In the last analysis, our only freedom is the freedom to discipline ourselves. - Bernard Baruch
Group Blog
 
All Blogs
 
'โฉลก สัมพันธารักษ์' นักเทคนิคคัลที่ 'เซียน' เรียก 'อาจารย์'

เปิดตัวเซียนเหนือเซียน 'โฉลก สัมพันธารักษ์' นักเทรดคอมมอดิตี้ ฟิวเจอร์ รายแรกๆ ของเมืองไทย ผู้สร้างความมั่งคั่งด้วย 'เทคนิคัล' ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง

ไม่เคยเปิดตัวออกหน้าสื่อหรือโฆษณาครึกโครม แต่เว็บไซต์โฉลกดอทคอม (Chaloke.com) ก่อตั้งโดยกลุ่มลูกศิษย์ โฉลก สัมพันธารักษ์ หรือ ลุงโฉลก ได้ถูกนำไปบอกต่อกันบนโลกออนไลน์แบบเงียบๆ ถึงหลักสูตรการลงทุนที่เข้มข้นและยาวนานต่อเนื่องกว่า 8 เดือนต่อหนึ่งคอร์ส ที่แม้แต่บรรดาโบรกเกอร์บางแห่งต้องส่ง "เจ้าหน้าที่การตลาด" มาฝากตัวเป็น "ศิษย์" กับท่านอาจารย์

ว่ากันว่ามีผู้จบหลักสูตรจากที่นี้แล้วนับหมื่นราย รวมถึง "หยง" ธำรงชัย เอกอมรวงศ์ เซียนเทรดคอมมอดิตี้ ฟิวเจอร์ ซึ่งบ่มเพาะวิชาเทคนิคและการวิเคราะห์จิตวิทยามวลชนมาจากลุงโฉลก จนพัฒนาตัวเองไปสู่วิทยากรสอนด้านการใช้เครื่องมือทางเทคนิคที่กำลังมาแรงในตอนนี้

ประวัติชีวิตของเซียนเหนือเซียนท่านนี้ยังไม่เคยถูกนำออกมาเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน เหตุผลหนึ่งลุงโฉลกได้ “วางมือ” (ล้างมือในอ่างทองคำ) จากการเทรดไปแล้วเกือบ 20 ปี โดยใช้เวลาส่วนใหญ่ที่เหลือในชีวิตหมดไปกับการทำบุญทะนุบำรุงพระพุทธศาสนาผ่านมูลนิธิโฉลก แม้เจ้าตัวจะไม่เคยพูดถึงมูลค่าทรัพย์สินส่วนตัวให้ใครฟังมากนัก แต่ที่ได้ยินจากคนใกล้ชิดลุงโฉลกน่าจะรวยระดับ "เศรษฐีพันล้าน"

ทีมข่าว "ถนนนักลงทุน" กรุงเทพธุรกิจ BizWeek มีนัดกับลุงโฉลก ชายแก่ผมขาว ณ สถานที่อบรมของชมรมฯท่ามลูกศิษย์กว่า 300 คน แทบจะเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ลุงให้สัมภาษณ์กับสื่อ วินาทีแรกที่เห็นแทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือบุคคลระดับเศรษฐีคนหนึ่งเพราะลุงเดินมาทักทายด้วยเสื้อเชิร์ตสีขาวธรรมดาไม่มียี่ห้อ ปราศจากเครื่องประดับตกแต่งใดๆบนร่างกาย แต่ระหว่างการสนทนาทีมงานเห็นลุงฉีกยิ้มด้วยความสุขทุกครั้งที่ได้เล่าแนวคิดการลงทุนที่บ่มเพาะมานานกว่า "สามสิบปี"

“ผมไม่เคยทำงานประจำ ไม่ชอบมีนายและไม่เคยเรียกใครว่านาย” ลุงเริ่มพูดถึงตัวเองให้ฟัง

