรสีชมพูชี้อะค่ะ)


















ส่วนร้านที่สามต้องเดินไปอยู่แถวๆ หน้าร้านที่สองก่อน จากนั้นก็เดินไปข้างๆ ตรงลูกศรในรูป




















ก็จะเจอร้านนี้นะคะ (ร้านที่นั่งกินได้คือร้านที่หนึ่งกับร้านที่สามค่ะ ร้านที่สองต้องซื้อแล้วเอากลับบ้านอย่างเดียว)



















โลโก้อย่างนี้ไม่ผิดแน่ๆ หุๆ




















ร้านที่สามนี่ก็จะเป็นร้านค่อนข้างเล็กๆ นะคะ มีที่นั่งอยู่ราวๆ แค่ 4-5 โต๊ะเองหละค่ะ




















เวลาสั่งก็เดินไปสั่งที่เคาน์เตอร์ก็ได้ค่ะ (หรือจะรอที่โต๊ะก็ได้) เค้าจะถามว่ากินนี่หรือกลับบ้าน เราก็บอกว่ากินนี่ค่ะ

















มีชุดอาหารเช้าขายด้วย แต่เราไม่ได้สั่ง แหะๆ


















วันนั้นสั่งทาร์ตไข่มากินกันสี่ชิ้นค่ะ แล้วก็สั่งบลูเบอรี่ชีสเค้กกลับบ้านด้วย (ที่อยู่ในถุงน้ำตาลๆ) พอดีอ่านรีวิวหนึ่งแล้วเค้าเชียร์สุดๆ ก็เลยลองสั่งไปกินค่ะ ขนาดกว่าจะไปกินนี่ ก็ตอนไปเสินเจิ้นอีกวันแล้ว แต่โอนะคะ ชีสที่ใช้หอมหวานอร่อยดีค่ะ ชอบ



















สั่งชาเอิร์ลเกรย์มาเหมือนเดิมค่ะ ที่นี่ให้น้ำผึ้งมาใส่ชาด้วย ส่วนคุณชายก็กาแฟเช่นเดิม
(ทั้งที่เพิ่งดื่มมาจากโซฟิเทลนะนั่น)


















ก็หมดกับร้านนี้ไป 74 เหรียญค่ะ
(ทาร์ตไข่ชิ้นละ 7 เหรียญ บลูเบอรี่ชีสชิ้นละ 18 เหรียญ (74 เหรียญเป็นเงินไทยประมาณ 318 บาทค่ะ)




















จากนั้นเดินออกจากร้านมา หันหลังให้ร้าน ก็เดินตรงเลาะไปทางซ้ายเลียบริมทะเลค่ะ



















เดินผ่านลานและอาคารหลังนี้ไปหน่อยเดียว



















ก็จะเจอโบสถ์เซนต์ฟรานซิสเซเวียร์แล้วค่ะ (แถวๆ นี้เป็นฉากหนึ่งของ Goong เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชาน่ะค่ะ ตอนนางเอกโดนเนรเทศออกนอกวัง และมาอยู่ที่นี่แทนน่ะค่ะ)

















จุดหมายหนึ่งนอกจากจะมากินทาร์ตไข่ และมาถ่ายรูปกับโบสถ์แล้ว อีกประการก็จะมากินไก่แอฟริกันและกั้งทอดกระเทียมที่ร้านนี้ด้วยค่ะ Nga Tim Café (ตำแหน่งของร้าน หันหน้าเข้าโบสถ์ จะอยู่ทางหัวมุมซ้ายมือเลยแหละค่ะ)


ในหนังสือบอกว่าเปิด 11.30 น. แต่พอเราไปถามเค้าบอกว่าเปิด 12.00 น.ซึ่งตอนนั้นมันเพิ่ง 10.40 น.เองค่ะ ผิดแผน เลยอด เซ็งจิตจริงๆ



















ก็เลยเดินเข้าโบสถ์ไปอย่างเซ็งๆ ที่อดกินเล็กน้อย (บาปจริงๆ ตรู)

เห็นป้ายแบบนี้ มีพิธีมิซซาทุกวันอาทิตย์เวลา 10.00 น.ด้วยนะคะ



















เข้าไปในโบสถ์กันค่ะ เป็นโบสถ์เล็กๆ เงียบๆ นะคะ


















ตรงโถงกลาง (เรียกถูกมั้ยนี่) มีรูปวาดของพระเยซูอยู่ค่ะ



















แล้วก็พอเดินเข้าไปในห้องทางขวามือ (หันหน้าเข้ารูปวาดพระเยซู) ก็จะมีรูปจำลองของกุมารเยซูอย่างนี้ด้วยนะคะ



















รวมทั้งรูปของแม่ชีเทเรซ่าด้วยค่ะ (ใช่มั้ยคะ?)



