จะเล่นทอง ฟังทางนี้ก่อน
ในวันนี้ วันที่ทองรูปพรรณราคาสูงถึงบาทละ 14,000 กว่าบาท ดูเหมือนว่าจะมีผู้คนเข้ามาแห่เก็งกำไรทองคำกันมากมาย
ผมก็อยากจะให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้สักเล็กน้อย ขอออกตัวก่อนว่า 1.ผมไม่ได้อยู่ในวงการค้าทองคำ 2.กลไกการกำหนดราคาของบรรดาร้านทอง สำหรับผมเองไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผมจะขอให้ความเห็นตามธรรมชาติของการเป็น trader คนหนึ่ง ซึ่งน่าจะนำทักษะการ trade สินค้า หรือบริการอย่างหนึ่งมาประยุกต์ในการ trade สินค้าอีกอย่างหนึ่ง (กรณีนี้คือทองคำ) ซึ่งอาจจะมีความแตกต่างกันอยู่พอสมควร
เหตุการณ์ล่าสุดที่สะกิดผมให้เขียนเรื่องนี้ ก็คือข่าวเรื่องร้านทองปิดร้านในช่วงตรุษจีน (ซึ่งปกติเป็นช่วงที่ไม่เคยปิด) เนื่องจากมีชาวบ้านแห่นำทองมาขาย จนร้านรับไม่ไหว ที่สะกิดผมก็เพราะว่า ในทางปฏิบัติของการ trading ทำให้ผมมีความรู้สึกว่า ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (liquidity risk) ของการซื้อ/ขาย ทองคำในบ้านเรา มีมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และนี่คือคำเตือนข้อแรกของผมสำหรับคนที่จะเข้ามาเก็งกำไรทองคำในแบบปัจจุบัน (คือซื้อ/ขายที่ร้านทอง) ปกติของการเก็งกำไรอะไรก็ตาม สภาพคล่องในตลาดรองมีความสำคัญมาก ที่จะกำหนดให้ผู้เล่นทราบว่า สินค้า หรือบริการที่กำลังซื้อ/ขายอยู่ liquid แค่ไหน หาก liquid มากก็จะทำให้มีการเข้ามาซื้อ/ขายมาก แบบที่ชาวบ้านเรียกว่าซื้อง่ายขายคล่อง
นอกเหนือจากเรื่องสภาพคล่องแล้ว อีกประเด็นหนึ่งที่ต้องให้ความสนใจ ก็คือ ความสามารถของ เจ้ามือ โดยปกติการซื้อขายแบบที่เราเรียกว่า Over the counter บรรดาเจ้ามือ (market maker) มีหน้าที่ที่จะทำการเสนอราคาซื้อ/ขายให้กับลูกค้าแบบตลอดเวลา โดยมีผลตอบแทนได้เป็นส่วนต่างของราคาซื้อ/ขาย (bid-offer spread) market maker ที่เก่ง ๆ จะทำการ make market ที่เร็ว และมี spread ที่แคบ
ความสามารถเช่นนี้จะแยกแยะเจ้ามือที่เก่งออกจากคนที่ไม่เก่ง เมื่อเหลือ market maker น้อยรายแล้ว ก็สามารถที่จะ command ตลาดได้ ซึ่งหมายถึง ผลตอบแทนที่สูงขึ้น และกลไกตลาดก็จะปรับตัวไปเรื่อย ๆ คือหากเงินดีย่อมที่จะดึงดูดให้คนนอกเข้ามาทำเพิ่ม spread ก็จะลดลงเองเป็นวัฏจักรเช่นนี้เรื่อยไป ที่อธิบายมายืดยาวเพื่อที่ชี้ให้เห็นว่า liquidity ของสินค้าหรือบริการนั้น ๆ มีปฏิกิริยาโดยตรงกับการกำหนดราคาซื้อ/ขาย โดย market maker ในตลาดที่มีสภาพคล่องสูงมาก ๆ เช่นตลาดอัตราแลกเปลี่ยนในเงินสกุลที่มีสภาพคล่องสูง ๆ จะมีโอกาสที่จะไม่มีราคาซื้อ/ขาย น้อยมาก กล่าวคือโอกาส ปิดร้าน ไม่รับซื้อ/ขาย มีอยู่น้อยมาก
กลไกกำหนดราคาทองคำปัจจุบัน ต้องดู 2 อย่าง ซึ่งอาจจะเคลื่อนไหวขึ้นลงไปในทิศทางเดียวกันก็ได้ หรือจะตรงกันข้ามก็ได้ ของ 2 อย่างที่ต้องใส่ใจก็คือ 1. ราคาทองคำตัวมันเอง และ 2. อัตราแลกเปลี่ยน ตัวอย่างเช่น ในบางขณะหากเงินบาทมีค่าอ่อนมาก ๆ โดยที่ราคาทองคำเองสูงขึ้นไปด้วย ก็จะทำให้ราคาซื้อ/ขายที่ร้านทองสูงขึ้นแบบ 2 เด้ง ในบางขณะเงินบาทมีค่าแข็งอย่างต่อเนื่อง โดยที่ราคาทองคำไม่เคลื่อนไหว ราคาทองคำก็น่าจะลดลง คำถามที่เราต้องถามตัวเองต่อไปก็คือ เรามีการติดตามการเคลื่อนไหวขึ้นลงของ 2 สิ่งนี้มากน้อยแค่ไหน ก่อนที่จะเก็งกำไรทองคำ
เมื่อพิจารณาประเด็นเรื่องที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งได้แก่ 1. สภาพคล่องในตลาดของทองคำ 2. ข้อจำกัดหรือสมรรถภาพของบรรดาร้านทองในการเสนอราคาซื้อ/ขาย และ 3. ความตื่นตัวของตัว นักลงทุน ในเรื่องการเคลื่อนไหวของราคาทองคำและอัตราแลกเปลี่ยน ผมก็อยากจะเรียนว่า ถ้าไม่ได้คิดจะซื้อทองเพื่อเป็นสินทรัพย์ หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น ๆ เช่น เป็นเครื่องประดับหรือไปหมั้นสาวให้ตัวเอง หรือลูกชาย ก็อย่าไปเก็งมันเลย ผมว่าจะได้ไม่คุ้มเสีย แต่ถ้าจะเก็งกำไรเพื่อกำไร (หรือขาดทุน) ผมก็อยากจะให้ไปศึกษาตลาด futures ของทองคำให้มาก ๆ สิ่งที่ TFEX กำลังทำจะเปิดมิติใหม่ของการเก็งกำไรทองคำในบ้านเรา และผมก็เป็นผู้หนึ่งที่เห็นด้วยกับ TFEX และก็เอาใจช่วยให้ futures ทองคำ ประสบความสำเร็จ ด้วยเหตุที่คำเตือนข้อ 1 และ 2 ของผมได้รับการดูแล มีความเป็นธรรมและโปร่งใสในระดับสากล
Money Time: เสถียร ตันธนะสฤษดิ์ //www.bangkokbiznews.com/home/news/finance/guru/2009/02/04/news_13133.php
Create Date : 09 กุมภาพันธ์ 2552 |
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2552 16:48:48 น. |
|
0 comments
|
Counter : 725 Pageviews. |
|
|
|
| |