เซียนผู้เฒ่า เล่าว่าตั้งแต่จบการศึกษาปริญญาตรีสถาปัตย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตั้งแต่ 40 ปีที่แล้ว (ลองเดาอายุได้) ก็ตัดสินใจเดินทางไปทำงานกับพ่อที่ประเทศอังกฤษพร้อมกับเรียนต่อปริญญาโทด้านสถาปัตย์ต่อ งานที่ทำคือไปช่วยเปิดออฟฟิศที่ลอนดอน พอดีในตอนนั้นพ่อมีเพื่อนเป็นชาวญี่ปุ่นซึ่งทำธุรกิจเกี่ยวกับการซื้อขายล่วงหน้าในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ซึ่งมีเครือข่ายอย่างเช่น ธนาคารมิตซุยโฮ สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ลุงโฉลกได้เสนอตัวเป็นลูกศิษย์ขอเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย ทำให้เขาเป็นคนไทยกลุ่มแรกๆ ที่รู้จักกับการเทรดสินค้าโภคภัณฑ์ล่วงหน้า

“เมืองไทยตอนนั้นไม่รู้จักว่าอนุพันธ์คืออะไร เราซื้อขายที่ราคาสปอตหมด แต่สินค้าบางอย่างมันซื้อขายสปอตไม่ได้ เช่น พวกข้าว ยาง เพราะต้องใช้เวลาขนส่ง ถ้าเราไปใช้ราคาสปอตผู้ซื้อได้เปรียบเพราะราคาอาจจะสูงขึ้นก็ได้ ทำให้ผมตัดสินใจเรียนรู้เรื่องของฟิวเจอร์อย่างจริงจัง พอจบปริญญาโทก็ต่อปริญญาเอกทันทีแต่ตัดสินใจเลิกเรียนหันมาลงทุนดีกว่าถ้าเราเข้าใจมันอย่างดีก็พออยู่ได้”

สาเหตุที่ไปเปิดออฟฟิศซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์ที่ลอนดอนเพราะอยู่ตรงกลางของโลก เวลาห่างจากประเทศไทย 6 ชั่วโมงและห่างจากนิวยอร์ค 6 ชั่วโมงสามารถเทรดเชื่อมกันได้ สิ่งที่ได้เรียนรู้มากที่สุดตอนอยู่ที่อังกฤษคือการใช้กราฟแท่งเทียน (Candle stick) ซึ่งญี่ปุ่นเป็นคนคิดค้นขึ้นตั้งแต่หลายร้อยปีก่อน (คิดค้นขึ้นราว ค.ศ.1750 โดยพ่อค้าข้าวชื่อ โชกิว ฮอนม่า)

หลังจากนั้น ลุงโฉลกเดินทางกลับมาประเทศไทยถือเป็นนักลงทุนกลุ่มแรกของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่เขาใช้เวลาไปกับการเทรดคอมมอดิตี้ ฟิวเจอร์ซึ่งเปิดบัญชีไว้ที่อังกฤษ สังเวียนการต่อสู้ของลุงคือพวกเฮดจ์ฟันด์ (เสือหิว) ระดับโลกหากินอยู่ที่ Chicago Board of Trade และตลาดนิวยอร์ค สินค้าที่เทรดมีตั้งแต่พวกซอฟท์คอมมอดิตี้อย่าง ข้าว ถั่วเหลือง โกโก้ กาแฟ เนื้อหมู เนื้อวัว น้ำตาล ข้าวโพด กลุ่มโลหะมีค่าเช่น ทองคำ พาราเดียม แพลตินัม จนถึงสินค้าทางการเงินอย่างเช่น ดอกเบี้ย พันธบัตรรัฐบาล ต่อมาก็เริ่มมีดัชนีตลาดหุ้นล่วงหน้าแต่ละประเทศให้เทรด เช่น ดาวโจนส์

