In the last analysis, our only freedom is the freedom to discipline ourselves. - Bernard Baruch
Group Blog
 
All Blogs
 
โลกนี้มีอย่างหนึ่งที่ฟรี

ทุกท่านคงเคยได้ยินคำกล่าวของนักเศรษฐศาสตร์ที่บอกว่า "โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี" ใช่มั้ยครับ

พอได้ยินแล้วก็พลางคิดว่า ทำไมนักเศรษฐศาสตร์ถึงมองโลกในแง่ร้ายจัง


ครั้งนี้ผมไม่ได้คิดจะมาแก้ต่างอะไรให้นักเศรษฐศาสตร์ว่าทำไมพวกเขาถึง ได้กล่าวอะไรแบบนั้นหรอกนะครับ แต่ผมกำลังจะมาบอกว่า ที่จริงแล้ว ในโลกนี้ก็ยังมีอยู่อย่างหนึ่ง ที่แม้แต่นักเศรษฐศาสตร์ที่มองโลกในแง่ร้าย (ในความคิดของบางคน) ก็ยังยอมรับว่าเป็นของฟรี รับรองว่าไม่ใช่คำตอบทำนอง "น้ำใจ" หรืออะไรประมาณนั้น ที่นิยมตอบๆ กันด้วย แต่เป็นคำตอบที่เป็นของฟรีจริงๆ ตรงตามหลักเศรษฐศาสตร์ด้วย อยากรู้แล้วใช่มั้ยครับว่า สิ่งนั้นคืออะไร


ในทางเศรษฐศาสตร์ยอมรับว่า การแลกเปลี่ยน (Trade) ที่เกิดขึ้นโดยความสมัครใจของผู้แลกเปลี่ยนทั้งสองฝ่าย จะทำให้เกิดผลประโยชน์สุทธิจำนวนหนึ่งที่เป็นบวกเสมอ พูดง่ายๆ ก็คือ มีของฟรีเกิดขึ้นนั้นเอง


หมู่บ้านหนึ่งมีสองครอบครัว ครอบครัวแรกปลูกข้าว ครอบครัวที่สองเลี้ยงไก่ เดิมสองครอบครัวนี้ต่างคนต่างอยู่ก็มีความกินดีอยู่ดีระดับหนึ่ง แต่ถ้าครอบครัวนี้ นำผลผลิตส่วนตัวมาแลกเปลี่ยนกันส่วนหนึ่ง (ด้วยอัตราแลกเปลี่ยนที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้เอง) ทั้งสองครอบครัวนี้ จะมีทั้งข้าวมีทั้งไก่ไว้บริโภค ข้าวที่เคยปลูกได้เกินความต้องการของครอบครัวหนึ่ง แทนที่จะเอาไปทิ้ง ก็เอาไปแลกไก่มาบริโภคแทน ในกรณีของไก่ก็เช่นเดียวกัน ความกินดีอยู่ดีของทั้งสองครอบครัวนี้สูงขึ้นกว่าเดิมแล้ว เมื่อเทียบกับตอนที่ยังไม่แลกเปลี่ยน ความกินดีอยู่ดีที่เพิ่มขึ้นนี้ เนื่องมาจากทั้งสองครอบครัวมีทางเลือกในการบริโภคที่มากขึ้น มันเกิดขึ้นมาเองโดยที่ผลผลิตของทั้งสองครอบครัวไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย มันจึงจัดว่าเป็นของฟรีโดยแท้จริง หรือที่นักเศรษฐศาสตร์มักใช้คำว่า การแลกเปลี่ยน ทำให้เกิดความมั่งคั่งเพิ่มขึ้นได้ (Trades create wealth)


ประเทศสองประเทศมีความถนัดในการผลิตสินค้าและบริการไม่เหมือนกัน ทรัพยากรที่มีอยู่ก็ไม่เหมือนกัน ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างล้นเหลือและทรัพยากรที่ขาดแคลนของทั้งสองประเทศก็ไม่ เหมือนกัน เพียงแค่สองประเทศนี้หันมาค้าขายแลกเปลี่ยนสิ่งที่ตนเองต้องการตามอัตราแลก เปลี่ยนเกิดจากการต่อรองหรือตกลงกันเองทั้งสองฝ่าย สองประเทศนี้ก็จะมีความกินดีอยู่ดีทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นได้เอง โดยที่ไม่ได้มีการผลิตอะไรเพิ่มขึ้นเองเลย (โปรดสังเกตด้วยว่า ถ้าหากสองประเทศเหมือนกันหมดในทุกๆ ด้าน ประโยชน์สุทธิอันนี้จะไม่เกิดขึ้นเลย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่มีสองประเทศไหนในโลกที่จะเหมือนกันหมดในทุกด้าน)


