|
|
เหตุผลดีๆ ที่ควรออมเงิน
ปีเก่าผ่านไป ปีใหม่ผ่านมาอีกแล้วนะคะ ปี 2551 ที่ผ่านมาถือได้ว่าเป็นปีแห่งความยากลำบากของหลายๆ คน
ไม่ว่าจะเป็นคนไทย หรือคนชาติไหนๆ ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอันเนื่องมาจากวิกฤตการณ์ทางการเงิน ที่มีจุดเริ่มต้นจากประเทศสหรัฐอเมริกา จนลุกลามและส่งผลกระทบไปทั่วโลก สิ้นปีที่ผ่านมา หลายคนจึงไม่ได้รับโบนัส แม้ว่าจะทำงานหนักมาตลอดทั้งปี หลายคนไม่ได้ขึ้นเงินเดือน หลายคนต้องเผชิญกับภาวะตกงาน ต้องนำเงินออมที่มีอยู่ออกมาใช้ และอีกหลายคนที่ไม่เคยมีเงินเก็บออมต้องเผชิญกับภาวะลำบาก ต้องกู้หนี้ยืมสิน ปี 2551 จึงถือเป็นบทเรียนให้เราได้หันมาสำรวจตัวเองกันอีกครั้ง เพื่อหาหนทางที่จะอยู่รอด ฝ่าฟันวิกฤตที่เกิดขึ้น สร้างความเข้มแข็งและเตรียมตัวป้องกันไม่ให้ได้รับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นอีกในอนาคต
หลายคนมองว่า การออมและการวางแผนการเงินเป็นสิ่งที่ต้องทำเมื่อมีเงินมากๆ หรือรวยแล้วเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงนั้น การออมเป็นสิ่งที่สามารถทำได้อยู่ตลอดเวลา เพียงแค่มีความสามารถในการหารายได้ การออมจะเปลี่ยนแปลงชีวิตทางการเงินของคนเราและอนาคตของเราให้มั่นคงขึ้นกว่าเดิม แต่เป็นสิ่งที่อาศัยวินัยและต้องลงมือปฏิบัติ ลองมาดูเหตุผลที่ดีๆ ที่ว่าทำไมเราๆ ท่านๆ จึงควรจะออมเงินกันค่ะ
ออมเงินช่วยทำให้เป้าหมายในอนาคตเป็นจริงได้ คนเราทุกคนเมื่อเริ่มต้นวัยทำงานต่างก็คาดหวังจะมีอนาคตที่ดี ส่วนใหญ่คนเรามักวางแผนซื้อบ้าน ซื้อรถ เรียนต่อ สร้างครอบครัว ส่งลูกเรียนสูงๆ แผนการเหล่านี้ ล้วนแต่ต้องการใช้เงินที่สูงทั้งนั้น หากเริ่มต้นเก็บออมเร็วก็มีโอกาสที่จะสร้างฝันให้เป็นจริงๆ ได้เร็วขึ้น ภาระต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตก็จะบรรเทาเบาบางลง ยกตัวอย่างเช่น การซื้อบ้าน อย่างน้อยผู้ซื้อก็จะต้องมีเงินดาวน์ประมาณ 10-20 เปอร์เซ็นต์ของราคาบ้าน หากมีเงินออมที่จะดาวน์ได้มาก ก็จะช่วยลดยอดเงินกู้ ลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ ภาระค่าผ่อนต่อเดือน หรือระยะเวลาในการผ่อนลงไป
ออมเงินช่วยให้ฟันฝ่าสถานการณ์ฉุกเฉินได้ ชีวิตคนเรานั้นมีขึ้น มีลง ทุกคนย่อมต่างต้องเผชิญกับภาวะฉุกเฉินในชีวิต ดังที่เห็นได้ชัดเจนจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำทุกวันนี้ ทำให้หลายบริษัทต้องปิดกิจการ ลดคนงาน ลดเงินเดือน ซึ่งก่อให้เกิดวิกฤตชีวิตกับหลายต่อหลายคน หรือแม้แต่ในภาวะเศรษฐกิจปกติ เราก็อาจต้องเผชิญกับเหตุการณ์ที่ตัวเรา หรือคนในครอบครัวเจ็บป่วยเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน เป็นโรคที่ไม่คาดคิดมาก่อน รถเกิดอุบัติเหตุ รถเสีย บ้านพังเสียหายจากน้ำท่วม ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่ก่อให้เกิดความเสียหายและจำเป็นต้องใช้เงินในการบรรเทาหรือเยียวยาทั้งสิ้น ยิ่งโดยเฉพาะครอบครัวที่มีผู้หาเลี้ยงเพียงคนเดียว แต่ต้องดูแลรับผิดชอบสมาชิกอีกหลายคน เงินออมจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนจากสถานการณ์ฉุกเฉินนี้ได้ ซึ่งโดยทั่วไปนักวางแผนการเงินจะแนะนำให้กันเงินไว้เผื่อเหตุฉุกเฉินอย่างน้อย 3 เท่าของรายจ่ายรายเดือน
