In the last analysis, our only freedom is the freedom to discipline ourselves. - Bernard Baruch
Group Blog
 
All Blogs
 
โลกของศิลปิน

สำหรับผม นักลงทุนมืออาชีพหรือคนที่ลงทุนเป็นเรื่องเป็นเรื่องเป็นราว และใช้เวลากับการลงทุนค่อนข้างมากนั้น เป็นเหมือน “ศิลปิน”

เช่นเดียวกับคนที่เป็น ดารา นักร้อง นักกีฬา นักเขียน นักวาดภาพ และศิลปินอื่นๆ ลองมาไล่ดูว่าเหมือนกันอย่างไร

ข้อแรก ก็คือ นักลงทุนก็เหมือนกับดารา (ต่อไปนี้ ผมจะใช้คำว่าดาราเป็นตัวแทนศิลปินอื่นๆ ทั้งหมด) ในแง่ที่ว่า ทั้งคู่ต่างก็เป็นคนที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัวในการ “เล่น” หรือ “แสดง” หรือ “ทำมาหากิน” หรือสร้างชื่อเสียงและอื่นๆ ความสามารถนี้เกิดจากการศึกษาในด้านของ “เบสิก” หรือพื้นฐานของวิชาความรู้ แต่ความสามารถในการกระทำนั้น เกิดจากการฝึกฝนและพรสวรรค์ของแต่ละบุคคล

ข้อสอง ในแวดวงของดารานั้น มักมีการแบ่ง Character หรือบทบาท หรือ “ตัวตน” เฉพาะของแต่ละคน เช่น ในกลุ่มนักแสดงนั้นก็จะมีคนที่เชี่ยวชาญหรือรับบทบาท ซึ่งอาจจะเกิดจากการ “สร้างภาพ” เป็นนางเอกแนว “หวาน” บางคนก็ “ครองตำแหน่ง” สาว “เซ็กซี่” ในใจของคนดู บ้างก็ไปแนวบู๊ บางคนหรือถ้าจะพูดให้ถูก ก็คือ บางคู่ก็ยึดแนว “แฟมมิลี่แมน” หรือคนรักครอบครัว คนที่มีคุณสมบัติบางอย่างไม่ครบที่จะเป็นตัวเอกก็มักจะหันไปเป็น “เพื่อนที่แสนดี” ของตัวเอก และบางคนยึดอาชีพ “ตัวร้าย” หรือบางคนเป็นไม่ได้ทั้งตัวเอกหรือตัวรอง ก็อาจจะยึดบทบาทเป็น “ตัวตลก” ทั้งหมดนั้น ต่างก็มีงานแสดงและสามารถ “ทำเงิน” ได้… อย่างน้อยในช่วงเวลาหนึ่ง

นักลงทุนนั้นก็เช่นกัน มีคุณสมบัติหรือยึดแนวการลงทุน หรือการเล่นหุ้นของตนหลากหลาย บางคนเน้นลงทุนเฉพาะในหุ้น “Super Stock” หรือหุ้นที่มีคุณสมบัติสุดยอด บางคนเน้นลงทุนหุ้น Blue Chip บ้างก็เล่นหุ้น “Cyclical” หรือหุ้นวัฏจักร บางคนชอบหุ้น “Turnaround” หรือหุ้นที่กำลังฟื้นตัวจากปัญหาทางธุรกิจ ถ้าเป็นพวก “VI ขนานแท้” ก็อาจจะเน้นหุ้นถูกประเภท PE และ PB ต่ำ และนักเล่นหุ้นตามห้องค้าจำนวนมาก ที่ชอบเล่นหุ้น “เก็งกำไร” ทั้งหมดนั้น ต่างก็มักจะ “ทำเงิน” ได้… อย่างน้อยในช่วงเวลาหนึ่ง

ข้อสาม ถ้าพูดถึงเรื่องการทำเงิน อาชีพ “ดารา” และนักลงทุน โดยรวมนั้นก็คล้ายๆ กับอาชีพอื่นๆ นั่นก็คือ ไม่ใช่เป็นอาชีพที่ทำเงินดี โดยเฉพาะถ้าไปเปรียบเทียบกับอาชีพที่ต้องเรียนและฝึกฝนหนักอย่างแพทย์หรือวิศวกร แต่สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกเหมือนว่าอาชีพดาราเป็นอาชีพที่ทำเงินมากนั้น อาจจะเป็นเพราะว่ามีดาราบางคนที่เป็น “ซูเปอร์สตาร์” สามารถทำเงินได้มหาศาล จากการเป็นนางแบบหรือนายแบบโฆษณา ซึ่งทำให้ได้เงินค่าจ้างปีละบางทีเป็นหลายสิบรวมกันหลายปีอาจจะเป็นร้อยหรือหลายร้อยล้านบาท แต่คนทั่วไป อาจจะไม่ได้ตระหนักว่า ยังมีดาราจำนวนมากที่ไม่ได้โดดเด่น และยังต้องทำงานแบบ “ปากกัดตีนถีบ” หาเงินแทบไม่พอใช้ ซึ่งเมื่อนำมาเฉลี่ยกับดาราที่มีรายได้มากแล้ว ทำให้อาชีพดาราโดยรวมแล้ว ไม่ได้เป็นอาชีพที่ทำเงินสูงแต่อย่างใด

