In the last analysis, our only freedom is the freedom to discipline ourselves. - Bernard Baruch
Group Blog
 
All Blogs
 
"Quant Fund" โปรแกรมฟันกำไรหุ้น!?

และนับเป็นบทความที่ดีจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) กสิกรไทย จำกัด ที่ต้องขออนุญาตนำมาเผยแพร่ต่อกับการลงทุนที่คำนวณโดย โปรแกรมคอมพิวเตอร์

บลจ.กสิกรไทย รายงานถึงเรื่องนี้ว่า สำหรับนักลงทุนในเมืองไทย เมื่อพูดถึงการลงทุนในกองทุนหุ้น ส่วนมากก็มักจะคุ้นเคยกับกองทุนหุ้นที่มีรูปแบบการบริหารอยู่ 2 ประเภท คือ กองทุน Active Fund ซึ่งเป็นกองทุนที่ผู้จัดการกองทุนจะใช้วิจารณญาณและประสบการณ์ในการเลือกหุ้น รวมถึงตัดสินใจในซื้อหรือขายด้วยตนเอง กับกองทุนประเภท Passive Fund คือกองทุนที่ผู้จัดการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจน้อย แต่เน้นที่การบริหารให้น้ำหนักการลงทุน ความคาดหวังผลตอบแทนและความเสี่ยงเป็นไปตามดัชนีอ้างอิง เช่น กองทุน SET50 เป็นต้น

อย่างไรก็ดี มีทางเลือกในการบริหารกองทุนอีกประเภทหนึ่งซึ่งคนไทยอาจจะยังไม่คุ้นเคยนัก แต่สำหรับนักลงทุนต่างชาติ กองทุนประเภทนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ คือกองทุน Quant Fund หรือกองทุนที่มีการบริหารโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการตัดสินใจซื้อ หรือขายหลักทรัพย์แทนผู้จัดการกองทุน

Quantitative Fund หรือที่เรียกว่า Quant Fund เป็นแนวทางการบริหารกองทุนโดยอาศัยสมมติฐานของค่าทางการเงินที่ได้จากการศึกษาข้อมูลสถิติในอดีต เช่น ราคาหุ้น ความผันผวนของหุ้น ผลตอบแทนของตลาด เป็นต้น มาใช้พิจารณาว่าหากค่าดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงไป จะส่งผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ หรือผลตอบแทนของหลักทรัพย์อย่างไร จากนั้น จึงตัดสินใจทำการซื้อ หรือขายตาม model ที่ตั้งไว้

โดยให้ระบบคอมพิวเตอร์วิเคราะห์จุดซื้อ หรือขายอัตโนมัติเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น การนำค่าเฉลี่ยราคาหุ้นย้อนหลัง 60 วัน มาเปรียบเทียบกับราคาหุ้น ณ วันปัจจุบัน หากราคาหุ้นปัจจุบันสูงกว่า ก็จะมีการขายออกไป หรือหากราคาหุ้นปัจจุบันต่ำกว่า ก็จะมีการซื้อเข้ามาเก็บไว้ เป็นต้น แต่ในทางปฏิบัติแล้ว การบริหารกองทุนโดยใช้กลยุทธ์ Quant จะใช้ปัจจัย และ เงื่อนไขหลายๆ อย่างประกอบในการพิจารณาสร้าง model การบริหารขึ้นมา

แม้การตัดสินใจในการซื้อขายของกองทุน Quant Fund จะทำโดยอัตโนมัติจากระบบคอมพิวเตอร์ แต่อย่างไรก็ดี ก่อนที่จะเกิดเป็น model ของ Quant Fund ได้ ก็ต้องอาศัยความชำนาญ และประสบการณ์ของผู้จัดการกองทุนหรือนักวิเคราะห์ มาใช้ในการสร้าง model สำหรับการลงทุน เนื่องจากผู้จัดการกองทุน จะคัดเลือกปัจจัยต่างๆที่จะนำมาใช้พิจารณาประกอบเป็น model ของการลงทุน และ ทดสอบ ก่อนที่จะโปรแกรมให้คอมพิวเตอร์ค้นหาเงื่อนไขและทำการตัดสินใจลงทุนตามที่ได้ตั้งไว้ ทั้งนี้เงื่อนไข อาจรวมถึงการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานในการคัดเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี หรือเหมาะสมเข้ามาอยู่ใน model ด้วย เพราะปัจจัยเบื้องหลังของความสำเร็จ มิได้ขึ้นกับประสิทธิภาพของระบบคอมพิวเตอร์ แต่ขึ้นกับความสำเร็จของเงื่อนไขของ model ที่ป้อนให้กับคอมพิวเตอร์ไป ที่จะต้องได้รับการทดสอบย้อนหลัง (back-testing) กับข้อมูลจริงในอดีต และ ยังคาดหวังว่าจะนำไปใช้ได้กับตลาดในอนาคตด้วย