“สินค้าในตลาดล่วงหน้าที่เรามีอยู่ตอนนี้ผมเคยเทรดในต่างประเทศมาหมดแล้ว อย่างทองคำผมเล่นในตลาดโคเม็กซ์มาก่อน ซิลเวอร์ก็เคยเล่น ยางพาราก็ด้วย เสียดายที่ตอนนี้สัญญาซื้อขายต่อวันยังน้อยไปหน่อยทำให้ไม่คิดที่จะเข้ามาลงทุน แต่หลายปีก่อนผมแนะนำลูกศิษย์ให้ไปเทรดดัชนีหุ้นล่วงหน้าในกลุ่มประเทศ BRICS (บราซิล, รัสเซีย, อินเดีย, จีน, แอฟริกาใต้) ต่างได้ผลตอบแทนที่ดีมากกลับมา”

นักเทคนิคมือฉมังผู้ล้างมือจากยุทธจักร บอกว่า เสียดายที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีความรู้เรื่องของสัญญาล่วงหน้าเลยทั้งที่สามารถนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ได้มากมาย ยังดีที่บางอุตสาหกรรมรู้จักการใช้ฟิวเจอร์แล้ว เช่น อุตสาหกรรมน้ำตาล ที่มีความสำคัญเพราะเวลาที่ตกลงซื้อขายสินค้ากันพอถึงเวลารับเงินราคามันไม่เท่าเดิมแล้วเพราะค่าเงินเปลี่ยนไป สมัยก่อนคนไทยไม่เคยคิดตอนที่ดอลลาร์ต่อบาทยังอยู่ที่ 20 บาท เวลาซื้อขายระหว่างประเทศจำนวนไม่มากจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง แต่พอเงินมากขึ้นมันเห็นความเปลี่ยนแปลงชัดเจน พวกดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยน ถึงมีความสำคัญมากต่อนักธุรกิจ

หลังจากลงทุนในประเทศไทยได้ระยะหนึ่ง ลุงโฉลกสังเกตุว่าคนไทยยังเล่นหุ้นเหมือนกับ "เล่นพนัน” จึงอยากจะให้ความรู้กับนักลงทุนโดยเฉพาะการใช้เครื่องมือทางเทคนิค แต่ติดอุปสรรคที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยตอนนั้นไม่ค่อยเปิดโอกาสให้เข้าถึงข้อมูลเพื่อมาทำชาร์ตราคาย้อนหลัง จนกระทั่งเริ่มเข้าไปให้ข้อมูลนักลงทุนในเว็บไซต์ SET50.Com เมื่อสิบกว่าปีก่อน พอมีคนสงสัยโพสต์ถามไว้ในเว็บบอร์ดก็เข้าไปตอบ เริ่มมีคนสนใจการใช้เทคนิคมากขึ้น จนสมาชิกกลุ่มหนึ่งมาช่วยให้ตั้งเว็บบอร์ดของตัวเอง จนเป็นที่มาของเว็บไซต์โฉลกดอทคอมในตอนนี้

เนื้อหาที่สอนส่วนใหญ่เป็นการใช้เครื่องมือทางเทคนิคมาวิเคราะห์การลงทุน รวมถึงแนวคิดด้านการลงทุนซึ่งกลั่นมาจากประสบการณ์ คอร์สหนึ่งจะใช้เวลาในการเรียน 8 เดือนเพราะเนื้อหาเยอะมากและต้องมีการสอบวัดผลด้วย ถึงตอนนี้มีผู้ที่ผ่านการอบรมไปแล้วนับหมื่นคน หลายคนจบออกไปก็ประสบความสำเร็จและกลับมาเป็นวิทยากรให้ชมรม แต่ยังน่าเสียดายที่คนไทยยังเล่นหุ้นเหมือนการพนัน ส่วนหนึ่งเพราะไม่รู้จักกับคำว่า “พอเพียง” เน้นแต่จะเอากำไรเยอะๆ พอเริ่มมีกำไรก็เกิดความโลภ ความเสี่ยงเลยสูงตามเป้าหมาย