อาชีพนักลงทุนก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราฟังหรือดูผลงานการทำกำไรเฉพาะนักลงทุนระดับ “เทพ” เราก็อาจจะมี “ภาพ” ในใจ ว่า การลงทุนนั้นเป็นอาชีพที่ทำเงินมหาศาล ผลตอบแทนต่อปี น่าจะได้หลายสิบเปอร์เซ็นต์ และคนสามารถรวยได้ง่ายๆ จากการเป็นนักลงทุนหรือเล่นหุ้น การรวยเป็นสิบเป็นร้อยหรือแม้แต่เป็นพันล้านบาทเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยาก ว่าที่จริงก็มีคนทำได้มาไม่รู้จะกี่คน หลังจากที่ทำมาไม่นานนัก แต่นี่ก็เป็น “ภาพลวงตา” เพราะยังมีนักลงทุนและนักเล่นหุ้นอีกจำนวนมากที่เราไม่เห็นและไม่รู้จักที่ทำผลตอบแทนการลงทุนได้น้อยมาก หลายครั้งก็ขาดทุนมหาศาล เมื่อเอาผลตอบแทนของคนเหล่านี้มาเฉลี่ยกับ “เทพ” ผลก็จะออกมาว่า อาชีพนักลงทุนโดยรวมนั้นไม่ได้หรูหราอย่างที่หลายคนเข้าใจ

ข้อสี่ การเป็นนักลงทุนนั้น ก็เหมือนกับการเป็นดาราในแง่ที่ว่า มันไม่ได้มีความยุติธรรมหรือความเท่าเทียมกันสำหรับทุกคนที่เข้ามาเล่น ความสามารถนั้นก็เป็นปัจจัยที่สำคัญมากที่สุดอย่างหนึ่ง แต่ไม่ใช่ทั้งหมดและอาจจะไม่ถึงครึ่งของปัจจัยความสำเร็จในระยะยาวหรือตลอดชีวิต การเป็นดารานั้น บางทีการเกิดมาด้วยหน้าตาที่ไม่สวยหรือหล่อพอก็แทบจะปิดประตูสำหรับการเป็นซูเปอร์สตาร์แล้ว การลงทุนก็เช่นกัน คนที่เกิดมาในครอบครัวที่ไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเลย โอกาสที่จะมีพอร์ตใหญ่เหมือนกับ “ลูกเศรษฐี” ที่เริ่มต้นก็มีเงินลงทุนนับเป็นล้านหรือหลายๆ ล้านบาท ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้ ดังนั้น การเป็นนักลงทุนหรือเป็นดารานั้น ถ้าจะให้มีความสุข ก็คือ ต้องทำตัวแบบ “ศิลปิน” นั่นก็คือ พอใจและภูมิใจกับผลงานและความสำเร็จของตนเอง โดยไม่ต้องไปสนใจกับคนอื่นมากนัก

ข้อห้า ที่ผมจะพูดเป็นข้อสุดท้าย ก็คือ อาชีพนักลงทุนก็คล้ายๆ กับอาชีพดารา นั่นคือ มีความไม่แน่นอนสูง ในวันหนึ่งคุณอาจจะเป็น “เซเลบ” หรือเป็นคนที่สังคมชื่นชม เป็นคนที่ฟู่ฟ่าเป็นที่กล่าวขวัญและจับตามอง แต่ความผิดพลาดในการทำงาน และการ “วางตำแหน่ง” ที่ผิดพลาด ก็อาจจะทำให้คุณตกต่ำลงได้ง่ายๆ ดังนั้น การตระหนักในความจริงข้อนี้ จะช่วยให้คุณรอดพ้นจากสถานการณ์แบบนั้นได้ดีขึ้น แม้แต่ จอร์จ โซรอส เองก็เคยพูดว่า “I am not invincible” นั่นก็คือ เขาตระหนักตลอดเวลา ว่า ในเรื่องของการลงทุนนั้น ต่อให้แน่แค่ไหนก็แพ้หรือตายได้เหมือนกัน

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร
โลกในมุมมองของ VALUE INVESTOR
//www.bangkokbiznews.com/home/details/business/ceo-blogs/nives/20100706/341417/โลกของศิลปิน.html




Create Date : 06 กรกฎาคม 2553
Last Update : 6 กรกฎาคม 2553 23:36:46 น. 0 comments
Counter : 447 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ขอบฟ้าบูรพา
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 19 คน [?]




ผู้ประกาศกรุงเทพธุรกิจทีวี พิธีกรรายการแกะรอยหยักสมองและ World Class Smart Thai
สนใจประวัติศาสตร์ ศาสนา ปรัชญา ต่างประเทศ เทคโนโลยี สังคม และชนชั้น

ติดตามทวิตเตอร์ได้ที่ @atis_kttv นะครับ
New Comments
Friends' blogs
[Add ขอบฟ้าบูรพา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.