ออมเงินช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในยามตกงาน บางครั้งการเปลี่ยนแปลงในหน้าที่การงาน อาจเกิดขึ้นด้วยตัวเราเองก็เป็นสิ่งที่เราอาจรู้ล่วงหน้า เช่น กรณีที่ลาออกจากงานไปเรียนต่อ เปลี่ยนงานใหม่ หรือเลี้ยงดูบุตร แต่บางครั้งก็อาจเกิดขึ้นได้โดยที่เราไม่รู้ตัวมาก่อน ดังเช่น ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้ ดังนั้น หากมีเงินออม ก็จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนในช่วงที่ไม่มีงานทำได้
ออมเงินเพื่อชีวิตที่สุขสบายยามเกษียณ ไม่มีใครที่สามารถทำงานหาเลี้ยงตัวเองไปได้ตลอดชีวิต ถึงวันหนึ่งเมื่อเหนื่อยล้าจากการทำงานมามากแล้ว ก็ย่อมอยากที่จะมีเวลาพักผ่อน ดูแลสุขภาพ และมีชีวิตยามเกษียณที่สุขสบาย จากการวิจัยของสำนักสถิติแห่งชาติพบว่าโครงสร้างประชากรในประเทศไทย มีการเปลี่ยนแปลงจากอดีตที่ผ่านมา โดยจากเดิมเป็นช่วงที่มีประชากรวัยเด็กมาก แต่ในอนาคตโครงสร้างนี้จะกลับด้านกันคือ มีประชากรวัยชรามากกว่าวัยเด็ก ทำให้เกิดปัญหาทางสังคมมากมายตามมา โครงสร้างประชากร ตั้งแต่ปี 25032553 พบว่าปี 2503 มีประชากรวัยเด็กถึงร้อยละ 43% และมีประชากรวัยทำงานร้อยละ 52% และวัยชราเพียงร้อยละ 5% แต่ในปัจจุบันพบว่าตัวเลขของวัยชราสูงขึ้นมากถึงร้อยละ 11% และในอีก 20 ปีข้างหน้าจะมีแนวโน้มสูงขึ้นถึงร้อยละ 20% ค่าครองชีพสูงขึ้น แต่ละครอบครัวมีบุตรน้อยลง หรือไม่นิยมมีบุตร ทำให้ประชากรวัยเด็กในปัจจุบันลดลงเหลือเพียง 21% และยังมีโอกาสที่จะลดลงมากไปอีก เด็กเหล่านี้จะเติบโตเข้าสู่วัยทำงาน และเงินภาษีที่ส่งไปเลี้ยงดูผู้สูงอายุที่มีจำนวนมากไม่เพียงพอ ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมามากมาย ดังนั้น การเก็บออมเสียแต่วันที่ยังมีแรงทำงานได้ จึงช่วยให้เป็นหลักประกันในยามเกษียณโดยไม่ต้องหวังพึ่งพิงผู้อื่นได้
ออมเงินและสร้างผลตอบแทนระยะยาว เงินออมนั้นเมื่อออมแล้วไม่ได้อยู่เฉยๆ แต่สามารถนำไปลงทุนสร้างผลตอบแทนในระยะยาว เพื่อให้เพิ่มพูนมูลค่าขึ้นมาได้ ตัวอย่างเช่น หากสามารถเก็บเงินออมได้ปีละ 8 หมื่นบาท แล้วนำไปลงทุนที่ให้อัตราผลตอบแทน 4% เพียงอีก 5 ปีข้างหน้า เงินก้อนนั้นก็จะงอกเงยขึ้นเป็น 4.3 แสนบาท สามารถจัดสรรไปทำอะไรต่ออะไรได้อีกหลายอย่างที่ต้องการ
ต่อจากนี้ เราจะช่วยให้คุณระบุเป้าหมายทางการเงินออมและสร้างแผนการที่สามารถลงมือปฏิบัติได้จริง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้นค่ะ
ออมน้อยก็รวยได้ แต่การออมนั้นเป็นสิ่งที่ต้องลงมือปฏิบัติ ปีใหม่แล้ว อย่ามัวแต่ผัดวันประกันพรุ่ง มาเริ่มออมกันเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีกว่าค่ะ
รายงานโดย :สมาคมบริษัทจัดการลงทุน
//www.posttoday.com/stockmarket.php?id=27736
| Create Date : 14 มกราคม 2552 |
| Last Update : 14 มกราคม 2552 12:34:14 น. |
|
2 comments
|
| Counter : 1139 Pageviews. |
 |
|
|
| โดย: แอน IP: 203.185.133.132 วันที่: 14 มกราคม 2552 เวลา:16:05:41 น. |
|
|
|
| โดย: ไม่รู้ดิจำชื่อตัวเองไม่ได้อ่ะ IP: 125.27.193.109 วันที่: 1 กันยายน 2553 เวลา:13:39:17 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
Location :
สมุทรปราการ Thailand
[Profile ทั้งหมด]
|
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]
|
ผู้ประกาศกรุงเทพธุรกิจทีวี พิธีกรรายการแกะรอยหยักสมองและ World Class Smart Thai
สนใจประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ต่างประเทศ เทคโนโลยี สังคม และชนชั้น
ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @atis_kttv นะครับ
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
| |
|
|