บางครั้งชมรมก็จะมีคอร์สอบรมพิเศษ เช่น กลุ่มร้านทองมารวมตัวกันเพื่อเรียนรู้การใช้ Option ในการซื้อทองคำเข้ามาเก็บในสต็อก ถ้าไม่ใช่เครื่องมือการเงินมาช่วยถ้าซื้อทองมาแล้วราคาลงก็ต้องขายออกไปเลยและเอากำไรแค่ค่ากำเหน็จ แต่ถ้าใช้วิธีไปซื้อ Put Option เพื่อตัดความเสี่ยงประกันราคาที่อาจจะตก แต่ถ้าราคามันขึ้นก็ยกเลิกออปชั่นแล้วไปขาย Call option เพื่อทำกำไรได้อีก แบบนี้มีแต่กำไรอย่างเดียวไม่มีจน ตอนนี้ชมรมของเรากำลังจะมีสำนักงานของตัวเองแถวถนนสุรวงศ์ซึ่งจะมีห้องประชุมให้สมาชิกได้พบปะกัน กิจกรรมที่เราทำร่วมกันบ่อยๆคือรวมเงินไปซ่อมแซมวัด สร้างเมรุ สร้างโรงเรียน

สำหรับแนวคิดการลงทุนที่ลุงโฉลกยึดมั่นเป็นพิเศษและเป็นหัวใจสำคัญของคอร์สอบรมคือการประยุกต์ใช้แนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียง” ของในหลวง ลุงเสริมว่าคนไทยส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงคือเศรษฐกิจแบบยากจนต้องทำนา ขุดบ่อ ซึ่งจริงแล้วไม่ใช่เลย

“จริงแล้วความพอเพียงคือความมั่งมี แต่คนเข้าใจผิดเยอะ พอเพียงไม่ได้แปลว่าต้องจน ความจริงแปลว่าร่ำรวยในแบบที่พอดีไม่มากไม่น้อยเกินไป”

จากที่ได้พูดคุยกับลูกศิษย์ที่ทำงานโบรกเกอร์ต่างบอกว่านักลงทุน 90% มักจะขาดทุนซึ่งน่าเสียดายมาก การที่เราจะเป็นผู้ชนะในตลาดหุ้นเราต้องมีแต้มต่อ (EDGE) มากกว่าคนอื่น ถ้าในชมรมของเราคำว่าแต้มต่อคือการเทรดโดยใช้ “ระบบ” ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าโอกาสขาดทุนแทบไม่มี หลักการก็คือต้องสร้างผลตอบแทนในระดับ 20% ต่อปีจะต้องไม่มากไปกว่านี้เพราะจะเกิดความโลภจนเสียระบบ ระดับผลตอบแทนดังกล่าวถือว่าอยู่ในระดับที่พอเพียงแล้ว นอกจากนี้ยังมีวิธีการใช้ Leverage มาขยายวอลุ่มให้สร้างผลตอบแทนมากขึ้นแต่ความเสี่ยงไม่เพิ่มขึ้น

ตอนหน้าลุงโฉลกจะเจาะลึกแนวคิดการลงทุนโดยใช้ระบบเทรดและการบริหารเงินอย่างมีประสิทธิภาพซึ่งผ่านการบ่มเพาะมานานกว่าสามสิบปี ผสมผสานกับการลงทุนโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง...ห้ามพลาดเด็ดขาด!!!
---------------------------------------------------
ใช้ Option สร้างความมั่งคั่ง 'สินค้าเกษตร' (ไซด์บาร์)
-----------------------------------------------
โฉลก สัมพันธารักษ์ กล่าวว่า เพื่อพิสูจน์ให้เห็นการใช้เครื่องมือทางการเงินอย่าง Option สามารถสร้างความมั่งคั่งให้กับเกษตรกรได้จริงจึงตัดสินใจรวบรวมเงินก้อนหนึ่งไปซื้อที่ดิน 1,000 ไร่ ที่อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เพื่อทำไร่มันสำปะหลังและข้าวโพดและว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านการเกษตรมาควบคุมการเพาะปลูก มีการใช้เทคนิคสมัยใหม่เช่นรถแทรคเตอร์ ระบบจีพีเอส ผลิตเอมไซน์เพิ่มผลผลิตเอง เทคนิคการปรับหน้าดิน ปลูกบ่อ ทำให้สามารถสร้างผลผลิตได้มากกว่าคนอื่นสามเท่า โดยชมรมเป็นผู้ใช้เครื่องมือการเงินช่วย Fix ราคาพืชผล โดยใช้เทคนิคอย่าง Option