ข้อดีของกองทุนแบบ Quant Fund คือ การตัดสินใจในการซื้อ หรือขายหุ้น ไม่ได้ขึ้นกับความคิดและอำนาจการตัดสินหรือวินัยการลงทุนของผู้จัดการกองทุนแต่ละคน แต่จะเป็นไปตามกฎที่ตั้งไว้ (rule-based) เช่น กรณีราคาหุ้นลดลงเกิน 10% ผู้จัดการกองทุนแต่ละคนก็จะมีมุมมองในแต่ละสถานการณ์ไม่เหมือนกัน บางคนที่ยังรับได้ก็จะถือไว้ แต่บางคนที่ไม่สามารถรับได้ก็จะขายออกไป การตัดสินใจซื้อหรือขายจึงขึ้นกับความคิดของแต่ละผู้จัดการกองทุนจริงๆ ในขณะที่กรณี Quant Fund นั้น จะเป็นไปตามกฎที่แน่นอน เช่น หากตั้งไว้ว่าเมื่อราคาหุ้นลดลงเกินกว่า 10% ให้ขาย

เมื่อราคาหุ้นลดลงมาถึงจุดดังกล่าว ก็จะมีการขายหุ้นออกไปทันที แม้ว่าตัวผู้จัดการกองทุนเองอาจจะยังไม่เห็นด้วยก็ตาม รวมถึงการตัดสินใจซื้อ หรือขายก็ชัดเจน โปร่งใส และมีเงื่อนไขที่รองรับแน่นอนว่า ทำไมถึงตัดสินใจซื้อ หรือขายหุ้น หรือหลักทรัพย์แต่ละตัว นอกจากนี้ การบริหารกองทุนแบบ Quant ยังไม่จำกัดกลยุทธ์ เช่น อาจช่วยจำกัดการขาดทุน หรือ Stop-Loss ได้ เช่น เมื่อราคาหุ้นตกลงไปถึง 20% ให้ขายหุ้นและถือเงินสดไว้ทั้งหมด เป็นต้น

สำหรับการพิจารณาลงทุนใน Quant Fund ผู้ลงทุนควรจะต้องพิจารณาว่า model ในการบริหารกองทุนดังกล่าวได้มีการทำการทดสอบกับข้อมูลจริงที่หลากหลายเพียงพอหรือไม่ และในสถานการณ์ของตลาดที่แตกต่างกัน เช่น ตลาดมีความผันผวน model ดังกล่าวให้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร ตลาดขาขึ้น หรือ ขาลง model ให้ผลตอบแทนอย่างไร เป็นต้น นอกจากนี้ ยังต้องพิจารณาว่า model ดังกล่าว มีความโปร่งใสมากน้อยเพียงใด สามารถอธิบายได้หรือไม่ว่าใช้ปัจจัยใดในการพิจารณาลงทุน

อย่างไรก็ดี ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีการพิสูจน์แน่ชัดว่า การลงทุนแบบใช้คนตัดสินใจในการซื้อหรือขายหุ้น หรือ Active Management เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนแบบใช้คอมพิวเตอร์ตัดสินใจ หรือ Quant Fund แล้ว อย่างใดให้ผลตอบแทนที่มากกว่ากัน เพราะทั้งสองวิธีนี้ก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป และอาจจะเหมาะสมสำหรับสภาพตลาดที่แตกต่างกัน ผู้ลงทุนจึงควรใช้วิจารณญาณในการเลือกลงทุนด้วย
คงจะได้ข้อมูลกันไปพอสมควร ซึ่งนับเป็นโปรแกรมที่น่าสนใจ และช่วยสร้างวินัยในการลงทุนหุ้นได้เป็นอย่างดี แต่อย่าลืมว่าโปรแกรมเหล่านี้แม้จะมีโมเดลที่ออกแบบมาจากผู้เชี่ยวชาญ แต่การสร้างผลกำไรและปัจจัยการลงทุน รวมถึงสถานการณ์ต่างๆ ที่มีผลกระทบนั้น ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแบบไหนจะตัดสินใจได้ดีกว่ากัน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
//www.manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9530000071169


Create Date : 25 พฤษภาคม 2553
Last Update : 25 พฤษภาคม 2553 15:47:14 น. 0 comments
Counter : 1629 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอบฟ้าบูรพา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




ผู้ประกาศกรุงเทพธุรกิจทีวี พิธีกรรายการแกะรอยหยักสมองและ World Class Smart Thai
สนใจประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ต่างประเทศ เทคโนโลยี สังคม และชนชั้น

ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @atis_kttv นะครับ
New Comments
Friends' blogs
[Add ขอบฟ้าบูรพา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.