ตัวอย่างเช่น รัสเซียมีน้ำมันมากมายมหาศาล แต่ไม่มีเทคโนโลยีการผลิตสินค้ามากเท่าญี่ปุ่น ในขณะที่ญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีในการผลิตสินค้ามาก แต่มีแหล่งพลังงานไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ ถ้าทั้งสองประเทศนี้ต่างคนต่างอยู่กันไป ถามว่าอยู่ได้มั้ย ก็คงตอบว่าอยู่ได้ แต่รัสเซียก็คงมีน้ำมันเหลือใช้มากมาย ในขณะที่คนในประเทศส่วนใหญ่ยังไม่มีงานอะไรจะทำ หรือไม่รู้ว่าจะเอาน้ำมันไปใช้ทำอะไร หรือว่ารู้ว่าจะเอาไปทำอะไร แต่ว่าไม่มีเงินทุนที่จะลงทุนสร้างโรงงานเพื่อนำน้ำมันเหล่านั้นมาใช้ผลิต ของ ในขณะที่คนญี่ปุ่นเองก็คงจะอยู่ได้เช่นกัน แต่ก็ต้องใช้พลังงานอย่างจำกัดจำเขี่ย อาจจะต้องมีการปันส่วนพลังงานกันใช้เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของคนทั้ง ประเทศ เทคโนโลยีในการผลิตสินค้าบางส่วนที่มีอยู่ ก็อาจต้องพับไว้บนหิ้งก่อน เพราะว่าไม่มีพลังงานมากพอที่จะนำออกมาใช้ได้


แต่ถ้าหากทั้งสองประเทศนี้นำสิ่งที่ตัวเองมีอยู่มากเกินไป มาแลกกับสิ่งที่ตัวเองขาดแคลน ทั้งสองประเทศก็จะพัฒนาประเทศไปได้เร็วขึ้น ญี่ปุ่นจะสามารถนำเทคโนโลยีที่ตัวเองมีอยู่มาใช้อย่างเต็มศักยภาพ รัสเซียจะมีเงินเข้ามาเพื่อมาใช้ซื้อสินค้าบางส่วน เพื่อปรับปรุงความเป็นอยู่ของคนในประเทศในดีขึ้น และอีกส่วนหนึ่งนำมาลงทุนสร้างโรงงานผลิตสินค้า เพื่อนำน้ำมันที่มีอยู่มาใช้ให้เกิดประโยชน์ และในเวลาเดียวกัน ก็เป็นการทดแทนการนำเข้าไปด้วย


อย่างไรก็ตาม บางคนก็ยังกังวลว่า หากปล่อยให้มีการค้าขายกันอย่างเสรี ประเทศมหาอำนาจ ซึ่งมีความสามารถในการแข่งขันสูงกว่าประเทศเล็กในทุกๆ ด้าน จะไม่สนใจซื้อสินค้าใดๆ เลยจากประเทศเล็ก เพราะตัวเองทำได้เองหมด ในขณะที่ผู้บริโภคในประเทศเล็กจะเอาแต่ซื้อสินค้าจากประเทศมหาอำนาจ ทำให้สรุปแล้วประเทศมหาอำนาจเป็นฝ่ายที่ได้ประโยชน์อยู่ข้างเดียวจากการค้า ขาย


เรื่องนี้นักเศรษฐศาสตร์ก็มีคำตอบเหมือนกันครับ แต่ว่าจะเป็นอย่างไรนั้น ผมขอเก็บเอาเล่าให้ฟังคราวหน้า

นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์
คอลัมนิสต์ประจำคอลัมน์ "มนุษย์เศรษฐกิจ 2.0"
//www.bangkokbiznews.com/home/detail/politics/opinion/human-eco/20100824/349525/%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5.html


Create Date : 26 สิงหาคม 2553
Last Update : 26 สิงหาคม 2553 0:41:56 น. 1 comments
Counter : 520 Pageviews.

 
ดีจัง...เป็นความรู้ที่เราๆ ท่านๆ น่าจะรู้ไว้ใช่ว่านะค่ะ เพราะมันมีประโยชน์ในเรื่องการคิดทำธุรกิจ ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่


โดย: alwaystingtong IP: 61.90.17.5 วันที่: 26 สิงหาคม 2553 เวลา:15:58:22 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอบฟ้าบูรพา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




ผู้ประกาศกรุงเทพธุรกิจทีวี พิธีกรรายการแกะรอยหยักสมองและ World Class Smart Thai
สนใจประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ต่างประเทศ เทคโนโลยี สังคม และชนชั้น

ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @atis_kttv นะครับ
New Comments
Friends' blogs
[Add ขอบฟ้าบูรพา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.