เมื่อเก็บเกี่ยวจนได้ราคาที่พอใจ ก็จะไปซื้อ Put Option เพื่อประกันราคาไม่ให้ตกแต่ถ้าราคาขึ้นเราก็จะยกเลิกเพื่อไปขายที่แพงกว่า สมมุติว่าราคามันสำปะหลังอยู่ที่ 100 บาท เราขอกำไรที่พอเพียงคือ 20% ซึ่งในโลกนี้จะหาอะไรที่ทำกำไรได้ขนาดนี้น้อยมาก แค่นี้ก็สามารถล็อกผลกำไรที่พอใจได้แล้วโดยจ่ายเพียงแค่ค่าพรีเมี่ยมเท่านั้น แบบนี้ไม่มีความเสี่ยงใดๆ ยกเว้นทุจริตกันเอง

เนื่องจากตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าประเทศไทยยังไม่มีการใช้ Option จึงต้องไปเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์คือ Financial Global ซึ่งเป็นนายหน้าที่ใหญ่ที่สุดในโลกแต่ตอนนี้ติดปัญหาล้มละลายเงินของเราเลยไปจมอยู่บางส่วนยังดีที่ได้มีการกระจายไปยังโบรกเกอร์ที่สิงคโปร์บ้าง

ที่ดินผืนนั้นเปิดโอกาสให้สมาชิกชมรมได้ร่วมหุ้นด้วยเพื่อเพิ่ม Economy of Scale ในขณะที่ต้นทุนดำเนินการเท่าเดิมเมื่อพื้นที่มากขึ้นกำไรเราก็มากขึ้น เมื่อได้กำไรมาก็จะไปซื้อที่ดินรอบๆเพิ่มจนปัจจุบันที่ดินเพิ่มขึ้นเป็น 2,000ไร่แล้ว นอกจากนี้ยังได้กำไร Capital Gain จากราคาที่ดินซึ่งเพิ่มขึ้นจากไร่ละ 25,000 บาท ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 60,000 บาทแล้ว ได้กำไรมหาศาล

“เสียดายที่รัฐบาลไม่เคยรู้เรื่องนี้แค่จะขอกำหนดราคา Option กับต่างประเทศก็ทำไม่สะดวก ถ้ามีเราสามารถทำให้ราคาข้าวโพด มันสำปะหลัง ข้าว ยางพารา เนื้อสัตว์ สามารถขายได้ราคาดีเกษตรกรจะไม่จน ผมอยากให้ชาติและคนไทยได้มีความมั่งคั่งด้วยเศรษฐกิจพอเพียงด้วยการสอนผ่านการลงทุนในตลาดหุ้น ลูกศิษย์ผมที่เก่งๆ น่าจะมีหลักพันคนจากที่เปิดสอนมา 6 ปี ตอนนี้ผมพิสูจน์แล้วว่าแนวคิดนี้ทำกำไรได้แน่นอนไม่เพ้อฝัน”

//www.bangkokbiznews.com/home/detail/business/bizweek/20120124/431632/%E0%B9%82%E0%B8%89%E0%B8%A5%E0%B8%81-%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C---%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B9%8C.html


Create Date : 24 มกราคม 2555
Last Update : 24 มกราคม 2555 13:04:37 น. 0 comments
Counter : 972 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอบฟ้าบูรพา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




ผู้ประกาศกรุงเทพธุรกิจทีวี พิธีกรรายการแกะรอยหยักสมองและ World Class Smart Thai
สนใจประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ต่างประเทศ เทคโนโลยี สังคม และชนชั้น

ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @atis_kttv นะครับ
New Comments
Friends' blogs
[Add ขอบฟ้าบูรพา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.