แล้วก็มีทั้งรูปวาดและรูปเคารพในคริสตศาสนาต่างๆ ด้วยนะคะ
























ส่วนรูปนี้เป็นรูปของท่านเซนต์ฟรานซิสซา เวียร์ค่ะ (ชื่อของโบสถ์นี้ด้วยน่ะนะคะ)
ขอเข้าประวัติหน่อยแล้วกันน่อ


โบสถ์เซนต์ฟรานซิสซาเวียร์ (St. Francis Xavier Chapel) สร้างเมื่อปีค.ศ. 1928 เพ่อรำลึกถึงเซนต์ฟรานซิส ซาเวียร์ นักบวชชาวสเปน ผู้เข้ามาเผยแพร่ศาสนาครสิต์นิกายโรมันคาทอลิคในมาเก๊าและเอเชีย จนได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 12 นักบุญสาวกของพระคริสต์ผุ้เผยแพร่ศาสนาแห่งตะวันออก (12 Apostle) แต่กว่าจะได้เป็นเซนต์หรือนักบุญ ต้องรอเวลานานถึง 70 ปี โดยการเสนอของนักบวชรุ่นหลัง หลังจากท่านมรณภาพไปแล้วที่เมืองซานเฉียน มณฑลกวางตุ้งเมื่อปีค.ศ. 1552 (ข้อมูลจากได้เวลาเที่ยวฮ่องกง-มาเก๊าของคุณอดิศักดิ์ จันทร์ดวงค่ะ)




















ด้านหน้าโบสถ์ค่ะ เป็นอีกจุดที่ถ่ายรูปสวยมากๆ ส่วนร้าน Nga Tim อย่างที่บอกนะคะ จากรูปนี้อยู่มุมซ้ายมือค่ะ




















จากนั้นก็เดินออกไปที่ทะเลกันค่ะ ตรงปลายสุดของหาดที่เห็นวิว

มีหินก้อนหนึ่งรูปร่างเหมือนเต่ากำลังจะขึ้นบกเลย อิอิ



















สรุปสำหรับที่เกาะโคโลอานนะคะ

สถานที่ที่น่าเที่ยวที่สุด (แต่เราไม่ได้ไป) น่าจะเป็นเจ้าแม่อาม่าบนเขาค่ะ เพราะดูรูปของเพื่อนแล้ว คิดว่าสวยดีนะคะ ส่วนทาร์ตไข่ของท่านลอร์ด ถ้าถามเราเราชอบนะคะ เราว่าอร่อยกว่าเจ้าอื่นๆ (ความอร่อยเป็นรสนิยมส่วนบุคคล - ควรพิจารณา) ตัวชีสเค้กที่ซื้อมาก็อร่อยค่ะ ชีสใช้ชีสดีใช้ได้เลย แล้วก็ตัวโบสถ์เซนต์ฟรานซิสฯ ถ้าท่านใดเป็นคริสตศาสนิกชน ก็ควรไปแหละค่ะ หรือถ้าท่านใดที่ชอบซีรี่ส์เกาหลีเรื่องเจ้าหญิงวุ่นวายฯ ก็ควรไปถ่ายเก็บไว้เป็นที่ระลึกนะคะ

ไปทั้งทีจะไปเที่ยวทั้งสามสถานที่ก็ได้ค่ะ ใช้เวลาน่าจะราวๆ ครึ่งวันนะคะ แล้วก็กินอาหารเที่ยงที่ Nga Tim เอาก็ได้ค่ะ (ออกจากที่พักเช้าหน่อย ไม่ควรเกิน 08.00 น. ไปเที่ยวเจ้าแม่อาม่า กินทา์ร์ตไข่ เที่ยวโบสถ์ กินเที่ยงที่ Nga Tim)

แต่ถ้าไม่ได้มีคุณสมบัติัดังที่กล่าวข้างต้น การไปเที่ยวที่เกาะโคโลอานก็อาจจะไม่จำเป็นนักนะคะ ถ้าไม่ได้มีเวลามากพอ ก็อาจจะไปเก็บที่เที่ยวที่อื่นๆ แทนค่ะ












ขอบคุณทุกท่านที่แวะบล็อกเรานะคะ

663110/4791/453




 

Create Date : 07 มิถุนายน 2553    
Last Update : 7 มิถุนายน 2553 10:21:42 น.
Counter : 8765 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  

สาวไกด์ใจซื่อ
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]




ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ


เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก


ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com
หรือ
https://www.facebook.com/saoguide






Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สาวไกด์ใจซื่อ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.